|
ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม...ท่องไว้อ้วนเอ้ย จะได้ไม่เครียด
อุตส่าห์ตั้งความหวังว่าจะเริ่มนับถอยหลังวันกลับบ้าน ก็มีเรื่องราวประดังเข้ามา
หลังจากที่ก้ม ๆ เงย ๆ ทำแลปชนิดโงหัวออกจากหน้าจอคอมพ์ เครือ่งไม้เครื่องมือต่าง ๆ ปั่นจักรยานไปทำแลป ไปกลับรวมระยะทางแต่ละวันเฉียด 10 กิโลเมตร แถมขึ้นภูเขาอีกต่างหาก (แต่ก็บ่เป็นปัญหา คิดเสียว่าออกกำลังกาย) จนเริ่มมานับถอยหลังวันกลับบ้าน เรื่องราวความตื่นเต้นก็เริ่มขึ้น
เรื่องแรก ก็คือเรื่องวีซ่า ทำแลปซะเพลิน จนลืมว่าต้องไปต่ออายุวีซ่านักเรียนออกไปอีก กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็วันที่วีซ่าหมดพอดี และเลยเวลาทำงานของแผนกตรวจคนเข้าเมืองเขาแล้ว ตอนเช้ามาเลยรีบคว้าจักรยานคุ่ชีพแจ้นไป ตม. ทันที ไปถึงก็ทำเรื่องต่าง ๆ กรอกแบบฟอร์ม ยื่นเอกสาร พร้อมทั้งทำหนังสือชี้แจงไปยังหัวหน้างาน ด้วยลายมือที่แทบจะดูไม่ออกว่าใช้มือเขียน เหมือนเขี่ย ๆ ซะมากกว่า แถมภาษาอังกฤษก็ยังพับใส่ซองประดับตราจดหมายด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ส่งคืนอาจารย์ไปแล้วเรียบร้อย อายเจ้าหน้าที่รับเรื่องมากถึงมากที่สุด จากนั้นก็ประทับตราให้อยู่ต่อชั่วคราวได้จนกว่าจะได้รับการอนุมัติต่อวีซ่าอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาในการพิจารณา 1 สัปดาห์.... สุดยอดแล้วครับงานนี้...เครียดแล้วก็ตื่นเต้นมากกว่าตอนลุ้นผลทุนซะอีก...แต่ก็ได้กำลังใจจากพี่ ๆ น้อง ๆ ชาวแอดเจแปน ที่ผมอุตส่าห์ไปโพสต์บ่นให้ได้อ่านกันหน้าห้อง...
จนเมื่อเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ตามกำหนด กำลังจะออกไปฟังผลพอดี เจ้าหน้าที่ก็โทรมาบอกว่าวีซ่าอนุมัติให้อยุ่ต่อแล้ว ก็เลยได้เดินเรื่องอยู่ต่อ และต้องแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทะเบียนประจำเมืองที่เรียนอยุ่ด้วย ว่าต่อวีซ่าออกไปอีก 1 ปี และเรียบร้อยไม่มีปัญหา
สุดสัปดาห์นั้นเป็นช่วงเวลาที่พักผ่อนได้สบายใจอีกครั้ง แม้จะมีงาน มีแลปรออยู่ข้างหน้ากองมโหฬาร แต่ก็ขอพักไว้ก่อน
....................................................................
พักได้ไม่นานปัญหาเรื่องต่อมาก็ปรากฎขึ้น
คือ ปัญหาละครน้ำเน่าในแวดวงการวิจัย เป็นไปได้ไงก็ไม่ทราบเหมือนกัน บุคคลที่เราเกรงอกเกรงใจ และนับถืออยู่พอสมควร มารบกวนงานวิจัยจนต้องเกิดเอ๋อเหรอขึ้นมา ดีว่าคราวนี้เห็นกับตา จะ ๆ เน้น ๆ บุคคลท่านนั้นจึงหมดหนทางปฏิเสธ แต่ในฐานะที่ต่างบ้านต่างถิ่น จึงทำได้แค่แจ้งให้อาจารย์ที่ปรึกษาทราบ แล้วให้พิจารณาลงโทษกันเอาเอง แม้จะไม่ค่อยพอใจกับผลการลงโทษเท่าไหร่นัก (บทลงโทษคือโอนย้ายนักศึกษาในสังกัดไปให้บุคคลอื่นให้หมด) บุคคลที่รับทราบหลายคนจะให้ความเห็นว่า ควรจะลงโทษให้หนักกว่านี้ เพราะท่านนั้นก็เป็นนักวิจัยที่มีความโดดเด่นพอสมควร แต่มาทำให้งานวิจัยคนอื่นล้มเหลวแบบนี้ ผิดจรรยาบรรณการเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างมาก
จึงให้คำตอบไปกับอาจารย์อีกท่านที่รับทราบเรื่องนี้ว่า สำหรับผมซึ่งถือเป็นคนนอก แถมเป็นนักศึกษาต่างชาติแบบนี้ ขอทำหน้าที่ในการเป็นคนแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ เมื่อทราบแล้วจะจัดการ ถึงขั้นไหนอย่างไร หากต้องการให้ผมเป็นพยานก็พร้อมเสมอ
เรื่องราวความวุ่นวายเรื่องที่สองก็เลยจบไป แบบค้าง ๆ คา ๆ ไว้แบบนั้นต่อไป
................................................................................................................
จากนั้นก็ลุยเรื่องรายงานวิจัยที่จะตีพิมพ์เพื่อเป็นเครดิตสำหรับจบ
เพราะส่งเรื่องไปตั้งแต่เดือนมีนา แล้วก็ทิ้งหายไปครึ่งปี ตอบกลับมาเอาตอนกลางเดือนตุลา ว่าไม่รับเรื่องไว้ตีพิมพ์ พร้อม ๆ กับเหตุผลบางข้อที่รับได้ เพราะงานเราบกพร่องจริง ๆ และอีกหลายเหตุผลที่ยอมรับไม่ได้ เพราะคนพิจารณาอ่านไม่ละเอียด แต่ก็ไม่ได้ดันทุรังเพื่อที่จะตีพิมพ์ไปยังวารสารเล่มนั้น และบันทึกเอาไว้ว่า มาตรฐานในการรีวิวบทความของวารสารเล่มนั้น ไม่ค่อยคงที่เท่าใดนัก....เห้อ....โชคไม่เข้าข้างอะไรเช่นนี้.... ถึงตอนนี้ความคิดที่จะตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่ตีพิมพ์โดยไม่ต้องจ่ายค่าตีพิมพ์ก็เป็นอันว่ายกเลิกไป อาจารย์ก็เลยบอกว่าตีพิมพ์แบบจ่ายค่าธรรมเนียมก็ได้ ไม่มีปัญหา เอาเงินของแลปออกได้ และส่งบทความออกไปวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมพอดี
.......................................................................................
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ยังไม่หมดแค่นั้นครับ ยังมีอีก
ผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์ไปอีกครา วันจันทร์ก็ปั่นจักรยายออกไปทำแลปปกติ เอาข้อมูลไปวิเคราะห์และถกปัญหากับอาจารย์ที่คุมแลป ก็ให้คำแนะนำดี แต่ผลการทดลองยังน่าเป็นห่วง เพราะข้อมูลที่ได้ไม่สวยเอาเสียเลย จะสร้างสรรค์ปั้นแต่งบนพื้นฐานของความเป็นจริง ก็ออกมาได้ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นัก เลยนั่งวิเคราะห์ปัญหาอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ในห้องทำงานจนได้ใกล้เลิกงานของอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ก็เดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มเป็นปกติ
แล้วพูดว่า .... อยากให้ลองไปคิดดูว่า ผลการทดลอง ณ ตอนนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ถ้าอยากจบตามกำหนด ก็จบได้ แต่คงจบได้ไม่สวยนัก เพราะหน้าหนาวที่จะถึงนี้คงไม่มีข้อมูลใหม่ และไม่สามารถทำการทดลองใหม่ได้ กว่าจะถึงใบไม้ผลิปีหน้าก็คงเป็นช่วงที่ต้องสรุปทุกอย่างแล้ว หรือจะเลือกยืดเวลาออกไปเทอมเพื่อที่จะได้มีเวลาเก็บข้อมูลใหม่เพิ่มในใบไม้ผลิ และสรุปผลพร้อมกับเขียนวิทยานิพนธ์ให้จบภายในใบไม้ร่วง ซึ่งอันหลังนี้ถึงแม้จะไม่มีหลักประกันว่าจะสามารถจบได้อย่างสวยงาม น่าชื่นชม แต่ก็จะทำให้งานออกมาดูดีมากกว่าจบตามกำหนด
แต่มีข้อแม้ว่า เงินสนับสนุนที่ได้รับ ณ ปัจจุบันนี้จะไม่ครอบคลุมถึงระยะเวลาที่ขยายออกไปครึ่งเทอม......
เอาละสิครับงานนี้ คิดหนักเลย จะเอายังไงดีล่ะหว่าา....
โทรศัพท์หาคนนั้น ต่อสายหาคนนี้ ขอคำปรึกษาอย่างเร่งด่วน สุดท้ายได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า จะขอเลือกตัวเลือกหลัง คือเลื่อนเวลาจบออกไป แต่ระยะเวลาที่เหลือในช่วงหนาวนี้ จะตามเก็บข้อมูลจากตัวอย่างทุกตัวอย่างที่มีอยุ่ในคลังให้หมด ถ้าสามารถทำข้อมูลออกมาให้สวยสดงดงาม ก็จะสามารถจบได้ตามกำหนด แต่ถ้ายังไม่ดีเท่าที่ควรก็ต้องจบช้าอย่างเลี่ยงมิได้....
....................
จะรอดไหมเนี่ยตรู
...................
แต่ก็ได้คำปรึกษาจากจิตแพทย์ประจำตัว (หมอดูครับ...แฮ่ะ ๆ) ที่สนิทสนมกันเพราะเคยไปปรึกษาเรื่องราวปัญหาส่วนตัวที่หาทางออกไม่ได้บ่อย ช่วงที่เจอมรสุมชีวิต จนปัจจุบันสนิทสนมกัน
จับยามสามตา ดูวันเดือนปีเกิด แล้วทำนายไปตามเรื่อง แล้วสรุปว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ซึ่งก็ตรงกับคอนเซปต์ที่คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้างานออกมาไม่ดีก็จะจบช้า.....
.............................................
เห้ออออ ทำงานวิจัยที่มันต้องมาเกี่ยวข้องกับลมฟ้าอากาศเนี่ยปัญหาเยอะจริง ๆ เลยนะเนี่ย
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2550 19:05:19 น. |
|
6 comments
|
Counter : 633 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: New Brighton วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:09:41 น. |
|
|
|
โดย: I^^ วันที่: 15 มกราคม 2551 เวลา:18:24:59 น. |
|
|
|
โดย: orn IP: 133.92.115.237 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:7:09:14 น. |
|
|
|
โดย: tuk IP: 58.12.21.50 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:16:38:16 น. |
|
|
|
โดย: Sary วันที่: 29 เมษายน 2551 เวลา:2:02:01 น. |
|
|
|
โดย: ความฝัน..และ..สุดที่รัก IP: 218.135.32.70 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:8:47:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
ทำได้อยู่แล้วเด็กไทยซะอย่าง