เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา





หนุ่มขี้เหงาเดินทางไปหาทางเอาชนะความเหงากลางป่า
พบชายลึกลับคนหนึ่ง บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น



คุณเป็นใคร?

“ผมเหรอ… ขออนุญาตยักไหล่ทีนึง… เป็นแค่อีกคนที่จะต้องตายไป”


ชอบคิดชอบพูดเรื่องตายๆบ่อยหรือ?

“ผมถูกสอนให้คิดถึงความตายบ่อยๆ และถึงแม้จะไม่ใช่สัปเหร่อ
ผมก็ได้เห็นความจริงที่ต้องยอมรับบ่อยๆ”


ถ้าศรัทธาความตายนัก จะเลี้ยงชีวิตไว้ทำไม?

“เพราะผมถูกสอนให้เตรียมตัวตายด้วยการมีชีวิตที่ดีที่สุด”



การมีชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร?

“มีขันติในการงดกรรมชั่ว มีความอุตสาหะในการเพิ่มกรรมดี
มีความเข้าใจเส้นทางพ้นทุกข์”



ความรู้เรื่องกรรมวิบากทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร?

“ทำให้เห็นว่าผมตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกับคนอื่น
ความเห็นนั้นแหละที่ทำให้แตกต่างจากคนอื่น”


แปลว่าคนที่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมวิบากสูงส่งกว่าคนอื่นหรือเปล่า?

“ผมไม่ได้ถูกสอนเรื่องกรรมวิบากอย่างเดียว
ผมถูกสอนให้มีสติแม้ขณะกำลังนั่งส้วม และจากการมีสติตอนนั่งส้วมบ่อยๆ
ก็ทำให้ผมพบความจริงว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งกว่าคนอื่นเลยจนนิดเดียว”


ถ้าวันหนึ่งคุณเดินเข้าห้องนอน
แล้วเจอแบบว่าขาวสวยหมวยอึ๋มนอนแก้ผ้ารออยู่ คุณจะทำยังไง?


“ผมจะถามเธอว่าเข้าห้องผิดหรือเปล่า ถ้าเธอตอบว่าไม่ผิด
ผมจะถามว่าอย่างนั้นเธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”



เสร็จแล้วคุณจะยอมให้เธออยู่ในห้องต่อหรือว่าไล่เธอออกจากห้อง?

“ผมไม่ชอบทำให้ใครเขิน ถ้าต้องทำก็จะเลือกให้เขาเขินน้อยที่สุด
เพราะฉะนั้นผมจะเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องเอง”



อือม์… จิตใจคุณสูงส่งมากว่างั้นเถอะ?

“เปล่าเลย… ผมรู้ตัวดีว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ถูกสอนให้กลัวความเดือดร้อนจากการก่อเรื่องด้วยความไม่รู้
ถ้าเรื่องสมมุติของคุณเป็นความจริง
คุณนึกว่าผู้หญิงเขาไม่ต้องมีเหตุผลที่น่าระแวงอยู่เบื้องหลังบ้างหรือ?”



เหงาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

“นานแล้ว ตอนยังไม่ทราบวิธีอยู่กับตัวเองด้วยจิตใจที่เบิกบาน”



มันทำกันได้ด้วยเหรออย่างนั้นน่ะ?

“คุณอยากให้เกิดอะไรขึ้นก็มีวิธีทั้งนั้นแหละ
ใครจะทราบหรือไม่ทราบวิธีเท่านั้น”



อ้ะ! ไหนบอกวิธีแบบสั้นที่สุด ง่ายที่สุดซิ

“รู้”



หือ? รู้อะไร?

“มีอะไรให้รู้ก็รู้”



ไม่เข้าใจ

“คุณต้องการวิธีง่ายๆ ใช้คำสั้นๆ ผมก็ตอบให้ตามต้องการไง
แล้วในที่สุดคุณก็พบใช่ไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้
คนเราชอบนึกว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตอาศัยคำเพียงไม่กี่คำ”



เอาล่ะ! อย่างนั้นขอคำอธิบายแบบละเอียดๆก็ได้

“ตอนเหงา คุณมีความเหงาให้รู้ ตอนฟุ้งซ่าน คุณมีความฟุ้งซ่านให้รู้
เมื่อคุณรู้อาการใดของจิต อาการนั้นจะหายไปให้ดูเหมือนพยับแดด”



ถ้ารู้ความเหงา รู้ความฟุ้งซ่าน แล้วมันไม่หายเหงา
ไม่หายฟุ้งซ่านล่ะจะทำยังไง?


“ก็แปลว่าคุณต้องทำตามขั้นตอนแบบไม่ก้าวกระโดด”



โอเค! ไม่กระโดดก็ได้ ก้าวแรกทำยังไง?

“ผมถูกสอนให้เห็น ว่าขณะนี้ลมหายใจกำลังเป็นอย่างไร
ถ้าบอกตัวเองเงียบๆได้ถูกว่าเข้าหรือออก
จิตจะเลิกมองไปข้างหลัง ไม่หวังไปข้างหน้า
หันมาอยู่กับปัจจุบันจริงๆ”



ต้องรู้ลมหายใจแค่ไหนถึงจะพร้อมรู้อย่างอื่น?


“จิตคุณจะบอก ไม่ใช่ผมบอก”



ถ้านานเป็นปีๆ คงท้อเสียก่อนแน่

“ถ้ารู้บ้างพักบ้างสบายๆแบบไม่คาดหวังผล
คุณจะเป็นคนมีความสุขทางใจที่ได้เป็นตัวของตัวเองเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ
คนเราต้องท้อที่จะมีความสุขทางใจไปเรื่อยๆ ด้วยหรือ?”



พอรู้ลมหายใจจนมีความสุขทางใจจะให้ทำอะไรต่อ?

“รู้ความสุข มองตามจริงว่าความสุขไม่เที่ยง เดี๋ยวสุขมาก เดี๋ยวสุขน้อย
แล้วแปรเป็นทุกข์น้อยบ้าง ทุกข์มากบ้าง
มันขึ้นอยู่กับว่าใจคุณตั้งอยู่กับเหตุแห่งสุขหรือเหตุแห่งทุกข์”



พอเห็นชัดว่าสุขทุกข์ไม่เที่ยงจะให้ทำอะไรต่อ?

“นั่นแหละ คุณพร้อมจะรู้จักวิธีใช้ชีวิตอย่างไม่เหงาแล้ว
พอเหงาก็รู้ว่าเหงา พอฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน เมื่อจิตตื่นรู้ตลอดเวลา
คุณจะไม่อ่อนแอแล้วแช่จมอยู่กับอาการชั่วคราวใดๆของจิต
แต่จะเห็นมันเหมือนลมหายใจ เห็นมันเหมือนสุขทุกข์
ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา”



ความฟุ้งซ่านต้องมีเหตุด้วยหรือ? เห็นแต่ว่าอยู่ดีๆมันก็ฟุ้ง

“คุณไม่ได้อยู่ ‘ดี’ จริงน่ะซี คุณอยู่เฉื่อยๆเรื่อยเปื่อยแบบขาดสติ
เป็นการใช้ชีวิตอยู่อย่าง ‘ไม่ดี’ ต่างหาก
เหตุคือความขาดสตินั้นแหละทำให้ฟุ้งซ่าน”



โอย! แค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว แปลว่าต้องพยายามมีสติไปจนชั่วชีวิตหรือนี่?

“ไม่หรอก การปฏิบัติอย่างนี้จะนำไปสู่ชีวิตใหม่ที่คุณไม่รู้จัก
ถ้าฝึกมีสติไปเรื่อยๆ คุณจะฝืนพยายามน้อยลงเรื่อยๆจนเป็นอัตโนมัติ
แล้วในที่สุดคุณจะมีสติโดยไม่ต้องตั้งสติ”



จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติแบบนี้คืออะไร?

“ที่สุดทุกข์”



เอาอะไรวัด?

“ไม่เป็นทุกข์ทางใจอีก”



หมายถึงพระนิพพาน?


“ใช่”



ฉะนั้นควรหวังพระนิพพานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติใช่ไหม?

“ผมถูกสอนให้ ‘รู้จัก’ พระนิพพานเพื่อความ ‘เข้าใจ’ จุดหมายปลายทาง
แต่ไม่ได้ถูกสอนให้หวังว่าจะต้องถึงซึ่งนิพพานเมื่อนั่นเมื่อนี่”



ใครสอนคุณ?


“ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าพระโคดม”





จาก //dungtrin.com/empty2/03.htm






Create Date : 24 ธันวาคม 2550
Last Update : 24 ธันวาคม 2550 20:41:42 น. 6 comments
Counter : 628 Pageviews.

 
good!


โดย: Jannyfer วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:21:40:21 น.  

 
ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณที่ไปตามนะคะคุณปุ๊ก
เราต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความรุตัวและความมีสติค่ะ

มีความสุขกับความรู้และสตินะคะ


โดย: the Vicky วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:22:01:16 น.  

 


Merry Christmas & Happy new year
มีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: KungGuenter วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:22:09:29 น.  

 
บทสนทนาน่าสนใจมากๆ เลย



สวัสดีจากเชียงใหม่จ้าคุณปุ๊ก
หนาวๆ อย่างนี้ อยากกอดนุ้งพลอยกะป๊บโปะจังเลย


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:22:12:52 น.  

 
แวะมาอ่านบทสนทนาที่น่าสนใจมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ

Merry X'mas ka


โดย: whitelady วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:23:46:58 น.  

 
ดีมากๆเลยค่ะ

ขอบคุณที่แบ่งปัน กำลังเหงาพอดี


โดย: Brainwasher IP: 203.86.35.66 วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:19:05:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Hobbit
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]











ตามรอยพระอริยะ
หลวงพ่อชา สุภัทโท
พระโพธิญานเถระแห่งหนองป่าพง





ฺประมวลธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
อ่านออนไลน์ได้ที่นี่ค่ะ

ขอบคุณครูซุปเคมากนะคะที่ส่งให้ (-/l\-)
http://www.supkcenter.com






MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Hobbit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.