"ไวน์น่ะ เก็บไว้แค่ในอุณหภูมิห้องก็พอแล้ว"
ผมว่ามีหลาย ๆ คนเคยได้ยินอะไรทำนองนี้แน่ ๆ ถ้าไม่จากคนบนเว็บบอร์ด ก็คนที่ดื่มไวน์ใกล้ ๆ ตัวคุณแน่นอน.... แต่ผมอยากให้ทุกคนคิดก่อนครับ ว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องไวน์กับการเก็บไวน์ที่ไหนกัน?
ในประเด็นไวน์กับอุณหภูมิห้องนี้ ในแวดวงนักดื่มไวน์นั้นทำได้..... ถ้าอยู่เราใน โซนยุโรป
แต่ถ้าเป็น ประเทศไทย ประเทศที่ตั้งใกล้กับเส้นศูนย์สูตร มีอุณหภูมิเฉลี่ย 28-35 องศาเซลเซียส ผมกล้าพูดได้เลยว่า ใช้ไม่ได้แน่นอน
เมื่อเราอยู่ในประเทศที่อุณหภูมิที่แตกต่างจากประเทศแถบยุโรปที่มีอากาศหนาวเย็นอยู่แล้ว วิธีการเก็บไวน์ในบ้านเราต้องปรับกันใหม่หมด ไปจนถึงหาตัวช่วยมาอำนวยความสะดวกด้วย บางคนก็ทราบดีอยู่แล้ว ถ้าร้อนนักก็จับเข้าตู้เย็นไปเลย..... แต่นั่นก็ยังไม่ดีพอครับ
หรือถ้าจะแนะนำตู้เย็นแช่ไวน์ ที่ทำมาเพื่อเก็บไวน์โดยเฉพาะ อย่างพวกซันโย, พานาฯ หรือ TEMPTECH อะไรพวกนี้
เราควรระลึกถึง จุดสำคัญ 6 ข้อ สำหรับ การเก็บรักษาไวน์ที่ถูกต้อง เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง?
1. อุณหภูมิการเก็บรักษาไวน์ คือ 15-20 องศาเซลเซียส
ปัจจัยข้อนี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของไวน์มากที่สุด เพราะอุณหภูมิที่เหมาะสมย่อมทำให้ไวน์แสดงรสชาติได้ดี อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับไวน์แดงนั้นอยู่ที่ 12-18 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้มีรสชาติฝาดแหลมและสัมผัสของแอลกอฮอล์ที่แรงจนเกินไป ส่วนไวน์ขาวหรือกลุ่มไวน์มีฟอง (Sparkling Wine) นั้นควรอยู่ในระหว่าง 6-12 องศาเซลเซียสเพื่อให้มีรสสัมผัสที่สดชื่นขึ้น และควรมีความเย็นที่สม่ำเสมอ การเก็บไวน์ในตู้เย็นจึงไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้องเลย เพราะแค่ความเย็นก็ไม่ถึงแล้ว
2. ความชื้นอยู่ที่ระดับ 50-70%
ความชื้นก็มีผลต่อการเก็บรักษาไวน์เช่นกันครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไวน์ที่มี จุกคอร์ก (Cork) ปิดปากขวด ถ้าความชื้นในอากาศน้อยกว่า 50% จุกคอร์กจะแห้งกรอบและหดตัว อากาศจากภายนอกเข้าไปสัมผัสกับไวน์จนเกิดการ Oxidation รสชาติไวน์ก็จะเปลี่ยนไป หรือเศษจุกคอร์กร่วงลงไป ไวน์ก็จะเสียเร็วขึ้น ในทางกลับกันถ้ามีความชื้นมากกว่า 70% ทำให้ฉลากของไวน์ที่เก็บไว้เปื่อยยุ่ย จนเกิดความเสียหายได้ ฝันร้ายของนักสะสมดี ๆ นี่เอง
3. อย่าให้โดนแสง
เมื่อน้ำไวน์สัมผัสกับแสง โดยเฉพาะแสง UV จากแสงอาทิตย์ เป็นอะไรที่ควรเลี่ยงเลย เพราะจะทำให้เกิดความร้อนจนไปเร่งกระบวนการหมักบ่มของไวน์นั้นทำงานเร็วขึ้น รสชาติของไวน์จะแปลกตามไปด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ Winery มักสร้าง Wine Cellar ไว้ใต้ดิน หรือตามร้านอาหารมักจะเก็บไวน์ไว้ในห้องทึบแสง หรือสร้างห้องเก็บไวน์ขึ้นมาใหม่เลย รวมถึงการทำขวดไวน์แดงเป็นสีเขียว เพื่อป้องกันแสงจากภายนอก
4. ระวังกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
นอกจากสีสันและรสชาติแล้ว กลิ่นนั้นก็เป็นเสน่ห์อีกข้อของไวน์เช่นกัน แต่ถ้าเวลาเปิดตู้แช่ออกมาแล้วได้กลิ่นอับข้างในโชยออกมา อารมณ์อะไร ๆ ที่มีมานี่จบเลย.... จบตั้งแต่ยังไม่ได้ดื่ม ยิ่งกับไวน์ที่เคยเปิดมาครั้งหนึ่งแล้วเก็บรักษาไม่ดี ก็จะติดกลิ่นแปลก ๆ ติดมาด้วย จะไม่สามารถแก้ไขให้กลิ่นดั้งเดิมของไวน์กลับมาได้อีกเลย
5. สั่นให้น้อยที่สุด
บางคนอาจจะยังไม่รู้ ตู้แช่ไวน์ราคาถูกทั่วไป ถึงจะทำความเย็นได้ดี แต่ยังมีเสียงที่ดังและเกิดการสั่นสะเทือน โดยเฉพาะการหมุนมอเตอร์ในระบบทำความเย็น มีการพิสูจน์มาครับแล้วว่า การสั่นสะเทือนนั้นทำให้เกิดอุณหภูมิสูงขึ้นจากเดิม เมื่อไวน์ได้รับความร้อนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ก็จะไปเร่งกระบวนการหมักบ่ม ทำให้ไวน์สุกจนเกินไป จนรสชาติเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น และบูดเสียเร็วขึ้น สุดท้ายไวน์ขวดนั้นกลายเป็นน้ำส้มสายชูไปเลย ที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือไม่ค่อยมีใครนึกถึงมาก่อน
6. การวางขวดแนวนอน
เหตุผลหลักของการวางไวน์ในแนวนอนนั้นคือ การช่วยให้น้ำไวน์ได้สัมผัสกับจุกคอร์ก ทำให้ยังคงสภาพที่สมบูรณ์ และปกป้องไวน์จากอากาศภายนอกที่จะเข้ามาทำให้ไวน์เสื่อมคุณภาพลง เมื่อเทียบกับการวางแนวตั้ง เมื่อไม่ได้สัมผัสความชุ่มชื้นจากน้ำไวน์ จุกคอร์กจะเกิดการแห้งกรอบ และเศษ ๆ จุกจะร่วงลงไปในไวน์ ทำให้ไวน์เสียเร็วขึ้น หรือจุกหักในขณะเปิด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยืนยันได้ว่าการเก็บไวน์เก็บยังไงก็ได้ แต่ให้อยู่ในสภาพที่ดื่มต่อไปได้นาน ๆ ยากมาก.... โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ทั้งอากาศร้อนและวัฒนธรรมการดื่มไวน์ที่ไม่ค่อยแพร่หลาย สำหรับทางออกในการเก็บไวน์ที่เหมาะสมและสมบูรณ์ที่สุดล่ะก็.....
"ซื้อตู้แช่ไวน์เถอะครับ"
อันนี้ไม่ได้กวนหรือขายของ ผมพูดจริง ๆ เพราะ ตู้แช่ไวน์ แตกต่างจากตู้เย็นทั่วไปตรงที่ออกแบบมาเพื่อการเก็บรักษาไวน์โดยเฉพาะ เหมาะมากกับที่พักแบบคอนโด หรือบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ทำชั้นใต้เป็น Wine Cellar ไม่ได้ ก็เอา ตู้แช่ไวน์ มาตั้งในบ้านสักเครื่องเลยครับ
ส่วนใครที่นาน ๆ จะดื่มที หรือไม่ได้เป็นนักสะสมไวน์ตัวพ่อ ตู้แช่ไวน์ไซส์เล็ก ๆ ขนาด 7- 10 ขวดก็มีให้เลือกเหมือนกัน ยิ่งถ้าดูแลเรื่องปัจจัยทั้ง 6 ที่ว่ามาได้จะดีเอามาก ๆ เลยล่ะครับ