บางครั้งบางสิ่งบางอย่าง ที่เราคิดว่าเราทำดีที่สุดในช่วงระยะเวลานึง .....แต่ผลลัพธ์ที่ได้ มันก็ไม่ได้ดีที่สุดเสมอไป..... สิ่งต่างๆเกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตนของเราเอง เกี่ยวกับชีวิต กับกับผู้คนกับทุกๆสิ่งรอบๆข้าง เพื่อให้เรา ก้าวไปสู่จุดที่ดีที่สุดเสมอถึงแม้บางครั้งบทเรียนจะมาพร้อมกับความเจ็บปวดมากมายแค่ใหนก็ตาม ....ทุกๆบทเรียนมีจุดประสงค์ของมันเสมอ.... เมื่อตอนที่ฉันยังเด็กโดยเฉพาะช่วงก่อนเข้าโรงเรียน ฉันจำได้ว่าฉันมีความสุขมาก ฉันมีพ่อกับแม่พร้อม หน้ามีเพื่อนๆเดอะแกงค์ 4-5 คนที่เป็นเพื่อนเล่นกันเกือบทุกวันฉันมีพ่อที่คอยอุ้มฉันขึ้นนั่งไหล่ไปใหนมาใหนด้วยเสมอ ฉันโตมาจากบ้านนอกที่ห่างใกลความเจริญและแสงสีเสียงใดๆผู้คนเดินทางด้วยจักรยานหรือเดินเท้าเป็นหลัก หรืออาศัยรถโดยสารประจำทางคันเก่าๆที่มีอยู่แค่เพียงคันเดียวสำหรับคนเกือบทั้งตำบลเมื่อต้องเดินทางเข้าไปในตัวเมืองหรือก็นั่งรถโดยสารประจำทางไปต่อรถบัสแดงหรือรถไฟเพื่อไปกรุงเทพ หรือจังหวัดอื่นๆกิจกรรมยามว่างของฉันก็จะมีวิ่งเล่น เล่านซ่อนแอบ ปีน ต้นไม้เก็บผลไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นพุทธรา มะม่วง มะขาม ไปตามประสา บ้างก็ทำว่าว เล่นเอง ปลูกต้นไม้ปลูกต้นผลไม้ปลูกผักหญ้าช่วยแม่กับพ่อไปตามประสา ก็จะมีออกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามท้องทุ่งนา
พอถึงวัยที่ต้องเข้าโรงเรียนฉันก็ชอบไปขลุกอยู่ที่ห้องสุดโรงเรียนทุกๆช่วงพักเพราะฉันรักการอ่าน รักหนังสือ รักโลกกว้างที่ฉันได้เรียนรู้ได้ซึมซับจากมันฉันชอบเรียนภาษาอื่นๆและคอยรบเร้าคุณครูให้สอนฉันเสมอๆ รักการเรียนและรักโรงเรียนมากครูทุกคนก็รักและเอ็นดูฉันมากเช่นกัน ชีวิตฉันดูจะราบรื่นและเรียบง่ายตามประสาเด็กบ้านนอกที่โตมาพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตาทั่วไปฉันเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย การเรียนดี ใครๆก็รักก็เอ็นดู จันเมื่อวันหนึ่งตอนฉันอยู่ ป.2เพื่อในห้องก็เริ่มล้อฉันว่า"อีลูกเด็กกำพร้า อีลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่" "อีลูกโสเภณี" จนฉันมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนผู้ชายที่ล้อฉันฉันร้องให้กลับบ้านไปฟ้องแม่ ฉันถามแม่ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนต้องล้อฉันแบบนั้นด้วย ทั้งๆที่ฉันก็มีแม่กับพ่ออยู่ทั้งคน แม่ฉันอ้ำอึ้งและบอกฉันแค่ว่าเพื่อนฉันคงเล่นไปตามประสาเด็กดื้อพ่อแม่ไม่สั่งสอนเย็นนั้นแม่ก็ไปคุยกับพ่อแม่ของเพื่อนที่ล้อฉัน ฉันไม่รู้ว่าแม่ไปพูดคุยอะไรกันเพราะแม่ไม่ให้ฉันตามไปด้วย วันต่อมา(ที่ฉันก็หายโกรธเพื่อนแล้วโกรธง่ายและหายไวมาก) ฉันก็เลยถามเพื่อนคนนั้นว่าทำไมเพื่อนถึงล้อฉันแบบนั้น เพื่อนบอกว่าแม่เพื่อนเล่าว่า ฉันเป็นลูกที่พ่อแม่ฉันเก็บมาเลี้ยงเพราะแม่แท้ๆของฉันเป็นโสเภณี เค้าขายฉันให้พ่อกับแม่ ฉันเสียใจมากและก็ช็อคมากเช่นกัน แต่ฉันก็ยังไม่เชื่อเพื่อน 100% ฉันจึงกลับมาเล่าให้แม่ฟัง แม่ดูตกใจแต่ก็ยังไม่ยอม เล่าความจริงให้ฉันฟังว่าฉันเป็นลูกใครหรือมีแมีเป็นโสเภณีจริงหรือไม่ แต่แม่บอกเพียงแค่ว่า ไม่ว่าฉันจะเกิดมาจากท้อง ใคร แต่ฉันคือลูกของแม่ที่แม่รักและหวงแหนไม่ได้ต่างจากฉันเกิดมาจากท้องแม่เองฉันเชื่อแม่เพราะฉันรักแม่กับพ่อมาก และฉันไม่เคยสงสัยในความรักของพ่อกับแม่ที่มีต่อฉันเลยแม่แต่น้อยชีวิตฉันก็ดำเนินมาตามปกติสุขเรื่อยมา.....มีชกต่อย กับเพื่อนบ้างประปรายเวลาโดนล้อ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันที่เป็นเด็กเรียนดีเด่นของโรงเรียนและของห้อง แต่มีเรื่องตี เรื่องต่อยกับเด็กผู้ชายตัวโตๆเกือบวันเว้นวันทะเลาะกันตอนเย็นตอนเช้ามาอีกวันฉันก็หายโกรธ เพื่อนก็มาง้อขอลอก การบ้าน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ฉันฉุกใจนึกถึงคำพูดของปู่ที่พูดกับพ่อตอนฉันเด็กๆว่า"กูไม่รักมันหรอก มันไม่ใช่ สายเลือดกูจะเอามันไปใหนก็ไป อย่าพามันมาบ้านกู" ที่ตอนนั้นฉันไม่เคยเข้าใจความหมายนี้เลย และพ่อก็ไม่เคยพาฉัน ไปบ้านปู่บ่อยนักแต่ชีวิตฉันก็ดำเนินต่อไป ด้วยความเป็นเด็ก ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของอะไรๆมากนักแป๊บๆฉันก็ลืม ฉันไม่มีความโกรธ ไม่เกลียดใครๆเลย และแทบจะลืมมันไปเสียด้วยซ้ำ ............และแล้วความสงบสุขของชีวิตฉันเริ่มเปลี่ยนเมื่อพ่อกับแม่ต้องเดินทางไปทำงานที่อื่น พ่อกับแม่จึงฝากฉันไว้ที่ บ้านพี่สาวคนโตของแม่ที่ฉันเรียกว่ายายเพราะแม่กับป้าอายุห่างกันเกือบ 18 ปีแม่ฉันเกิดปีเดียวกันกับลูกสาวของป้า ฉันจึงเรียกป้าว่ายาย ที่นี่ฉันต้องโตมากับลูกพี่ลูกน้อง3 คนที่เป็นลูกของลูกสาวคนโตของป้าฉันโดนตี โดนด่า ทุกวัน โดนสามพี่น้อง รุมตีรุมแกล้งทุกวัน โดนกดหัวในบ่อน้ำจนฉันต้องหัดว่ายน้ำให้เป็นเพื่อที่จะไม่จมน้ำตายเวลาโดนแกล้ง เงินที่แม่ฉันส่งมา ให้หรือข้าวของต่างๆไม่เคยถึงมือฉันเลยและฉันก็ไม่เคยรู้ ว่าพ่อแม่ส่งอะไรมาให้ฉันเรื่องนี้ฉันมารู้เมื่อโตแล้ว ฉันเริ่มเป็น เด็กมีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนบ่อยขึ้น ถึงแม้การเรียนของฉันยังเป็นที่ 1 แต่ก็ถือว่าคะแนนลดลงจากระดับที่เคยทำได้ ฉัน ถูกทำโทษ ถูกตีโดยคนที่บ้านยาย จากตา (หรือลุง) ทุกๆวัน ถูกก่นด่าแบบหยาบคาย สาดเสียเทเสียจากป้า(ที่เป็นแม่ของ 3 ลูกพี่ลูกน้อง) ที่คอยกระทบกระทั่งฉันเสมอว่าฉันมันเลือดไม่ดีแม้แต่หมามันยังรักลูกมันแม่แท้ๆของฉันนั่นเลวกว่าหมา ฉันเริ่มรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา กลัวคิดถึงพ่อกับแม่จนแทบขาดใจ ฉันกลายเป็นม้าพยศ ขาดที่พึ่งทางใจที่บ้าน ความรักความเมตตาที่ฉันได้ในระหว่างนั้นมีแต่เฉพาะบรรดาจากครูที่โรงเรียนจากญาติบางคนที่นานๆทีจะแวะมาเยี่ยม ฉันมีป้าเพื่อนบ้านที่รังเกลียดฉันมากมากถึงขนาดที่ไม่ยอมให้ลูกชายมาเที่ยวเล่นกับฉัน เพราะฉันเป็นลูกโสเภณีที่วันนึง เขาว่าฉันก็จะกลายเป็นลูกไม้หล่นไม่ใกลต้นจะท้องก่อนจบ ป.6 และเป็นคนที่คอยเล่าให้ทุกคนที่มาซื้อของที่ร้านชำของ ป้าแกว่าฉันเป็นลูกที่พ่อกับแม่เอามาเลี้ยงเป็นลูกกะ..รี่ แล้วแกก็คอยท้าทุกคนให้คอยดูว่าฉันจะท้องไม่มีพ่อ เรียนไม่จบแม่ แต่ ป.6 ฉันทำอะไรไม่ได้และฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมทุกๆคนถึงเชื่อ และถึงว่าฉันแบบนั้น ฉันไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันจะ เป็นไรได้ยังไงนึกย้อนกลับไปฉันก็พอเข้าใจได้ ว่าฉันเป็นเด็ก ที่ไม่เข้าใจอะไรๆแบบที่ผู้ใหญ่เข้าใจมากนัก ฉันก็ยังคงอาศัยกับญาติเรื่อยไปบางครั้งก็เปลี่ยนบ้านไปอยู่กับญาติคนอื่นๆ บางครั้งแม่ก็กลับมา และมาอยู่ กับฉันเป็นพักๆก่อนที่แม่จะกลับไปใหม่อีกที แม่รักลูกพี่ลูกน้องทั้ง3 คนของฉันมาก แม่จะซื้อขนมและของเล่นมาฝากเขา พร้อมๆกับฉันเสมอ ฉันไม่ชอบใจนัก เพราะ 3 คนนี้ไม่ได้ทำดีกับฉันเลย และเวลาทะเลาะกัน แม่ก็ชอบเข้าข้างสามคนนี้ และฉันก็รู้สึกโดดเดี่ยวและรู้สึกว่าไม่มีใครรักฉันเลย แม่ชอบด่าว่าฉันโง่ ที่ฉันทะเลาะกับ 3 คนนี้ แม่ชอบชม 3 คนนี้ว่าดี นักหนาแต่แม่ไม่เคยชมฉันเลย ถึงแม้ฉันจะเรียนได้ที่ 1 ของโรงเรียนสอบแข่งขันชนะเลิศจากที่ใหนๆ แม่ก็ไม่เคยชมฉันเลย ฉันเลยวิ่งเอารางวัลมาอวดแม่ตอนที่ฉันได้รับทุนการศึกษาเพราะฉันสอบได้ที่ 1 แม่หันมามอง แล้วก็บอกว่าของแค่นี้ ใครๆก็ทำได้ฉันไม่ได้เก่งวิเศษวิโสมาจากใหน ...........เป็นครั้งที่เด็ก 11 ขวบแบบฉัน เรียนรู้คำว่าหัวใจสลายเป็นชิ้นๆเป็นครั้งแรก....ฉันจำรสชาติของความเจ็บปวด ที่หัวใจฉันค่อยๆย่อยสลายและหลุดร่วงจากตัวฉันได้ดีน้ำตาฉันไหลในวันนั้น และไหลทุกๆทั้งที่หวนกลับไปนึกถึง เหตุการณ์วันนั้น....แม่รักฉันบ้างมั้ย....แม่ไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย....ฉันมีความสำคัญกับแม่รึเปล่า....เพราะฉันไม่ใช่ลูกจริงๆของแม่ใช่มั้ย.......คำถามนั้นเริ่มผุดขึ้นมาในใจฉัน .............ฉันโหยหาอ้อมกอดของแม่มากแม่ขี้รำคาญ ไม่ค่อยชอบให้ฉันจับตัวหรือเข้าใกล้ แม่ขี้ร้อน แต่เวลาฉันมีปัญหา หรือเป็นไข้จะเป็นครั้งเดียวที่แม่ดูประคบประหงมฉันเป็นพิเศษ ฉันจึงแกล้งไม่สบายหรือแกล้งตากฝนให้ตัวเองไม่สบาย เวลาที่ฉันอยากให้แม่อยู่ใกล้คอยเช็ดตัวให้ฉัน ชีวิตฉันดำเนินไปด้วยความวุ่นวายที่ต่อเนื่องแต่แล้วแม่ก็กลับมาอยู่บ้านแบบถาวรเมื่อตอนที่ฉันรู้ว่าแม่ ท้องและจะคลอดน้องที่จะเป็นสายเลือดจริงๆของพ่อกับแม่ฉันดีใจและตื่นเต้นมาก คนชอบบอกว่าน้องเป็นลูกอิจฉาและ ฉันอิจฉาน้องฉันไม่เข้าใจที่คนอื่นพูด เพราะฉันรู้ว่าฉันไม่มีความอิจฉาในใจฉันเลยฉันกลับดีใจและตื่นเต้นมากๆด้วยซ้ำ แต่แม่กับพ่อก็ดูจะเข้มงวดกับฉันมากขึ้นฉันเองก็ดื้อกับพ่อแม่มากขึ้นเช่นกัน ฉันโดนตีโดนด่าแทบจะไม่เว้นแต่ละวัน ฉัน นอนร้องให้บ่อยครั้งและหัวใจสลาย คิดว่าพ่อกับแม่ไม่รักฉันแล้ว ฉันพูดอะไร ก็ดูขัดหูขัดตาพ่อกับแม่ไปหมดฉันเริ่มเข้าสู่ ช่วงวัยรุ่นฉันใจร้อนมากขึ้นฉันเริ่มเถียงพ่อกับแม่ซึ่งสำหรับฉันมันคือการอธิบายเหตุผลของตัวเอง แต่หลายๆครั้งที่การ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของเราจะจบลงที่ฉันโดนลงโทษจะด้วยไม้เรียว ด้วยอะไรๆก็ตามที่พ่อกับแม่คว้าได้ณ ตอนนั้น หรือพ่อเคยเตะฉันที่หน้าตอนที่ฉันกำลังนั่งรีดชุดนักเรียนจนฉันกองลงไปนอนกับพื้นด้วยความมึนในหัวและตามด้วย กระทืบฉันซ้ำที่ลำตัวที่ท้องฉัน จนฉันพูดไม่ออก ฉันนอนแน่นิ่งจนอาการเจ็บมันหายไปเอง ฉันจึงลุกขึ้นแต่งตัวไปโรงเรียน ภาพในวันนั้นตามหลอกหลอนฉันไปหลายปี จนทุกวันนี้ฉันก็ร้องให้ทุกครั้งที่นึกถึงมัน ......ตอนนั้นฉันได้แต่คิดพ่อไม่รักฉัน เลยหรือ พ่อไม่รักฉันแล้วหรือฉันคิดถึงพ่อของฉันคนเดิม ฉันขอพ่อของฉันคนเดิม กลับมาได้มั้ย ฉันคิดถึงพ่อ เหลือเกิน ทุกๆครั้งที่ฉันโดนลงโทษด้วยการตีทุกๆครั้งที่ความเจ็บปวดจากไม่เรียวกระทบเนื้อตัวของฉัน ทุกๆครั้งฉันรู้สึก ว่ามันมาพร้อมกับคำว่ากูไม่รักมึง จากพ่อกับแม่ ฉันรู้สึกว่าพ่อกับแม่ไม่ต้องการฉันในชีวิตของท่านอีกต่อไปฉันได้แต่คิด ว่าถ้าพ่อกับแม่ไม่ต้องการลูกไม่รักลูกแล้ว ลูกก็จะไป ฉันพยายามฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งฉันหาวิธีฆ่าตัวตาย วิธีแรกที่เด็กวัยอย่างฉันตอนนั้นคิดได้คือกลั้น หายใจตายตามแบบในละครจีนกำลังภายในในทีวี แต่กลั้นไปได้ซักพักฉันก็รู้สึกหายใจไม่ออก ฉันก็เลยพักหายใจก่อน แล้วค่อยลองใหม่ฉันลองกลั้นหายใจอยู่สองสามครั้ง รู้สึกว่ามันจากกว่าในทีวีและทำให้ฉันอึดอัด ฉันจึงเปลี่ยนวิธีจะกิน น้ำยาล้างห้องน้ำกับยาฆ่าหญ้าแทนฉันจึงไปหยิบทั้งสองขวดมา เมน้ำยาทั้งสองผสมกันในแก้ว ฉันรู้สึกว่ามันเหม็นมาก ฉันท่าจะกลืนไม่ลงแน่ๆก็ได้แต่ท้อใจว่าทำไมกายจะตายมันยากอย่างนี้ แล้วตอนมาเกิดฉันมายากขนาดใหนนะ แล้วเสียง ในหัวของฉันก็บอกว่าฉันยังตายไม่ได้นะ เพราะฉันยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ที่เลี้ยงฉันมาเลยและฉันก็ยังไม่ได้ ทำการบ้านส่งคุณครูเลยด้วยซ้ำถ้าฉันไม่ทำการบ้าน ฉันคงจะโดนทำโทษและคะแนนของฉันคงจะลดลงกว่าเดิมอีกและ ฉันจะสอบไม่ได้ที่1 อีกแน่ๆ คิดได้อย่างนั้น ฉันเลยล้มเลิกความคิดที่จะตายเอาไว้ก่อนและตั้งใจว่าจะต้องทดแทนบุญคุณ พ่อกับแม่ก่อนไม่งั้นฉันคงไม่สบายใจที่จะตายแน่ๆ หัวใจฉันสลายอีกครั้งเมื่อพ่อกับแม่บอกกับฉันว่า เขาไม่มีกำลังจะส่งเสียให้ฉันเรียนต่อได้หลังจากที่ฉัน เรียนจบ ป.6 พ่อบอกฉันว่าฉันต้องออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้านหรือไปทำงานโรงงานกับลูกพี่ลูกน้อง 1 ในสามคนที่เรียนจบไปก่อนฉันเพื่อมาจุนเจือครอบครัวฉันร้องให้ ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ฉันไม่หยุดเรียน ฉันจะไป โรงเรียนพ่อบอกว่าถ้าอยากเรียนก็เรียนไปแต่พ่อจะไม่ส่งเสียฉันฉันจึงบอกกับพ่อไปว่าถ้าพ่อไม่ส่งเสียฉัน ฉันก็จะทำงาน ส่งเสียตัวเองเอง ฉันตะโกนพูดกับพ่อไปทั้งน้ำตาและสัญญากับตัวเองในใจไปด้วยฉันรู้ว่าจิตใจฉันแน่วแน่มาก เพราะสิ่ง เดียวที่ฉันมองเห็นตอนนั้นคือโรงเรียน ฉันไม่สามารถตัดใจจากโรงเรียนได้ การได้นั่งเรียน ได้นั่งฟังครู การได้อ่านเขียนได้ ทำการบ้านคือความสุขอย่างเดียวของฉัน มันคือความรักของฉัน ที่ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาพรากมันไปจากฉันแน่นอน ฉันได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาครูจากโรงเรียนประถมที่ช่วยกันบริจาคเสื้อผ้า หนังสือ ให้งานฉันทำ หาทุนการศึกษา ให้ ครูเล่าเรื่องฉันให้ครูโรงเรียนมัธยมต้นที่ฉันจะเข้าไปเรียนฟังแน่นอนว่าฉันก็สอบเข้าเรียนที่นั่นได้ที่ 1 และฉันรักคุณครู ทุกๆคน เพราะคุณครูใจดี ดูแลฉันดีมาก ช่วยเหลือเมตตาฉันวันหนึ่งเมื่อฉันกลับมาบ้าน ฉันก็พบว่าพ่อกับแม่ย้ายไปอยู่ที่ บ้านอีกที่หนึ่ง ไม่ใกลจากฉันมากนัก แต่ฉันก็ย้ายไปด้วยไม่ได้เพราะฉันต้องไปโรงเรียน ทำให้ฉันต้องใช้ชีวิตลำพังจริงๆที่ ไม่ได้ไปอาศัยกับญาติคนใหนหรือใครๆ เป็นครั้งแรก ครั้งแรกฉันก็รู้สึกโล่งใจ และก็ดีใจ ที่ฉันจะไม่โดนตีอีกและพ่อกับแม่ก็ ไม่อยู่คอยดุคอยว่าฉันฉันรู้สึกยินดีกับความเป็นอิสระอย่างมาก แต่ฉันก็เหงามากเช่นกัน ฉันต้องกินข้าวคนเดียว ทำกับข้าวคนเดียวกินคนเดียว อยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ชีวิตฉันมีแค่โรงเรียน ทำงานรับจ้างหลังเลิกเรียน หรือ เสาร์อาทิตย์และทำการบ้าน ฉันก็แทบไม่มีอะไรอย่างอื่นเลยฉันจะมีแม่ครูที่เป็นครูฉันตั้งแต่อนุบาลที่คอยเอากับข้าวมา ส่ง ชวนไปทานข้าวที่บ้าน ชวนพูดคุยคอยมาชวนไปนู่นนี่จนฉันสนิทที่เรียกครูว่าแม่อีกคน และแม่ครูก็ให้งานฉันโดยจ้าง ให้ฉันซักเสื้อผ้าทำความสะอาดบ้านให้ทุกๆอาทิตย์ แต่ไม่ว่าจะยุ่งขนาดใหนแต่ตอนก่อนนอน ฉันก็ร้องให้คิดถึงพ่อกับแม่ และน้องชายจนฉันหลับไปทุกๆคืน....... .... ไม่มีคืนใหนเลยที่ฉันไม่ร้องให้.... หัวใจแหลกสลายครั้งที่ร้ายแรงอีกครั้ง......วันหนึ่งหลังจากที่ฉันกลับมาจากรับจ้างที่ไร่อ้อยฉันปั่นจักยานจอด รอให้รถที่เส้นถนนหลักผ่านไป ก่อนที่ฉันจะข้ามถนน จู่ๆก็มีรถมอเตอร์ไซค์คนนึงมาจอดข้างๆจักยานของฉันฉันจึงหันไปดู โดยอัติโนมัติและด้วยความตกใจปนดีใจฉันตะโกนสุดเสียง "พ่อออออออออออออออออออออออออออ" พ่อของฉันนั่นเองนานแค่ใหนแล้วที่ฉันไม่ได้เจอหน้าพ่อ ฉันคิดถึงพ่อเหลือเกิน พ่อหันมามองฉัน ด้วยแววตาถมึงทึง ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ถามได้พูดอะไรออกไป พ่อก็ขับรถออกไปทันที ฉันรีบปั่นจักรยานตามพ่อไปเพราะคิดว่าพ่อก็คงกลับมาที่บ้าน คงไม่ได้ไปใหน แต่เมื่อแันกลับมาที่บ้าน บ้านกลับว่างเปล่า พ่อไม่ได้แวะมาบ้าน.....พ่ออาจจะไปธุระที่อื่นก่อนจะแวะมาบ้าน ก็ได้...ฉันคิด ฉันจึงนั่งทำการบ้านรอพ่อ รอจนฉันทำการบ้านเสร็จ ฉันหิวข้าวจึงกินข้าวไปก่อน รอจนฉันง่วงนอน เพราะมันดึกแล้ว ฉันถึงฉุกใจคิดว่าพ่อคงไม่แวะมาหาฉันสินะ คิดแค่นั้นน้ำตาฉันก็พังทะลายออกมาเป็นเขื่อนแตก พ่อไม่รักฉัน แล้ว พ่อกับแม่ทิ้งฉัน พ่อกับไม่ไม่รักฉันแล้วพ่อกับแม่ไม่ต้องการฉันแล้ว พ่อกับแม่เกลียดฉันฉันนอนร้องให้จุกในอกเป็นที่สุด ร้องให้ จนปวดตาไปหมด ฉันนอนร้องให้พร้อมกับหัวใจฉันแหลกสลายน้ำตาหลั่งไหลมาเป็นสายจนหมอนที่หนุ่นชุ่มไปหมด จมูกของฉัน มันหายใจไม่ออกตาของฉันมันปวดมันบวม ฉันจึงได้แต่คิดว่า การเสียใจ การร้องให้นี่ช่างเป็นทุกข์ ทรมานจังถ้าฉันมีพ่อ แม่ที่อยู่กับฉันในความเป็นจริงไม่ได้ฉันขอแค่พ่อกับแม่อยู่กับฉันในจินตนาการของฉันก็คงเพียงพอ ตั้งแต่คืนนั้นมา พอฉัน ล้มตัวลงนอนหัวถึงหมอนฉันก็จะเริ่มจะนึกวาดจินตนาการของวันที่ดีๆ วันที่พ่อกับแม่กับน้องกลับมาหาฉัน ที่เราทุกคนอยู่ พร้อมหน้าที่พ่อกับแม่รักฉันมาก วันที่ทุกๆคนไม่รังเกียจฉันอีกต่อไปว่าฉันเป็นลูกที่มาจากสายเลือดที่ไม่ดีฉันทำแบบนั้น ทุกๆวันฉันทำแบบนั้นจนฉันผลอยหลับไป ชีวิตฉัน....ก็ดำเนินต่อไปพร้อมกับอาการซึมเศร้าที่มากขึ้นๆฉันรู้สึกตัวเองเหมือนรถยนต์ ที่สนิมเขลอะ ล้อไม่หมุน จนต้องใช้พลังงานที่เยอะมากๆเพื่อที่จะทำให้ฉันขับเคลื่อนตัวเองไปให้ดำเนินชีวิตตามปกติได้ในแต่ละวัน
Create Date : 29 กรกฎาคม 2561 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2561 15:18:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1442 Pageviews. |
|
|