ความเสี่ยงของมันก็คือ ถ้า all time high แล้ว false breakout ก็ควรเฝ้าระวัง เพราะราคาอาจจะกลับตัวแรง จบรอบ ทำให้ขาดทุนหนักได้
เนื่องจากระดับ all time high เป็นเหมือนจุดหมุน(pivot) ที่มันเป็นแนวต้านใหญ่สุด นักเล่นหุ้นที่ play safe เน้นปลอดภัย มักจะเลือกขายหุ้นออกที่ระดับนี้กัน เพื่อล็อกกำไร supply จึงออกมามหาศาล
ถ้ามองผ่านทฤษฎีคลื่น มันก็คือ เวฟ 5 ที่วิ่งขึ้นไปทำท่าจบรอบนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ระดับ all time high จึงมักจะเกิด false breakout หรือเบรกหลอก หรือบางตัว ข้ามได้ แต่ยืนไม่อยู ไปต่อไม้ได้ไกลก ก็ร่วงกลับมาที่เดิม
การเบรกหลอกแล้วกลับตัวแรงให้ขาดทุนหนักนี่แหละ คือข้อเสียของการซื้อเมื่อราคา breakout all time high แล้วราคาร่วงหนักแบบเกิดการกลับตัวอย่างรุนแรง นี่แหละที่ทำให้หลายท่านเกลียดการซื้อแบบ breakout เข็ดขยาดมันไปเลย
ผมเองก็เจอบ่อยครับ ซื้อวันแรกๆ ก็เพลินกับกำไร แต่ไม่กี่วันต่อมา มันกลับตัวแรง หนีแทบไม่ทัน
ดังนั้น เมื่อเจ็บแล้วก็ต้องจำครับ โดยผมไม่โทษการซื้อแบบ breakout หรอกนะ แต่ขอกลับไปปรับที่จุดซื้อใหม่ของตัวเอง คือ "ดักไว้ก่อน" all time high
ที่ว่า "ดัก" หมายความว่า
๑) ราคาย่อหลังจากเขี่ย all time high ไม่ผ่าน แล้วมันสร้างฐานน่าสนใจ
๒) เมื่อราคาทะลุฐาน(ที่ระดับต่ำกว่า all time high) ก็เข้าซื้อ
แต่ถ้าหากหุ้นตัวใดไม่มีการสร้างฐานที่น่าเชื่อถือ
ก็ต้องลุ้นเอาล่ะครับ วัดกันที่ all time high กันเลย
โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ค่อยชอบหุ้นที่ราคาทำแท่งเขียวยาวมากๆ แล้วทะลุ all time high
เพราะมันน่ากลัว เนื่องจากมันเป็นทรงของการปั่นราคาขึ้นไปเพื่อจบรอบ
แบบนี้ แทนที่จะเป็นจุดซื้อก็ควรเปลี่ยนเป็นจุดขายเสียดีกว่าครับ
ความจริงแล้ว นักเทรดระดับไอดอลที่เรารู้จักส่วนใหญ่ เขาก็ไม่ได้ซื้อที่ all time high หรอกนะครับ
เขาใช้ดูเป็นตัวยืนยัน หรือเป็นจุดเฝ้าระวังเสียมากกว่า
เพราะเขารู้ว่าระดับ all time high มันเป็น "จุดได้เสีย" ถ้าไม่แน่จริง ก็ไม่ควรเข้าไปตะลุมบอนให้เสี่ยงเจ็บตัวแบบไม่จำเป็น
แล้วเขาซื้อกันตรงไหน?
ปู่โอนีล ใช้รูปแบบ Cup with Handle
นี่เป็นการรวมเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นหลังจากที่ราคา ทะลุ all time high ได้แล้ว
อ่านต่อที่ https://www.zyo71.com/2018/11/all-time-high.html