happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2567
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 ตุลาคม 2567
 
All Blogs
 
ย้อนรำลึกถึง คุณเดียร์ ให้สัมภาษณ์ CNN วันที่ ร.๙ เสด็จสวรรคต






องค์เอกอัครศิลปินถิ่นไทยนี้
ท่วงทำนองดนตรีดุริย์สวรรค์
สี่สิบแปดเพลงจิตจับสดับกัน
ทรงสร้างสรรค์นิพนธ์มั่นนิรันดร

แสงเทียน ส่อง ยามเย็น มี สายฝน
สาดซัดจน ใกล้รุ่ง มุ่งถ่ายถอน
จาก ชะตาชีวิต ที่คิดวอน
ดวงใจกับความรัก อ้อนมิอ่อนแรง

บรรเลงเพลง มาร์ชราชวัลลภ
ถึงค่ำพลบดับด้วย อาทิตย์อับแสง
เทวาพาคู่ฝัน มั่นรักแรง
คำหวาน แฝงแห่ง มหาจุฬาลงกรณ์

แก้วตาขวัญใจ คู่อยู่ที่ไหน
พรปีใหม่ ทั่วไทยบรรเลงก่อน
รักคืนเรือน ยามค่ำ จำหลับนอน
ยิ้มสู้ ก่อน มาร์ชธงไชยเฉลิมพล

ให้ฮึกเหิมประเดิม เมื่อโสมส่อง
ลมหนาว ต้องกายสั่นไปทุกหน
ถึงวัน ศุกร์สัญลักษณ์ ประจักษ์แก่ตน
เป็นได้สุขสนุกล้นพ้นเศร้าใจ

OH I SAY กล่าวบรรเลงเพลงสุขสันต์
CAN'T YOU EVER SEE กันหรือไฉน ?
ว่าฉันรักเธออยู่คู่หทัย
จากนี้ไปชั่วนิจนิรันดร

ลายคราม Goes Dixie มีเสน่ห์
เพลงแจ๊สเท่ทรงประพันธ์มั่นไว้ก่อน
ค่ำแล้ว สายลมโชยโดยทางจร
ไกลกังวล พ้นถอนทอดฤทัย

เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย ใจนักสู้
แสงเดือน อยู่คู่ ฝัน บรรเลงได้
เพลินภูพิงค์ ราชนิเวศน์ในเขตไทย
ปลุกใจ มาร์ชราชนาวิกโยธิน

ภิรมย์รัก A LOVE STORY ที่ซาบซึ้ง
NATURE WALTZ ก็ตราตรึงอยู่มิรู้สิ้น
THE HUNTER บรรเลงแล้ว แว่วได้ยิน
KINARI WALTZ จบสิ้นแสนกินใจ

แผ่นดินของเรา นั้น มั่นยืนยง
ALEXANDRA เอ๋ยจงเข้ามาได้
ด้วยดินแดนนี้หรือคือถิ่นไทย
ยูงทอง ก้อง ในดวงใจนิรันดร์

เตือนใจ ยาม ไร้เดือน ไร้จันทร์ ส่อง
อยากจับจองอยู่ไหน เกาะในฝัน
แว่ว เสียงเพลง เกษตรศาสตร์ ประกาศครัน
ตาม ความฝันอันสูงสุด ฉุดดวงใจ

แห่งคนไทยทุกหมู่เหล่าว่า เราสู้
เรา-เหล่าราบ ๒๑ อยู่ มิหวั่นไหว
และเพลง BLUES FOR UTHIT ติดตามไป
รัก แล้วไซร้ เมนูไข่ ท้ายนิพนธ์

สี่สิบแปดเพลงเอกทรงเสกสรรค์
ย่อยแยกกันอีกใต้หล้าน่าฉงน
มหาราชพระองค์นี้ภูมิพล
เป็นเลิศล้นมากมายหลายหลากมี

โลกต้องสูญสิ้นองค์อัจฉริยะ
ยากจะพบปะองค์เอกเฉกเช่นนี้
อธิษฐานใจให้องค์พระภูมี
สถิตที่แดนสวรรค์นิรันดร ฯ


จาก กระทู้บทกลอนสรุป รวมชื่อเพลงพระราชนิพนธ์ เพื่อร่วมส่งองค์พระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ สู่สวรรคาลัย 







ก่อนหมดเดือนตุลาคม ขออัพบล็อกถวายอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ต่ออีกบล็อกค่ะ นำบทสัมภาษณ์ในรายการ "ธ สถิตในดวงใจ" ทางช่อง ๓ เมื่อ ๒ พ.ย. ๒๕๕๙ ที่คุณต๋อย ไตรภพดูคลิป Mr.Will Ripley ผู้สื่อข่าว CNN สัมภาษณ์ คุณภัคชุดา โอวาทวรพร (เดียร์) ในวันที่ ในหลวง ร.๙ เสด็จสวรรคตแล้วประทับใจมาก เลยเชิญมาสัมภาษณ์ คุณเปลว สีเงินเคยลงบทสัมภาษณ์เป็นบางส่วนไว้ในคอลัมน์ "คนปลายซอย" นสพ.ไทยโพสต์วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๐ เรานำมาลงในบล็อก “ธ สถิตในดวงใจ” นิจนิรันดร์ วันที่ ๑๓ ปีนี้กลับมาดูคลิปนี้อีกก็ยังประทับใจและทำให้และคิดถึงพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้น เลยแกะบทสัมภาษณ์ทั้งหมดมาลงบล็อก รายการยาวประมาณสี่สิบนาที เนื้อหาเลยยาวมาก (สมเอกลักษณ์ของบล็อกนี้) และต้องขอบพระคุณศิลปินทุกท่านที่วาดพระบรมสาทิสลักษณ์ และเจ้าของภาพที่อยู่ในบล็อกนี้ค่ะ


พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์
น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุ และครอบครัว


Sprinkles of grievous rain
Touch the tears in my heart
Distant clinks of wind chimes
In the approaching twilight
Breathe the soundless sob.

สายฝนแสนเศร้าโปรยปราย
กระเซ็นต้องน้ำตาในหัวใจฉัน
กระดิ่งลมดังแว่วมาแต่ไกล
ในยามอาทิตย์ใกล้อัศดง
กระซิบสะอื้นไห้อันไร้เสียง.

haiku






สวัสดีครับ นี่คือรายการ “ธ สถิตในดวงใจ” รายการที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รายการของเราในวันนี้เกี่ยวกับข่าว CNN ซึ่งสัมภาษณ์ผู้หญิงไทยคนหนึ่ง ซึ่งข่าวนี้โด่งดังไปทั่วโลก ข่าวนี้จริง ๆ แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านจะได้ทราบทั้งหมด และจริง ๆ แล้วอยากจะบอกท่านว่า การทำข่าว ๆ หนึ่งที่จะประสบความสำเร็จได้ก็คือนักข่าวต้องเก่ง

นักข่าว CNN คนนี้ชื่อ วิล ริบลีย์ (Will Ripley) อยู่ในวงการข่าวมา ๑๕ ปีแล้วครับ และเป็นนักข่าวที่ทำงานเฉพาะ headline news คือข่าวดัง ๆ ของโลก เขาจะมีหน้าที่ไปทำ เขาจะอยู่ประจำภูมิภาคเอเชีย เดินทางไปทั่วเอเชีย คน ๆ นี้เคยทำข่าวดัง ๆ ในโลกมาไม่ทราบกี่ข่าวแล้วครับ อย่างเช่นในจีน เขาเข้าไปแล้ว และทำข่าวดัง ๆ ในประเทศจีน ในญี่ปุ่น เข้าไปแล้ว ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้น เขาเคยเข้าไปที่เกาหลีเหนือ เป็นนักข่าวคนหนึ่งที่สามารถเดินทางกลับไปอีกครั้งเพื่อทำข่าวในเกาหลีเหนือได้ เป็นนักข่าวซึ่งมีรางวัลสำหรับตัวเองมากมายหลายหลากรางวัลด้วยกัน

และความเก่งของเขา ถามว่าเก่งอย่างไร ถ้าท่านผู้ชมได้ชมการสัมภาษณ์ของ วิล ริบลีย์ จะเห็นว่าเขารู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี ให้เกียรติคนไทยเป็นอย่างดี เข้าใจขนบธรรมเนียมไทยเป็นอย่างดี และเข้าใจอารมณ์ของคนไทยในวันนั้นได้อย่างดี เราได้นักข่าวสัมภาษณ์ที่ดีคนหนึ่งแล้ว แตนักข่าวสัมภาษณ์ที่ดีคนหนึ่งไม่พอ มันต้องมีผู้ให้การสัมภาษณ์ที่ดีด้วย


13


วันนั้นที่เขาไปทำข่าวที่โรงพยาบาลศิริราช วิลไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อว่า ภัคชุดา โอวาทวรพร หรือ น้องเดียร์ น้องเดียร์เป็นคนไทยครับ ภาษาอังกฤษดีมาก ให้สัมภาษณ์ได้ดีจริง ๆ สัมภาษณ์ได้ดีที่สุดเลย แทนจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ สิ่งที่เธอพูดงดงามมาก ๆ และสิ่งที่เธอพูดก็กลายเป็นข่าว CNN และออกข่าวทั่วโลก แต่คนไทยโดยส่วนใหญ่ไม่ได้ดูข่าว CNN

เพราะฉะนั้น เราจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้เลยถ้าไม่มีบุคคลท่านนี้ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ไปเห็นข่าว CNN ข่าวนี้เข้า แล้วจึงนำข่าวทั้งหมดไปโพสลงในยูทูบ เมื่อท่านโพสในยูทูบ คนไทยจึงเข้าไปดู และกลายเป็นข่าวยูทูบที่คนไทยดูมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา สำหรับท่านที่ได้ชมไปแล้วก็โชคดีไป แต่สำหรับบางท่านที่ไม่เคยชมเลย ผมจะได้ให้ชมในวันนี้ ต้องขอประทานโทษท่านที่ได้ชมแล้ว แต่ถึงจะชมแล้ว กี่ครั้ง กี่หน ผมว่าก็มีค่า นี่คือการสัมภาษณ์ของ วิล ริบลีย์ ในวันนั้นกับ น้องเดียร์

วิล : “บอกผมหน่อยว่า ในหลวงมีความหมายอย่างไรกับคุณบ้าง”

เดียร์ : “พระองค์คือพ่อค่ะ เป็นเหมือนพ่อ พระองค์ไม่ใช่สมมติเทพ แต่คือพ่อคนหนึ่งของคนไทยทุกคน พ่อที่ทำงานหนักทุกวันตลอด ๗๐ ปี ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันพักร้อน ตอนนี้พระองค์ไม่ใช่พ่อแล้ว ต้องเป็นปู่ด้วยซ้ำ ปู่ที่ทำงานไม่มีวันหยุด ทั้งที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”




วิล : “คุณหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ เมื่อบ่าย คุณถึงตัดสินใจมาที่นี่”

เดียร์ : “ฉันหวังสุดหัวใจเลยว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น ฉันอยากจะเชื่อว่ามีจริง แต่ตอนนี้ฉันรู้ว่าเป็นเรื่องในนิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก ๆ ปาฏิหาริย์ไม่เกิดขึ้น ลองคิดดูว่า คุณมีลูก คุณอยากทำอะไรให้ลูกของคุณบ้าง คุณอยากทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกคุณเสมอละค่ะ พระองค์ก็เช่นกัน ฉันถึงไม่เคยมองว่าพระองค์เป็นสมมติเทพ แต่มองว่าพระองค์คือพ่อ คือปู่ที่อยากจะทำทุกสิ่งที่ดีที่สุเพื่อลูกหลานของท่านกว่า ๗๐ ล้านคน...ในประเทศนี้ นั่นคือสิ่งทที่ท่านต้องการ ทุกคนบอกว่าท่านทำงานไม่มีวันหยุด ประชาชนทุกคนล้วนยากลำบาก พระองค์ตรัสว่า ประชาชนยังลำบาก ท่านจึงหยุดทำงานไม่ได้แม้แต่วันเดียว เพราะประชาชนยังลำบากอยู่ เพียงวันเดียวที่ท่านทำงานเพิ่มขึ้น คืออีกวันที่ทำให้ประชาชนมีความสุข”

วิล : “ความทรงจำที่ประทับใจที่สุดของคุณที่เกี่ยวกับในหลวงคืออะไร ?”

เดียร์ : “ตอนที่ฉันโตขึ้นมา ในหลวงก็อายุมากแล้วค่ะ ฉันยังไม่เห็นกษัตริย์พระองค์ไหน ในราชวงศ์ไหน ที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเท่าพระองค์ พระองค์ไม่ใช่พระราชาในนิทาน ไม่ได้อยู่ในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ หรือนั่งบัลลังก์”

วิล : “ขอบคุณมากครับที่พูดคุยกับเรา เรารู้ว่านี่คือเวลาที่ยากลำบาก เราเป็นกำลังใจให้เสมอครับ”




นั่นคือคำสัมภาษณ์ของเธอครับ คำสัมภาษณ์ของเธอนั้นช่างกินใจเหลือเกิน ผมเนี่ย ส่วนตัว พอเห็นแล้วก็เอาไปโพสต่อเหมือนกัน ให้ทุกคนดู แล้วผมก็โพสตรงท้ายคำโพสของผมว่า ผมว่าเธอไม่ใช่คน เธอเป็นเทวดาปลอมตัวมาแน่ ผมมีหลานอยู่คนนึง อายุยังน้อยมาก สิบขวบ สิบเอ็ดขวบได้ เขาเห็นตรงนี้ เด็ก ๆ นะ เขาเขียนกลับมาบอกว่า เห็นด้วยจริง ๆ ว่าเธอพูดได้ดีมาก แล้วก็เขียนมาว่า เขาไม่มีทางพูดได้แบบนี้เลย ผมก็เลยตอบกลับไปว่า ถ้าใจปากพูด ไม่มีทางพูดได้แบบนี้หรอก แต่ผู้หญิงคนนี้ใช้หัวใจพูดจึงพูดได้แบบนี้ เราจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้เลย ถ้าอาจารย์สมเกียรติไม่เอาไปโพสในยูทูบ วันนั้นอาจารย์สมเกียรติเห็นอะไร รู้สึกอะไร จึงเอาข่าวนี้ไปโพสในยูทูบ เราไปสัมภาษณ์อาจารย์สมเกียรติว่า อาจารย์เห็นอย่างไรจึงได้นำไปโพสในยูทูบ

อาจารย์สมเกียรติ : “สิ่งที่เดียร์เขาพูดเนี่ย เขาพูด ต้องพูดจากหัวใจอยู่แล้ว เพราะพูดไหลลื่นแบบ flow อย่างธรรมชาติ ร้องไห้ไงเขาก็ไม่ต้องระวังว่าหน้าตาจะเป็นยังไง คือ ภาษาอังกฤษที่ใช้ก็ราบรื่น เหมือนคนธรรมดาพูดถึง ลูกสาวพูดถึงพ่อ พระเจ้าอยู่หัวเป็นเหมือนพ่อ และก็สิ่งที่คุณเดียร์เขาพูดเนี่ย มันถูกหลักของการที่เราเคารพบูชาสถาบันพระมหากษัตริย์ในเชิงรัฐศาสตร์ ชาวบ้านเข้าใจเลยว่า นี่คือวิถีไทย พระเจ้าอยู่หัวกับประชาชน คือพ่อกับลูก”




และนั่นคือเหตุผลที่ชาวไทยได้รับทราบเรื่องนี้ก็เพราะอาจารย์เอาไปโพสในยูทูบ ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์สมเกียรติเป็นอย่างสูงที่ได้กรุณาทำสิ่งนี้ และท่านผู้ชมครับ คลิปนี้ก็กลายเป็นคลิปข่าวต่างประเทศที่มีคนดูสูงที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่เคยมีมา และถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ผู้สัมภาษณ์ผมบอกไปแล้วว่าเป็นใคร และผู้ถูกสัมภาษณ์นั่งอยู่ที่นี้แล้ว เธอคือ คุณภัคชุดา โอวาทวรพร หรือน้องเดียร์นั่นเองครับ สวัสดีครับ”

เดียร์ : “สวัสดีค่ะ”

ไตรภพ : “วันนั้นที่เธอไป เธอไปกับเพื่อนหลายคนมาก แต่มีเพื่อนอีกคนนึงที่ไปก่อนเธอ และบอกเธอว่า ต้องมานะ มายังไง เป็นยังไง อยู่ที่นั่นอยู่แล้วและทราบเหตุการณ์ตลอด และเป็นเพื่อนกับน้องเดียร์มาโดยตลอด นั่งอยู่ที่นี่ด้วยแล้วเช่นเดียวกันครับ คุณนาฏยา ประคองทรัพย์ หรือคุณอ้อย สวัสดีครับ ขอบคุณทั้งสองท่านเป็นอย่างสูงครับ

ผมพูดตั้งแต่เริ่มรายการแล้ว ว่าคุณเหมือนเทวดาปลอมตัวมา ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ คุณต้องเข้าใจอย่างนะ ถ้าคุณมาดูคลิปอันนั้นในวันนี้ หรือให้ผมเห็นเดี๋ยวนี้จากเรื่องราวที่ผ่านมาตั้งหลายวัน ผมอาจจะเขียนอย่างนั้นหรือพูดอย่างนั้นไม่ได้ แต่ความรู้สึก ณ เวลานั้นจริง ๆ นะเดียร์ ผมรู้สึกว่า คนอะไรจะพูดได้ขนาดนั้น ผมให้ทีมข่าวของเราตามหาตัวคุณเลยนะ ผมให้ตามหาจริง ๆ นะ พวกเราช่วยกันตามหาคุณ ว่าคุณเป็นใคร ยังไง และทำไมพูดได้ถึงขนาดนั้น และเป็นอย่างนั้น ผู้ชมทั่วประเทศก็อยากรู้จักคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่อยากเปิดเผยตัว พูดตรง ๆ ไม่ได้อยากอาศัยโอกาสนี้เลย โอกาสอันเศร้าหมองเพื่อจะมาบอกว่าฉันเป็นใคร ฉันอะไรนะ ไม่ใช่ แต่คนอยากรู้จักคุณจริง ๆ และสิ่งที่คุณพูด คุณพูดแทนคนไทยทั้งประเทศได้ดีจริง ๆ ผมรู้สึกเช่นนั้น ปัจจบันเดียร์อายุเท่าไหร่ครับ”

เดียร์ : ๓๕ ค่ะ




ไตรภพ : น้องเดียร์พูดอังกฤษได้ค่อนข้างดีมาก เดียร์เคยไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาไหมครับ”

เดียร์ : เคยค่ะ

ไตรภพ : จริง ๆ จบในเมืองไทยก่อนหรือเปล่า จบปริญญาตรีเมืองไทย จบที่ไหนครับ”

เดียร์ : ใช่ค่ะ

ไตรภพ : จบที่ไหนครับ ทานโทษ

เดียร์ : จบที่เอแบค

ไตรภพ : สาขาวิชา

เดียร์ : Biotechnology

ไตรภพ : คุณเรียนไบโอเทค แล้วก็ไปต่อปริญญาโทที่

เดียร์ : สหรัฐ

ไตรภพ : ที่ไหนครับ

เดียร์ : ที่โอไฮโอ

ไตรภพ : เรียนอยู่ที่นั่นกี่ปีครับ

เดียร์ : เรียนอยู่ประมาณ ๒-๓ ปี เดียร์ แล้วที่เหลือก็คือทำงานเป็นอาจารย์ผู้ช่วย

ไตรภพ : ที่นั่นเลย จบแล้วเขาเลือกคุณเป็นอาจารย์ผู้ช่วย คุณก็ต้องเก่งสิ

เดียร์ : ไม่ค่ะ มันเป็นโปรแกรม เป็น Graduate Program ที่เขาจะให้นักศึกษาสมัครเข้าไปทำได้ เป็นอาจารย์ผู้ช่วย เป็น TA ค่ะ เป็น Teaching Assisstant




ไตรภพ : อยู่สหรัฐทั้งหมดนานกี่ปี

เดียร์ : ๕ ปี

ไตรภพ : ภาษาอังกฤษคุณถึงได้ดี ตอนอยู่เอแบคภาษาดีแบบนั้นไหม

เดียร์ : ก็ ไม่รู้เหมือนกันว่าดีแบบนั้นหรือเปล่า

ไตรภพ : แต่ว่าตอนนั้นไป กลับมาก็เลยพูดได้แบบนั้น เรารู้จักแล้วว่าคุณเป็นใคร ปัจจุบัน ทานโทษนะครับ คุณจะไม่เปิดเผยชื่อบริษัทก็ได้ ผมอยากรู้ว่าคุณทำงานที่ไหน ยังไงถ้าพูดได้

เดียร์ : ทำงานอยู่องค์การ Oxfam เป็น NGO จากประเทศอังกฤษ

ไตรภพ : เกี่ยวกับ

เดียร์ : เป็นองค์กรที่เกี่ยวกับ Nonprofit Organization เป็น NGO จริง ๆ เลย

ไตรภพ : ทำงานเกี่ยวกับอะไรครับ ยา อาหาร พืชผัก หรืออะไร หรือว่าไม่เกี่ยวอะไรเลย

เดียร์ : เกี่ยวกับสิทธิสตรี แล้วก็เหมือนกับส่งเสริมให้ชุมชนอหรือเกษตรกรสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง

ไตรภพ : ช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วคุณอ้อยล่ะครับ ทำงานที่เดียวกันหรือเปล่าคะ

อ้อย : ที่เดียวกันค่ะ

ไตรภพ : อ้อ คุณอ้อยก็ทำงานเหมือนกัน คุณอ้อยพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ

อ้อย : ได้ แต่ไม่ดีเท่าน้องเดียร์

ไตรภพ : คำว่าไม่ดีเท่าน้องเดียร์ หมายความว่ายังไงครับ

อ้อย : คือบางทีเขาถามมา บ้างทีอาจจะตอบ ต้องใช้สตินิดนึง ไม่สามารถจะตอบได้ทันที




ไตรภพ : respond ไม่ fluent เป็นภาษาไทยก็จะบอกว่า มันไม่สามารถตอบได้ทันที บางทีภาษาอังกฤษเราได้แหละ แต่เราต้องคิดเป็นภาษาไทย แล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบหรือพูดจา ไม่เหมือนบางคนที่ภาษาอังกฤษดี ๆ แล้วคิดเป็นภาษาอังกฤษ ตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ เอาละครับ เราจะเข้าไปสู่วันนั้น วันซึ่งคนไทยโศกเศร้ามาก และคุณได้ทำสิ่งนั้นไป มันเกิดขึ้นจากอะไรครับเดียร์ วันนั้นคุณอยู่ที่ไหน

เดียร์ : ตอนแรกเดียร์ทำงานอยู่ปกตินะคะ แล้วก็แบบ มันก็เริ่มเหมือนมีเพื่อน ญาติพี่น้องโพสข่าวมาให้ดูว่ามีอย่างนี้ อย่างนั้น

ไตรภพ : ตอนนั้นยังอึมครึมอยู่

เดียร์ : คือจริง ๆ ก็อึม แล้วเราก็รู้สึกว่า

ไตรภพ : ตอนนั้นทุกคน เดี๋ยวเราขอเล่านิดนึง วันนั้นกับวันล่วงหน้า เรารู้สึกว่ามีข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับพระองค์ท่าน มีข่าวอย่างโน้นอย่างนี้จนน่ากลัวมาก ๆ มีความรู้สึกว่า เอ๊ะ นี่มันจะถึงวันนั้นและหรือ

เดียร์ : ในตอนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องโกหก คิดว่าเป็นข่าวลือที่บางคนคะนองแล้วอาจทำขึ้นมา เหมือนอย่างที่ เหมือนเชื่อมั่นว่า เพราะว่าในหลวงไม่ได้ป่วยครั้งแรก ก็อยากจะเชื่อมั่นว่าพระองค์ท่านก็หายทุกที เหมือนกับเด็ก ๆ เคยตัว เคยตัวว่า เดี๋ยวท่านก็หาย

ไตรภพ :คุณจะพูดอย่างนี้ได้ไหม มันก็เหมือนกับเราก็บอกตัวเองตลอด เดี๋ยวท่านก็หายน่ะ อย่ามาพูดกับฉัน ฉันไม่เชื่อ พระองค์ท่านต้องอยู่กับเราตลอดไป

เดียร์ : ใช่

ไตรภพ : ความเชื่อที่บอกกับตัวเอง ครับผม แต่มันมาถึงจุดที่มันไม่เชื่อแล้วสิ มันถึงจะไป

เดียร์ : เพราะว่ามันเหมือน เหมือนสัญชาติญาณ มันไม่ได้แล้ว นั่งไม่ได้แล้ว นั่งไม่ติด นั่งไม่ได้จริง ๆ

ไตรภพ : นั่นสิ คุณเป็นใครถึงจะนั่งไม่ติด คุณก็เป็นคนธรรมดา ทำไมมันนั่งไม่ติด ใจมันเกิดอะไรขึ้นหรือ

เดียร์ : มันใจคอไม่ดี มันรู้สึกเหมือน มัน มันบอกไม่ถูกจริง ๆ มันเหมือนกับว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ แล้วเหมือนกับสิ่งนั้นกำลังจะหลุดลอยไปแล้ว จะลอยไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้ย ไม่ได้ ต้องไปอยู่ตรงนั้น ยังไงก็ตาม ต้องไปให้ได้แล้ว

เดียร์ : ไม่เคย




ไตรภพ : ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน โดยปกติแล้ว หมายถึงก่อนวันนั้น ก็ไม่ได้เป็นคนที่ไปเฝ้าพระองค์ท่านที่โรงพยาบาลศิริราช ไม่ได้เคยเป็นมาก่อน ไม่ได้เคยมีความประพฤติที่ว่าทุกอาทิตย์ต้องไปทุกวันนั้นวันนี้ไป ไม่เคยเลย แต่วันนั้นเป็นวันที่อยู่ดี ๆ ก็บอกว่า ไม่ได้แล้ว

เดียร์ : ไม่ได้แล้ว

ไตรภพ : ให้คนเข้าใจกันก่อน เดี๋ยวบางคนจะนึกว่าคุณไปโดยปกติอยู่แล้วไง

เดียร์ : ไม่ คือปกติถ้าเดียร์จะไป สมมติว่า ถ้าไปตามที่เขาจะมีให้ลงนามถวายพระพร ก็จะไปลงนามถวายพระพร แต่ไม่ถึงขนาดว่าต้องดั้นต้นดิ้นรนที่จะไป

ไตรภพ : วันนั้นดิ้นรนยังไง ไปยังไง

เดียร์ : คือวันนั้นนั่งทำงาน แล้วพอนั่งทำไม่ได้แล้ว เราก็เดินไปที่ตรงที่ทำงานของทางไอทีที่พี่อ้อยเขานั่งอยู่ เขาก็แบบปิดไฟเงียบหมด เราก็กลับมาที่โต๊ะ แล้วก็โทรศัพท์ถามพี่อ้อยว่าอยู่ที่ไหน

ไตรภพ : อ๋อ ไม่ได้อยู่ที่ทำงานแล้ว ตอนนั้นคุณอ้อยอยู่ที่ไหนครับ

อ้อย : สะพานตากสิน รอคิวที่จะลงเรือ

ไตรภพ : หมายความว่าอ้อยล่วงหน้าไปแล้ว โดยไม่ได้ปรึกษากัน

อ้อย : เปล่าคะ เราไม่ได้นึกถึง ลืมเขาด้วย ปกติเขาจะทำงานดึกค่ะ ก็เลยไม่รอแล้ว ไปเลย ถ้าเกิดรอก็อาจจะนานกว่านั้น

ไตรภพ : ได้ได้คุยกันเลย

อ้อย : ไม่ได้คุยค่ะ




ไตรภพ : แล้วอยู่ดี ๆ คุณโทรหาเขาได้ยังไง

เดียร์ : คือปกติเราจะกลับบ้านด้วยกัน แล้วเราก็เลยบอกว่า พี่อ้อยอยู่ที่ไหน พี่อ้อยบอกว่า พี่อ้อยกำลังจะไปศิริราช โอเคพี่ เดี๋ยวเดียร์ไป แล้วไปเลย เก็บของเลย

ไตรภพ : ไปเลยทันที ตอนนั้นกี่โมง

เดียร์และอ้อย : หกโมงกว่าแล้ว

ไตรภพ : หกโมงกว่าแล้ว ของวันที่

เดียร์ : ๑๓

ไตรภพ : ซึ่งตอนนั้น จริง ๆ แล้วพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว

เดียร์ : ค่ะ

ไตรภพ : แต่เราไม่รู้นะครับ ภาพที่เรายังไม่รู้ คุณไปศิริราช สิ่งที่คุณเห็นคืออะไร คุณอ้อย

อ้อย : คือเขาปิด ไม่ให้เห็น เขาไม่ให้เข้าค่ะ โรงพยาบาลเขาปิด ไม่ให้คนเข้า-ออก แล้วก็ ที่ลงค่ะ คือไปลงฝั่งสะพานที่เขาเขียนว่า เลยจากโรงพยาบาลศิริราชไป แล้วก็เลยไปลงที่ท่าน้ำนะคะ เข้าไปแล้วก็ เขาบอกให้เดินต่อไป แล้วก็ไปหยุดที่ประตู ๕ ค่ะ

ไตรภพ : คุณไปกับใคร

อ้อย : ไปกับน้องที่ทำงาน ชื่อน้องบอมม์ค่ะ น้องบอมม์เป็นคนที่ได้ข้อมูลมาก่อนว่า ในเฟซบุคของท่านใหญ่เปลี่ยนเป็นสีดำ เราก็เลยแบบ อะไรอะ ทำไม อะไรอย่างนี้ เราอยู่ไม่ติด น้องก้บอกว่า หนูอยากไปศิริราช เราก็เลยบอกว่า ไป เราก็ไป ก็เลยลืม ไม่ได้บอกเขาว่าเราจะไปไหน




ไตรภพ : แต่สุดท้ายแล้วก็ไปนัดเจอกัน

อ้อย : ก็คือระหว่างที่คุยโทรศัพท์กัน เขาบอกว่าให้ลงที่ท่านี้นะ

ไตรภพ : จะได้เจอกับเรา

อ้อย : ระหว่างที่โทรมาก็ให้เขายกมือว่าเขาอยู่ตรงไหนแล้วเราจะได้เห็นเขา

ไตรภพ : เห็นเขาไหม

เดียร์ : เห็น

ไตรภพ : ภาพบรรยากาศที่คุณไปวันนั้น ณ นาทีนั้น คุณลงไปเหยียบที่ตรงนั้น เป็นยังไง

เดียร์ : มันเงียบ...มันเงียบมาก มันเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เราเข้าใจว่า เงียบงันเป็นยังไง มันไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ คือมันอาจจะมีเสียงกระซิก แต่มันไม่ใช่เสียงร้องไห้โฮ คือทันทีที่เห็นบรรยากาศแบบนั้นมันก็รู้แล้วว่า พ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว

ไตรภพ : ทำไม ทานโทษนะครับ ทำไมคุณถึงผูกพันกับพระองค์ท่านขนาดนี้ คุณอายุ ๓๐ กว่า ในช่วงชีวิตของคุณไม่เหมือนในช่วงชีวิตของผม ซึ่งผมก็ค่อนข้างคิดว่าคนในช่วงชีวิตของผมคงจะเห็น และคงจะซึมซับเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากกว่า แต่ว่าในช่วงชีวิตของคุณซึ่งสำหรับผมถือว่าเป็นเด็ก ทำไมครับ




เดียร์ : เดียร์น่ะโตมาในครอบครัวคนจีน อากงมาจากเมืองจีน แล้วคือทุกคนก็สอนว่า เราต้องรักในหลวงนะ ในหลวงให้โอกาสแก่เรา แต่ในความที่เราเป็นเด็ก แล้วเราก็ไม่ได้โดยที่เราเห็นอะไร เราก็บอกไม่ได้ว่า ว่ารักเพราะอะไร แต่จริง ๆ ตอนแรกเดียร์ก็เอาจจะเหมือนกับว่ารักเพราะเขาบอกให้รัก แต่ตอนที่เดียร์ไบโอเทค ตอนปี ๓ ปี ๔ ได้ไป fieldtrip ไปดูที่วังสวนจิตร คือเราก็วาดภาพว่า ใคร ๆ ก็บอกว่า วังสวนจิตรเป็นบ้านธรรมดา ไม่ได้เป็นพระราชวังใหญ่โต เราก็คิดว่าคงเป็นบ้านธรรมดา อาจจะมีโครงการนิดหน่อย เราไม่คิดว่าจะเข้าไปอยู่ในห้องทดลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทุกที่ ๆ เราไป หนูไม่ได้เห็นแม้แต่บ้าน สิ่งที่หนูได้เห็นก็คือ ทุ่งนา โรงสีข้าว โรงรีดนมวัว แปลงเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เห็นทุกอย่างแต่ไม่ได้เห็นบ้านเลย ต้องบอกว่าในหลวงไม่ได้อยู่ในบ้าน ในหลวงอาศัยอยู่ในห้องทดลอง ห้องทดลองทั้งหมด ไม่เพื่อใครเลย เพื่อเราหมดเลย ไม่ได้เพื่อใครทั้งสิ้นเลย (เดียร์พูดเจือเสียงสะอื้น ทำให้คุณไตรภพก้มหน้ารู้สึกสะเทือนใจตาม)

แล้วเดียร์ก็มานั่งคิดว่า ในหลวงมีทุกอย่างขนาดนี้ จะทรงอยู่สุขสบายก็ได้ ทำไมต้องมาอยู่ลำบากขนาดนี้ล่ะ จะสร้างวังใหญ่แค่ไหนก็ได้ แต่เห็นแบบนั้นแล้วทำให้เรา มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรากลับมาดูว่าทรงทำอะไรบ้าง มีโครงการในพระราชดำริอะไรบ้าง ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องเหนื่อย เพราะตอนที่เดียร์โตมา ในหลวงก็แก่แล้ว เป็นคุณปู่ คุณตาแล้ว เป็นคุณปู่ คุณตาที่ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขนาดนั้นก็ได้ ท่านเลยวัยเกษียณแล้วค่ะ แต่คำว่าเกษียณยังมาไม่ถึงท่านเลย เพิ่งจะมาถึงนี่แหละ




ไตรภพ : โอ แต่ว่าผมเอง คุณผู้ชมคงเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ ทำไมวันนั้นคุณถึงบอกว่าคุณอยู่ไม่ได้แล้ว สิ่งเหล่านี้มันเพาะบ่มในใจคุณต่างหาก มันเลยทำให้คุณรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันทนอยู่ไม่ได้แล้ว ฉันต้องไป (เดียร์พยักหน้า) ไปก็ได้พบกับความเงียบงันที่เราได้พูดเมื่อสักครู่นี้ว่า มันเงียบกริบจริง ๆ มันเงียบจริง ๆ เดินไปหาอ้อย อ้อยอยู่กับน้องบอมม์ และอยู่กับเพื่อนอีกกี่คน

เดียร์และอ้อย : มีสามคน

ไตรภพ : แล้วได้ทราบข่าวคราวที่ชัดเจน ใครเป็นคนบอกว่าพระองค์ท่านสวรรคตแล้ว

เดียร์ : บอมม์บอกว่า พี่เดียร์...เราไม่มีในหลวงแล้วนะ ในหลวงไม่อยู่กับเราแล้ว

ไตรภพ : พอได้ยิน

เดียร์ : โลกมัน โล่ง มันขาวไปหมดเลย มันสว่าง มัน มันโพลน ทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมดเลย เดียร์พูดอะไรไม่ได้เลย

ไตรภพ : ตอนนั้นโลกมันขาวโพลนไปหมด

เดียร์ : สำหรับเดียร์ เดียร์คิดอะไรไม่ออก เหมือนทุกอย่างรอบ ๆ ตัวเราหยุดหมด หยุดทำงานหมดเลย เดียร์คิดอะไรไม่ได้ในหัว คิดแต่ว่า ไม่มีพ่อแล้วนะ เราไม่มีพ่อให้กราบแล้วนะ

ไตรภพ : ความรู้สึกตอนนั้นเต็ม ๆ เลย (เดียร์พยักหน้า) อ้อยเห็นน้องเขาไหมตอนนั้น เป็นเหมือนกันไหม

อ้อย : เขาปล่อยโฮค่ะ พอดีตอนนั้นเราอยู่ข้างบน อ้อยยืนอยู่ข้างบน จะบอกว่า ท่านไปแล้ว

ไตรภพ : ท่านไปแล้ว แล้วน้องปล่อยโฮเลย ร้องไห้

เดียร์ : เท่าที่พี่อ้อยรู้จักเดียร์มา เดียร์ก็ไม่เคยร้องไห้

ไตรภพ : ไม่ใช่คนที่มีความอ่อนไหวทางอารมณ์ จะควบคุมอารมณ์ได้ค่อนข้างดี แต่วันนั้นไม่อยู่แล้ว

เดียร์ : ไม่อยู่แล้ว (เสียงหายไปในลำคอ)




ไตรภพ : วันนั้นก็ มีเสียงว่าคนไหนพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เข้าใจภาษาอังกฤษบ้าง ใช่ไหม ใครเป็นพูดขึ้นมา ทราบไหม

เดียร์ : ได้ยินเสียงผู้หญิงค่ะ เป็นพี่ผู้หญิง ตอนแรกก็เห็น พอหันไปก็เห็นว่าเป็นพี่นักข่าว แต่ตอนแรกที่ได้ยิน ได้ยินพี่เขาตะโกนเรียกอยู่หลายครั้งว่า มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้างไหมคะ แถวนี้มีใครพูดภาษาอังกฤษได้บ้างไหม เขาพูดอยู่หลายครั้ง แล้วก็ไม่ได้มีใครตอบ แล้วทีนี้ เสียงเขาร้อนรนค่ะ เดียร์ก็เข้าใจว่าเขาอยากได้ความช่วยเหลือ เดียร์ก็เลยพูดก่อนที่เดียร์จะหันไปบอกว่า เดียร์พูดได้ พูดได้

ไตรภพ : อ๋อ ก่อนจะหันไปเห็นว่าคนพูดเป็นใครด้วยซ้ำ บอกว่าพูดได้ พูดได้ ครับ

เดียร์ :ต้องการให้เดียร์ช่วยอะไรบ้าง พี่เขาถึงเดินเข้ามา แล้วก็จับมือ แล้วก็ น้องสัมภาษณ์ CNN ได้ไหม ตอบไปเลยว่า ไม่เอา ไม่อยากพูด

ไตรภพ : เพราะ

เดียร์ : ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูด พูดไม่ได้

ไตรภพ : แล้วทำไงได้พูด มีใครมาบอก หรือมีใครมา

เดียร์ : บอมม์ กับ พี่อ้อย ทั้งสองคนบอก บอมม์บอกมาเลยว่า เจ้ พูดไปเลย เรามีโอกาส เราบอกไปเลยว่า บอกให้ทั้งโลกรู้ ว่าเรามีพ่อที่เจ๋งที่สุดในโลก พี่อ้อยบอกว่า น้องเดียร์พูดเถอะ มีโอกาสแล้วเราพูดเลย




ไตรภพ : ของแบบนี้ไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นในชีวิตใครได้เลยนะ มันเป็นเรื่อง ภาษาผม ผมแก่แล้ว เขาเรียกว่าเทพอุ้มสม ผมรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เขาจึงถามคำถาม วิล ริกลีย์ นักข่าว CNN คนนั้น ซึ่งสำหรับผม ผมชื่นชมเขาไปแล้ว เขาเก่งมาก แล้วให้เกียรติมาก แล้ววิธีการถาม ในการใช้คำถาม ความรู้สึกดีมาก ๆ คุณตอบ

เดียร์ : คำหนึ่งที่ทำให้อยากตอบ คือคำพูดที่ได้ยินตั้งแต่สมัยตอนเราเรียนอยู่เมืองนอก เขามักจะมองว่า คนไทยรักในหลวงเพราะในหลวงเป็นพระมหากษัตริย์ เรารักในหลวง เป็นสิ่งที่ปลูกฝังมา แล้วฝรั่งมักจะเรียกในหลวงว่า Soul of Nation บางคนก็เรียกว่าเป็น Living God

ไตรภพ : Soul of Nation เป็นจิตวิญญาณของชาติ Living God คือพระเจ้าที่มีชีวิต เป็นพระเจ้าแต่มีชีวิต เป็นมนุษย์

เดียร์ : เป็นเทวดาเดินดิน เราอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่า ไม่

ไตรภพ : ไม่ใช่




เดียร์ : มันไม่ใช่อะไรที่เป็นนามธรรมขนาดนั้นสำหรับเรา ในฐานะของเด็กคนหนึ่งซึ่ง ไม่แม้แต่จะเคยเห็นเสี้ยวธุลีของในหลวงเลย เราไม่ได้มองในหลวงว่าเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ ทุกสิ่งที่ในหลวงทำมันจำต้องได้ สิ่งที่ในหลวงทำทั้งหมด เวลากลับมาย้อนดู มันไม่ต่างอะไรกับ...พ่อแม่ทำให้เรา พ่อทุกคนอยากให้ลูกได้ดี พ่อทุกคนเหนื่อยได้ทุกอย่าง อาต๋อยมีลูกก็คงเข้าใจว่า คนที่มีลูกพยายามทำทุกอย่าง ตัวเองเหนื่อยไม่ว่า ลูกต้องสบาย ในหลวงทำอย่างนั้นกับคน ๗๐ ล้านคน

ไตรภพ : นั่นคือส่ิงที่คุณอยากจะบอกชาวโลก

เดียร์ : เพราะเราไม่ได้รักพ่อเพราะว่าเป็นอะไรแบบนั้น เรารักพ่อ เพราะพ่อรักเรา มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้มันสลับซับซ้อน เรารักพ่อเพราะพ่อรักเรา

ไตรภพ : ความรู้สึกตอนนั้นมันเกิดขึ้นอย่างนั้นเอง เป็นคำพูดที่ออกมาเองแบบนั้น แล้วไปได้เป็นขั้นเป็นตอนแบบนั้นเองเลย มันมาจากไหน

เดียร์ : มันเป็นสิ่งที่อยู่ในความรู้สึก เวลาใครถามถึงในหลวง เดียร์จะบอกว่า ในหลวงเป็นพ่อของแผ่นดิน ในหลวงมีลูกถึง ๗๐ ล้านคน ๗๐ ล้านปากที่ท่านต้องดูแล แล้วท่านก็อยากให้ทั้ง ๗๐ ล้านสบาย




ไตรภพ : โอ้โห คุณจะถ่ายทอดความรู้สึกนี้ให้คนรุ่นต่อจากคุณไหม

เดียร์ : ถ่าย เราจะบอกว่า เหมือนอย่างที่ใครเคยโพสแล้วเดียร์ก็คิดว่าจริง คือประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ดีที่สุดในโลก คนไทยไม่ใช่คนที่มีความสุขที่สุดในโลก เราไม่ได้มีเศรษฐกิจที่ดีมากมาย แต่เรามีในหลวงที่เจ๋งที่สุดในโลก เราเคยมีพระเจ้าแผ่นดินที่รักเราที่สุดในโลก แล้วก็มีพระเจ้าแผ่นดินที่ทำทุกอย่าง ทุ่มเททุกอย่าง ตลอด ๗๐ ปีไม่เคยผิดสัญญาเลย สัญญาในวันแรกที่บอกว่า จะทรงครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม พ่อไม่เคยผิดสัญญาเลย เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่เคยผิดสัญญา แล้วเราจะไม่รักคนที่รักมากขนาดนี้ได้ยังไง

ไตรภพ : ในครอบครัวคุณรู้สึกแบบนี้เหมือนกันไหม

เดียร์ : รู้สึก

ไตรภพ : หลังจากวันนั้น ละลาบละล้วงถามนิดเดียว ร้องไห้กี่หน

เดียร์ : กลับมาก็ ทุกทีที่เห็นพระบรมสาทิสลักษณ์

ไตรภพ : ร้องตลอด

เดียร์ : อยู่กับพี่อ้อยก็คือ นั่งบนรถไฟฟ้าก็ เนาะ เราก็ร้องไห้แล้ว

ไตรภพ : แล้วคนข้าง ๆ เวลาเขาเห็น

เดียร์ : ไม่แคร์แล้ว

ไตรภพ : เขาก็ร้องเหมือนกัน (สองสาวน้ำตาไหล ซับน้ำตากันทั้งคู่) ไปไหนก็เห็นแต่คนแต่งชุดดำหมด

เดียร์ : มันไม่แคร์อะ มันไม่แคร์เลย แล้วอย่างเวลาฟังเพลงสรรเสริญพระบารมีหรือเพลงสดุดีคือแบบ เราจะสดุดีให้ใคร เพราะคนที่เราอยากให้ฟังก็ไม่อยู่แล้ว จะสรรเสริญพระบารมีใคร




ไตรภพ : คุณได้ดูเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ทำกันหลายเวอร์ชั่น เป็นพี่น้องสามคน

เดียร์ : เห็น

ไตรภพ : ที่เขาร้องแล้วร้องไห้ไปด้วย คุณเห็นเพลงนั้น ไหวไหม (เดียร์ส่ายหน้า) ไม่ไหว ผมก็ไม่ไหว ผมมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน ที่เวลาเห็นเขาแล้วเหมือนกับที่ผมเห็นคุณในตรงนี้ ผมรู้สึกว่าผมเห็นคนที่จงรักภักดี ด้วยใจ ด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง ไม่ใช่นามธรรม เป็นรูปธรรม เป็นอะไรที่สามารถรับได้และพูดได้ ผมเห็นแบบนั้นจริง ๆ รู้สึกแบบนั้น คุณจะทำอะไรต่อไปในชีวิตนี้ คำถามยากนะ แต่เมื่อคุณรู้สึกอย่างนี้ คุณเป็นอย่างนี้ คุณทำแบบนี้ คุณคิดว่าคุณจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป ถ้าตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ผมก็ไม่ว่าอะไรนะ

เดียร์ : คงมีความรู้สึกเหมือนพี่อ้อยว่า เรารักพ่อนะ พ่อสอนเรา เราเป็นลูกที่ดี เราก็ต้องทำตามที่พ่อสอน

ไตรภพ : เพราะฉะนั้น การทำดีจะอยู่ที่ในใจคุณ

อ้อย : อยู่ที่การกระทำด้วยค่ะ




เดียร์ : เดียร์มองว่าการทำดีมันไม่ใช่แค่ว่าเราทำดี หรือว่าเราทำดีเพราะอะไร เพราะเหมือนทำดีเพราะใครสอนให้ทำ เดียร์มีความรู้สึกว่า อย่างพ่อทำให้เราดู พ่อไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้ดีแล้วจบ พ่อบอกว่ามันดีแล้วพ่อทำให้ดู แล้วพ่อพิสูจน์แล้วว่ามันดีจริง หลาย ๆ อย่างมันเป็นสิ่งที่ทำแล้วดีกับตัวเอง ไม่ได้ดีกับใครเลย แล้วเดียร์ก็เชื่อคำพูดของพ่อที่บอกว่า ถ้าเราทำของเราได้ดี แล้วอย่างอื่นก็จะดีไปเอง

ไตรภพ : นั่นสำคัญมาก ผมคิดว่านั่นเป็นอะไรที่มีประโยชน์ มีค่าที่ได้เก็บความทรงจำเรื่องราวดี ๆ อย่างนี้ไว้ในชีวิตของเรา สำคัญมาก ๆ สมมติเฉย ๆ ถ้าคุณมีอะไรจะบอกกับคนไทย ด้วยความเป็นเด็กของคุณ ด้วยความที่เป็นคุณ คุณอยากจะบอกว่าอะไร

เดียร์ : เดียร์อยากบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เดียร์ไม่ชอบที่สุดเลย แล้วก็เป็นสิ่งที่เดียร์ทำในครั้งนี้คือ อย่าให้ตัวเองพูดว่า รู้อย่างนี้ เพราะการที่เราพูดว่า รู้อย่างนี้ มันแปลว่าเราผิดพลาดไปแล้ว เดียร์อยากไปที่โรงพยาบาลศิริราช เดียร์อยากไปกราบ อยากไปเขียนคำถวายพระพร เดียร์อยากทำหลายอย่างมากเลย แล้วเดียร์ก็บอกกับตัวเองว่า เดียร์งานยุ่ง ยังไม่มีเวลาไป ไม่เป็นไรหรอก ด้วยความเคยตัวว่ายังไงพ่อก็ยังอยู่ แล้วพอถึงวันนี้แล้วก็ต้องบอกตัวเองว่า ถ้ารู้อย่างนี้ จะรีบไปตั้งแต่แรก

ไตรภพ : อย่าได้พูดคำนี้อีก จงสอนตัวเองว่าจงอย่ามีโอกาสในชีวิตที่จะได้พูดคำนี้อีก

เดียร์ : ใช่

ไตรภพ : วันต้องขอบคุณคุณเดียร์ ขอขอบคุณคุณอ้อย และสิ่งที่คุณได้ทำลงไป มันมีค่าจริง ๆ นะครับ มันอาจจะเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ มันอาจจะเป็นอะไรก็ตาม คุณอาจจะคิดว่าทำไปด้วยใจ แต่มันเป็นใจที่ดีมาก งดงามมาก ทำให้มีค่ามาก ๆ คนไทยทุกคนเห็นนะครับ ผมมีคำถามนึงซึ่งถ้าฟังจากคำพูดของคุณซึ่งผมก็น่าจะรู้คำตอบ แต่ผมยังอยากจะถามอยู่ดีว่า พระองค์ท่านเข้าไปอยู่ในใจของเดียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่

เดียร์ : อยู่มานานแล้วค่ะ ตอนเด็ก ๆ ท่านอาจจะอยู่เพราะท่านเป็นในหลวง แต่พอโตขึ้นมา ท่านอยู่เพราะว่าท่านเป็นพ่อ ลูกทุกคนรักพ่อ




ไตรภพ : อ้อยล่ะ

อ้อย : ที่บ้านมีพ่อกับแม่ก็จะสอนว่า ในหลวงเป็นในหลวงของเรานะ แล้วก็เคยไปรับเสด็จท่านตอนเล็ก ๆ เห็นเหมือนที่น้าต๋อยเห็นว่าท่านขับรถผ่านมา หรืออะไรแบบนี้นะคะ แต่ว่า ท่าน...ทำในสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้คิดไว้ แต่ท่านทำให้มันเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการฝนหลวง หรือว่ากังหันชัยวัฒนา ค่ะ

ไตรภพ : ขอบคุณมาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมชอบคำของคุณมาก ๆ ที่ว่า เมื่อก่อนชอบเพราะท่านเป็นในหลวง แต่คุณมารู้จักกับใจตัวเองเพราะว่าท่านเป็นพ่อ (เดียร์พยักหน้าหลายครั้ง) แล้วถ้าเกิดเดียร์อยากสื่อสารกับชาวโลก เดียร์อยากจะสื่อสารให้โลกเรารู้อะไรบ้าง ถ้าตอบได้ก็ตอบนะครับ ผมอาจจะคิดว่าเป็นคำถามที่ยากไปสักนิด แต่ว่าผมอยากให้น้องเดียร์พูด ถ้าได้ เชิญครับ




เดียร์ : ได้ค่ะ (เดียร์พูดภาษาอังกฤษ) สำหรับบางคนที่คิดว่าเรารัก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะเราถูกล้างสมอง เพราะถูกสอนมารุ่นต่อรุ่น แต่ฉันอยากจะบอกว่า เรารักพระองค์ท่าน ง่าย ๆ เลยก็เพราะพระองค์ท่านรักพวกเรา เราไม่ได้รักพระองค์ท่านเพียงเพราะทรงเป็นกษัตริย์ เราไม่ได้รักพระองค์ท่านเพราะพระองค์ทรงเป็นศูยน์รวมจิตใจของคนไทยทั้งหมด หรือที่บางคนพูดว่าเพราะพระองค์ทรงเป็นเสมือนสมมติเทพ เรารักพระองค์ท่าน เพียงเพราะพระองค์ทำทุกสิ่งเพื่อพวกเรา พระองค์ท่านทรงรักพสกนิกรของพระองค์มากที่สุด เสี่ยงแม้กระทั่งชีวิตของพระองค์ท่าน เพื่อให้เราพบกับความเจริญรุ่งเรือง ฉันเข้าใจค่ะว่า พวกคุณบางคนอาจจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ ฉันเข้าใจค่ะว่าที่คุณบางคนไม่ชอบพระองค์ท่าน ฉันเข้าใจค่ะว่า แม้ว่าคุณบางคนจะบอกว่าเกลียดพระองค์ท่าน แต่ฉันอยากจะบอกว่า นี่เป็นความรู้สึกของพวกเราที่มีต่อพระองค์ท่าน และเราจะรู้สึกขอบคุณพวกคุณอย่างมาก หากคุณให้ความเคารพความรู้สึกนี้ของพวกเราค่ะ

ไตรภพ : ขอบคุณคุณเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นคำปิดรายการของเราในค่ำคืนนี้ได้อย่างดีที่สุดแล้ว ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรงดงามยิ่งไปกว่านี้ ท่านผู้ชมครับ นี่คือรายการ “ธ สถิตในดวงใจ” เรื่องราวแบบนี้ เรื่องราวดี ๆ ที่เราจะนำเสนอต่อคนอื่นได้ ถ้าท่านมีเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ให้ส่งมาที่นี่ได้เลยนะครับ ตามที่อยู่ที่ขึ้นในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวอะไร ถ้าเป็นเรื่องราวดี ๆ เราจะได้บอกต่อกัน เราจะได้ซึมซาบความรู้สึกนี้ด้วยกัน วันนี้เวลาหมดแล้ว ขอบคุณ คุณเดียร์ คุณอ้อย ครับ

เดียร์ และอ้อย : ขอบคุณค่ะ

ไตรภพ : ขอบคุณมากทุกท่านมากที่ติดตามรายการมาโดยตลอด ลาไปก่อน สวัสดีครับ





























รักในดวงใจนิรันดร์ - CU Band




ธ สถิตในดวงใจ | ภัคชุดา โอวาทวรพร, นาฏยา ประคองทรัพย์








บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ ebaemi ไลน์จากคุณญามี่





Create Date : 30 ตุลาคม 2567
Last Update : 31 ตุลาคม 2567 9:39:17 น. 0 comments
Counter : 448 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณmultiple, คุณnonnoiGiwGiw, คุณ**mp5**, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณหอมกร, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmcayenne94, คุณเนินน้ำ, คุณtoor36, คุณทนายอ้วน, คุณปรศุราม, คุณสองแผ่นดิน, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณดอยสะเก็ด, คุณSweet_pills, คุณEmmy Journey พากิน พาเที่ยว, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณปัญญา Dh, คุณกะว่าก๋า, คุณกะริโตะคุง, คุณyosa, คุณtanjira, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณnewyorknurse, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร


BlogGang Popular Award#20


 
haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.