happy memories
Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
16 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒o๒





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










อัญเชิญภาพวาดและเครื่องปั้นฝีพระหัตถ์ฉลอง ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ



สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในวิชาประวัติศาสตร์ นำมาสู่การเรียนรู้โบราณคดีแต่ทรงพระเยาว์ ทั้งยังเป็นเลิศทางศิลปะ ทรงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งจิตรกรรม ศิลปะเครื่องปั้นดินเผา ขณะที่ความสามารถด้านดนตรีในสมเด็จพระเทพฯ สร้างความสุขให้กับคนไทยเสมอมา


เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร (มศก.) จัดโครงการ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับมหาวิทยาลัยศิลปากร "ในความทรงจำ" จัดแสดงข้อมูลส่วนพระองค์ในช่วงเวลาที่ทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปากร รวมถึงภาพวาดฝีพระหัตถ์ และเครื่องปั้นฝีพระหัตถ์ที่หาชมได้ยาก จะจัดแสดงในระหว่างวันที่ ๒๗ เม.ย. ๒๕๕๘ - ๒๗ พ.ค. ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการวันที่ ๒๗ เม.ย.






เรื่องราวเจ้าฟ้ากับ ม.ศิลปากร ในความทรงจำ ได้รับการขยายความให้แจ่มชัดในงานแถลงข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดย ผศ.ชวลิต ขาวเขียว คณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ประธานคณะทำงานโครงการนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วยอำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ คณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ รศ.ดร.ชัยสิทธิ์ ด่านกิตติกุล คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ภูวนาท รัตนรังสิกุล รองคณบดีคณะมัณฑนศิลป์ วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ และดำริห์ บรรณวิทยกิจ คณบดีคณะดุริยางคศาสตร์ ร่วมกันเผยรายละเอียดการจัดงาน พร้อมนำเสนอตัวอย่าง "หนังสือดิจิตอล สมเด็จพระเทพฯ กับมหาวิทยาลัยศิลปากร" แก่ผู้ที่เข้าร่วมงาน






ผศ.ชวลิต ประธานคณะทำงานฯ กล่าวว่า นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับมหาวิทยาลัยศิลปากร "ในความทรงจำ" เป็นโครงการที่ มศก.ร่วมกับหน่วยงานในกำกับ ได้แก่ คณะโบราณคดี คณะจิตรกรรมฯ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะมัณฑนศิลป์ คณะดุริยางคศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย สำนักหอสมุดกลาง สมาคมนักศึกษาเก่า มศก. และหอศิลป์ มศก. ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ มศก.ให้เป็นที่ประจักษ์






"ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านโบราณคดี ด้านจารึกศึกษา ด้านจิตรกรรม ด้านศิลปะเครื่องปั้นดินเผา ด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทย ด้านดนตรี โครงการนี้ยังน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมของ ม.ศิลปากรมาโดยตลอด ทั้งในฐานะองค์อัครศิลปิน และนักศึกษาเก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยศิลปากร ในปี ๒๕๓๖" ผศ.ชวลิตกล่าว






นิทรรศการนี้จะเปี่ยมไปด้วยความทรงจำงดงาม แบ่งเป็น ๗ ส่วน เริ่มจากส่วนที่ ๑ พระอัจฉริยภาพสาขาวิชาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ มศก. จัดแสดงปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์สาขาวิชาต่างๆ ที่ มศก.ทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมคำประกาศราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติ ส่วนที่ ๒ พระอัจฉริยภาพขณะทรงศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มศก. โดยคณะโบราณคดีร่วมกับบัณฑิตวิทยาลัยนำเสนอข้อมูลส่วนพระองค์ในช่วงเวลาที่ทรงศึกษา ซึ่งหาชมได้ยาก อาทิ บัตรนักศึกษา ใบลงทะเบียน สมุดทรงงาน วิทยานิพนธ์ รวมถึงพระอัจฉริยภาพต่าง ๆ และพระจริยวัตรอันงดงามขณะทรงเป็นนักศึกษา






พระอัจฉริยภาพด้านโบราณคดีและจารึกศึกษาเป็นส่วนที่ ๓ นำเสนอข้อมูลที่ทรงงาน และพระราชกรณียกิจที่เกิดคุณูปการต่องานด้านโบราณคดีและจารึกศึกษา ส่วนที่ ๔ พระอัจฉริยภาพด้านจิตรกรรม โดยคณะจิตรกรรมฯ อัญเชิญผลงานศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่พระราชทานแก่ มศก.ในวโรกาสต่างๆ จำนวน ๑๕ ภาพ มาจัดแสดงไว้ภายในนิทรรศการ


ส่วนที่ 5 พระอัจฉริยภาพด้านศิลปะเครื่องปั้นดินเผา โดยคณะมัณฑนศิลป์อัญเชิญผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงงานด้วยเทคนิคต่าง ๆ พระราชทานแก่ มศก.มาจัดแสดงไว้ภายในนิทรรศการ จำนวน ๑๓ ชิ้น ส่วนที่ ๖ พระอัจฉริยภาพด้านสถาปัตยกรรมไทย โดยคณะสถาปัตย์รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการซ่อมบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒oo ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ พระองค์ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเป็นแม่กองในการบูรณปฏิสังขรณ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว






ส่วนที่ ๗ พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี โดยคณะดุริยางคศาสตร์ เป็นการรวบรวมเพลงพระราชนิพนธ์ และขอพระราชทานเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ จำนวน ๖ เพลง ได้แก่ เพลงปิตุเรศมารดร เพลงรัก เพลงเมนูไข่ เพลงส้มตำ เพลงโลกปัจจุบัน และเพลงตามรอยเท้าพ่อ เผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี






นอกจากนิทรรศการแล้ว ยังได้จัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ดิจิตอลนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ๖o พรรษา เรื่อง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับมหาวิทยาลัยศิลปากร รวม ๒ รายการ คือ มัลติมีเดียบุ๊ก เป็นหนังสือดิจิตอลนำเสนอพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งพระปรีชาสามารถของพระองค์ด้วยภาพถ่าย, วิดีโอ, แอนิเมชั่น, ไฟล์เสียง ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นบน iOS, Android และ Web สามารถดาวน์โหลดมัลติมีเดียบุ๊กมาเก็บไว้ในอุปกรณ์ Smart gadget ของตนเองได้ฟรี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ เม.ย. เวลา ๑๒.oo น. เป็นต้นไป ที่แอพสโตร์ และเพลย์สโตร์ ในชื่อ sirindhorn&suแล้วยังมีแอพพลิเคชั่นนิทรรศการเสมือนจัดทำขึ้นเป็นพิเศษเปิดให้ดาวน์โหลด ทั้งแบบใช้แอพพลิเคชั่นเป็นไกด์พาชมนิทรรศการที่หอศิลป์ มศก. หรือรับชมข้อมูลนิทรรศการผ่านแอพ กรณีที่ไม่สามารถเดินทางมาชมด้วยตนเอง ในชื่อ sirindhorn@suexhibition






นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับมหาวิทยาลัยศิลปากร "ในความทรงจำ" จะจัดแสดงที่หอศิลป์ มศก. วังท่าพระ วันจันทร์-วันศุกร์ สามารถเข้าชมได้เวลา ๙.oo-๑๙.oo น. วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๙.oo-๑๙.oo น. หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์.































พระฉายาลักษณ์ ภาพและข้อมูลจาก
ryt9.com
FB ม.ศิลปากร














บวงสรวงเจ้าฟ้า 'สยามมกุฏราชกุมาร' พระองค์แรกของไทย



“สยามมกุฎราชกุมาร” องค์แรกของสยามประเทศ หรือประเทศไทย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร หรือ สมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี พระองค์ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกของประเทศไทย แต่หลังจากดำรงตำแหน่งสยามกุฎราชกุมารได้เพียง ๘ ปี ก็เสด็จสวรรคต ขณะมีพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ซึ่งในปัจจุบันพระราชานุสาวรีย์ประดิษฐานอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยได้จัดพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะไปเมื่อเร็วๆ นี้


พระภาวนาวิริยคุณ (ไสว ธีรโสภโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติ กล่าวว่า วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ได้จัดพิธีบวงสรวงพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นเพื่อเป็นการถวายราชสักการะและเพื่อแสดงพระบุญญาธิการและพระเดชานุภาพของพระองค์ ให้ทรงคุ้มครองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ตลอดจนประชาชนและประเทศชาติให้มีสุขสวัสดิ์พิพัฒน มงคลชัย ปลอดภัยทุกภยันตราย


“พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ บริเวณด้านหน้าอาคารเบญจมราชวรานุสรณ์ โดยบริเวณหน้าบันได้จารึกอักษรย่อพระราชปณิธาน “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” อันหมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” คือพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี โดยพระองค์มีพระประสูติกาลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2421 เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี โดยฐานันดรศักดิ์แล้วทรงเป็นพระบรมราชปิตุลา(ลุง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระนาม “มหาวชิรุณหิศ” ซึ่งแปลว่า มงกุฎเพชรใหญ่ อันหมายถึงพระราชโอรสองค์ใหญ่ที่จะสืบทอดพระราชบัลลังก์" รองเจ้าอาวาสให้ข้อมูล


พร้อมกันนี้ยังเล่าด้วยว่า เมื่อมีพระชนมายุ ๕ พรรษา ได้รับพระราชทานสมุดบันทึกจากพระราชบิดา จึงเกิดความสนพระทัยในการจดบันทึกเรื่องราวแม้ยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการสถาปนาเป็น สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๒๙ ขณะพระชนมายุ ๗ พรรษา ซึ่งถือเป็นการสถาปนารัชทายาท ตำแหน่ง สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย แทนการสถาปนาตำแหน่ง มหาอุปราช หรือ วังหน้า ครั้นพระชนมายุ ๑๓ พรรษา ทรงผนวชแล้วประทับจำพรรษาเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อพระองค์มีพระชนมายุเข้าสู่วัยหนุ่ม มีพระสิริโฉมงดงาม มีพระสติปัญญารอบรู้ในศาสตร์ทุกแขนงและแกล้วกล้าอาจหาญประดุจจอมทัพไทย


ตลอดพระชนมชีพทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระราชบิดาให้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ อาทิ เสด็จออกรับแขกเมืองและรับฎีกาของราษฎรแทนพระองค์ รวมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จฯ เป็นผู้แทนพระองค์ในงานต่าง ๆ อยู่เสมอ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จสวรรคตเมื่อวันศุกร์ที่ ๔ มกราคม ๒๔๓๗ ขณะมีพระชนมายุ ๑๕ พรรษา ๖ เดือน กับอีก ๗ วัน สร้างความโทมนัสโศกเศร้าพระราชหฤทัยอย่างยิ่งแก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี และเพื่อเป็นการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ของพระราชโอรสอันเป็นที่รักยิ่งนี้ อุทิศถวายพระพุทธศาสนา โดยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุฯ อันเป็นวัดเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยพระมหาอุปราชหรือ วังหน้า อยู่เสมอ กาลครั้งนั้นได้พระราชทานเติมสร้อยนามของวัดมหาธาตุต่อท้ายว่า ยุวราชรังสฤษฎิ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระราชโอรส และเพื่อดำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามพระราชปณิธาน “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” อันหมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” สืบไป



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net














"Square&Sequence Exhibition"



เมย์ริสสรา จันทรรัตน์ เซเลบฯ สาวสวย ว่าที่ดอกเตอร์ ชวนชมงานแสดงศิลปะ และแฟชั่นโชว์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ และในสมัย ควีนวิคตอเรีย ในงาน “Square&Sequence Exhibition” โครงการจัดแสดงผลงานนักศึกษาระดับปริญญาเอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต หลักสูตรศิลปะการออกแบบ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร


โดยงานนี้ เมย์ริสสรา เป็นผู้เขียนบทละคร พร้อมออกแบบเสื้อผ้า หน้าผม ให้เพื่อน ๆ เซเลบริตี้กว่า ๑o คน ที่มาร่วมเดินแบบ นำโดย มาร์ค ธาวิน, จินดาภา บุณยากร, ลินดา ศิลปสว่าง, นันทวิมล พลพานิช, คุณาคม พลพานิช, ภูวดี คุนผลิน, พิมพ์ชิน ภัครพัฒน์ชนม์, นภัสวรรณ จิลลานนท์, ณัฏฐ์ธนิน คุณาธนาฒย์, แคนดี้ ถาวรมาศ และ แนท เอวิตา ศิระสาสตร์ ในวันที่ ๒o เมษายน เวลา ๑๘.oo น. เป็นต้นไป ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ สอบถาม๘๘๘๘



ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com














กรุงเทพฯ มีดี ๒๓๓ ปีรัตนโกสินทร์
ธีรภาพ โลหิตกุล



วันนี้ เทศกาลน้ำคงชุ่มฉ่ำทั่วเมืองไทยแล้ว แต่สำหรับกรุงเทพมหานคร สงกรานต์คือช่วงเวลาที่เมืองหลวงแห่งนี้สงบงามดั่ง “อยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ลงฤา” จริง ๆ จะไปไหนมาไหนก็ปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่มีรถติดให้หงุดหงิดใจ ชาวต่างจังหวัดก็จะอาศัยช่วงนี้แหละ เข้ามาชมความศิวิไลซ์ของกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ โดยเฉพาะปีนี้ เป็นปีมหามงคล ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และฉลอง ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ส่วนที่เรียกว่า “เกาะรัตนโกสินทร์” จึงคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยสีสันงานด้านศิลปวัฒนธรรมที่หลายหน่วยงานจัดขึ้น


ท่านใดมากราบสักการะพระแก้วมรกต และชมพระบรมมหาราชวังแล้ว แนะนำให้ไปชม “กำแพงศิลปะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ” ที่รั้วชั่วคราวของ สวนสันติพร ถนนราชดำเนินใน หรือในอดีตคือสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั่นเอง


ตลอดแนวยาวของรั้วกว่า ๒oo เมตร มีภาพวาดสีน้ำมันและภาพกราฟิตี้ ผลงานนิสิตนักศึกษาจาก ๓o สถาบันทั่วประเทศ มาแสดงศักยภาพในทางสร้างสรรค์อย่างน่าชื่นชมที่สุด ลบคำปรามาสที่ว่า คนหนุ่มสาวยุคนี้ “ดีแต่ก้มหน้าดูจอ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” ได้อย่างยอดเยี่ยม เนื้อหาภาพสะท้อนสังคมไทยหลากหลาย อาทิ กระแสความคลั่งไคล้ภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” (ปู่ม่านย่าม่าน) ที่วิหารวัดภูมินทร์ จ.น่าน ทำให้นักศึกษาคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำลองภาพกระซิบรักบันลือโลก มากระซิบกันไกลถึงที่กำแพงศิลปะแห่งนี้ด้วย ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี คือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยศิลปากร ธนาคารออมสิน ฯลฯ ที่ช่วยกันทำโครงการดีๆ เช่นนี้






จากนั้น ชวนท่านข้ามฝั่งมายังท้องสนามหลวงด้านทิศเหนือสุด มีอนุสาวรีย์แห่งหนึ่งตั้งอยู่บนเกาะรูปสามเหลี่ยม เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ใกล้โรงละครแห่งชาติ คือ อนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งมักถูกมองข้ามไป ทั้งๆ ที่มีความน่าสนใจในทางศิลปะ เพราะอนุสาวรีย์ขนาดเล็กที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อบรรจุอัฐิของทหารอาสาสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ นี้ ออกแบบโดยนายช่างใหญ่แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ หลังจากออกแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร ถวายล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เป็นงานชิ้นเอก (มาสเตอร์พีซ) แล้ว ท่านได้ทรงออกแบบอนุสาวรีย์ทหารอาสา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเจดีย์ศิลปะศรีวิชัย ที่เรียกว่า “จันทิ” ซึ่งมีอยู่มากบนเกาะชวา อินโดนีเซีย รวมถึงพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ที่จัดเป็นศิลปสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยเช่นเดียวกัน


โครงสร้างของอนุสาวรีย์ทำจากหินสีขาว มีรูปทรงคล้ายเจดีย์แบบจันทิ มีซุ้มสี่ด้านประดับด้วยหินอ่อน ด้านหน้ากับด้านหลังจารึกเหตุผลแห่งการประกาศสงคราม การจัดกำลังรบ ฯลฯ อีกสองด้านจารึกนามทหารผู้สละชีวิตในสงครามโลกครั้งนั้น แต่จุดสำคัญอยู่ที่หน้าบันเหนือซุ้มทั้งสี่ ที่ประดับลายช่อดอกไม้ กินรี และตัวเหรา หรือมกร (สัตว์ในตำนานที่เป็นส่วนผสมของจระเข้ นาค กิเลน) เป็นฝีมือการออกแบบอันวิจิตรตระการตาอย่างที่สุด สะท้อนถึงปรีชาชาญทางการช่างของผู้ออกแบบอย่างที่สุดเช่นกัน จนมีคำกล่าวว่า ไปชมอนุสาวรีย์ทหารอาสาฯ ได้ซึมซับความงามของลายปูนปั้นที่หน้าบัน ก็นับเป็นบุญตายิ่งนักแล้ว


ที่สำคัญคือ กล่าวได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมบนเกาะรัตนโกสินทร์แห่งเดียว ที่รับอิทธิพลศิลปะแบบศรีวิชัยมาประยุกต์ ทั้งนี้ ทุกวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่กองทัพเยอรมันยอมลงนามในสัญญาสงบศึก จะมีพิธีวางพวงมาลารำลึกถึงคุณงามความดีของผู้สละชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ ๑






จากนั้น แนะนำให้ข้ามฝั่งมายังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ซึ่งในอดีตเคยเป็นพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) มาก่อน ช่วงนี้นับเป็นโอกาสดียิ่ง ที่กรมศิลปากรจะเปิดพระที่นั่งสำคัญของวังหน้า อาทิ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตำหนักแดง และ โรงราชรถหลวง ให้ชมเป็นกรณีพิเศษ ในวันศุกร์ที่ ๑๗-วันอาทิตย์ที่ ๑๙ เมษายน โดยมีการบรรยายและนำชมวันละ ๒ รอบ เวลา ๑๖.๓o น. และ ๑๗.๓o น. จากนั้นเวลา ๑๙.oo น. ยังมีการบรรเลงดนตรีสากลและดนตรีไทย พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์ไทย จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร อาทิ โขน “รามเกียรติ์” ระบำโบราณคดีศรีสยาม รำซัดชาตรี ฟ้อนแพน ฯลฯ โดยบัตรเข้าชมสำหรับชาวไทยราคา ๕o บาท ชาวต่างชาติ ๒๒o บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ o-๒๒๒๔-๑๓๓๓


เท่านี้ก็สุดคุ้มแล้ว แต่...ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๘ ยังเป็นวันครบรอบ ๒๓๓ ปี แห่งการสถาปนากรุงเทพมหานคร หรือกรุงรัตนโกสินทร์ กระทรวงวัฒนธรรมจึงจัดงานเฉลิมฉลอง ในนาม “ใต้ร่มพระบารมี ๒๓๓ ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๑ เมษายน ณ บริเวณท้องสนามหลวง ในงานจะมีกิจกรรมทั้งทางศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ที่จะนำไปสู่ความรัก ความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทย อาทิ ริ้วขบวนนำเสนอเหตุการณ์สำคัญ ชีวิตความเป็นอยู่ และศิลปวัฒนธรรม ใน ๙ รัชสมัยแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พิธีบวงสรวงเทพยดา และดวงพระวิญญาณสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า พิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง กิจกรรมไหว้พระ ๙ วัด สืบสิริสวัสดิ์ ๙ รัชกาล และที่จะขาดไม่ได้ คือการแสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม รวมถึงมหกรรมภาพยนตร์ย้อนยุค รวมทั้งมหกรรมว่าวไทยและว่าวนานาชาติ


ทำไปทำมา ผมว่ากรุงเทพฯ ช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะวันที่ ๑๗-๑๙ เมษายน มีสีสันที่น่าสนใจยิ่งนัก ท่านใดจะเปลี่ยนกำหนดการเดินทางกลับมา กทม.เร็วขึ้น จะได้มีโอกาสเที่ยวชมงานและสถานที่สำคัญในเกาะรัตนโกสินทร์ช่วงวันดังกล่าว ก็ไม่ผิดกติกาครับ



ภาพและข้อมูลจาก
komchadluek.net
คอลัมน์ "ท่องไปในใจตน" นสพ.คม ชัด ลึก ๑๒ เม.ย. ๒๕๕๘














นิทรรศการประสานอาเซียน "หลงรัก"



รู้ยัง?! ชาวเอเชียเค้าหลง “รัก” กัน


เพราะอาเซียนไม่ได้เพิ่งเกิด!! แต่กลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความสัมพันธ์กันมาแสนนาน เริ่มจากรู้จัก เรียนรู้ และต่อยอดทั้งความแตกต่าง-คล้ายคลึงกลมกลึงเป็นวัฒนธรรมร่วม จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของในแต่ละพื้นที่


“หลงรัก” นิทรรศการประสานอาเซียน ได้หยิบยกเรื่องราวของ “วัฒนธรรมรัก” ที่ได้จาก “ต้นรัก” พืชไม้ใหญ่ในวงศ์เดียวกับมะม่วง มะปราง มะกอกป่า มาเป็นตัวอย่างการเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่ ผ่านการค้าขายหรือแม้การทำสงคราม และยังเปิดมุมมองใหม่ที่ได้นำความรู้ดั้งเดิมจากรุ่นต่อรุ่นมาสร้างสรรค์เพื่อตอบโจทย์ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่


เพราะ “รัก” เติบโตและเบ่งบานได้ดีในแถบนี้ จนเกิดเป็นวัฒนธรรมหลง “รัก” ขึ้นที่จีนและญี่ปุ่น ก่อนจะแพร่หลายมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะแถบคาบสมุทรซึ่งลุ่มหลงใน “รัก” ไม่แพ้กัน เมื่อ “รัก” เดินทางจากป่าลึกผูกพันสายใยวัฒนธรรมรัดรึงยึดโยงไปทั่วเอเชีย คนบนดอยเก็บ “รัก” ป้อนเข้าสู่หัวเมือง คนเมืองส่งขายต่อเป็นสินค้ามีค่า เพราะเป็นที่ต้องการของผู้คนใกล้ไกล บ้างส่งเป็นส่วยบรรณาการแด่เมืองหลวง ฝ่ายช่างฝีมือจากต่างสำนักและชาติพันธุ์ก็ถ่ายเทเทคนิค ถ่ายทอดทักษะการทำเครื่อง “รัก” กันไปมา อย่างไม่รู้จบ...เป็นเช่นนี้มาต่อเนื่องยาวนาน พูดแบบภาษารักรักได้ว่าวัฒนธรรมหลง “รัก” ช่วยประสานผู้คนในประชาคมอาเซียนให้เข้ามา “รัก” กัน


ลองมาดูซิว่า เรื่อง “รัก” ของผู้คนทั้งสิบชาติพันธุ์ มีอะไรน่ารักน่ารักบ้างดีไม่ดี คุณอาจจะ “หลงรัก” โดยไม่รู้ตัว...


นิทรรศการ “ห ลงรัก” เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่ ๓ มีนาคม จนถึง ๒๘ มิถุนายนนี้ เวลา ๑o.oo - ๑๘.oo น. มิวเซียมสยาม (ท่าเตียน) เข้าชมฟรี!! สอบถามเพิ่มเติม โทร. o๒-๒๒๕-๒๗๗๗ หรือ //www.facebook.com/museumsiamfan



ภาพและข้อมูลจาก
museumsiam.org














ถนนสายดอกคูน
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ



ตามประสาคนชอบวาดรูป พอย่างเข้าสู่ฤดูหนาวต่อฤดูแล้ง ก็ให้ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจ ดอกอะไรต่อมิอะไรก็พากันเบ่งบาน ป่าทางภาคเหนือเปลี่ยนสี จากเขียวขจีเป็นเหลือง ส้ม น้ำตาล ดอกไม้สีม่วงทยอยบาน ตามด้วยดอกสีส้ม สีแดง ต่อด้วยเหลืองอร่ามตระการ


ผมอยู่นครสวรรค์ นับว่าเป็นจังหวัดกลาง ๆ จะไปเหนือ ไปอิสาน หรือล่องใต้ก็สะดวกสบาย พอหมดฤดูฝนก็ออกเดินทางไปโน่นไปนี่ หาที่เที่ยวให้เพลิดเพลินจำเริญตาจำเริญใจ ขึ้นเขา ลงห้วย เข้าป่า ลุยสวน ชมบ้าน ชมเมือง ชมวัด ลัดทุ่งลุยท่า หาของกิน ชม ดม ดู ฟัง


ต้นไม้ประจำจังหวัดนครสวรรค์ คือ ต้น “เสลา” ครับ ดอกเสลา จะทยอยบานตั้งแต่ปลายพฤศจิกายน พร้อม ๆ กับพลพรรคสีม่วง คืออินทนิล และตะแบก กว่าจะวายก็มีพลพรรคสีส้ม สีแดง ดอกงิ้ว และทองกวาว มารับช่วง


ใครขับรถขึ้นเหนือผ่านนครสวรรค์ จะเห็นดอกเสลาเบ่งบานตระการตาตลอดสองข้างทาง (ขับรถมองดอกไม้เพลิน ๆ ระวังอุบัติเหตุด้วยละกัน) ใครเคยขับรถจากสุพรรณบุรีไปดอนเจดีย์ ในช่วงฤดูร้อน ย่อมจะต้องตื่นตะลึงกับสีส้มแดง สดใส ของ “หางนกยูง” ผมเห็นตั้งแต่เขาเริ่มปลูกใหม่ๆ เมื่อสักยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ต้นกล้าไม้เล็ก ๆ อยู่ในคอกล้อมที่มั่นคง ผมยังเผลอไปว่าเขาว่า ทำเสียเกินเหตุไปหรือเปล่า เกรงว่าเขาจะปลูกทิ้งปลูกขว้าง เสียงบประมาณเปล่า ที่ไหนได้ เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ถนนสายสุพรรณ-ดอนเจดีย์ ก็สวยงามเหนือบรรยาย


และเมื่อวันเสาร์ - อาทิตย์ ที่ผ่านมานี่เอง ผมได้ขับรถผ่านถนนสายหลักจาก อ.บึงสามพัน ไปจังหวัดเพชรบูรณ์ ช่วงตั้งแต่ อ.หนองไผ่ ไปถึงตัวจังหวัด ระยะทางกว่า ๕o กม. สวยงามอร่ามตาด้วยมหกรรมดอกคูน


จำได้ว่า ดอกคูน น่าจะเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดขอนแก่นนะ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของคนกำหนดขึ้นมาก็ว่ากันไป แต่ฟ้าดินธรรมชาติได้ประทานต้นไม้นานาพรรณมาให้ ที่ไหนเหมาะแก่การงอกงามก็ที่นั่นแหละสวรรค์


ผมพาแม่และครอบครัวไปเที่ยวเพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวาน ผ่านถนนสาย “ดอกคูน” ขับรถด้วยความเพลิดเพลิน ต้นคูนสองข้างทางกำลังชูช่อดอกเหลืองอร่ามตลอดเส้นทาง่นาจะหลายพันต้น รู้สึกนับถือหัวจิตหัวใจชาวเพชรบูรณ์ที่ได้ทำสิ่งที่งดงามยิ่งใหญ่ขึ้นมา ปลูกต้นไม้นับพัน ๆ ต้นให้รอดตาย เติบโตขึ้นมาได้อย่างไร ย่อมต้องใส่ใจดูแลอย่างดี และเพราะคูนเป็นไม้เผ่าพันธุ์ทรหด ทนร้อนทนแล้ว แข็งแกร่งกล้าหาญ "ถนนสายดอกคูน"ที่เพชรบูรณ์ สำหรับผมคือผลงานชิ้นโบว์แดงเลยทีเดียว


พาแม่ไปเที่ยวเขาค้อ และวัด ไหว้พระ กินขนมจีนหล่มเก่า ชมสถานที่สำคัญหลายแห่ง กลับถึงบ้านเรายังพูดถึง “ถนนสายดอกคูน” ของชาวเพชรบูรณ์กันอยู่เลย ต้องขอบคุณจริง ๆ



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com
คอลัมน์ "ศิลป์แห่งแผ่นดิน"นสพ.คม ชัด ลึก ๑๒ เม.ย. ๒๕๕๘














โครงการ Training of Art Manager 2015



วันที่ : ๕ มีนาคม - ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘
สถานที่: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ให้คำปรึกษาโครงการโดย สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล


หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (หอศิลปกรุงเทพฯ) เป็นองค์กรที่ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ด้านศิลปะ และ วัฒนธรรม ซึ่งมีรูปแบบในการนำเสนอที่หลากหลาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการผู้ที่สนใจโดยทั่วไป จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ผลงานที่ปรากฏขึ้นต่อสาธารณชนเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ หอศิลปกรุงเทพฯ เป็นองค์กรที่อยู่ในความสนใจของเหล่านักเรียน นักศึกษา ต้องการเข้ามาขอฝึกทักษะการทำงานลักษณะต่าง ๆ จากความสนใจดังกล่าว และการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างฐานนักจัดการศิลปวัฒนธรรมรุ่นใหม่ ที่จะมาต่อยอดการบริหารจัดการศิลปวัฒนธรรมต่อไป จึงพยายามดำเนินการ โครงการ“BACC Training of Art Manager 2015” ขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจพื้นฐานในระบบการจัดการ และองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ให้สามารถนำไปต่อยอดได้ โดยเน้นประสบการณ์ตรง จากการฝึกงาน เฝ้าสังเกตการปฏิบัติงานชองเจ้าหน้าที่หอศิลปกรุงเทพฯ ควบคู่ไปกับองค์ความรู้ที่จะได้รับจากการบรรยาย โดยผู้เชี่ยวชาญการจัดการสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติการ (Workshop) ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมทุกคนจะต้องสรุปความเข้าใจ และประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าอบรมเป็นโครงการจำลอง โดยใช้พื้นที่ภายในอาคาร หอศิลปกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่จำลอง


โครงการ “BACC Training of Art Manager 2015” จะเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญให้กับผู้ที่สนใจ การจัดการ-ศิลปวัฒนธรรม ที่จะสามารถนำองค์ความรู้ และประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้รับ ไปปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดการต่อยอด และรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมในอนาคตอันใกล้นี้ และยังเป็นการสร้างฐานบุคลากรด้านศิลปวัฒนธรรมอีกด้วย


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ

๑. ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมต้องมีอายุระหว่าง ๒o-๓๕ ปี
๒. มีความสนใจการจัดการศิลปวัฒนธรรมเป็นพิเศษ
๓. เรียนในสาขาศิลปะ และวัฒนธรรมหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
๔. มีความตั้งใจ และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่
๕. ตรงต่อเวลา สามารถเข้าร่วมการฝึกอบรมได้อย่างน้อย ๘o% ของเวลาการฝึกอบรม


*** หากสนใจเข้าร่วมโครงการท่านสามารถกรอกใบสมัคร และเขียนบทความแนะนำตนเอง สิ่งที่ตนเองสนใจในงานการจัดการศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งท่านจะนำความรู้และทักษะที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการไปใช้ประโยชน์อย่างไร ความยาวไม่เกิน ๒ หน้ากระดาษ A4 โดยส่งกลับมาที่ฝ่ายการศึกษา หอศิลปกรุงเทพฯ education@bacc.or.th หรือส่งด้วยตนเองที่จุดประชาสัมพันธ์ชั้น 5 หอศิลปกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๘ (*รับจำนวนจำกัด เพียง ๒o ท่านเท่านั้น)


โครงการจัดทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ ระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ๒๕๕๘


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘ ต่อ ๕๑๙ และ Email education@bacc.or.th


ตารางการฝึกอบรมหลักสูตร “BACC Training of Art Manager 2015”

๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. ปฐมนิเทศ อธิบายหลักสูตรการฝึกอบรม
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. บรรยาย “บทบาทของศิลปวัฒนธรรมต่อสังคม” โดย คุณจีระนันท์ พิตรปรีชา

๑o พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. บรรยาย “การจัดการศิลปวัฒนธรรม” โดย คุณลักขณา คุณาวิชยานนท์

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “การออกแบบโครงการศิลปวัฒนธรรม” โดย คุณนงรัตน์ ทับจิตต์
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดเขียนออกแบบโครงการ

๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “การเขียนโครงการและการระดมทุน” โดย คุณอภิศักดิ์ สนจด
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดเขียนโครงการ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “กลยุทธ์การตลาดและการประชาสัมพันธ์” โดย คุณกุลยา กาศสกุล
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดวางแผนกลยุทธ์ และวางแผนการเงิน

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “การวางแผนการเงิน” โดย คุณนงรัตน์ ทับจิตต์
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดออกแบบโครงการศิลปวัฒนธรรม

๓o พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “การออกแบบนิทรรศการ” โดย คุณพิชญา ศุภวานิช
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดออกแบบนิทรรศการ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑o.oo – ๑๒.oo น. บรรยาย “การออกแบบและวางแผนกิจกรรมเชิงการศึกษา” โดย ฝ่ายการศึกษา
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. ฝึกหัดออกแบบกิจกรรมเชิงการศึกษา

๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
๑o.oo – ๑๒.oo น. ศึกษาดูงานระบบการจัดการ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ”
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. วิพากษ์ และส่งโครงการจำลองครั้งที่ ๑

๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์เจ้าฟ้า
๑o.oo – ๑๒.oo น. ศึกษาดูงานระบบการจัดการ “พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป์”
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. วิพากษ์ และส่งโครงการจำลองครั้งที่ ๒

๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ราชดำเนิน
๑o.oo – ๑๒.oo น. ศึกษาดูงานระบบการจัดการ “หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน”
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. วิพากษ์ และส่งโครงการจำลองครั้งที่ ๓

๒o มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑๓.oo – ๑๘.๓o น. วิพากษ์ และส่งโครงการจำลองครั้งที่ ๔

๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. นำเสนอโครงการ

๓o มิถุนายน ๒๕๕๘ ณ ห้องประชุม ๕o๑ ชั้น ๕
๑๓.oo – ๑๕.๓o น. มอบประกาศนียบัตร ปิดโครงการ



ภาพและข้อมูลจาก
bacc.or.th














ชิ้นสวยอมตะ



หลุยส์ โพลเซน (Louis Poulsen) คือหนึ่งในผู้ผลิตโคมไฟไม่เหมือนใครมานานกว่า ๗o ปีของประเทศเดนมาร์ก ผลงานหลายต่อหลายชิ้นได้รับการยกย่องว่าเป็น 'งานศิลปะหรือผลงานคลาสสิก' จุดเด่นของแบรนด์ไม่ใช่เพียงแค่การออกแบบที่ดีเยี่ยม แต่ยังรวมไปถึง 'วิธีการควบคุมแสงไฟ' ที่โดดเด่นและแปลกใหม่ และกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตโคมไฟที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกจากการร่วมงานกับนักออกแบบชั้นนำที่มีความคิดสร้างสรรค์






โคมไฟดีไซน์ระดับไอคอนชิ้นเด่น เช่น ดู-ว็อพ (Doo-Wop) พัฒนาขึ้นจากความร่วมมือกันของหลุยส์ โพลเซน และ แผนกอาคารกองทัพเรือ เดนมาร์ก ในยุคปี 1950s ออกวางจำหน่ายภายใต้ชื่อ นาวี เพนแดนท์ (Navy Pendant) โคมไฟรุ่นนี้อาจไม่เป็นที่นิยมในช่วงต้นยุค ๘o แต่ภายหลังเริ่มมีปรากฏอยู่ในร้านขายของเก่าและในงานประมูลต่าง ๆ เนื่องด้วยความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น หลุยส์ โพลเซน จึงนำโคมไฟกลับมาผลิตอีกครั้งในปี ๒o๑๒ สำหรับเวอร์ชั่นใหม่นี้มีความใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุดและยังคงขั้นตอนการผลิตไว้เหมือนเดิมทุกประการ โดยโคมสามารถปรับหรือหมุนได้ด้วยมือ และช่วยทำให้มีปริมาณแสงที่พอเหมาะกับสายตา สำหรับรุ่นที่ทำจากแผ่นทองเหลืองนี้นับเป็นรุ่นที่ท้าทายของช่างฝีมือ เนื่องจากต้องทำให้โคมแผ่นทองเหลืองนั้นมีความมันวาวและสวยงาม






โคมไฟ อีนิกมา ๕๔๕ (Enigma 545) ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น โชอิจิ อุจิยะมะ (Shoichi Uchiyama) ในปี ๒oo๗ นำความสง่างามตามแบบฉบับของญี่ปุ่นผสมผสานเข้ากับความเรียบง่ายของสแกนดิเนเวียน ออกแบบให้ดูเหมือนโคมลอยได้ โดยใช้ลวดเส้นบางเฉียบเป็นตัวยึด เพื่อให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง เป็นแนวคิดการออกแบบที่เข้ากับหลักเกณฑ์การผลิตโคมไฟของ หลุยส์ โพลเซน และสร้างความแปลกใหม่ให้กับโคมไฟแบบที่มีโคมหลายชั้น






โคมไฟที่ช่วยเพิ่มความสบายของแสงที่นุ่มนวลให้ทั้งพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ ต้องยกให้รุ่น แอลซี ชัทเทอร์ส (LC Shutters) จุดกำเนิดของแสงมาจากแผ่นอลูมิเนียมเรียบในโคมทรงกระดิ่ง ลวดลายบนตัวโคมถูกตัดและทำให้เหมือนเป็นแผ่นอลูมิเนียมสองชั้นซ้อนกัน แสงถูกปล่อยให้ลอดออกมาจากรูปทรงที่ฉลุไว้บน 'ตัวโคม' ซึ่งทำจากแผ่นอลูมิเนียมหนา ๓ มิลลิเมตร มั่นใจได้ว่าโคมไฟจะยึดเกาะได้อย่างแข็งแรง เหมาะติดตั้งไว้ในห้องเด็กไปจนถึงพื้นที่ทำงาน ออกแบบโดย หลุยส์ แคมพ์เบลล์ (Louise Campbell)






อีกหนึ่งรุ่นไอคอนคือ พีเอช ฟิกซ์เจอร์ (PH Fixture) โคมสามชั้นย้อนยุคไปในปี ๑๙๒๕-๑๙๒๖ รุ่นนี้มาเป็นคอลเลคชั่น มีด้วยกัน ๕ แบบ คือ PH 2/1 Wall, PH 2/1 Table Lamp, PH 2/1 Pendant, PH 3/2 Wall และ PH 3/2 Table Lamp สำหรับตั้งโต๊ะ แขวนผนัง ห้อยจากเพดาน ออกแบบโดย โพล เฮนนิงเซน (Poul Henningsen) เด่นตรงเป็นโคมไฟที่กระจายแสงสว่างแบบไม่ทำให้แสบนัยน์ตา และกระจายแสงโดยตรงไปยังพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างมากที่สุด ให้แสงเงาอ่อนละมุน หมายเลขรุ่นของโคมไฟพีเอชเป็นตัวเลขที่สื่อถึงขนาดของตัวโคมไฟ


สอบถามรายละเอียดโคมไฟ หลุยส์ โพลเซน ในเมืองไทยได้ที่โชว์รูม Craft สยามพารากอน







ภาพและข้อมูลจาก
FB กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์














Life in Monogram ศิลปะแห่งรอยอดีต



ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอนิทรรศการ “Life in Monogram” ผลงานศิลปะเดี่ยวชุดล่าสุดสะท้อนแก่นของความงดงามในอดีตโดย ศิลาวิศว์ พูลสวัสดิ์ ศิลปินรุ่นใหม่ที่หลงใหลเรื่องราวในประวัติศาสตร์


“Life in Monogram” การแสดงผลงานเดี่ยวชุดล่าสุด ของศิลปินหนุ่มใหญ่ไฟแรงจากรอบรั้วศิลปากร ที่หลงใหลเรื่องราวในประวัติศาสตร์ โดยได้แรงบันดาลใจจากภาพถ่ายในอดีตกาล


ศิลปินตั้งใจผสานความชื่นชอบในประวัติศาสตร์และงานจิตรกรรมผ่านผลงานบอกเล่าบทเรียนและความทรงจำในอดีตที่ยังคงแอบแฝงในรูปถ่ายที่จืดจาง เสียหายไปกับกาลเวลา ซึ่งภาพถ่ายเก่า ๆ ที่จืดจางเหล่านี้บ่อยครั้งจะถูกลืม และละเลย หากเอกลักษณ์ และตัวตนที่แท้จริงของภาพถ่ายผู้หญิงเอเชียที่เป็นต้นแบบในภาพวาดกลับเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินติดตามค้นหาเรื่องราว วิถีชีวิต และประเพณีนิยมซึ่งเป็นรากฐานทางความคิดของคนในยุคปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านเลย รูปถ่ายจะจางหาย แต่วัฒนธรรมและความเชื่อจะยังคงอยู่และสืบทอดสู่ค่านิยมในปัจจุบัน


Exhibition : Life in Monogram
Artist : Silawit Poolsawat/ศิลาวิศว์ พูลสวัสดิ์
Date : March 13-April 30,2015
Venue : Koi Art Gallery
Tel : 02-662-3218
E-mail : poy.kanyakorn@hotmail.com















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Tangled up in blue



พงษ์สกุล ชาเหลา ศิลปินหนุ่มชาวไทยวัย ๒๗ ปี ผู้ซึ่งสะสมผ้ายีนส์มากว่า ๑o ปี เขาตัด แต่ง ผ้ายีนส์เหล่านี้ออกเป็นชิ้น เป็นส่วน แล้วนำมาต่อเข้ากันเป็นทัศนียภาพแห่งความคิด ซึ่งถูกกระตุ้นด้วย ภาพสังคม-วัฒนธรรม ของกรุงเทพ และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ แนวคิดที่ผ่านการจุดประกายนี้ ถูกสะท้อนออกมาผ่านโทนสีและความเข้มจางของผ้ายีนส์


พงษ์กุล ศึกษาเล่าเรียนจนจบ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ แต่เทคนิคการปะติดต่อผ้า คือสิ่งที่เขาเรียนรู้ ฝึกฝนด้วยตนเอง กึ่งกลางระหว่างเทคนิคและแนวคิด ผ้าสีฟ้าซึ่งมีความสำคัญอยู่ที่ความเรียบง่ายและสบายในการสวมใส่ ที่อยู่เหนือทุกสไตล์ ทุกวัฒนธรรม ทุกชนชั้น มาแล้วทุกรุ่น ทุกสมัย เขาตั้งคำถามและค้นหาความหมายใหม่ ในเรื่องธรรมชาติที่แท้จริงของตัววัตถุ ทุกขอบเขตที่เป็นไปได้ ซึ่งกั้นอยู่ระหว่างนามธรรมและความเป็นจริง ความเชื่อของโลกตะวันออกกับตะวันตก และความร่ำรวยกับความยากจน ถูกเขานำมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน


พงษ์สกุล สร้างภาพที่สับสนด้วยสีฟ้า ซึ่งเป็นสีฟ้าเดียวกันกับที่มีในภาพฝันของฮวน มีโร ระหว่างที่สดับฟังเสียงเพลงของบ๊อบ ดีแลน เขาเพิ่มความเข้มข้นในความเข้มจางและการตัดกันของแสงและเงา จักรเย็บผ้าของเขา สร้างเส้นขอบและความมีอยู่ให้กับการแสวงหาทัศนียภาพที่อยู่เหนือคำบรรยายทั้งปวง ความงดงามซึ่งเกิดขึ้นในทางโลก ถูกสร้างขึ้นเป็นภาพที่เราผ่านพบในทุกวัน แต่ไม่เคยมองเห็นมันจริง ๆ เลยสักที


เป็นผลงานที่เข้าถึงสัญลักษณ์แห่งความเป็นโลกาภิวัตน์ ในโลกร่วมสมัย ในขณะเดียวกันก็เป็นภาพลวดลายที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นด้วยจารีตนิยมและความคาดหวังอย่างที่งานศิลปะควรจะเป็น ซึ่งแสดงออกให้เห็นอย่างเฉียบแหลมและชาญฉลาด


นิทรรศการครั้งนี้ จะจัดแสดงผลงานศิลปะล่าสุดของพงษ์กุล พร้อมด้วยจักรเย็บผ้า เครื่องมือสร้างผลงานแทนที่พู่กันเขียนภาพ และผ้ายีนส์ แทนที่สี ศิลปะการตัดแปะผ้ายีนส์ของพงษ์กุลนี้ เคยถูกนำไปจัดแสดงแล้วที่หอศิลป์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, V64 อาร์ตสตูดิโอ และ Brownstone สตูดิโอ


นิทรรศการ : Tangled up in blue
ศิลปิน : พงษ์สกุล ชาเหลา
เวลาจัดแสดง : ๑๖ เม.ย.-๘ มิ.ย. ๒๕๕๘
สถานที่ : S gallery
Tel. : 093-582-6588
Email : sgallery.bangkok@gmail.com
//www.facebook.com/sgallerysukhumvit



//www.artbangkok.com/wp-content/uploads/2015/03/Sgallery1.jpgฬ



ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














Conversation of Breath



เทคนิคการวาดภาพลายเส้นต่อเนื่องอันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปิน เส้นสายนับไม่ถ้วนจากปลายปากกาผูกโยงกันจนเกิดเป็นภาพนามธรรม ชักนำผู้ชมให้ออกเดินทางสู่จินตนาการของการวาดเส้น

เมื่อเส้นสายเรียบง่ายผูกโยงอย่างไม่รู้จบจนกลายเป็นพื้นผิวอันซับซ้อน ราวกับบทกวีบนผืนผ้าใบหากแต่ไม่ได้ถูกเขียนด้วยภาษา นี่คือผลงานแสดงเดี่ยวครั้งที่ ๒ ของ จิรัชยา พริบไหว กับชุดผลงานที่เธอเปรียบเสมือนบทสนทนาจากลมหายใจของตัวเอง เป็นปรากฏการณ์บนผืนผ้าใบที่สะท้อนให้ผู้ชมรู้สึกได้ถึงพื้นที่และเวลาของจิต เมื่อสมาธิของศิลปินได้กำหนดการไหลเวียนของเส้นจนเกิดเป็นภาพอย่างน่าพิศวง


นำทองแกลเลอรีขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ “Conversation of Breath” ในวันเสาร์ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ณ นำทองแกลเลอรี อารีย์


นิทรรศการ : Conversation of Breath
ศิลปิน : จิรัชยา พริบไหว
เวลาจัดแสดง : ๙ พ.ค.-๑๓ มิ.ย. ๒๕๕๘
สถานที่ : นำทองแกลเลอรี ซอยอารีย์
Tel : o๒-๖๑๗-๒๗๙๔
E-mail: numthonggallery@gmail.com
Facebook : https://www.facebook.com/events/1576984412558040/







ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














My Companions 2



โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญชมงานแสดงนิทรรศการศิลปะ “My Companions 2” โดยศิลปินชื่อดัง เจ๊กกี้-สุรพร เลิศวงศ์ไพฑูรย์ ณ บริเวณ สกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ ของโรงแรมฯ ตั้งแต่ 14 พฤษภาคม จนถึงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๑o.oo น. ถึง ๒o.oo น. โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพส่วนหนึ่งจะร่วมสบทบทุนให้กับ “มูลนิธิเดอะวอยซ์ (The Voice เสียงจากเราเพื่อสัตว์ยากไร้)”


นิทรรศการฯครั้งนี้ นำเสนอผลงานซึ่งได้แรงบันดาลใจจากมิตรภาพ ความรัก ความผูกพันที่มีต่อกันในฐานะเพื่อน โดยเล่าเรื่องราวผ่าน “น้องหมา” เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ (Dog is Man’s best Friend) โดยนิทรรศการ “My Companions” ครั้งที่ ๑ ได้จัดขึ้นเมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว


ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ และเลือกซื้อผลงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทร. o๒-๑oo-๑๒๓๔ ต่อ ๖๗๕๓-๕๖


นิทรรศการ : My Companions 2
ศิลปิน : สุรพร เลิศวงศ์ไพฑูรย์
วันที่จัดแสดง : ๑๔ พ.ค.- ๑๔ ก.ค.​๒๕๕๘
สถานที่ : Centara Grand at CentralWorld
Tel : 02-100-1234/6753-56
E-mail : NattasiriJi@chr.co.th















ภาพและข้อมูลจาก
artbangkok.com














เศษเสี้ยวของการเดินทาง (Fragments of Our Journeys)



นิทรรศการ : เศษเสี้ยวของการเดินทาง (Fragments of Our Journeys)
ศิลปิน : วิเชษฐ จันทร์นิยม (WICHET CHANTANIYOM)
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๖ เมษายน – ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
พิธีเปิดนิทรรศการ : วันอาทิตย์ ๒๖ เมษายน เวลา ๑๘.๓o น.
คุณสันติ วิลาสศักดานนท์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๒
ติดต่อศิลปิน : o๘๑-๘๒๗-๕๕๕๒


แนวความคิด

การดำรงชีวิตของผู้คนในยุคนี้แทบจะเรียกได้ว่ามีการเดินทางเกิดขึ้นทุกวินาทีก็ว่าได้ ทั้งการเดินทางจริงๆในการสัญจรไปไหนต่อไหนในการดำรงชีวิตประจำวัน การเดินทางอีกอย่างหนึ่งคือการเสพสื่อต่าง ๆ ทั้งจากการดู การฟัง และการอ่าน ทำให้ผู้คนในยุคนี้มีการเดินทางที่กว้างไกลกว่าในอดีต


ผมในฐานะของผู้ทำงานศิลปะ ซึ่งก็เป็นคนหนึ่งในสังคม และมีการเดินทางเหมือนกับผู้คนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเดินทางบางเสี้ยวของชีวิต มาทำงานศิลปะในชุดนี้ จึงทำให้งานมีความหลากหลาย ตามความประทับในที่ได้พบเห็นและการจินตนาการในสิ่งที่เคยพบเห็นมา คิดว่างานชุดนี้คงเป็นแรงบันดาลในให้ผู้ที่ได้ชม จะคิดต่อในสิ่งที่ผมได้คิดและทำ เพื่อเสพความสุขและหวนคิดถึงสิ่งที่ได้พบเห็นมา



ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.blogspot.com














SEE 2 SEA



นิทรรศการ : “SEE 2 SEA”
ศิลปิน : กลุ่ม ๒ เล
แก้วสุดา บุตรเผียร, เอกพงษ์ คงฉาง, กิตติ พิมเสน
วิษณุ เลิศบุรุษ, ศิริชัย พุ่มมาก, นิแอ นิแต, ศุภชัย ศรีขวัญแก้ว
ลักษณะงาน : จิตรกรรมและวาดเส้น
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๔ เมษายน – ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๒
ติดต่อศิลปิน : o๙๙-๑o๖-๓๗๑๘ คุณแก้วสุดา


แนวความคิด

การรวมตัวกันของรุ่นพี่ รุ่นน้อง ซึ่งมีพื้นถิ่นเกิดมาจากฟากฝั่งอันดามันและฟากฝั่งอ่าวไทย ภาคใต้อันมีเอกลักษณ์ของศิลปะที่หลากหลาย มีทั้งไทยพุทธ ไทยจีน และไทยมุสลิม สมาชิกในกลุ่มบ้างก็เป็นอาจารย์สอนศิลปะ บ้างก็เป็นบุคลากรทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมาอย่างต่อเนื่อง และมีเจตจำนงร่วมกันในการเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชนให้ได้ซึมซับรับรู้อัฐรสทางศิลปะที่หลากหลายและแตกต่างกันไปตามรูปแบบเฉพาะ















ภาพและข้อมูลจาก
chamchuriartgallery.blogspot.com














ศิลปะคลายร้อน เดือนเมษาฯ ...ที่หอศิลป์เจ้าฟ้า



ส่วนหนึ่งของผลงานจิตรกรรมภาพผู้หญิง ที่อำพลต้องการแสดงให้เห็นถึงความงดงามของหญิงทางด้านสรีระ การแต่งกาย ท่าทาง จริตและอารมณ์


“ธรรมชาติได้รังสรรค์ความงดงาม ระหว่างเพศชายและเพศหญิง ให้มีความสมบูรณ์อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งสองเพศต่างมีความสัมพันธ์และสร้างปฏิสัมพันธ์ต่อกัน เนื่องด้วยข้าพเจ้าเป็นเพศชาย จึงมีความประทับใจต่อความงดงามทางด้านสรีระ ทรวดทรง เรือนร่าง ท่าทาง จริตและอารมณ์ ที่แฝงเร้นอยู่ภายในของเพศหญิงที่มีความสลับซับซ้อนแปรปรวน ซึ่งไม่มีความแน่ชัดในเรื่องของอารมณ์ ที่มีอยู่ในตัวของหญิงสาวแต่ละคน ความงดงามเหล่านี้ มีพลังและเป็นแรงดึงดูดที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก ความคิดและจินตนาการ”


อำพลนำผลงานของเขามาจัดแสดงพร้อมผลงานของเพื่อนศิลปินอีกคนคือ สมพงษ์ ผลรัศมี ในนิทรรศการศิลปะ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า


โดยในส่วนผลงานศิลปะของสมพงษ์ เป็นผลงานจิตรกรรมภาพคนเช่นเดียวกัน แต่คนในภาพ คือภาพใบหน้าของชาวนา เพราะต้องการรำลึกถึง ต้นตระกูลของเขาซึ่งมีอาชีพเป็นชาวนา


“นับแต่รากเหง้า บรรพบุรุษ วงศ์ษาคณาญาติ พี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน ของบิดามารดาของข้าพเจ้า ทุกคนล้วนแต่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงผู้คนร่วมหมู่บ้านเดียวกัน ๒๕๗ หลังคาเรือน เช่นเดียวกัน ผู้คนเหล่านี้ เกิด แก่ และตาย บนผืนแผ่นดินเดียวกัน ที่บรรพบุรุษสร้างไวั้ ก้มหน้าปักกล้าด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์และซื่อตรง กับอาชีพของตน ตลอดมาและตลอดไป จนวันอวสานแห่งชีวิต


ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าซึ่งเป็นลูกชาวนาโดยแท้ ขอใช้หัวใจอันซื่อ ๆ ปักดำเมล็ดพันธ์ของศิลปะอันซื่อๆ ด้วยดวงใจอันซื่อ ๆ ของข้าพเจ้า ที่กล่าวมาทั้งนั้นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ข้าพเจ้าได้ทุ่มเทแรงกายและจิตใจ บรรจงสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อระลึกถึงผู้คนเหล่านี้ ว่าคือผู้มีพระคุณอันใหญ่าหลวงของข้าพเจ้า”


นอกจากนี้บนพื้นที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ตลอดเดือนเมษายนนี้ ยังมีอีกหนึ่งนิทรรศการซึ่งจัดแสดงใกล้ๆกัน คือนิทรรศการแสดงผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ กลุ่มทีมผ่าศพ ที่ต่างผ่าตัวตนของแต่ละคน สะท้อนออกมาเป็นผลงานศิลปะในรูปแบบที่ตัวเองถนัด


ขณะที่ คอร์สศิลปะฤดูร้อน หอศิลปแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๒๒ เมษายน - ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ นอกจากเปิดอบรมการวาดภาพการ์ตูนให้กับ นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ ยังจัดให้มีอบรมการวาดภาพด้วยสีน้ำสำหรับ นักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ไปจนวัยผู้ใหญ่ ทุกเพศทุกวัยที่สนใจ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปได้ที่ ฝ่ายวิชาการ โทร.o-๒๒๘๑-๒๒๒๔


หมายเหตุ : ก่อนปิดเทศกาลสงกรานต์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ยังเปิดให้เข้าชมไปจนถึง วันอาทิตย์ที่ ๑๒ เมษายน และจะเปิดให้เข้าชมอีกครั้งวันที่ ๑๘ เมษายน เป็นต้นไป



























ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 16 เมษายน 2558
Last Update : 16 เมษายน 2558 23:56:21 น. 0 comments
Counter : 1824 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.