happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๗๖





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










นิทรรศการสดุดี 'สมเด็จพระพันวัสสาฯ-พระเทพฯ'


ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่ทรงสืบสานพระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจแห่งสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จัดนิทรรศการ "ศรีสวรินทิรากรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ" ณ วังสระปทุม


คุณชวลี อมาตยกุล กรรมการและเลขานุการมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า กล่าวว่า นิทรรศการครั้งนี้แสดงให้เห็นพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อบ้านเมืองมาตลอด เป็นแบบอย่างที่ดีจนองค์การยูเนสโกถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่น ๔ ด้าน ทั้งการศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข วัฒนธรรม และการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพินิจและทรงนำมาปฏิบัติสานต่องานในทุกด้าน ทั้ง ๒ พระองค์ทำเพื่อประชาชนเหมือนกัน คือ สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงให้ความสำคัญกับการศึกษาสตรี พระเทพฯ ทรงต่อยอดให้การศึกษาแก่ผู้ด้อยโอกาส มีโครงการตำรวจตระเวนชายแดน โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ให้มีคุณภาพชีวิตและภาวะโภชนาการดีขึ้น แล้วยังมีโครงการพัฒนาเด็กในต่างประเทศ






"พระเทพฯ รับสั่ง แม้คนของเรายังไม่ได้รับการศึกษาที่เต็มที่ แต่ต้องช่วยคนอื่น เพราะเราโตคนเดียวไม่ได้ ต้องโตทั้งภูมิภาค จึงเกิดโครงการพัฒนาเยาวชนในลาว พม่า เขมร บังกลาเทศ พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน" คุณชวลีกล่าว


ส่วนงานการแพทย์และสาธารณสุข คุณชวลีกล่าวว่า สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงริเริ่มงานหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในชนบท ๑oo กว่าปีมาแล้ว โปรดให้แพทย์ออกไปดูแลทุกข์สุขราษฎรที่เจ็บป่วยในถิ่นทุรกันดาร ทรงจัดสถานพยาบาล เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานไปรักษาพระองค์ที่ศรีราชา ชลบุรี ต่อมาพัฒนาเป็นโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่โรงพยาบาลทุกปี ปัจจุบันสมเด็จพระเทพฯ มีพระราชดำริให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ภาคตะวันออก นอกจากนี้สองพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของความมัธยัสถ์ ไม่ฟุ่มเฟือย และทรงให้ความสำคัญกับการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ พระพันวัสสาฯ ทรงเคยดำรงตำแหน่งสภาชนนีของสภากาชาดไทยและสภานายิกา ๓๕ ปี สมเด็จพระเทพฯ ทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เรื่องราวเหล่านี้ มูลนิธิฯ ต้องการเสนอถึงพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน หวังให้ทุกคนช่วยสืบสานพระราชปณิธาน






ด้านกรรภิรมย์ กังสนันท์ อนุกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่า จากการค้นคว้าทางวิชาการและเอกสารส่วนพระองค์สมเด็จพระพันวัสสาฯ พระองค์ทรงมีความประเสริฐทั้งพระราชดำริอันก้าวหน้าและพระราชกรณียกิจ เช่นเดียวกัน สมเด็จพระเทพฯ ทรงสืบสานพระราชปณิธานและพระอุปนิสัย ทรงส่งเสริมด้านการแพทย์ งานโภชนาการ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา ทุ่มเทพระราชกรณียกิจเพื่อสาธารณประโยชน์


ภายในนิทรรศการแบ่งออกเป็น ๒ ภาค ภาคที่ ๑ สว่างวัฒน์เทพรัตนานุประวัติ ในส่วนนี้มีพระราชประวัติสมเด็จพระเทพฯ พระราชปนัดดาสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า แสดงพระราชประวัติการศึกษาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ มีการแสดงภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศและพระอิสริยศักดิ์ เฉลิมพระนามในพระสุพรรณบัฏเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สบามบรมราชกุมารี และการทรงงานเป็นพระอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า






ภาคที่ ๒ พันวัสสาราชปนัดดาราชกรณียานุวัตร แสดงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพฯ ทรงบำเพ็ญเพื่อชาติตามรอยพระยุคลบาทพระพันวัสสาฯ ทั้งด้านพัฒนาการศึกษาของชาติไทย การแพทย์และสาธารณสุข การอนุรักษ์สมบัติวัฒนธรรม และงานสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ โครงการในพระราชดำริมุ่งช่วยประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ อีกทั้งมีพระกรุณาธิคุณแก่เพื่อนมนุษย์ต่างชาติ นิทรรศการนี้จัดแสดงข้อมูล พระฉายาลักษณ์ และภาพเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของทั้ง ๒ พระองค์​


นอกจากนี้ยังมีการนำสิ่งของใช้ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม เป็นการแสดงให้เห็นถึงพระอุปนิสัยต่าง ๆ อาทิ กระเป๋าทรง ที่ใช้บรรจุสิ่งของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ เช่น เครื่องเขียน กล้องถ่ายรูป วิทยุ ที่จะทรงหยิบใช้ระหว่างประทับบนเครื่องบินทุกครั้งที่เสด็จฯ ต่างประเทศ ทรงใช้เป็นประจำจนขาดจึงเลิกใช้ ข้าราชบริพารจึงตั้งฉายากระเป๋าทรงองค์นี้ว่า "คุณเหี่ยว", คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ทรงใช้ แสดงถึงความประหยัด, เครื่องเล่นเทป ทรงใช้ฟังแถบบันทึกเสียงการสอนของพระอาจารย์ที่จุฬาฯ ซึ่งทรงเรียกอย่างขัน ๆ ว่า "เทปาจารย์" แสดงถึงทรงใช้ความวิริยอุตสาหะมากในการศึกษา, ดินสอสีไม้ ดินสอสีเทา ทรงใช้จนหมด บ่งบอกถึงความมัธยัสถ์ แล้วยังมีเครื่องดนตรี อาทิ ซอกระป๋อง ทำด้วยกระป๋อง เครื่องดนตรีทรัมเป็ต แรกทรงหัดทรงใช้ทรัมเป็ตซื้อจากร้านแถวคลองถมราคาพันกว่าบาท เมื่อทรงได้ชำนาญแล้วจึงเปลี่ยนเป็นทรัมเป็ตคุณภาพดีขึ้น เป็นต้น






ผู้สนใจชมนิทรรศการ "ศรีสวรินทิรากรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ" และพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ณ วังสระปทุม เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ถึงวันที่ ๓o เมษายน ๒๕๕๘ ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๑๕.oo น. สามารถจองเข้าชมได้ที่ o-๒๒๕๑-๓๙๙๙ ต่อ ๒o๑-๒o๒ ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๑๕o บาท นักเรียน/นักศึกษา ๕o บาท พิพิธภัณฑ์ฯ มีร้านจำหน่ายสิ่งของที่ระลึกเปิดให้บริการ รายได้ทั้งหมดสมทบทุนการดำเนินของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า.



พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
thairath.co.th
บล็อกคุณ Tui Laksi














งานศิลปาชีพฯ สวนอัมพร


านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ ประจำปี ๒๕๕๗


๑๑-๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ สวนอัมพร


เหลือเวลาอีก ๒ วันเท่านั้น เรายังมีผ้าไหม


มาเพิ่มทุกวันโดยเฉพาะโชนผ้าชิ้นและผ้าปลายไม้


อีกทั้งผ้าชาวเขาน้ำท่วมที่สวยราคาแสนถูก



=ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคงานศิลปาชีพฯ














๓ หน่วยงานร่วมสร้างพระพุทธนาคินทรารักษ์ ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพฯ


ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และในโอกาสที่โรงเรียนจิตรลดาจะมีอายุครบ ๖o ปี โรงเรียนจิตรลดา, สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนจิตรลดา และกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับพระราชานุญาตให้ร่วมกันจัดสร้าง “พระพุทธนาคินทรารักษ์” เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก ซึ่งเป็นปางประจำวันพระราชสมภพ ขนาดหน้าตักกว้าง ๖o นิ้ว องค์พระหล่อด้วยทองเหลืองปิดทอง พญานาค ๙ เศียร มีรายละเอียดที่ประณีตงดงาม เป็นปูนปั้นฝีมือช่างสกุลเพชรบุรี ขนดหาง ๕ ขด หมายถึง ๕ รอบพระชนมายุ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนาม “พระพุทธนาคินทรารักษ์” ซึ่งมีความหมายว่า พระพุทธรูปที่มีพญานาคคุ้มครองรักษา


นอกจากนี้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ ผงชนวน และมวลสารส่วนพระองค์สำหรับบรรจุที่พระเกศ โดยจะนำไปประดิษฐาน ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดน่าน ตรงข้ามพระตำหนักธงน้อย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน พร้อมทั้งจัดสร้างพระพุทธรูปบูชาขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว เนื้อทองเหลืองปิดทอง นาครมดำ สลักเลขลำดับตามจำนวนจัดสร้าง และเหรียญพระพุทธรูปที่ระลึก ทั้งทองคำ เงิน และทองแดง ด้านหน้าเป็นพระพุทธนาคินทรารักษ์ ด้านหลังประดับอักษรพระนามาภิไธย “ส.ธ.” ในโอกาสนี้ด้วย โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเททองและทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระพุทธนาคินทรารักษ์ ครั้งแรก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันที่ ๑๘ ธันวาคมนี้ ส่วนพิธีพุทธาภิเษกครั้งที่ ๒ และ ๓ จะจัดในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดพระเชตุพนวิมล มังคลารามฯ จากนั้นจะประกอบพิธีเบิกเนตรที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร จังหวัดน่าน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
manager.co.th














ชม “เผ่า รัก ป่า” ณ เทศกาลศิลปะน่าน ครั้งที่ ๒


หลังจากที่เคยมีการจัดงาน เทศกาลศิลปะน่าน (Nan Arts Festival) ครั้งที่ ๑ ตอน “น่าน เนิบ เนิบ “ ไปเมื่อปี ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการนำกระบวนการทางศิลปะมาเป็นสื่อหลักในการเชื่อมโยงและขับเคลื่อนให้เกิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืน เร็วๆนี้ ศิลปินหลากแขนงกำลังจะกลับมาสร้างสรรค์ผลงานให้ชมอีกครั้ง ผ่าน “เทศกาลศิลปะน่าน ครั้งที่ ๒” ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ สองฝั่งแม่น้ำน่าน (ในเขตเมือง) โดยเทศกาลในครั้งนี้มีชื่อตอนว่า “รักษ์ป่าน่าน” และจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “เผ่า รัก ป่า”


ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ผืนป่า แม่น้ำ และภูเขาในจังหวัดน่าน ที่นับวันเสื่อมโทรมลง เนื่องจากการใช้งานทรัพยากรที่มีมากกว่าการรักษาหรือปลูกสร้างขึ้นใหม่ จึงได้น้อมนำและเดินตามแนวทางพระราชดำรัสของ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ ๒๔ กันยาน ๒๕๓๔ ความว่า


“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า”


อีกทั้งได้ยึดแนวทางปฏิบัติตามแนวคิด “รักษ์ป่าน่าน” ตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้แนวทางในการรักษาป่าไม้ โดยมุ่งเน้นไปที่เด็กและเยาวชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการอนุรักษ์ป่า










กิจกรรมที่น่าสนใจในเทศกาลศิลปะน่าน ครั้งที่ ๒ ได้แก่


>>กิจกรรมที่มีศิลปินแห่งชาติ ศิลปินที่มีชื่อเสียงศิลปินที่มีผลงานดีเด่น ศิลปินพื้นบ้านหลายสาขา มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในแขนงที่ตัวเองถนัด เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสารอันทรงพลังและเป็นรูปธรรมที่เข้าใจง่าย เพื่อขับเคลื่อนให้ผู้เข้าชมงานไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อม

>>กิจกรรมเวิร์กช็อปโดยศิลปินแห่งชาติและศิลปินระดับชาติ ร่วมกับศิลปินพื้นบ้านและผู้สนใจที่จะเรียนรู้ศิลปะ

>>การแสดงผลงานศิลปะของ หอศิลป์ริมน่าน, สุดฤทธิ์แกลเลอรี่ และห้องสมุดบ้าน ๆ น่าน ๆ

>>การจัดแสดงแฟชั่นโชว์ อันเป็นผลงานออกแบบแฟชั่นเที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของความเป็นน่านและงานศิลปะ

>>การแสดงผลงานศิลปะประเภทจัดวางร่วมสมัย ที่ผลงานศิลปะจะถูกจัดวางไว้บริเวณป่าเศรษฐกิจในอำเภอบ่อเกลือ มณีพฤกษ์ บ้านหลวง และนาน้อย พร้อมกับมีศิลปะการแสดงสด (Performance Art) ให้ได้ชมอย่างเพลิดเพลินควบคู่กันไปด้วย

>>การแสดงผลงานภาพถ่าย จะมีช่างภาพฝีมือดีที่มีชื่อเสียงและมีผลงานดีเด่น สร้างสรรค์งานภาพถ่ายที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมในจังหวัดน่าน รวมตัวกันมาถ่ายทอดมุมมองผ่านภาพถ่ายให้ได้ชม

>>>กิจกรรมด้านวรรณกรรม จะจัดให้มีการเสวนาและค่ายวรรณกรรม โดยนักเขียนชื่อดังมาร่วมเป็นวิทยากร

>>การแสดงดนตรีจากศิลปินมากมาย อาทิ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่จะมาร่วมขับขานบทกวีร่วมกับการแสดงดนตรีของวงคันนายาว ,การเล่านิทานผ่านเสียงดนตรีและภาพวาดจาก อ.เทพศิริ สุขโสภา ,คอนเสิร์ตจากน้าหงาและวงคาราวาน, วงนั่งเล่น ,วงสินเจริญบราเธอร์ส , การแสดงดนตรีพื้นเมืองของศิลปินญี่ปุ่น Yayoi Kawahara รวมทั้งศิลปินสร้างสรรค์ดีเด่นและดนตรีที่มีเอกลักษณ์ใน จ. น่านอีกมากมาย ซึ่งจะจัดแสดงให้ชมทุกวัน

>>ชมหนังสั้น จากผู้กำกับฝีมือดีที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสั้น พร้อมกับมี 3 นักแสดงชื่อดัง ณเดชน์ คูกิมิยะ นักแสดง และนายแบบหนุ่มสุดฮอต ผู้ได้รับรางวัลผลงานดีเด่นในวงการบันเทิงมากมายนับไม่ถ้วน, สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงสาว พิธีกร มากความสามารถ และธันวา สุริยจักร นักแสดงหนุ่ม เพื่อนสนิทของณเดชน์ คูกิมิยะ มาร่วมกิจกรรม ซึ่งนักแสดงทั้งสามล้วนศึกษาอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์และวีดีทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยเขาและเธอจะนำหนังสั้นเกี่ยวกับเมืองน่านซึ่งเขียนบทและกำกับเอง มาฉายให้ได้ชมกัน พร้อมทั้งพูดคุยถึงแรงบันดาลใจ ที่มาที่ไป กันอย่างเต็มอิ่ม


ดังนั้นเดือนแห่งความรัก กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ อย่าลืมแวะไปเยือนเมืองน่าน ชม “เผ่า รัก ป่า” ใน “เทศกาลศิลปะน่าน ครั้งที่ ๒”











































ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














เทศกาลหนังข้างวัด


เทศกาล หนังข้างวัด "งานวัด กาดหมั้ว ขายครัว ดูหนังรักฉากเชียงใหม่" วันที่ ๒๔ - ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ มีงานฉายหนังพร้อมกับเทศกาลสนุกสนานขนาดย่อม ๆ บรรยากาศงานวัด ของกินพื้นเมือง กิจกรรมเล่นสนุก มีบูทขายสินค้าทั้งของแฮนด์เมด โฮมเมด และอื่น ๆ อีกมากมาย


ที่สำคัญมีหนังกลางแปลงฉาย ทุกวัน~ บัตรเข้างานราคา ๒o บาทเท่านั้น! มีจำหน่ายที่หน้างาน
หางตั๋วสามารถนำมาใช้สอยดาวชิงรางวัลได้อีกด้วย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคงาน


































ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์ ๒๔ ธ.ค. ๒๕๕๗













ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์ ๒๔ ธ.ค. ๒๕๕๗













ภาพและข้อมูลจากนสพ.โพสต์ทูเดย์ ๒๕ ธ.ค. ๒๕๕๗













คอตอาราบิก ศิลปะแห่งชีวิต


วันนี้ขอนำเสนอการเขียน “คอตอาราบิก” หรือ คัดลายมือภาษาอาหรับ ศิลปะและจิตวิญญาณแห่งการถ่ายทอด ออกมาเป็นผลงานอันสวยงาม โดยผ่านลายมือของนักศึกษามุสลิมไทย จนเจ้าของภาษาอาราบิกเองยังตะลึง "นัสตารอ บาซอ บินฮัจญีฮาวัน" นักศึกษา ม.อัซฮัร คณะศาสนศาสตร์ ปี ๔ จาก จ.นราธิวาส เป็นลูกคนที่ ๔ ของ มะยาซิ บาซอ กับ ซากีนะห์ วี มีอาชีพบริการการท่องเที่ยวประกอบพิธีฮัจญ์ มีพี่น้อง ๘ คน จบการศึกษาศาสนาระดับชั้นมัธยมปลายศาสนา และสามัญระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่โรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม พ่อมิ่ง ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี และตัดสินใจมาเรียนมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ปี ๒oo๘


นัสตารอ รักในการเขียนคัดอาหรับ จึงไปเรียนที่มูลนิธิฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมและการพัฒนาสังคม หรือภาษาอาหรับ เป็นศูนย์การศึกษาของเอกชน ไม่มีการออกค่าใช้จ่ายใด ๆ เป็นศูนย์เรียนฟรี มีนักเรียนไทยประมาณ ๒o คน เป็นนักศึกษาชาวอียิปต์และชาวต่างชาติ เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีซีย สิงคโปร์ กัมพูชา จีน ญี่ปุ่น ไนจีเรีย จอร์แดน ซีเรีย รัสเซีย ปากีสถาน ปาเลสไตน์ อเมริกา


ที่เลือกเรียนคัดภาษาอาหรับนั้น เพราะเป็นอักษรศิลป์ในแบบอิสลามและเป็นภาษาแห่งคัมภีร์อัลกุรอาน สถาบันแห่งนี้เป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ การเรียนการสอนแบบเคร่งครัดในด้านคัดภาษาอาหรับและอัลกุรอานและมากอมาต (อ่าน กุรอาน แบบกอรี) ซึ่งการคัดภาษาอาหรับมี ๒ ประเภท ได้แก่ ๑. การคัดภาษาอาหรับแบบดั้งเดิม คือการเขียนตามกฎเกณฑ์ที่นักคัดภาษาอาหรับสมัยก่อนได้วางไว้ ๒. การคัดภาษาอาหรับแบบประยุกต์ คือการเขียนอักษรแบบศิลปะที่ออกนอกกฎเกณฑ์ เน้นการสื่อความหมายและความสวยงาม โดยบังคับให้ได้รูปร่างอย่างตั้งใจ และทําเป็นลวดลายต่าง ๆ ที่ดูงดงามและดูมีพลัง


ศิลปินมุสลิมในยุคปัจจุบันได้พัฒนางานเขียนตัวอักษรแบบโบราณในวิธีใหม่แบบตัวเองผสมผสานระหว่างแบบดั้งเดิมกับแบบประยุกต์ผสมกันอย่างลงตัว การพัฒนาการทางศิลป์ด้านนี้ของมุสลิมยังเดินอยู่และก้าวต่อไปเรื่อย ๆ การคัดแบบดั้งเดิมที่นํามาใช้กันส่วนใหญ่จะแบ่งออกมาเป็น ๗ หรือ ๘ ชนิด ดังนี้ รุกอะห์ ดีวาน ดีวานญาลีตะอ์ลี้ก นะซัค สุลุซ กูฟี มักรีบี เป็นต้น


การคัดภาษาอาหรับเริ่มต้นด้วยตัวอักษร อักษรแต่ละตัวมีรูปร่างต่างกัน การเขียนเริ่มจากขวาไปซ้าย คัดภาษาอาหรับเนื่องจากอักษรอาหรับเป็นอักษรที่มีความสำคัญในศาสนาอิสลาม เพราะคัมภีร์อัลกุรอานเขียนด้วยอักษรนี้ อักษรนี้จึงมีใช้แพร่หลายในกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลาม อาจารย์เจ้าของภาษาที่มาจากประเทศโมร็อกโกและอาจารย์ชาวอียิปต์เอง มีวิธีการสอนให้ผู้เรียนสนุก นักเรียนแต่ละคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปศึกษา ต้องมีระเบียบวินัย เชื่อฟังและปฏิบัติตามอาจารย์ผู้สอนเป็นอย่างดี มีความอดทนสูง ความสำเร็จจะตามมาอย่างแน่นอน


ทั้งนี้ การคัดเขียนอักษรภาษาอาหรับหรือภาษาไหน ๆ ก็ตาม อาจเป็นภาษาไทยเราก็ดี ประโยชน์ของการคัดลายมือจะทําให้เรานั้นได้ฝึกฝนคัดเขียนตัวหนังสืออย่างถูกต้อง นอกจากเพื่อความสวยงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ยังช่วยในการฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














Drawing out the best in me


ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการกำหนดเวลา รางวัลทางศิลปะที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลทำให้ฉันได้กลับไปยังสื่อกลางของการวาดภาพที่หายไปนาน และการหยุดพักจากงานตัดกระดาษที่ทำอยู่ประจำของฉัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ฉันรู้สึกกระหายที่จะทำงานสร้างสรรค์ ซึ่งฉันก็มัวแต่พลักความคิดเกี่ยวกับความชอบของการเคลื่อนไหว การศึกษาและโครงงานต่าง ๆ ออกไปอยู่นั่น จนในที่สุดตอนนี้ฉันก็ได้ข้อแก้ตัวที่สุดเฟอร์เฟคที่จะหันมาทำงานศิลปะอีกครั้งหนึ่ง


ฉันวาดใบหน้าของผู้หญิง โดยใช้หน้าของฉันเป็นแบบเอง แต่ก็ยังไม่ได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง การใช้หน้าของฉันเป็นแบบเองเนี่ยเป็นอะไรที่สะดวกมาก เพราะว่าฉันสามารถมองหน้าตัวเองเมื่อไรก็ได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับความงามแบบญี่ปุ่นตามประวัติของฉัน ฉันรู้อยู่แล้วว่า ทรงผมแบบไมโกะ เกอิชา จะต้องเข้ากับใบหน้านี้ได้อย่างเหมาะเจาะที่สุด ส่วนนกพิราบบนศีรษะของเธอนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากครอบครัวของนกที่อาศัยอยู่แถวบ้านของฉัน การติดนกเข้าไปอยู่ในก้อนผมของเธอนั้นมันช่างทำให้งานชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์ที่สุด


ไม่กี่วันถัดมา ฉันก็เริ่มที่จะวาดอีกครั้ง – อีกครั้งหนึ่งกับการจัดเตรียมใบหน้า, เครื่องประดับศีรษะและตัวนก ซึ่งคราวนี้จะไม่มีการกำหนดเวลา มีเพียงแต่การยกย่องสัญชาตญาณล้วน ๆ ที่นำไปยังความคิดที่มองเห็นได้ ซึ่งติดอยู่ทางด้านหลังในหัวของฉันมานานเกินไปแล้ว ภาพวาดที่สองก็ใช้ใบหน้าของฉันอีกเช่นกัน แต่เน้นไปในส่วนของรายละเอียดมากขี้นในครั้งนี้ ฉันเริ่มที่จะมีความซื่อสัตย์กับลักษณะบนใบหน้าของฉันมากขี้นมาอีกนิด เพราะเช่นนั้นเอง จึงเกิดเป็นภาพวาดที่นำฉันให้เข้าไปใกล้กับความคล้ายคลึงที่แท้จริงมากยิ่งขี้นไปอีก และแล้วก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนทางอันยาวนานถึงหนึ่งเดือนในการสร้างชุดผลงาน ซึ่งแสดงออกมาให้เห็นถึงหนึ่งในช่วงเวลาตลอด ๒๗ ปีของฉันอย่างเป็นรูปเป็นร่างและมีการปรับเปลี่ยนมากที่สุด






ฉันค้นพบความรักที่หายไปนานของความเรียบง่ายในการใช้ดินสอและกระดาษ มันเป็นสื่อกลางที่ฉันลงมือทำอย่างชัดเจนตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนสอนศิลปะ เพราะสามารถลบและเขียนขี้นมาใหม่ได้ ฉันพบว่า ฉันคงจะกลัวที่จะผิดหวังในการวาดภาพมากเกินไป จึงกลับรักความท้าทายในการทำเครื่องหมายอย่างถาวรด้วยปากกาหรือการตัดกระดาษมากยิ่งขี้น


แต่บางอย่างเกี่ยวกับความสามารถในการวาดโครงร่าง ไปจนถึงรายละเอียด และการวาดภาพขี้นมาใหม่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการจริง ๆ ในขณะนี้ สำหรับช่วงที่ดีในหนึ่งทศวรรษที่ฉันได้สร้างรูปแบบให้กับตัวเองในการปล่อยตัวปล่อยใจไปบนการตัดสินใจอันแน่วแน่ ซึ่งยากที่จะเปลี่ยนกลับในชีวิตของฉัน (เช่นเดียวกับการตัดกระดาษ) และตอนนี้ฉันรู้สึกสนุกเพลิดเพลินกับโอกาสที่มุ่งเน้นไปยังสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความทุ่มเท และอาจจะต้องมีการขัดเกลาและให้คำจำกัดความใหม่ได้เช่นกัน


ชุดภาพวาดเป็นสิ่งแรกที่ช่วยบรรเทาจินตนาการของฉันเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับนกเหล่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับจินตนาการภาพปลาตามปกติของฉัน ฉันค้นพบว่า พวกมันเป็นความสุขที่ได้วาดภาพ รูปร่างของพวกมันมีเส้นเป็นเหมือนของเหลวและมีส่วนโค้ง ประกอบกับความท้าทายของการหยิบยกในรายละเอียดอย่างซับซ้อนภายในขนของพวกมัน แต่พวกมันยังเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพอีกด้วย พวกมันเกือบทั้งหมดมีความสามารถในการบิน พวกมันเป็นตัวแทนของสภาพจิตใจที่ฉันปรารถนาเช่นเดียวกับลักษณะสำคัญที่มองเห็นได้






ฉันย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านที่มีฟาร์มปลูกข้าวเล็ก ๆ ในชนบทในช่วงปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ที่เคยว่างร้างมานานกาลครั้งหนึ่งซึ่งฉันพักพิงอยู่นั้น บัดนี้พร้อมที่จะเปิดให้เข้าพักอีกครั้ง ด้วยการปลูกต้นไม้และพืชพันธุ์ใหม่ ๆ และการนำน้ำและถังหมักขยะมาใช้ จึงมีนกหลายหลายสายพันธุ์เข้ามาอยู่อาศัยในฐานะเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย ต่างก็เข้ามาทำรังอยู่ใต้หลังคาของโรงเก็บของแสนลับขนาดใหญ่ของเรา ซึ่งตอนนี้กลายเป็นรังของครอบครัวนกพิราบและนกกระจอกที่บินเข้าออกรังของมันแล้ว


ในระหว่างการพักผ่อนจากการวาดภาพอย่างจริงจังของฉัน ฉันกลับพบว่า ตัวเองกำลังเฝ้าสังเกตอย่างตั้งอกตั้งใจว่า ชีวิตของนกประเภทไหนที่เข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณเดียวกันกับฉันด้วย ฉันเริ่มที่จะเฝ้าดูนกในช่วงระหว่างเวลาเข้าเรียนในตอนเช้าและตอนบ่าย โดยเฝ้ามองดูทุ่งข้าวและการปรากฎตัวเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ของบรรดานกทั้งหลายที่บินจากต้นนี้ไปต้นนั้น ฉันจะพยายามที่จดจำรูปร่างลักษณะทางกายภาพของนก แล้วไปค้นหาชื่อของพวกมัน ซึ่งดูเหมือนว่า มีนกกะปูด นกกางเขนบ้าน นกกระเรียน นกและไก่กลุ่มเล็ก ๆ อยู่มากมายในหมู่บ้านแห่งนี้ โดยทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นหัวข้อที่สำคัญในองค์ประกอบการภาพวาดในแต่ละวันของฉัน


เครื่องประดับศีรษะในแต่ละภาพวาดถูกนำมาวิจัยในตอนแรกจากมรดกทางญี่ปุ่นของฉันโดยใช้ทรงผมแบบไมโกะ เกอิชา และหมวกนักรบซามูไร ทันทีที่ก้าวออกมาจากความเคยชินเดิม ๆ ที่ทำอยู่ของฉัน ฉันก็เริ่มค้นหาแรงบันดาลใจจากการออกแบบของไทย, อินเดีย, ยูเครนและการออกแบบในยุคสมัยกลาง เครื่องประดับศีรษะแต่ละอันที่เลือกไว้มีส่วนสำคัญมากในการทำให้ส่วนที่ขาดหายไปขององค์ประกอบเสร็จสมบูรณ์ และต้องมีการกระตุ้นที่มองเห็นได้






การนำทุกองค์ประกอบภาพที่มองเห็นได้เหล่านี้มาใช้ ฉันจบลงด้วยการหมกมุ่นตัวเองอยู่กับในรูปแบบการวาดภาพในแต่ละวัน โดยเริ่มต้นทุกวัน ณ เวลา ๙ นาฬิกา ด้วยการวาดใบหน้าแล้วตามด้วยเครื่องประดับศีรษะ ต่อด้วยนก และสิ้นสุดลงในตอนเที่ยงวัน ซึ่งฉันรู้สึกพึงพอใจกับชิ้นงานที่ทำเสร็จในครึ่งวันนี้ สูญญากาศของพลังงานความคิดสร้างสรรค์นั้นช่างเสพติดและสุขสบาย มันช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลที่เข้ามาอยู่ภายในจิตวิญญาณที่เกี่ยวกับปัญหาหลายอย่างของฉัน มันได้ให้ช่องทางสำหรับฉันที่จะเชื่อมต่อการเดินทางในการแสดงความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ดังที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนบนภาพวาดด้วยเช่นกัน รูปลำตัวของแต่ละภาพวาดวาดขี้นโดยปราศจากเสื้อผ้า ปล่อยให้เห็นร่องรอยของความเปลือยเปล่าในรูปแบบเงาของท่อนบนและไหล่เปลือย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าก่อนว่า ฉันได้ปลุกความรู้สึกอันเปราะบางที่เปิดเผยให้เห็นถึงผิวเปลือยและอารมณ์สด ๆ จากภาพแต่ละภาพ ฉันรู้สึกสบายใจมากขี้นเรื่อย ๆ ที่จะเผชิญหน้ากับตัวตนของฉันเอง ซึ่งต่อมาก็ได้แปลไปเป็นผลงานทางดินสอบนกระดาษ ภาพวาดนี้ได้กลายมาเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเดินทางไกลเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง ซึ่งฉันได้ทำหายไว้ที่ไหนสักแห่งในระหว่างหัวใจที่แตกสลายและสภาพจิตใจที่หายไป






สำหรับภาพวาดสุดท้ายในชุดซีรีย์นี้ โดยรวมแล้วมีความยากมากที่สุดที่จะทำให้เสร็จสมบูรณ์ – สาเหตุหลักเป็นเพราะฉันรู้อยู่แล้วว่า มันจะเป็นการวาดครั้งสุดท้าย โดยปราศจากสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวของเครื่องประดับศีรษะอันสวยงาม ตัวฉันเองได้เข้ามาอยู่ในสภาพทางอารมณ์ที่เป็นปัจจุบันมากที่สุดของฉัน ผมของฉันถูกตัดออกสั้นหลังจากการแวะไปที่ร้านทำผมอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อ ๓ เดือนก่อนหน้านี้ ฉันวาดใบหน้าเสร็จก่อนเป็นอันดับแรกและยังไม่มั่นใจว่า ควรจะใช้นกตัวไหนประดับบนศีรษะของเธอ ฉันทิ้งภาพวาดไว้ค้างคืน


วันรุ่งขึ้นฉันรู้เลยว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้กระบรวนการการระบายทางอารมณ์นี้สำเร็จก็คือ การกลับไปการวาดภาพในครั้งแรก และกลับไปยังนกพิราบ – นกที่วาดไว้ในครั้งแรก ในลักษณะที่เกาะอยู่บนหัวที่เปลือยเปล่า ปีกที่กางออกและพร้อมที่จะบินออกไป และแล้วการวาดภาพครั้งที่ ๑o และครั้งสุดท้ายของฉันในชุดนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ ฉันได้กู้คืนความเชื่อของตัวเองที่ฉันคิดว่า ฉันได้ทำมันหายไปในความกลัวของอดีตที่ผ่านมาและความวิตกกังวลของอนาคต ฉันยังรู้สึกได้ถึง ความรู้สึกโล่งอกที่ล้นหลามและความผิดหวังที่ดูเหมือนจะจบสิ้นแล้ว แต่ฉันก็พอใจในสิ่งที่สร้างขึ้นมา ภาพวาดชุดซีรี่ย์นี้ได้ดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวฉันออกมา ฉันไม่เคยรู้สึกพร้อมอย่างนี้มาก่อนสำหรับบทถัดไปในงานศิลปะและในชีวิตของฉัน







ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














Akira Kurosaki’s Woodcuts


นำเสนอผลงานภาพพิมพ์ 3 ชุด ของศิลปินระดับแนวหน้าในวงการศิลปะภาพพิมพ์ร่วมสมัยจากประเทศญี่่ปุ่น อากิระ คุโรซากิ โดยเลือกสรรผลงานชุด Forbidden Zone ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นจากความสะเทือนใจในเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ผลงานชุด Eight Views of Ōmi สร้างสรรค์ขึ้นด้วยเทคนิคภาพพิมพ์บนกระดาษทำมือจากประเทศเกาหลี ด้วยเรื่องราวเนื้อหาเกี่ยวกับความประทับใจในทิวทัศน์ธรรมชาติของผืนแผ่นดินญี่ปุ่นที่ศิลปินเคยคุ้นในวัยเยาว์ และผลงานชุด Man’yō ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นบนกระดาษญี่ปุ่นชนิดสั่งทำพิเศษ ด้วยแรงบันดาลใจที่ศิลปินได้รับมาจากกวีนิพนธ์โบราณของประเทศญี่ปุ่น


อากิระ คุโรซากิ ศิลปินภาพพิมพ์ชาวญี่ปุ่น ผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพพิมพ์ของญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผลงานภาพพิมพ์ของ อากิระ คุโรซากิ มีความโดดเด่นในเรื่องการจัดวางองค์ประกอบที่สลับซับซ้อน การใช้รูปทรงนามธรรม ที่แฝงความหมายและการใช้เทคนิคการไล่สีที่โดดเด่นเฉพาะตัว


นิทรรศการ : Akira Kurosaki’s Woodcuts
ศิลปิน : Akira Kurosaki
วันที่ : ๒๒ มกราคม ๒๕๕๘ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๘
สถานที่ : ARDEL Gallery of Modern Art
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๔๒๒-๒o๙๒
อีเมล : ardelgallery@gmail.com, ardelworkshop@gmail.com
เว็บไซต์ : //www.ardelgallery.com/























ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














ร่างกายเป็นเรือนของใจ “สมาน แสงทอน” จิตรกรและช่างปั้นแห่งด่านเกวียน


แม้หลายด้านของชีวิตจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดสรรให้ลงตัว แต่การตั้งหลักจัดสรรชีวิต ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องพยายามหาหนทางกันต่อไป เพื่อให้หลายด้านของชีวิตเราดำเนินไปอย่างสอดประสานกัน เกิดความสมดุลย์ทั้งในเรื่อง การงาน ร่างกาย และจิตใจ


หากว่าปีที่ผ่าน ๆ มา ชีวิตโดยรวมของคุณยังดูคล้ายไม้หลักปักขี้เลน
ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ มาลองตั้งหลักกันใหม่อีกสักครั้ง
จะโดยวิธีของคุณเอง หรือทดลองนำวิธีของศิลปินท่านนี้ไปปรับใช้ก็ได้


สมาน แสงทอน ตัวอย่างของศิลปินผู้หนึ่งที่ปัจจุบันสามารถจัดสรรชีวิตของตัวเองได้ค่อนข้างลงตัว และกำลังมีความสุขกับการกลับมาเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งที่รักจะทำอีกครั้ง นั่นคือ “การเขียนภาพ”


เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาทุ่มเทให้ เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาเลี้ยงชีพ สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว โดยเฉพาะอนาคตของลูก






ช่างปั้นแห่งด่านเกวียน



“ผมเรียนจบมาทางด้านจิตรกรรม (คณะออกแบบ วิทยาลัยเทคนิคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครราชสีมา ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตนครราชสีมา) แต่เนื่องจากตอนเรียนเราต้องหาเงินเรียนเอง ทำให้ต้องไปทำงานที่เกี่ยวกับทางด้านงานปั้น งานประติมากรรมประดับฝาผนัง


ช่วงที่เรียน ป.๔ จนถึง มศ.๓ ก็เรียนด้วยทุนรัฐบาล เป็นทุนเรียนดี แต่พอเราจบ มศ.๓ เราไม่มีทุนที่ส่งโดยรัฐบาลแล้ว ก็เลยมาทำงานที่ด่านเกวียน ทำงานตอนกลางคืน เรียนตอนกลางวัน ทำแบบนี้จนเรียนจบ ทำให้ไม่มีเวลาเขียนภาพได้เต็มที่ เพราะต้องหาเงินเรียน มาอยู่กับอาจารย์คนที่เขาสอนเกี่ยวกับเครื่องปั้น และมีกิจการอยู่ที่นี่ อาจารย์เค้าช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายที่เราจะไปเรียน สมมุติว่า ต้องการใช้เงินวันละ ๕o บาท เราก็ทำงานเอา พอตื่นเช้ามาก็เบิกเงินไปเรียน พอเรียนเสร็จ ก็รีบกลับบ้านก่อนเลย เพื่อทำงานต่อ แล้วก็ตื่นไปเรียน ทำแบบนี้อยู่ ๖ ปี จนเราเรียนจบ






พอเรียนจบก็ทำงานที่ด่านเกวียนต่อ เคยเป็นหัวหน้าช่างที่ออกแบบเครื่องปั้นดินเผาให้ช่างเขาขึ้น ทำงานที่เกี่ยวกับประติมากรรมมาตลอด จนกระทั่งส่งลูกเรียนจบปริญญาโท และอาชีพหลักอย่างหนึ่ง แต่ก่อนผมทำงานเกี่ยวกับหน้ากากดินเผาครับ ที่เป็นชิ้นเล็ก ๆ เรียกงาน Mural งานประดับผนัง ที่เวลาเราทำเสร็จปุ๊บเราก็เอาไปเรียง ๆ เป็นจิ๊กซอ ติดกาว ใส่กรอบติดผนัง ขายให้ชาวต่างประเทศ ทำอยู่ซักพักนึง”


ด้วยเหตุที่มีอาชีพซึ่งคลุกคลีอยู่กับชุมชนเครื่องปั้นดินเผา ต.ด่านเกวียน ของเมืองย่าโม มานาน และมีงานรับจ้างประเภทงานประติมากรรมนูนต่ำ ไปที่ติดอยู่ตามผนังวัด และอาคารทั่วประเทศ นี้เอง จึงทำให้ในเวลาต่อมา มหาวิทยาลัยฯ มอบปริญญา มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ด้านประติมากรรม ให้กับเขา


“ตอนหลังมาทำต้นแบบให้เค้า แล้วเค้าก็เอาไปทำพิมพ์ แต่มันก็ยังคืองานที่เราออกแบบให้ แล้วเค้าก็เอาไปทำ เหมือนเป็นงานของเค้าไป”






ผ่อนงานปั้นมาเขียนภาพ



สมานเล่าว่าที่ผ่านมา ความรู้สึกลึก ๆ ต้องการจะเขียนภาพอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีโอกาสได้เขียนจริง ๆ จัง ๆ เมื่อลูกเรียนจบ ได้งานทำแล้ว เขาจึงพยายามผ่อนการทำงานปั้น งานประติมากรรมที่ทำเป็นอาชีพลง แล้วหันมาทำงานเขียนภาพให้ จริง ๆ จัง ๆ สักที


“ตั้งต้นเรียนรู้ใหม่ อาศัยจังหวะที่จะเขียนตอนกลางคืน มันก็เลยเกิดเป็นงานขึ้นมาเรื่อยๆ พอเราเข้าเฟซบุ๊ค มีคนอื่น ๆ มีเพื่อนฝูงเข้ามาดู คนเค้าก็ชอบนะ แต่ผมก็ยังคิดว่า มันยังเป็นงานเรียนของผมอยู่นะ ยังไม่ใช่งานที่ดีนัก พยายามเขียนอย่างที่เราอยากจะเขียน และบันทึกว่าเขียนเดือนนั้นเดือนนี้ เป็นการเริ่มต้นใหม่ครับ จากที่เราเคยตั้งใจว่าอยากจะหาเวลาเขียนภาพแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ทำมาเรื่อย ๆ หลายเดือนแล้ว และนอกจากเขียนภาพ ผมก็ยังเล่นดนตรี เขียนกวี และทำงานปั้น ในแบบที่เราอยากจะทำด้วย แต่งานหลักที่เราทำมาหากินก็ยังคืองานปั้น พูดง่าย ๆ ที่ผ่านมาเราปั้นจนเราจะเบื่อแล้ว เลยอยากจะเขียนภาพ






สำหรับผม เขียนภาพเป็นการพักผ่อน แต่การปั้นเป็นงานอาชีพ พอเช้าหรือเย็น เราจะขี่จักรยานออกไป ตามทุ่งนาไปเรื่อย ๆ เจอที่ไหนสวย เราก็ใช้มือถือถ่ายมา มันก็เลยเป็นทั้งการทำงานและการพักผ่อนไปด้วย ถ่ายภาพมา เราก็มาเซฟไว้ ๆ แล้วใช้เวลาว่างจากงาน ๑o-๒o นาที ไปเขียน ตั้งภาพไว้บนขาหยั่งเลย แล้วก็เอามาลงเฟสบุ๊ค ดีมั้งไม่ดีมั่ง พอคนมาดู แล้วชอบ มันก็เป็นกำลังใจให้เรา ส่วนมากคนที่มาดูงานผม เป็นรุ่นน้อง และเค้าก็บอกว่าชอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าชอบจริง ๆ มากแค่ไหน เราได้เอามาให้เค้าดู บางคนเค้าก็มาทำตามเรา เริ่มเขียนภาพ และถามว่าจะเริ่มเขียนยังไง เราก็ทำของเราไปเรื่อย ๆ”






เขียนภาพเพื่อการพักผ่อน



ภาพที่สมานเขียน ส่วนใหญ่เป็นภาพทิวทัศน์ที่เขาถ่ายภาพมาจากละแวกบ้านของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านป่าบง อันเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา และทิวทัศน์บนเส้นทางการปั่นจักรยาน


“จริงๆ ก็อยากไปนั่งเขียนในสถานที่จริง หมายถึงว่าถือสี ถือกระดาษ ใส่รถจักรยานไปเขียนที่นั่นเลย แต่ยังทำไม่ได้ เพราะยังต้องทำงานปั้นอยู่ ก็เลยอาศัยเทคโนโลยี ใช้มือถือถ่ายภาพมา แล้วก็เขียน แต่เราก็ได้ไปซึมซับบรรยากาศ ขี่จักรยานไปแล้วก็ไปอยู่ในธรรมชาติจริง ๆ เพียงแต่เราไม่มีเวลาไปนั่งเขียนในสถานที่จริง ทำได้แค่ถ่ายภาพมา แล้วเอาไปเขียนที่บ้าน และไม่ได้ถึงขนาดว่าพยายามลอกจากธรรมชาติหรอก มีการใส่ความรู้สึกของเราลงไปด้วย ภาพมันเลยก็ออกมาจากที่เห็น


ถ้าไปดูภาพแรก ๆ ที่ผมเริ่มกลับมาเขียน มันก็ยังเป็นงานที่เหมือนยังไม่ได้เรื่องนะ แต่ตอนหลังมันก็เริ่มพัฒนาขึ้น แต่ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรหรอก เพราะเราไม่ได้นั่งอยู่กับมันทั้งวัน แต่ถือว่าเป็นการพักผ่อนไป พูดง่าย ๆ คือ ผมเขียนภาพเพื่อการพักผ่อนเฉย ๆ แต่ถ้ามีเวลาจริง ๆ ผมก็จะอยู่กับมันทั้งวัน เหมือนเราทำงานปั้นนี่แหล่ะ เพราะบางทีผมก็ทำงานปั้นทั้งวันทั้งคืนเหมือนกัน”






วิ่ง ปั่นจักรยาน ศิลปะ และธรรมะ



นอกจากเขียนภาพและทำงานศิลปะอื่นๆตามที่อยากจะทำเพื่อการพักผ่อน ปัจจุบันสมานยังเลือกปั่นจักรยาน ซึ่งถือเป็นการพักผ่อนและออกกำลังกายไปด้วยในตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เลือกออกกำลังกายด้วยการวิ่ง โดยมีเหตุจูงใจ เพราะต้องการเลิกบุหรี่ และนำประโยชน์ที่ได้จากการวิ่ง นอกจากทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังทำให้มีสมาธิ มาใช้ในการทำงานศิลปะ


“ผมวิ่งมาราธอนมา ๒๙ ครั้งแล้วครับ ส่วนฮาล์ฟมาราธอน ประมาณ ๔o ครั้ง และมินิมาราธอนประมาณ ๕o ครั้ง ไปวิ่งทั่วประเทศครับ กรุงเทพมาราธอน ถ้าเราว่าง ก็ไปทุกปี ตอนหลังเข่าเริ่มมีปัญหา เพราะผมวิ่งมานาน ๒๖-๒๗ ปี ตอนแรกที่เราวิ่ง เพราะพอเรารู้ว่าเราจะมีลูก เราจึงอยากจะเลิกบุหรี่ เพื่อเป็นของขวัญให้ลูก เราจึงเริ่มซื้อรองเท้ามาวิ่ง เพื่อต้องการจะเลิกบุหรี่นั่นเอง พอวิ่งไปเรื่อย ๆ การวิ่งเหมือนเราทำสมาธิ พอเราได้สมาธิ เราเอาสมาธินั้นไปทำงานศิลปะ และขณะที่ทำงานศิลปะ เราก็ฟังธรรมะของหลวงตามหาบัว ไปด้วย มีวิทยุธานินทร์เล็ก ๆ เอาไว้ฟัง”






เรื่องเดียวกันในชีวิต



จนทุกวันนี้ กิจกรรมทุกอย่างในชีวิตของสมาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานหาเลี้ยงชีพ การทำงานศิลปะ การออกกำลัง และการดูแลจิตใจ กลายเป็นเรื่องเดียวกัน


“ไป ๆ มา ๆ มันกลายเป็นเรื่องเดียวกันครับ เวลาฟังธรรมะ เราก็ได้ทำสมาธิไปด้วย ในระหว่างที่เราฟัง พอเวลาเราไปวิ่ง เราก็วิ่งสมาธิ วิ่งนับก้าวไปเรื่อย พอเราวิ่งไม่ได้ เข่ามันยังมีปัญหาอยู่ เราก็ใช้วิธีปั่นจักรยาน เพราะกีฬาที่มันเข้มข้นเท่าการวิ่ง และไม่ต้องมีอะไรยุ่งยากมาก ก็คือการปั่นจักรยาน ก็เลยใช้วิธีนี้เอา ขี่วันละ ๕o กิโลเมตร ไปเรื่อย ๆ เจออะไรสวย ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายมาเรื่อย ๆ สวยดีเราก็เอามาเป็นแบบเขียนภาพ เขียนกวี มันก็เลยกลายเป็นเรื่องซึ่งเราสามารถทำให้เป็นเรื่องเดียวกันได้ วนอยู่กับการใช้ชีวิตและการงานที่อยู่กับสมาธิและสามารถเอามาทำงานศิลปะได้”


เพราะพยายามทำกิจกรรมทุกอย่างในแต่ละวันของชีวิตให้เป็นเรื่องของปัจจุบันขณะอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเทศกาลไหน จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่เขาอาศัยเป็นฤกษ์ดีเพื่อที่จะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือตั้งหลักอะไร


“ปีใหม่หรือไม่ใหม่ สงกรานต์หรือไม่สงกรานต์ สำหรับผม ไม่แตกต่างกันครับ เพราะผมจะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรกับใครเค้าเท่าไหร่หรอก ปีใหม่ยังไง ผมก็ยังทำงานของผมอยู่อย่างนี้ สงกรานต์ก็ไม่ได้ไปเล่นน้ำสงกรานต์กับใครเค้า ไปรดน้ำผู้ใหญ่เฉย ๆ มันไม่มีความตื่นเต้นกับกิจกรรมแบบที่เค้าทำกันครับ หมายถึงว่า สงกรานต์ใครมาบ้านผม เค้าก็ยังเห็นผม ทำงานของผมอยู่อย่างนี้แหล่ะ นั่งอยู่กับบ้าน เขียนภาพไป ทำเครื่องปั้นดินเผาไป ปีใหม่เค้าก็ไปเที่ยวกัน ส่วนผมก็ไม่ได้ไป


เพราะเราทำงานกับดิน การที่เราจะไปไหนได้ เราต้องเสร็จงานจริงๆ เราถึงไปได้ เพราะไม่งั้นดินมันแข็งหมดครับ มันก็เลยกลายเป็นข้อบังคับของเราไปในตัวว่า งานเสร็จจริง ๆ ถึงจะได้ไป ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ได้ไป ดังนั้นปีใหม่หรือไม่ปีใหม่ หรือเทศกาลอะไรต่าง ๆ สำหรับผม มันเป้นเรื่องไม่ต่างกันเลย เราใช้หลักว่า ทำชีวิตปัจจุบันของเรานี่แหล่ะ ให้มันดีที่สุด ไม่ต้องรอปีใหม่ หรือเทศกาลอะไร”






ร่างกายเป็นเรือนของใจ


“แต่จุดสำคัญคือ เราจะอยู่กับปัจจุบัน เราจะทำงานยังไงให้มีความสุข ผมจะมีหลักอยู่ง่าย ๆ ก็คือว่า ร่างกายเราเป็นเรือนของใจใช่ไม๊ครับ ใจเราจะดีหรือไม่ดี เราก็ต้องดูแลร่างกายของเรา ถ้าร่างกายเราดี ใจเราดี เราก็จะสามารถทำอะไรได้ดีและสำเร็จตามที่เราตั้งเป้าไว้ได้ ดูแลกาย ด้วยการออกกำลังกาย ให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว แล้วจิตใจเราจะทำยังไงให้มีความสุข มันก็ต้องนิ่งๆ ด้วยการทำสมาธิ มีสติ ทำให้เราอยู่กับงานได้


เราอยู่กับจิตเรา อยู่กับใจเรา และอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งทำให้เราเย็นครับ ถ้าเราอยู่อย่างอื่น แล้วมันร้อน มันก็ร้อนไปเรื่อย ดังนั้นพาชีวิตเข้าหาสิ่งเหล่านี้ดีกว่า ใกล้ชิดอะไรที่มันไม่ทำให้เรารุ่มร้อน จนเราทุกข์ครับ ผมจะชอบมากเวลาที่ได้ขี่จักรยานไปคนเดียวไปยังธรรมชาติที่โล่ง ๆ ที่ทุ่งนา มันทำให้เรามีความสุข และการที่เราเขียนภาพแล้วเอามาแบ่งปันคนอื่น มันก็พลอยให้คนอื่นเค้าพลอยมีความสุขไปด้วย”


ดูจากใบหน้าที่มีรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็นอยู่เสมอ และจากภาพเขียนของสมาน
เราผู้ชมคงพอจะบอกได้ว่า รับรู้ได้ถึงความสุข หรือทุกข์ สงบ หรือรุ่มร้อน



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 26 ธันวาคม 2557
Last Update : 26 ธันวาคม 2557 22:32:47 น. 0 comments
Counter : 3137 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.