happy memories
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 มีนาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๙๗





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










Our Beloved Princess



นิทรรศการ “ทูลกระหม่อมของปวงชน” นำเสนอผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพถ่าย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี


ด้วยแนวความคิดเกี่ยวกับการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ความชื่นชมในพระอัจฉริยภาพและพระจริยาวัตรอันงดงาม และเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยได้รับเกียรติจากศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทย


ได้แก่ เกริกบุระ ยมนาค, สมภพ บุตราช , วราวุธ ชูแสงทอง , เอกชัย ลวดสูงเนิน , วัชระ ประยูรคำ , ไพรวัลย์ ดาเกลี้ยง , นิติกร กรัยวเชียร, สุรเดช แก้วท่าไม้ , สุวัฒน์ วรรณมณี , ธนฤทธิ์ ทิพย์วารี , วัชระ กล้าค้าขาย , ชัยรัตน์ แสงทอง , ปรีชา พรหมปราบทุกข์ และศรชัย คงวุ่น


นิทรรศการ : Our Beloved Princess
ศิลปิน : ๑๕ ท่าน
วันที่จัดแสดง : ๒ เม.ย. – ๑๙ เม.ย. ๒๕๕๘
สถานที่ : ARDEL Gallery of Modern Art
โทรศัพท์ : o๒-๔๒๒-๒o๙๒
อีเมล์ : ardelgallery@gmail.com



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com









ตามหา ๖o คนในภาพพระราชกรณียกิจ สมเด็จพระเทพฯ



เมื่อวันที่ ๒๓ มี.ค.ที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรมแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ มอบหมายให้ วธ.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ ๕ รอบอย่างสมพระเกียรติ เพื่อเผยแพร่พระเกียรติยศ พระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ที่ทรงงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติทั้งใน และต่างประเทศ โดยกิจกรรมในประเทศประกอบด้วยโครงการผลิตสารคดีตามหาบุคคลในภาพพระราชกรณียกิจที่มีส่วนในการสนองงานในโครงการตามพระราชดำริ ๙ ด้าน เป็นครั้งแรก อาทิ ด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรมและศาสนา สาธารณกุศล การต่างประเทศ เกษตรกรรม โดย วธ.จะคัดเลือกบุคคลรวม ๖o ภาพ ผลิตเป็นสารคดี ๖o ตอน เพื่อเผยแพร่ความรู้และองค์ความรู้ของงานตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ ผ่านบุคคลในภาพให้ประชาชนได้รับรู้และน้อมนำพระจริยวัตรของพระองค์เป็นแนวทางการอนุรักษ์และสืบสานสร้างสรรค์งานมรดกวัฒนธรรมของชาติต่อไป






“เบื้องต้นได้คัดเลือกบุคคลในภาพแล้ว ๗ คน ดังนี้ ด้านต่างประเทศ ได้แก่ นายหวัง เฉิน ล่ามภาษาจีนส่วนพระองค์ ด้านการศึกษาได้แก่ ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ นายบุญพีร์พันธ์วร เลขาธิการโครงการธิงค์เอิร์ธ(Think Earth) ด้านศิลปวัฒนธรรมและศาสนา ได้แก่ ดร.สิริชัยชาญ ฟักจำรูญ ศิลปินแห่งชาติ นายปรีชา เถาทองศิลปินแห่งชาติ ผศ.สาโรจน์ นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา ม.ร.ว.จักรรถ จิตรพงศ์ อดีตปลัดวธ. ส่วนบุคคลอื่นๆ อยู่ระหว่างการคัดเลือกและจะประกาศให้ทราบในเร็วๆ นี้” นายวีระ กล่าว


รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ วธ.ได้จัดกิจกรรมเขียนภาพพระสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวบรวมกองทัพศิลปินจาก ๗๗ จังหวัดทั่วประเทศนำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เขียนภาพเหมือนจริงขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับพระกรณียกิจของพระองค์โดยจะใช้เวลาในการเขียนภาพ ๖ เดือน ก่อนจะนำภาพไปจัดนิทรรศการภาพพระสาทิสลักษณ์ให้ประชาชนได้ชื่นชมทุกภูมิภาคในเดือน พ.ย.นี้ซึ่งถือเป็นอนุสรณ์สำคัญในการเฉลิมพระเกียรติ






ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัด วธ.กล่าวว่า ส่วนการจัดงานในต่างประเทศ จะมีการจัดแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ การแสดงนาฏศิลป์ และดนตรีไทย เฉลิมพระเกียรติฯ ณ กรุงปักกิ่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๒-๗ เม.ย.นี้ และในโอกาสนี้ถือเป็นการฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ ๔o ปี พร้อมลงนามความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างไทยกับจีนด้วย จากนั้นจะนำการแสดงดังกล่าวไปจัดแสดงที่หอประชุมรอยัล อัลเบิร์ตฮอลล์ สหราชอาณาจักร ในช่วงเดือน มิ.ย.นี้






ด้านดร.สิริชัยชาญฟักจำรูญ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) กล่าวว่า การจัดงานเฉลิมพระเกียรติณ กรุงปักกิ่ง จะจัดแสดงนาฏศิลป์และการบรรเลงดนตรีไทยหลายรูปแบบ มีคณะนักแสดงมากที่สุดถึง ๗๒ คน ได้แก่ การแสดงชุดวิศิษฏศิลปิน (มหาจักรีสถิตในใจประชา) การแสดงโขนหลวงหนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา เสมอข้ามสมุทร ยกรบ ถ่ายทอดท่ารำมาตรฐานชั้นสูงในราชสำนักทั้งยังมีการแสดงดุจดวงปทุมทิพย์ (ระบำดอกบัวไทย-จีน) เพลงดอกบัวไทยจีนซึ่งตนได้ประพันธ์คำร้อง/ทำนองขึ้นใหม่ และมีการแสดงฟ้อนฝาง โนราห์ ชาวนา หมากเก็บแล้วจบด้วยมหกรรมกลองไทย ทั้งกลองยาว กลองสะบัดชัย และหุ่นหลวง.



ภาพและข้อมูลจาก
dailynews.co.th














ชมงานศิลป์เมืองลำพูน เทิดพระเกียรติ ๖o พรรษา



ห้วงเวลามหามงคลเฉลิมพระชนมายุ ๕ รอบ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แต่ละจังหวัด แต่ละท้องถิ่น ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และมีกิจกรรมเทิดพระเกียรติอย่างยิ่งใหญ่ จังหวัดลำพูน จังหวัดเล็ก ๆ แต่มากด้วยวิถีวัฒนธรรม บ่งบอกตัวตนคนล้านนา พร้อมด้วยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และงานแอ่วลำพูนเมืองวัฒนธรรม เมืองลำไย เมืองแห่งความสุข ระหว่างวันที่ ๒-๖ เม.ย. ๒๕๕๘ ที่บริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำกวง หน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร






เรื่องราวของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ จ.ลำพูน ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ได้รับการบันทึกไว้เป็นภาพถ่าย จังหวัดลำพูนคัดสรรและนำมาจัดแสดงอย่างน่าชม ในนิทรรศการ "เจ้าฟ้าผู้ปราดเปรื่อง เรืองงานศิลป์" เพื่อให้ทุกคนแวะเวียนมาชื่นชมพระบารมีของพระองค์


สำหรับผู้หลงใหลศิลปวัฒนธรรมจะเพลิดเพลินกับนิทรรศการผ้ากับวิถีวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชาวลำพูน นิทรรศการตามรอยครูบาศรีวิชัย ต้นบุญแห่งล้านนา ที่สำคัญมีการจัดนิทรรศการผ้าฝ้ายทอมือของลำพูน เรียกว่ามางานนี้งานเดียวก็ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมต่าง ๆ






ณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่า จังหวัดลำพูนจะมีกิจกรรมเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวันที่ ๒ เม.ย. ๒๕๕๘ เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นบ้านของ จ.ลำพูน ส่งเสริมด้านการตลาดลำไยนอกฤดู ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าโอท็อป และของดีจังหวัดลำพูน กิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้รู้จักลำพูนมากขึ้น รวมทั้งเดินทางมาเยี่ยมเยือนและเที่ยวงาน ที่สำคัญ มีการบูรณาการหน่วยงานทั้งในจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๑ ส่งกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมเทิดพระเกียรติ และสร้างความรื่นรมย์ตลอด ๕ วันของการจัดงาน






ในงานยังมีนิทรรศการทางวัฒนธรรมชาติพันธุ์ การแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ เช่น กะเหรี่ยงคอยาว จ.แม่ฮ่องสอน ชนเผ่าลาหู่ จ.ลำปาง หรือพี่น้องปกากะญอ จ.ลำพูน หรือการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้าน ๘ วิถี นิทรรศการผ้าทอเวียงยอง การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอท็อป ผลิตภัณฑ์ทางด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาจากทุกอำเภอ ใครชอบผ้าตัวจริงห้ามพลาด ชม ช็อป ผ้าทอ ผ้าไหม ผ้าฝ้ายยกดอกมากมาย


"ผ้าฝ้ายยกดอกลำพูนนับเป็นศิลปะการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของ จ.ลำพูน ทอด้วยหัวใจจริง ๆ เป็นงานที่ประณีต งดงาม สร้างอาชีพให้ชุมชน ทุกวันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่นิยม






ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นี่คืองานช่างฝีมือที่ทรงคุณค่า กว่าจะทอได้หนึ่งผืนต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือนับเดือน ทางจังหวัดเตรียมจะส่งเสริมเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศและพัฒนาให้ได้มาตรฐานสากลเพิ่มขึ้น" ณรงค์ พ่อเมืองลำพูน บอกถึงการสืบทอดผ้ายกดอกเมืองลำพูน


ใครชอบกลิ่นอายความเป็นล้านนาก็หยิบยก "กาดยองของเมือง" มาจัดวางไว้ที่นี่ เป็นกาดหมั้วคัวแลงย้อนยุค พร้อมกับนิทรรศการส่งเสริมการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลำพูน รวมถึงการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดให้เลือกซื้อตามความต้องการด้วย


อีกสีสันของงานเป็นนิทรรศการลำไย แสดงนวัตกรรมด้านลำไย การลดต้นทุนโดยใช้ปุ๋ยหมัก การบังคับออกดอก วิธีทำให้ผลโต แถมยังทำแปลงจำลองการผลิตลำไยนอกฤดู แล้วจินตนาการถึงเกษตรกรลำพูนที่อยู่คู่กับลำไยมาช้านาน หรือลุ้นการประกวดต้นลำไยใหญ่ที่สุดในลำพูน มีเสวนาทิศทางการผลิตลำไยจังหวัดลำพูนและการเจรจาการค้า ในวันที่ ๔ เม.ย.นี้ ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเวียงยอง อ.เมืองลำพูน ด้วย






การแสดงศิลปวัฒนธรรมเป็นอีกกิจกรรมชูโรง และมีความน่าสนใจน่านั่งชม โดยเวทีกลางบริเวณเชิงสะพานท่าขามริมฝั่งแม่น้ำกวง นอกจากจัดแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมและผ้าดีเมืองลำพูน ยังรวบรวมแสดงสุดยอดศิลปวัฒนธรรมเมืองลำพูนของนักเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ ใน จ.ลำพูน การแสดงศิลปวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หาชมได้ยาก การแสดงวงดนตรีกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง/ปะดอง กับการแสดงดนตรีลูกทุ่งชิงช้าสวรรค์สนุก ๆ


อีกเวที บริเวณฝั่งตรงข้ามศูนย์เฉลิมพระเกียรติฯ เทศบาลตำบลเวียงยอง จะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านจำนวน ๕ ชุดจาก ๕ ชาติพันธุ์ การแสดงจากศิลปินล้านนา เพชร ผะกุ๋นยอง บุษบา ล้านนา และทิพย์วรรณ จันทร์สวย เต็มอิ่มกับดนตรีพื้นเมืองล้านนา ทั้ง ๒ เวทีจะเริ่ม


การแสดงในเวลา ๑๙.oo น. ทุกคืน ขณะที่ภายในวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร จะมีการแสดงแสง สี เสียง เล่าขานตำนานหริภุญชัยในเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละคืนด้วย ประทับใจตั้งแต่วันเปิดงาน วันที่ ๒ เม.ย. ที่จะมีการจัดริ้วขบวนแห่เทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และขบวนของดีและเด่นจาก ๘ อำเภอ รวมทั้งขบวนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๑ ขบวน จะมีการประดับตกแต่งไฟฟ้า แสงสว่าง ให้นักท่องเที่ยวและผู้ร่วมงานได้ชม และทำให้ไม่อาจลืมได้เลย บอกได้เลย เพลินตา เพลินใจ ไปทั้งงาน.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
hedlomnews.com














วิศิษฏศิลป์ แผ่นดินสยาม


หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ขอเชิญท่านชมนิทรรศการ
วิศิษฏศิลป์ แผ่นดินสยาม
Magnificent Arts of Siam
ณ บริเวณโถง ชั้น ๑ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน
ทัศนางานศิลป์แห่งองค์เจ้าฟ้าสิรินธร



Artistic Creations of Her Royal Highness Princess Maha Chakri Sirindhorn
นิทรรศการงานศิลปะในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ถึง ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นเจ้าฟ้าผู้มีพระราชกรณียกิจมากมายหลายด้าน แต่ด้วยความรักในงานศิลปะ และแรงบันดาลพระทัยจากพระราชบิดา จึงโปรดที่จะใช้เวลาว่างที่หาได้ยากยิ่ง ไปกับการสร้างงานศิลปะ จนเกิดเป็นผลงานต่าง ๆ มากมาย พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปะที่หลากหลาย อาทิ สาขาวรรณศิลป์ สังคีตศิลป์ และทัศนศิลป์ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของชาวไทยและชาวต่างประเทศ


เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษา สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีภารกิจในการส่งเสริมและเผยแพร่กิจกรรมการสร้างสรรค์งานด้านศิลปวัฒนธรรม ขอเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยนิทรรศการ วิศิษฏศิลป์ แผ่นดินสยาม โดยมุ่งหวังให้ประชาชนได้มีโอกาสชื่นชมในพระปรีชาสามารถทางด้านศิลปะในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าฟ้าผู้แย้มพระสรวลทุกคราที่ได้ทรงงานศิลปะที่ทรงรัก เจ้าฟ้าผู้เป็นดั่ง วิศิษฏศิลปิน (ผู้เป็นเลิศทางศิลปะ) แห่งแผ่นดินสยาม



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุคหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน














มหกรรมโคมไฟมหามงคล



โคมไฟงดงาม อลังการ คงต้องยกให้ประเทศจีน ที่ถือเป็นต้นตำรับศิลปะแขนงนี้ และเมื่อมีการจัดเป็นเทศกาล จึงได้เห็นนักท่องเที่ยงหลั่งไหลตามไปเที่ยวชมไม่ขาด แต่ในไม่ช้าความตื่นตาตื่นใจที่ว่ากำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองพัทยา โดยกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยสภาวัฒนธรรมไทย-จีน จับมือโรงละครไทย “อลังการ” และบริษัท ต้าจิ่ง จำกัด นำความสว่างไสวสู่แผ่นดินไทย ในชื่อ “มหกรรมโคมไฟอลังการ ๒o๑๕” ร่วมเฉลิมฉลองปีมหามงคลของคนไทยและคนจีน โดยจัดแถลงข่าวที่ศูนย์วัฒนธรรมจีนแห่งประเทศไทย บ่ายวันก่อน


วีระ โรจน์พจนรัตน์ เจ้ากระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงที่มาของการจัดงานว่า ปี ๒๕๕๘ เป็นปีมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ อีกทั้งเป็นโอกาสครบ ๔o ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย-จีน ซึ่งจีนและไทยเป็นมิตรประเทศที่ผูกพันทางประวัติศาสตร์ทุกมิติ มีการแลกเปลี่ยนความรู้ และกิจกรรมต่าง ๆ เรื่อยมา โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพระราชกรณียกิจที่มีส่วนสนับสนุน ส่งเสริมความความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สำหรับการจัดแสดงโคมไฟครั้งนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของภาคเอกชนที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพราะเป็นการนำต้นตำรับศิลปะโคมไฟมาเผยแพร่ แน่นอนว่าจะงดงาม อลังการไม่แพ้การแสดงที่เมืองจีน


ด้าน พินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน และส่งเสริมความสัมพันธ์ กล่าวว่า การบูชาไฟมีมาตั้งแต่มนุษย์ยุคหิน มายุคจีนโบราณเรื่องโคมไฟได้เข้ามาสู่วิถีชีวิตประจำวัน และมีการพัฒนาให้วิจิตรพิสดารยิ่งขึ้น อย่างปีใหม่หรือตรุษจีนตามบ้านเรือนต่าง ๆ มีการประดับประดาด้วยโคมไฟรูปแบบต่าง ๆ อย่างสวยงาม และสืบทอดฝีมือต่อ ๆ กันมา ซึ่งเทศกาลโคมไฟอลังการนี้นำมาจากเมืองจื้อกง มณฑลเสฉวน ซึ่งหาชมได้ยาก


ในฐานะผู้บริหาร บริษัท ต้าจิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นโต้โผนำโคมไฟมาจัดแสดง จาง เหว่ย แจกแจงความน่าสนใจให้ฟังว่า กว่าจะได้โคมไฟสวยๆ แต่ละอันผ่านการวาดแบบจากนักออกแบบ แล้วใช้เหล็กดัดให้เป็นรูปแบบต่าง ๆ โดยไฮไลท์ภายในงานอยู่ที่ “ชุดโคมไฟปีมะเมีย” ที่ประกอบด้วยแพะสามตัวและหยก แพะถือเป็นสัตว์มงคล และสัญลักษณ์ของความโชคดี ความรุ่งเรือง และความสำเร็จ หรืออย่างโคมไฟที่สูงที่สุดในประเทศไทย “หอฟ้าเทียนฐาน” ความสูง ๑๙ เมตร ในตำนานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่จักรพรรดิจีนใช้ประกอบพิธีสักการบูชาเทพยดาฟ้าดิน นอกจากนี้ยังมี ช้างทรงโบราณ, แจกันราชวงศ์หยวน, นกคู่รัก, แพนด้า, มัจฉาเริงร่าท้ามังกร, อุปรากรจีน เป็นต้น รวมถึงการแสดงกายกรรมจีน การถ่ายภาพ ๓ มิติ และวาดภาพโดยจิตรกรจีน โดยงานจะจัดตั้งแต่วันที่ ๑-๓๑ เมษายนนี้ ที่โรงละครไทยอลังการ พัทยา



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ยูเนสโกมอบรางวัลนอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรม ผลงานบูรณะ 'เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช'



"เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช"ไทย คว้า"รางวัลดี"การประกวดโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกประจำปี ๒๕๕๗ จากยูเนสโก เมื่อวันที่ ๒ ก.ย. นายทิม เคอร์ติส ประธานคณะกรรมการตัดสินและหัวหน้าแผนกวัฒนธรรม องค์การยูเนสโก กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประจำประเทศไทย ได้ประกาศผลการประกวดโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย และแปซิฟิก ประจำปี ๒๕๕๗ เพื่อยกย่องบุคคลและองค์กรภาคเอกชนหรือโครงการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารและสิ่งก่อสร้างที่เป็นมรดกอันทรงคุณค่าในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก






โดยในปีนี้มีประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ส่งโครงการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น ๔๖ โครงการ และคัดเลือกให้ได้รับรางวัล จำนวน ๑๔ โครงการจาก ๑o ประเทศ ซึ่งผลการตัดสินในปีนี้ ไม่มีโครงการใดได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ ๑ ส่วนประเทศไทยนั้น โครงการการอนุรักษ์เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยเป็นที่พักส่วนบุคคล ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงเรียนสีตบุตรบำรุง คว้ารางวัลอันดับที่ ๓ ของการอนุรักษ์






นายทิม กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลการประกาศรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก มีดังนี้ รางวัลยอดเยี่ยม ไม่มีโครงการของประเทศใดได้รับรางวัล ส่วนรางวัลดีเด่น หรือ Award of Distinction ได้แก่ โครงการบูรณะปฏิสังขรณ์ป้อมปราการซาร์ยาซ์ด เมืองยาซ์ด ประเทศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งยู เนสโกยกย่องความร่วมมือกันระหว่างหลายหน่วยงานภาคเอกชนในการปกป้องคุ้มครอง หมู่อาคารประวัติศาสตร์กลางทะเลทรายแห่งนี้ไว้ และยังคงรักษาคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของสถานที่นี้ ด้วยการสร้างงานให้ชุมชนท้องถิ่นรางวัลดี หรือ Award of Merit ได้แก่ ๑. เรือนพระยาศรีธรรมาธิราช กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ๒. ฟาร์มเอกเซเตอร์ เมืองเกลนวูด รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ๓. วัดศรีสักการ์กาด นิวาสินีเทวี หมู่บ้านคินไห แคว้นมหาราษฎระ ประเทศอินเดีย ๔. โรงเก็บเรือแฟรงค์ตัน เมืองควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ และ ๕. วัดวักไห่เชงเปี่ยว ประเทศสิงคโปร์ ส่วน รางวัลชมเชย หรือ Honourable Mention ได้แก่ ๑. สุสาน ชาร์ซาดา ฮุสเซน หมู่บ้านคาเรซ จังหวัดเฮลมานด์ ประเทศอัฟกานิสถาน ๒. เรือนพำนักผู้ดูแลประภาคารแหลมอินสคริปชั่น อ่าวชาร์คเบย์ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย ๓. ค่ายทหารติดอาวุธป้องกันชายฝั่งเกาะรอตต์เนสต์สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เกาะรอตต์เนสต์ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย ๔. นานจิง ยีเฮ แมนชั่น มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ๕. อาคารเอสพลาเนดเฮาส์ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย ๖. อาคาร เดอ ดรีคเลอร์ เมืองบันดุง ชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย และ ๗. ชุมชนกาลี เซอร์ยัน ซิงห์ เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน นอกจากนี้ยังมีรางวัลพิเศษจากคณะกรรมการสำหรับสิ่งปลูกสร้างใหม่ หรือ Jury Commendation for Innovation ได้แก่ อาคารพาณิชย์ลัคกี้ ประเทศสิงคโปร์






"อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีนี้ ไม่มีโครงการใดได้รับรางวัลยอดเยี่ยม แต่จำนวนโครงการที่ได้รับรางวัลจากยูเนสโก มีจำนวนมากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ แสดงให้เห็นว่างานอนุรักษ์ที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกมีมาตรฐานสูงขึ้น สำหรับการพิจารณาตัดสินของคณะกรรมการต่อการบูรณะเรือนพระยาศรีธรรมาธิราช คือ เป็นอาคารสมัยต้นศตวรรษที่ ๒o เป็นตัวอย่างสำคัญของความมุ่งมั่นร่วมมือกันระหว่างผู้มีส่วนร่วมหลายหน่วยงาน ในการปกป้องคุ้มครองอาคารที่มีคุณค่าทางมรดก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เจ้าของอาคาร และผู้เช่า มูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมไทย-จีน ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ให้วิจัยประวัติศาสตร์ของอาคาร ทำให้ทราบถึงบริบทของแหล่งมรดกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเผยให้เห็นมัณฑนศิลป์อันล้วนเป็นงานช่างฝีมือ อาทิ ห้องจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรและสิ่งตกแต่งต่าง ๆ โครงการนี้ทำให้ภูมิทัศน์และสภาพอาคารทั้งภายนอกและภายในกลับคืนมาดังเดิม และหลังจากที่โครงการอนุรักษ์เสร็จสิ้น อาคารนี้จึงได้ใช้งานต่อในฐานะศูนย์การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการศึกษาระหว่างชุมชนไทยและจีน" ประธานคณะกรรมการตัดสินฯ กล่าว.



ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th














เครื่องหอมวังวรดิศ



ใกล้สงกรานต์วันปีใหม่ไทยเข้ามาทุกทีทำให้นึกถึงของสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับเทศกาลสงกรานต์นั่นคือ “น้ำอบไทย”กลิ่นหอมเย็นสดชื่นที่คนไทยเจนฯ ใหม่อาจจะเข้าใจว่า น้ำอบไทยมีไว้สำหรับการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่เท่านั้นหากแท้จริงแล้วน้ำอบไทยถือเป็นหนึ่งใน “เครื่องหอมไทยชั้นสูง” ที่คนในรั้วในวังโดยเฉพาะสาว ๆ นิยมใช้ประพรมร่างกายให้เกิดกลิ่นหอม คลายร้อนและประทินผิวไปในตัวมาแต่โบราณ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีตำรับลับเฉพาะที่แตกต่างกัน บางตำรับก็ยังอยู่ บางตำรับไร้ผู้สืบทอดก็สูญหายไปตามกาลเวลา แต่สำหรับ “เครื่องหอมวังวรดิศ” เป็นอีกหนึ่งตำรับเครื่องหอมที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ และยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน


อัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา (ภริยา คุณเหลน-ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล) คือผู้สืบทอด “เครื่องหอมวังวรดิศ” เผยถึงที่มาของเครื่องหอมวังวรดิศ ว่า จากคำบอกเล่าของผู้ใหญ่ในราชสกุลและการค้นคว้าของตนเอง ผู้เป็นต้นตำรับคือท่านย่าเฉื่อย หรือ หม่อมเฉื่อย ดิศกุล ณ อยุธยา (ยมาภัย) ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมารกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านเป็นกุลสตรีที่มีฝีมือทางด้านเครื่องหอม โดยได้ปรุงถวายสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และนำไปถวายเจ้านายในวังด้วย


“คนภายนอกจะเข้าใจว่าวังวรดิศมีชื่อเรื่องอาหาร จริงๆ ก็มีเครื่องหอมอย่างน้ำอบไทยอีกอย่างที่มีชื่อ จากท่านย่าเฉื่อยก็สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงดิฉัน ซึ่งมีความสนใจสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว เราก็ครูพักลักจำจากผู้ใหญ่ที่ทำอยู่ ไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากครูข้างนอกบ้าง เพื่อนำมาปรับปรุงให้ได้เครื่องหอมวังวรดิศที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง”





อัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา



อัมพร อธิบายเพิ่มเติมว่า เครื่องหอมไทยมีหลายอย่าง น้ำอบไทย น้ำปรุง น้ำมันหอมเทียนอบ บุหงารำไป ซึ่งชื่อก็บอกว่าเครื่องหอมวัตถุประสงค์ก็ใช้เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมมีทั้งที่ใช้กับร่างกาย เสื้อผ้า รวมถึงสร้างกลิ่นหอมภายในห้อง อย่างน้ำอบไทยใช้ประพรมตัวให้รู้สึกสดชื่น น้ำปรุงของไทยก็คือน้ำหอมฝรั่งดี ๆ นี่เอง


การปรุงน้ำอบไทย หลัก ๆ แบ่งเป็น ๒ องค์ประกอบ คือ น้ำ และ แป้ง กว่าจะได้สองส่วนนี้มารวมกันเป็นน้ำอบไทยต้องใช้เครื่องปรุงหลายชนิด มีกรรมวิธีหลายขั้นตอน ที่ต้องอาศัยความละเอียดประณีตพิถีพิถัน และค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร


เครื่องปรุง มีตั้งแต่ น้ำสะอาด ชะลูด จันทร์เทศ พิมเสน ชะมดเช็ด กำยานป่น แป้งดินสอพอง เทียนอบ ดอกไม้ไทย และน้ำมันหอมกลิ่นดอกไม้ อาทิ กุหลาบ มะลิชมนาด จันทร์กะพ้อ ฯลฯ มาผ่านการอบร่ำ จนได้น้ำอบไทยวังวรดิศ ที่หอมรวยรื่นชื่นใจ






“น้ำอบไทยวังวรดิศ จะปรุงปีละครั้งเพื่อใช้ในเทศกาลปีใหม่มอบเป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่คนใกล้ชิด และก็ใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และไม่ปรุงเยอะ ส่วนที่เหลือจากวัตถุประสงค์หลัก จึงนำมาแบ่งจำหน่ายที่ร้านค้าของที่ระลึกพิพิธภัณฑ์วังวรดิศไม่ได้มีแต่น้ำอบไทย ยังมีน้ำปรุง น้ำมันหอมบุหงารำไป เทียนอบ ยาดม ยาหม่องเราก็ทำ


ทำไมดิฉันถึงได้มาทำอย่างที่บอกคือเราชอบ คิดว่าตรงนี้คือภูมิปัญญาคือวัฒนธรรมของเราที่ควรอนุรักษ์สืบสานเพราะนับวันเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยเห็นความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ ซึ่งน่าเสียดายหากของดีๆของไทยจะสูญหายไป อีกอย่างคือดิฉันมีความสุขที่ได้ทำ คนที่ได้รับก็ชื่นชอบในสิ่งที่เรามอบให้ ก็ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น”


ของดีมีจำนวนจำกัด ผลิตภัณฑ์“เครื่องหอมวังวรดิศ” อาทิ น้ำอบไทยน้ำปรุง ยาหม่อง ยาดม ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑ์วังวรดิศ โทร. o๘๔-๗๑๒-๖๔๕๖ และ o๘๑-๔๕๕-๘๘๔o โดยเฉพาะ “น้ำอบไทยวังวรดิศ” หมดแล้วหมดเลยต้องรอไปถึงปีหน้ากันเลยทีเดียว



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














มิวเซียมสยามเปิดแอพพลิเคชั่นนำชมพิพิธภัณฑ์



มิวเซียมสยามเปิดตัวแอพพลิเคชั่น ที่จะทำให้การชมนิทรรศการแบบเดิม ๆ สนุกยิ่งขึ้น หากคุณมาเที่ยว “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แนวใหม่ คุณพลาดไม่ได้ที่จะต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น "Museum Siam” บน iPhone หรือ iPad แอพพลิเคชั่นที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การการชมนิทรรศการของคุณให้สนุกมากยิ่งขึ้น ด้วยข้อมูล รูปภาพ เสียงบรรยาย และวีดีโอของนิทรรศการ “เรียงความประเทศไทย” ที่สรุปย่อมาให้อย่างครบถ้วน โดยสามารถเลือกได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ


อีกทั้งคุณจะยังไม่พลาดทุกข่าวสารกิจกรรมจากมิวเซียมสยามที่ส่งมาอัพเดตให้แบบเรียลไทม์ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ฟรี จาก App Store ในระบบปฏิบัติการ iOS ค้นหา “Museum Siam” คลิก Museumsiam App



ภาพและข้อมูลจาก
เฟซบุค museumsiam














"ณ สยาม" พื้นที่อวดงานศิลป์




สองมือของเด็กชายคนหนึ่งกำลังเชิดหุ่นจิ๋วตามจินตนาการของตัวเอง ซึ่งรู้สึกได้ว่ายังไม่คล่องแคล่วเท่าใดนัก ทว่าสายตาฉายแววสื่อถึงความสุข เดินเข้าไปเลียบเคียงถามชื่อเสียงเรียงนามได้ความว่า ด.ช.กสิณ อภินวถาวรกุล มากับคุณพ่อสุเมศ นั่งเขียนหน้าหุ่นจิ๋ว อยู่ใกล้ ๆ กัน


สุเมศ เล่าให้ฟังว่า มาสยามสแควร์บ่อย พาลูกมาเรียนพิเศษ ชอปปิ้ง ทำกิจกรรมตามสถานที่ต่าง ๆ ล้วนแล้วส่วนมากต้องควักเงินทั้งสิ้น วันนี้เดินเข้ามาศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาร่วมกิจกรรมทำหุ่นจิ๋ว จึงถามค่าใช้จ่าย น้องผู้หญิงบอกฟรี พร้อมแจกแจงรายละเอียดของงานให้ฟังว่า กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน ภายใต้ชื่อ “ณ สยาม” โดยจะมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ซึ่งจัดกิจกรรมจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ สัปดาห์ที่ ๑ และ ๓ ของเดือน


สุเมศ เล่าให้ฟังว่า นิสัยของลูกชายชอบงานศิลป์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อยู่บ้านจะนั่งระบายสีปูนปลาสเตอร์ตามจินตนาการ พอมาเห็นเด็กหลายคนนั่งเขียนหน้าหุ่นลูกชายดึงมือให้หยุดบอกอยากวาดบ้าง น้องกสิณ วาดหุ่นหน้ายักษ์ใส่เขี้ยว และนั่งเชิดหุ่นอย่างที่เห็นล่ะครับ ผมเห็นลูกมีความสุข และใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไม่ไปเล่นเกม หรือสิ่งยั่วยุอื่น ๆ ก็พอใจแล้ว






“ก่อนเขียนหน้าหุ่นจะมีเจ้าหน้าที่นำหน้าหุ่น สี อุปกรณ์มาให้แล้วก็สอนวิธีการเขียนหน้า พร้อมบอกว่าทำเสร็จแล้วจะมาสอนวิธีการเชิดหุ่น ที่สำคัญสามารถนำผลงานของตัวเองกลับไปบ้านได้คนละตัว” สุเมศ แสดงความเห็นว่า อยากให้สังคมไทยจัดกิจกรรมลักษณะแบบนี้เพิ่มมากขึ้น แล้วอยากให้บอกประวัติความเป็นมาของหุ่นสั้น ๆ เป็นการปูพื้นฐานรากเหง้าวัฒนธรรม แล้วเป็นการจูงใจเด็กเยาวชนเข้ามาสนใจ เพื่อไม่ให้หุ่นสูญหายได้


ด้าน นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า จากสถิติช่วงปิดภาคเรียนพบ เรื่องที่หลายฝ่ายเป็นห่วง เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ใช้เวลาในการเข้าร้านเกมเกินเวลาที่กำหนด มีการเล่นเกมเนื้อหารุนแรง รวมถึง ยังมีจำนวนมากที่ใช้เวลาว่างทำกิจกรรมไม่เหมาะสม วธ. จึงร่วมมือ กับจุฬาฯ เปิดพื้นที่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร แหล่งชุมชนของกลุ่มวัยรุ่น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนให้มีการแสดงออกในทางที่เหมาะสม สร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ ภายใต้แนวคิด “เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำเสนอ” เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ในทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ นำไปสู่การสร้างคนดี และสังคมที่ดี ซึ่งหากมีการประเมินผลการจัดกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯออกมาว่าประสบความสำเร็จ วธ. จะขยายผลไปจัดในต่างจังหวัดอีกด้วย






นายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัด วธ. กล่าวเสริมว่า เราต้องการเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน ร่วมสร้างสรรค์ และนำเสนอผลงาน ทั้งกิจกรรม การแสดงทางวัฒนธรรม และศิลปะร่วมสมัย การจัดตลาดนัด อวดงานศิลป์ ถิ่นสยาม เปิดให้มีการนำเสนอผลงาน ผลิตภัณฑ์ทำมือ หรือ แฮนด์แมด มาจำหน่าย กิจกรรมศิลปินเปิดหมวก โดยเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้คิด ค้นหากิจกรรมการแสดง ที่สร้างสรรค์เพื่อหารายได้เสริม นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการสาธิต ฝึกอบรม งานฝีมือ เพื่อเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัยด้วย


ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมจริยธรรมแก่เยาวชนถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัย และการเปิดพื้นทีดังกล่าวยังเป็นการสร้างพื้นที่สีขาว ให้เยาวชนและและครอบครัว ได้มาเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงาน รวมถึงแสดงความสามารถผ่านงานศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งทางสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ เปิดประตูต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน


...รู้อย่างนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพลาด รีบจูงบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ สัปดาห์ที่ ๑ และ ๓ ของเดือน



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














ครั้งแรกในเมืองไทย 'เดอะ ซาวนด์ ออฟ มิวสิค มนตร์รักเพลงสวรรค์'



ถูกอกถูกใจคอละครเวที เมื่อ กัทส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยการบริหารจัดการของ ดาว-พอฤทัย ณรงค์เดช ได้นำละครบรอดเวย์สุดคลาสสิก “The Sound of Music มนตร์รักเพลงสวรรค์” ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนทั้งโลกมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ มาจัดแสดงในเวอร์ชั่นภาษาไทย ซึ่งได้เปิดตัวละครเวทีระดับตำนานของโลก ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทย ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้





ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ ผู้ กำกับคนดังกับเหล่านักแสดง.



ดาว–พอฤทัย เผยถึงละครเวที “The Sound of Music มนตร์รักเพลงสวรรค์” ว่า ครองใจผู้ชมทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕o๒ และเป็นมิวสิคัลเรื่องแรกที่เธอได้ดูและรู้สึกประทับใจมาตั้งแต่เด็ก บวกกับการทำงานอยู่ในวงการเพลงมากว่า ๑o ปี และล่าสุดยังได้มีโอกาสทำละครด้วย การนำทั้งสองอย่างมารวมกันจึงเป็นเหมือนการสานฝันให้ตัวเอง สำหรับแฟน ๆ ของเดอะ ซาวด์ ออฟ มิวสิค คงจะคุ้นเคยกันดีกับฉากอันงดงามของเมืองซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย หรือแม้แต่บทเพลงอันไพเราะที่ฟังและร้องจนติดหู





พอฤทัย ณรงค์เดช ได้กำลังใจอย่างล้นหลามจากครอบครัว.



ในครั้งนี้จะพิเศษยิ่งกว่าเดิม เพราะเรื่องราวอันน่าติดตามจะถูกถ่ายทอดในภาคภาษาไทยเป็นครั้งแรก โดยผู้กำกับคนดัง “ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์” มาทำให้เดอะซาวด์ ออฟ มิวสิค เวอร์ชั่นนี้น่าประทับใจไม่แพ้ต้นฉบับ ในส่วนความสวยงามของเครื่องแต่งกาย ได้ “ดวงพร บุณยะจินดา” ช่วยออกแบบ และแสดงนำโดย ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ ผู้รับบท “ผู้การฟอนทรัปป์” ละครเวทีเรื่องแรกของ ดาว–พอฤทัย “The Sound of Music มนตร์รักเพลงสวรรค์” พร้อมที่จะเปิดแสดงที่เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ศูนย์การค้าเอสพลานาด ระหว่างวันที่ ๒-๒๖ เมษายน ๒๕๕๘ จำนวน ๑๘ รอบ บัตรราคา ๔,๕oo/๔,ooo/๓,๕oo/ ๒,๕oo/๒,ooo และ ๑,ooo บาท เริ่มจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่ไทยทิคเก็ต เมเจอร์ ทุกสาขา โทร. o-๒๒๖๒-๓๔๕๖.





คู่แม่ลูก...ชุติมณฑน์–มณฑ์ลัชชา สกุลไทย, ปัญญ์ชลี เพ็ญชาติ และกิ่งดาว พจน์โพธิ์ศรี
ชวนกันดูละครเพลง “มนตร์รักเพลงสวรรค์” เวอร์ชั่นไทย.






ท่านทูตเอนโน่ โดรเฟนิก ชวน ภริยาและลูก
ร่วมรำลึกละครเพลง บรอดเวย์สุดคลาสสิก.




ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th














ศ.ศ.ป. จัดประกวด "เชิดชูทายาทช่างศิลปหัตถกรรม"
คัด ๑o สุดยอดผลงานผู้สืบทอด อนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย



ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. จัดโครงการประกวด “เชิดชูทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” เพื่อสืบสาน และอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมมรดกอันล้ำค่าของไทยให้คงอยู่สืบไป ด้วยการคัดเลือกช่างฝีมือผู้สืบทอดงานหัตถกรรม ๑o ท่าน ซึ่งเป็นผู้สืบสายเลือดโดยตรงจากครูช่างหรือช่างศิลป์ฯ หรือบุคคลภายในครอบครัว หรือลูกศิษย์ที่สืบสานงานศิลปหัตถกรรม ใน ๙ สาขา คือ สาขาเครื่องไม้ เครื่องจักสาน เครื่องดิน เครื่องทอ เครื่องรัก เครื่องโลหะ เครื่องหนัง เครื่องกระดาษ และเครื่องเงิน และต้องดำรงกิจการ หรือประกอบการงานศิลปหัตถกรรมมาอย่างต่อเนื่อง


นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ กล่าวว่า งานหัตถกรรม เป็นสิ่งที่บ่งบอกเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของไทย นับวันยิ่งจะสูญหายไปตามกาลเวลา ศูนย์ศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) จึงมีแนวคิดที่จะรักษางานหัตถกรรมของไทยให้คงอยู่ จึงได้จัดโครงการ “เชิดชูทายาทช่างศิลปหัตกรรม”ขึ้นและในปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๓ โดยทำการคัดเลือกช่างฝีมือรุ่นใหม่ ๆ ที่มีใจรักและการพัฒนางานศิลปหัตถกรรม ภายใต้การผสมผสานงานหัตถกรรมรูปแบบดั้งเดิมพร้อมพัฒนาต่อยอดทางความคิด รูปแบบ ลวดลาย ให้มีความทันสมัย สามารถเพิ่มมูลค่า และขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนช่วยอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น เอกลักษณ์งานหัตถกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดผลงานจากบรรพบุรุษให้คงอยู่สืบไป ศ.ศ.ป.ได้ทำการคัดเลือกทายาทช่างศิลปหัตถกรรมจำนวน ๑o ท่าน โดยพิจารณาผลงานใน ๔ มิติ คือ


มิติด้านการอนุรักษ์และสืบสานงานหัตถศิลป์ไทย
มิติด้านฝีมือ องค์ความรู้ และนวัตกรรมเชิงภูมิปัญญา
มิติด้านสังคม (การเป็นที่ยอมรับด้านตัวบุคคล และ/หรือ ผลงาน)
มิติด้านความร่วมสมัย


พร้อมเผยแพร่จัดแสดงนิทรรศการผลงาน และสาธิตการทำงานหัตถกรรมของทายาทฯ ทั้ง ๑o ท่าน ภายในงานเทศกาลนวัตศิลป์นานาชาติ ประจำปี ๒๕๕๘ (International Innovative Craft Fair 2015) ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและนิทรรศการนานาชาติ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ทั้งนี้ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสถาบัน ได้พิจารณาคัดเลือก “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ทั้ง ๑o ท่าน ดังนี้


๑. คุณจิตนภา โพนะทา อายุ ๓๓ ปี ทายาทผู้สืบสานการทอผ้าไหมแพรวากาฬสินธุ์
ทายาทรุ่นที่ ๔ ของตระกูลโพนะทา คุณจิตนภาได้สืบทอดงานศิลปวัฒนธรรมด้านการทอผ้ามาจากครูช่างวรรณิภา โพนะทา ซึ่งเป็นครูช่างปี ๒๕๕๔ ผ้าไหมแพรวานั้น มีจุดเด่นในตัวชิ้นงานของแต่ละผืนอยู่แล้ว ซึ่งในการต่อยอดของทายาท คือการเพิ่มลวดลายให้มีความแตกต่างจากรูปเลขาคณิตในสมัยก่อน เพิ่มความโค้งมน และเพิ่มอรรถรสในการใช้งานให้มีมากยิ่งขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าได้ออกแบบลวดลายผ้าในลักษณะรูปดอกไม้ และประยุกต์แบบคั่นกลางระหว่างลายเพื่อทำให้ลูกค้าสามารถดัดแปลงการตัดเย็บเสื้อผ้าได้มากยิ่งขึ้น และได้ทอผ้าซิ่นแพรวา โดยนำลายแพรวาแบบดั้งเดิมที่ละเอียดมาเป็นเชิงผ้า โดยปกติหน้าแพรวาจะกว้าง ๒๕-๒๙ นิ้ว ซึ่งได้เพิ่มหน้าผ้าเป็น ๑ เมตร การทอจะยากขึ้น แต่จะทำให้แพรวามีรูปแบบใหม่ และได้อนุรักษ์ลวดลายผ้าแบบดั้งเดิมไว้ แต่เพิ่มรูปแบบให้มีการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น


๒. คุณอรษา คำมณี อายุ ๔๘ ปี ทายาทช่างทอผ้าฝ้ายและผ้าไหมยกดอกแห่งเมืองลำพูน
ทายาทได้สืบทอดการทอยกดอกของเมืองลำพูนมาจากของคุณสา คุณแสงคำซึ่งเป็นคุณยาย เป็นงานฝีมือที่มีน้อยคนจะทำได้ ต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็ก สืบทอดมาเป็นรุ่น ๆ ใช้ความอดทนพยายามสูง และต้องมีใจรัก การทอผ้า ให้ความสำคัญกับการทอผ้าทุกขั้นตอน และผลงานที่สร้างจุดเด่นให้ตัวทายาทคือ การทอผ้าไหมยกดอก เป็นงานที่ทำยากเพื่อเป็นการการันตีผลงานของทายาท ในปี ๒๕๔๖ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทผ้าไหมยกดอกเชิงหัวท้าย โดยใช้ชื่อว่า “ลายสุริยะฉาย” ปี ๒๕๕๓ รางวัลการคัดสรรค์โดยโครงการสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ระดับห้าดาว ปี ๒๕๕๕ รางวัลรองชนะเลิศ ผ้าไหมเชิงเกาะ(ยกเล็ก) งานสีสันหริภุญชัย เทิดไท้ ๘o พรรษา มหาราชินี


๓. คุณสุขจิต แดงใจ ทายาทช่างทอผ้าฝ้ายย้อมคราม สกลนคร
ทายาทรุ่นที่ ๓ ของการทอผ้าฝ้ายย้อมคราม สืบทอดมาจากคุณประไพพันธ์ แดงใจ เพื่อไม่ยอมให้ภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตายไปจากโลกใหม่ จะทำให้มันคงอยู่ไปทุกสมัย โดยที่ไม่ใช่ตั้งโชว์นิ่ง ใช้งานไม่ได้เพราะนั้นหมายถึงตายแล้ว จะทำให้มันกลมกลืนไปกับทุกช่วงเวลาต่อจากนี้ไป โดยการเปลี่ยนฟอร์ม (reform) ของเก่าให้กลายเป็นของใหม่โดยที่คนยุคใหม่ไม่คาดคิดและคิดว่ามันเป็นโลกใหม่มากกว่ามาจากโลกเก่า ผลงานที่ภาคภูมิใจคือได้รับเชิญจัดแสดงแฟชั่นโชว์ INDIGO-The blue that binds ร่วมกับอีก ๔ ประเทศ (สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย) ภายในงาน George Town festival ที่เมืองจอร์จทาวน์ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย


๔. คุณคมกฤช บริบูรณ์ อายุ ๔๕ ปี ทายาทช่างจักสานไม้ไผ่ แห่งพนัสนิคม
ทายาทคุณปราณี บริบูรณ์ สืบสานรักษามรดกภูมิปัญญาจักสานไม้ไผ่และส่งเสริมการถ่ายทอดฝีมือ มรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นไว้ให้คงอยู่คู่กับชาวพนัสนิคม อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของงานหัตถศิลป์ และได้รับรางวัลรองชนะเลิศอัน ๑ ประเภทเครื่องจักสาน Innovative Craft Award 2012 และPM’s Awards 2005 (OTOP Export Recognition)


๕. คุณพัชร หนานพิวงศ์ อายุ ๒o ปี ทายาทช่างจักสานกก จากนครพนม
ทายาทรุ่นที่ ๓ ในการสืบทอดการจักสานกกโดยได้สืบทอดมาจากครูเรืองยศ หนานพิวงศ์ ซึ่งได้รับการเชิดชูเป็นครูช่างปี ๒๕๕๗ ตัวทายาทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีลวดลายใหม่ ๆ จนติดตลาด ลูกค้ายอมรับ โดยทายาทได้ทำการแบบลวดลาย โทนสี ที่ทันสมัย มีความสามารถในการสานลายใหม่ตลอดเวลา พร้อมทั้งศึกษางานด้านบัญชี การตลาด ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ปี ๒๕๔๙ ถึง ๒๕๕๗ ได้รับการคัดสรรให้เป็นผลิตภัณฑ์ ๓ และ ๔ ดาว ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมชุน ปี ๒๕๕๖ ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพฯ ขณะเรียนมัธยมปีที่ ๖ และได้นำผลิตภัณฑ์ไปร่วมสาธิต โชว์ผลงาน ปี ๒๕๕๗ ได้รับรางวัลดีเยี่ยมระดับประเทศในการพัฒนาผลิตภัณฑ์


๖. คุณณิฐ์ภาวรรณย์ แตงเอี่ยม อายุ ๔๘ ปี ทายาทผู้สืบทอดเครื่องเบญจรงค์แห่งดอนไก่ดี
ทายาทสืบทอดศิลปะการวาดลวดลายบนเบญจรงค์มาจากคุณป้าอุไร แตงเอี่ยม ครูช่างปี ๒๕๕๕ เพื่อรักษาและและพัฒนาเบญจรงค์สืบต่อไป โดยมีความคิดว่าต้องมีความพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับอาเซียนไม่ว่าจะการพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์และความรู้ด้านไอทีเพื่อรองรับการตลาดอย่างครบวงจร และพัฒนาให้ไปไกลกว่าผู้อื่นในเรื่องพัฒนาลวดลายเบญจรงค์ โดยมีแนวคิดคือการนำเอาทองที่มีคุณค่าน้ำทองคำแท้แท้มาลงลายเพื่อให้เกิดทองนูนและนำเอาศิลปะเบญจรงค์ลงไปด้วยได้ความผสมผสานกลมกลืน รางวัลการันตีผลงาน ได้แก่ รางวัลห้าดาว OTOP และรางวัลหัตถกรรมดีเด่น


๗. คุณนริสา เชยวัดเกาะ อายุ ๓๑ ปี ทายาทช่างเครื่องทอง สกุลสุโขทัย
สืบทอดการทำงานศิลปหัตถกรรมมาจากคุณสุภัจนาลัย เขาเหิน ครูช่างปี ๒๕๕๖ การสืบทอดงานศิลปะหัตกรรมไทย และมีการพัฒนาต่อยอดทักษะภูมิปัญญาจากเดิมที่เครื่องทองสุโขทัยจะมีเพียงการติดลายลงไปบนแผ่นทอง แล้วนำไปฉลุและลงยาเท่านั้น โดยได้มีการต่อยอดเพิ่มขึ้นโดยการเพิ่มมิติลงไปในชิ้นงานมากขึ้นด้วยการติดชิ้นงานเล็ก ๆ อาจเป็นรูปดอกไม้ หรือรูปสัตว์ชนิดต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาต่างหากแยกจากชิ้นงานหลักเดิม แล้วนำดอกไม้เล็ก ๆ เหล่านี้ไปติดลงบนแผ่นเงินที่มีการติดลายดั้งเดิมไว้แล้ว เพื่อเพิ่มมิติให้ดูทันสมัย ซับซ้อน และประณีตมากขึ้นโดยที่ยังสามารถคงไว้ซึ่งลวดลายดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ของงานทองสุโขทัยเช่นเดิมไว้ เริ่มกระบวนการผลิตที่ร้านทองนันทนาตั้งแต่ ปี ๒๕๔๙ ถึงปัจจุบันจนมีผลงานรางวัล ดังนี้ ปี ๒๕๕๓ ได้รับรางวัล OTOP ระดับ ๕ ดาว การออกแบบชุดหยาดพิกุล ปี ๒๕๕๕ ได้รับรางวัล OTOP ระดับ ๕ ดาว ประสบการณ์ ทำงานในส่วนของการออกแบบการผลิต


๘. คุณณัฐวุฒิ พลเหิม ทายาทช่างเครื่องเงิน สกุลสุโขทัย (เครื่องเงิน)
ทายาทสืบทอดงานเครื่องเงินมาจากคุณขวัญ พลเหิม ครูช่างปี ๒๕๕๗ ได้เห็นเห็นถึงคุณค่าของงานหัตถกรรมที่ได้รับสืบทอดภูมิปัญญามารุ่นสู่รุ่น จึงสืบทอดงานหัตถกรรมเครื่องเงินต่อจากพ่อกับแม่ งานเครื่องเงินสุโขทัยเป็นงานที่มีเสน่ห์และมีคุณค่าในตัวเองถึงจะเป็นงานที่ยากแต่ก็เป็นงานที่น่าเรียนรู้ ผมจึงให้ความสนใจที่จะสืบสาน พัฒนา และสืบทอด ปัจจุบันผมจึงทำผลงาน ๓ รูปแบบหลัก ๆ คือ งานเครื่องเงินสุโขทัยดั้งเดิม งานเครื่องเงินสุโขทัยประยุกต์ และงานเครื่องเงินประยุกต์ ผลงาน ประสบการณ์ เกียรติบัตร หรือรางวัลที่เคยได้รับ เริ่มทำงานเป็นช่างเงินสุโขทัยตั้งแต่ ปี ๒๕๔๙ ถึงปัจจุบัน ได้รับรางวัล OTOP ระดับ ๔ ดาว การออกแบบชุดซองบุษบัน ปี ๒๕๕๕ ได้รับรางวัล OTOP ระดับ 5 ดาว การออกแบบชุดสังค์ศิลป์


๙. คุณประเสริฐ ยอดคำปัน อายุ ๔๔ ปี ทายาทช่างทองโบราณ นนทบุรี
สืบทอดทายาทช่างทองโบราณมาจากคุณนิพนธ์ ยอดคำปัน ครูช่างปี ๒๕๕๕ จากที่ได้เห็นครูนิพนธ์ได้สร้างสรรค์ผลงานทองโบราณรวมถึงงานวิจัยต่าง ๆ ทำให้มีแนวคิดที่จะช่วยอนุรักษ์รักษาและพัฒนา ซึ่งจุดเด่นของงานทองโบราณเทคนิคอยุธยา คือ สลับซับซ้อน พลิ้ว โปร่ง และเบา ทรงคุณค่า น่าค้นหา และหน้าสร้างสรรค์ ผลงานที่ทำให้ภูมิใจคือ เครื่องทอง ชุดที่เมย่า มิสเวิลด์ใส่ขึ้นประกวด ชื่องาน “อโยธยาศรีนคร”


๑o. คุณอังคาร อุปนันท์ อายุ ๓๒ ปี ทายาทช่างเครื่องเงินบ้านกาด จังหวัดเชียงใหม่
ทายาทคุณอัญชลี อุปนันท์ ครูช่างปี ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นมารดา ของคุณอังคาร ด้วยความรักในงานหัตถกรรม จากรุ่นที่ ๑ ผู้ซึ่งส่งเทคนิคการทำเครื่องประดับแบบโบราณมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยการออกแบบและพัฒนาให้สอดคล้องกับการใช้งานใหม่ๆ ในปัจจุบัน การใช้วัสดุใหม่ ๆ ในชิ้นงานเป็นการเพิ่มมูลค่าของชิ้นงานมูลค่าอย่างทองคำ อัญมณี มีประสบการณ์การทำงานเครื่องประดับแบบโบราณและงานร่วมสมัย กว่า ๑o,ooo ชั่วโมง ยังเคยจัดแสดงงานร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปกร และจัดนิทรรศการ ART “Glass Sand & Husk, Arts & Science” 2011


โดยทั้งทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ทั้ง ๑o ท่าน จะได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณ “เชิดชูทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” ประจำปี ๒๕๕๘ จากศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)



ภาพและข้อมูลจาก
thailandexhibition.com














วัฒนธรรมบนผืนเกาะ 'ลันตา'



การก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านส่งผลให้ชุมชนเห็นถึงคุณค่าของรากเหง้าและวัฒนธรรมท้องถิ่นของตัวเอง เกิดเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านประวัติความเป็นมาจากภูมิปัญญา จารีตประเพณี วิถีชีวิต ให้สืบต่อไปยังลูกหลานและให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมชุมชน สถานที่นี้ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ของความหลากหลายทางวัฒนธรรม


โดยพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งอยู่ที่ชุมชนบ้านศรีรายา เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ แต่ก่อนที่นี่เป็นท่าเทียบเรือสินค้า มีเรือสำเภาเข้ามาทุกสองเดือนเพื่อมาซื้อถ่านไปขายปที่ปีนัง และเมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ ๒ เสด็จฯ มาได้พระราชทานนามชุมชนว่า ชุมชนบ้านยาว สมัยนั้นลักณะบ้านเรือนเป็นห้องแถวธรรมดา ส่วนตรงกลางเป็นพื้นที่ว่างไม่มีหลังคา มีไว้เพื่อสำหรับพักผ่อน บางหลังมีความยามถึง ๖o เมตร เหตุที่ยาวนั้นเพราะแต่ก่อนชาวบ้านเดินทางด้วยเรือ จึงต้องมีพื้นที่ไว้เก็บเรือด้วย ที่นี้มีผู้คนอพยพกันมาอยู่มากปนเปหลายศาสนา ทั้ง จึน ไทยพุทธ และมุสลิม ซึ่งก็อาศัยอยู่กันอย่างกลมเกลียว ก่อนโดนภัยสึนามิมีชาวไทยพุทธมากกว่ามุสลิม แต่เมื่อหลังโดนภัยสึนามิมีชาวมุสลิมมากกว่าไทยพุทธ เนื่องจากย้ายครอบครัวทำกินออกไป


เสียงบอกเล่าจาก อาจารย์ทรงธรรม เทพศรีบุญญา ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนชาวเกาะลันตา บอกว่า ลักษณะของอาคารเป็นการสร้างรูปแบบ ชิโนโปรตุกีส เหตุเพราะว่าชาวเกาะลันตามีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติมากโดยเฉพาะประเทศโปรตุเกส เลยได้รับอิทธิพล ส่วนในพื้นที่ตัวอาคารได้เก็บรวบรวมเรื่องราวประเพณีวัฒนธรรมของกลุ่มคน ๓ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มชาวเล กลุ่มชาวมุสลิม กลุ่มชาวจีน ซึ่งในแต่ละกลุ่มนั้นมีประวัติเรื่องราวเล่าขานต่อกันมาว่า เมื่อครั้งที่ สมเด็จย่าเสด็จฯ มาที่แห่งนี้ ทรงเห็นว่ามีชาวเลอยู่ ซึ่งวิถีของชาวเลนั่นต้องอพยพย้ายที่อยู่ใหม่อยู่เรื่อย ๆ จึงพระราชทานที่ดินเพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแก่ชาวเล ทรงพระทานนามสกุลให้กับชาวเลได้แก่ สกุลทะเลลึกและช้างน้ำ อีกอย่างชาวเลไม่มีศาสนานับถือจะมีเพียงคนแก่ที่เรียกว่า “โต๊ะหมอ” คอยรักษาโรคภัย แนะนำเรื่องราวต่าง ๆ และมีประเพณีที่สำคัญคล้ายกับการลอยกระทงของบ้านเรา เพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ใส่เล็บ เส้นผม ดอกไม้ อาหาร พิธีนี้ทำกันหนึ่งสัปดาห์ทีเดียว มีการร้องรำ ดื่ม กิน บริเวณรอบเรือ เป็นความเชื่อของชาวเล ส่วนชาวจีนจะโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี เป็นกลุ่มคนที่มีความสามัคคีกลมเกลียวรักพวกพ้อง เป็นกลุ่มที่เหนียวแน่นเรื่องวัฒนธรรมประเพณีมากที่สุด มีหลักฐานที่บ่งบอกอยู่ไว้อย่างชัดเจน ด้านกลุ่มมุสลิมจะเราไม่รู้เรื่องลึกซึ้งอะไรมากมาย รู้เพียงแค่ว่าเป็นกลุ่มคนที่เคร่งเรื่องศาสนามาก


อาจารย์เล่าต่อว่า นอกจากเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งของมีค่าของคนแต่ละกลุ่มไว้อย่างมากมาย โดยแบ่งเป็นโซนการเก็บรักษาไว้ ๓ โซนหลักได้แก่ โซนกลุ่มชาวจีน เป็นการเก็บรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ที่หาดูยากมาก อย่าง เตารีดโบราณ โต๊ะกาแฟ ตะเกียง ถัดไปอีกนิดบนฝาผนังมีโปสเตอร์หนังสมัยก่อน ด่านล่างเป็นเก้าอี้ไม้ยาว เป็นการจำลองโรงหนังเล็ก ๆ ไว้ให้ได้ชมกัน ในโซนถัดไปเป็นส่วนของกลุ่มชาวเล มีเครื่องไม้เครื่องมือในการหากิน อย่างไซดักปลา ไซดักปู ไซดักปลาหมึก จำลองเรือที่ไว้สำหรับทำพิธีสะเดาะเคราะห์ของชาวเล โซนสุดท้ายเป็นมุมเล็กๆ ของกลุ่มคนมุสลิม มีหนังสือสำหรับสวด ผ้าปูสำหรับละหมาด


“เรื่องราวมันก็มีเพียงสั้น ๆ เท่านี่ แต่ก็มีเอกลักษณ์ในตัว คือ ชาวจีน ไทยพุทธ มุสลิม อยู่อาศัยร่วมกันด้วยความกลมเกลียว ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน” อาจารย์ทรงธรรมพูดปิดท้ายด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม







ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














'ดลินา' วาดจินตนาการผ่านผืนผ้าใบ



หลงใหลในงานศิลปะมานานนับ ๑o ปี ทั้งยังมีผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมากมาย แต่ยังไม่เคยเปิดตัวให้ใครได้ชื่นชมมาก่อน มาถึงวันนี้ “ฝน” ดลินา พร้อมพันธุ์ ตั้งใจหยิบจับผลงานชื่นชอบที่มีความแตกต่างหลากหลายทางอารมณ์มาจัดแสดงให้บรรดาคนรักศิลปะได้ชื่นชมเป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อิท'ส มี, ดลินา” ที่ถ่ายทอดให้เห็นถึงตัวตนของศิลปินได้อย่างชัดเจน ในฐานะผู้หญิงที่มีรอยยิ้ม ความสุข ความสมหวังและความทรงจำ


ศิลปินมากฝีมือ “ฝน” ดลินา เผยว่า ชอบวาดภาพมาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล อายุประมาณ ๔-๕ ขวบ จากนั้นก็วาดมาตลอด สมัยเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอี ภาพที่วาดได้รับเลือกให้พิมพ์บนส.ค.ส.ของโรงเรียนทุกปี และยังเคยได้รับรางวัลจากการส่งภาพเข้าประกวดที่ประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายรางวัลสมัยเรียนไฮสคูลที่อเมริกา


“ตลอดระยะเวลา ๑o ปีที่ผ่านมา วาดภาพมาแล้วเกือบ ๑oo ชิ้น แต่ยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน สำหรับภาพที่นำมาจัดแสดงครั้งนี้เป็นเทคนิคสีน้ำมันบนผืนผ้าใบร้อยเรียงต่อกันเป็นเรื่องราวทั้งหมด ๙ ภาพ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่มีความหมายทางอารมณ์แตกต่างกันในช่วงชีวิต โดยแต่ละรูปเลือกใช้สีสันสดใส แต่กลับไม่ได้หมายความว่าจะเป็นช่วงที่มีความสุขตลอด ในทางกลับกันแสดงถึงว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่จับต้องได้และมีอารมณ์หลากหลายเหมือนกับคนอื่นทั่วไป อย่างรูปแรกเป็นรูปที่ชอบที่สุด รูปนี้แสดงถึงความสงสัย ฝนมองว่าถ้าเราเกิดความสงสัยเราก็ต้องค้นหา ซึ่งเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเรื่องราวต่าง ๆ” เจ้าของผลงานชุดพิเศษเผย



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














ชวนเริงลีลาศสุนทราภรณ์/ชมงานศิลป์



กรุงเทพมหานคร ชวนเที่ยว “ตลาดศิลปะคลองผดุงกรุงเกษม” ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา ๑๕.oo-๒o.oo น. ถึงวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ นี้ ณ ริมคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงสะพานมัฆวานรังสรรค์-สะพานอรทัย สัปดาห์นี้ร่วมสนุกกับกิจกรรม “เริงลีลาศ” พบกับการแสดงดนตรีเริงลีลาศ โดย สุนทราภรณ์ เปิดฟลอร์กลางน้ำ กินขนมชมจันทร์ ประกวดคู่เหมือนนางเอกยุคทอง


นางสาวปราณี สัตยประกอบ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (สวท.) กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจัด “งานตลาดศิลปะคลองผดุงกรุงเกษม” ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ ๑๓ มีนาคม จนถึงวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นเวลา ๓ สัปดาห์ รวม ๙ วัน ระหว่างเวลา ๑๕.oo-๒o.oo น. ที่บริเวณทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงสะพานมัฆวานรังสรรค์-เชิงสะพานอรทัย ฝั่งวัดโสมนัสฯ ระยะทาง ๓๕o เมตร เพื่อเป็นการร่วมพัฒนาพื้นที่ริมคลองผดุงกรุงเกษมไปสู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมือง โดยผู้บริหารกรุงเทพมหานครจะเยี่ยมชมบรรยากาศการจัดงานในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ มีนาคมนี้






ภายในงานแบ่งพื้นที่ ๔ โซน ได้แก่ โซนศิลปะร่วมสมัย และโซนศิลปวัฒนธรรม มีทั้งศิลปินอาชีพและศิลปินจากสถานศึกษา และย่านวัฒนธรรมร่วมจัดแสดงงานศิลป์แขนงต่าง ๆ โซนขนม และโซนอาหาร มีขนมดังของย่านวัฒนธรรม และอาหารอร่อยย่านเก่า ในแต่ละสัปดาห์จะจัดกิจกรรมแตกต่างกัน สัปดาห์นี้จัดกิจกรรม “เริงลีลาศ” พบการแสดงดนตรีเริงลีลาศ โดย สุนทราภรณ์ เพลงยุคขวัญเรียม เปิดฟลอร์ลีลาศกลางน้ำ กิจกรรมกินขนมชมจันทร์ และการประกวดคู่เหมือนนางเอกยุคทอง สัปดาห์สุดท้ายวันศุกร์ที่ ๒๗-อาทิตย์ที่ ๒๙ มีนาคม จัดกิจกรรม “โก๋หลังวัง” มีการประกวดการแต่งกายยุค ๒๔๙๙ นั่งรถโบราณชมเมือง มหกรรมดนตรีจิ๊กโก๋ครองกรุง และการฉายหนังกลางคลอง ขอเชิญชวนประชาชนเที่ยวชมและเพลิดเพลินกับงานศิลปะและบรรยากาศกิจกรรมริมคลอง


ด้านพระครูสังฆรักษ์ไพฑูรย์ ผู้ก่อตั้ง “พิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษา วัดหนังราชวรวิหาร” กล่าวถึงการร่วมจัดซุ้มงานศิลปะส่งเสริมการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ที่นำเสนอเรื่องราวและวัตถุทางธรรม วิถีชาวสวนที่มีสาระ งดงาม ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังลงลึกถึงชีวิตวัฒนธรรมผู้คนชาวสวน ในพื้นที่แถบวัดหนังฯ และฝั่งธนบุรี โดยเชื่อว่าการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอาคารพิพิธภัณฑ์เพื่อการศึกษาเท่านั้น วัดหนังฯ ได้สร้างพื้นที่การเรียนรู้นอกอาคารอย่างสร้างสรรค์และมีชีวิตชีวา นำเสนอมรดกวัฒนธรรม ภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยความร่วมมือของหลายฝ่าย ให้ประชาชนได้เรียนรู้ในงานตลาดศิลปะคลองผดุงกรุงเกษม ช่วงสะพานมัฆวานรังสรรค์


ผู้ที่สนใจเที่ยวชมงาน สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงเรือบริการรับส่งจากท่าเรือหัวลำโพงมายังพื้นที่การจัดงานได้ในเวลา ๑๔.๓o-๑๙.๓o น. สอบถามเพิ่มเติมที่ กองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรมกีฬา และการท่องเที่ยว กทม. โทร. o๒-๒๒๕-๗๖๑๒-๔







ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
chordcafe.com
dailynews.co.th














ชวนชมเทศกาลว่าวนานาชาติที่หาดชะอำ



ารท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี ร่วมกับเทศบาลเมืองชะอำ เตรียมจัดงานเทศกาลว่าวนานาชาติ ประเทศไทย Cha-Am International Kite Festival 2015 "SEA SUN FUN FLY" 28-29 March 2015 at Cha-Am beach ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ ๒๘-๒๙ มี.ค. ๒๕๕๘ เวลา ๑๕.oo-๑๙.oo น. (ช่วง High light) ณ บริเวณชายหาดชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมีสนามว่าว Top 5 ของสนามว่าวที่น่าเล่นที่สุดและสวยที่สุดในโลก Recommend ในปี 2014 โดย Peter Lynn Team website ทีมนักว่าวอันดับหนึ่งของโลก


มีการแสดงว่าวแฟนซีขนาดใหญ่กว่า ๑oo ชุด จากนานาประเทศ ที่มีรูปแบบหลากหลาย สีสันตระการตา ว่าวขนาดยักษ์แสดงมาแล้วทั่วโลก มีขนาดใหญ่เทียบเท่าตึก ๔-๕ ชั้น สีสันสดใส และเป็นครั้งแรกที่ว่าว "น้องสุขใจ" ททท.


mascot จะมาบินโชว์ที่ชายหาดชะอำ รวมถึงว่าววาฬขนาดยักษ์ ที่มีความยาว ๓o เมตร ที่จะมาขึ้นโชว์อวดโฉมให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ยังตื่นตาตื่นใจกับว่าวรูปสัตว์ต่าง ๆ ว่าวรูปทรงเรขาคณิตดีไซน์กิ๊บเก๋ การแสดงว่าวผาดโผนที่ใช้เทคนิคพิเศษ มีความรวดเร็ว โดยมีทีมว่าว Stunt ที่จะทำการแสดงเคลื่อนขบวนในรูปแบบต่าง ๆ ประกอบจังหวะเสียงเพลงบนผืนฟ้า การแปลอักษรว่าว Revolution บนท้องฟ้าประกอบจังหวะเสียงเพลง การโชว์ Mega Fly จากทีมว่าวไทยและนานาชาติ


โดยภายในงานจะมีการตกแต่งพื้นที่ให้มีความสดใสโดยใช้วัสดุที่เล่นกับลมและเสียง เช่น อุโมงค์ลูกหมุน, ทุ่งริบบิ้น, และธงหลากสีสันเรียงรายทั่วสนาม นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนิทรรศการ สาธิต ที่เน้นรูปแบบการร่วมกิจกรรมแบบครอบครัว มีกิจกรรม Ring side Kite tour สนามเดียวในโลกที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าสนามว่าวและสัมผัสในระยะใกล้ พร้อม selfie กับว่าว และนักบินว่าวระดับโลก ขึ้นหอคอยเพื่อชมภาพว่าวจากมุมสูง รวมถึงมีการแสดงว่าวไทยทั้งว่าวจุฬาและว่าวปักเป้า นิทรรศการว่าวไทยและว่าวนานาชาติ กิจกรรมเรียนรู้การทำว่าว กิจกรรมร่วมสนุกแบบครอบครัว การเล่นเกมชิงรางวัลพิเศษมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี โทรศัพท์ o-๓๒๔๗-๑oo๕-๖ โทรสาร o-๓๒๔๗-๑๕o๒ อีเมล : tatphet@tat.or.th เว็บไซต์ : //www.tourismthailand.org/phetchaburi.



ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
FB เทศบาลเมืองชะอำ














ช้างศิลป์ แผ่นดินเชียงราย



ขัวศิลปะ เชียงราย ขอเชิญทุกท่านชมผลงานศิลปะบนตัวช้าง "ช้างศิลป์ แผ่นดินเชียงราย"
Les petits éléphants de Chiangrai จาก ๖o ศิลปินเชียงราย ณ ขัวศิลปะ เชียงราย


"ช้างศิลป์ แผ่นดินเชียงราย" จัดโดย กรีนวิง ,สมาคมฝรั่งเศส ไทย เชียงราย, สมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ, ขัวศิลปะ เชียงราย , Angelway ,Le meridien Chiangrai resort, The Jim Thompson Art Center, Dextra, Michelin, Mae Fah Luang Art & culture park, หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร, Central world, โรงพยาบาลกรุงเทพ


ช้างศิลป์ แผ่นดินเชียงราย ในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ นี้ ได้ทำหน้าที่เป็น”ผู้ถ่ายทอดงานศิลปะ” ของเหล่าศิลปินชาวเชียงรายที่มีอยู่อย่างมากมาย ให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย พะเยา และผู้ที่สนใจทั่วไปได้ชื่นชมงานศิลปะอีกทางหนึ่ง


“ช้างศิลป์ แผ่นดินเชียงราย” ยังเป็นสัญลักษณ์ และเครื่องเตือนใจให้เยาวชนรุ่นหลังได้ทราบว่า ครั้งหนึ่งดินแดนล้านนาแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยช้าง และสามารถสัมผัสช้างที่มีงานศิลปะบนตัวช้างได้ที่กรีนวิงทั้ง ๖o สาขา











ภาพและข้อมูลจาก
FB นิทรรศการ




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 26 มีนาคม 2558
Last Update : 26 มีนาคม 2558 22:22:33 น. 0 comments
Counter : 3594 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.