happy memories
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๘o





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ เสภาวังหน้า
ขุนอิน


ถ้าจะกล่าวถึงเทศกาลดนตรีบ้านเราแล้วนั้นในเดือนมีนาคมพวกเราชาวไทยทุกคนก็จะต้องนึกถึง "พัทยามิวสิกเฟสติวัล" พอเข้ากลางปีก็จะคิดถึง "หัวหินแจ๊สเฟสติวัล" เพราะเนื่องจากทั่ง ๒ รายการนี้ได้จัดกันมาต่อเนื่องอย่างยาวนานนับสิบปีส่วนเทศกาลดนตรีอื่น ๆ ก็ยังมีจัดให้พวกเราชาวไทยได้ชมกันอยู่อีกหลายต่อหลายแห่งแต่ส่วนใหญ่นั้นจะจัดกันไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนกับ ๒ รายการที่ผมได้กล่าวมาจึงทำให้ความคุ้นเคยนั้นได้ขาดหายไปจากความรู้สึกนักฟังเพลงชาวไทยรวมถึงชาวต่างชาติอีกด้วยครับ


แต่ถ้าเรานึกถึงดนตรีไทยเดิมหรือดนตรีปี่พาทย์ของเราบ้างล่ะ ว่าจะมีการจัดเป็นแบบเทศกาลดนตรีเหมือนกับดนตรีสากลกับเขาบ้างหรือเปล่า? ผมก็ต้องขอตอบไปเลยว่า มีครับและหลายต่อหลายแห่งอีกด้วยเพียงแต่ว่าการจัดของทางฝั่งดนตรีไทยเดิม นั้นขาดการโปรโมทเหมือนกับรายการเทศกาลดนตรีต่าง ๆ ของทางฝั่งดนตรีสากลนั่นเอง อย่างเมื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นทางกรมศิลปากรนั้นได้จัดรายการแสดงดนตรีปี่พาทย์ที่เปรียบเป็นเสมือนกับเทศกาลดนตรีขึ้นมา เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี่เองครับโดยใช้ชื่อว่า "ปี่พาทย์เสภาวังหน้า" ซึ่งก็ได้จัดต่อเนื่องกันมาในชื่อนี้ถึง ๑๓ ครั้งหรือ ๑๓ ปี แต่ถ้าจะนับกันจริง ๆ แล้วนั้น รายการนี้ได้จัดกันมามากกว่า ๓o ปีแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้จัดกันอย่างเป็นทางการ ในชื่อของ "ปี่พาทย์เสภาวังหน้า"


ส่วนการจัดรายการนี้ในที่ผ่านมาของทุก ๆ ปี ก็จะเชิญวงปี่พาทย์ของกองดุริยางค์ ๔ เหล่าทัพ ซึ่งในเรื่องของฝีไม้ลายมือคงไม่ต้องบรรยายครับ เพราะทุกวงนั้นเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว และที่ขาดไม่ได้ก็คือวงปี่พาทย์ของทางเจ้าภาพ กรมศิลปากร และวงนี้ก็เช่นกันไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรกันมากเพราะเนื่องจากว่าเป็นสถาบันหลักของวงการดนตรีและนาฏศิลป์ บ้านเรามาอย่างยาวนาน และในรายการปี่พาทย์เสภาวังหน้าในระยะหลังทางหน่วยงานหรือเจ้าภาพที่จัดนั้นได้เพิ่มความเข้มข้นของวงปี่พาทย์ด้วยการเพิ่มวงที่มีนักดนตรีวัยรุ่นฝีมือจัดจ้านของ "วงปี่พาทย์กรุงเทพมหานคร" เข้ามาอีก แถมในบางปีก็จะคัดสรรค์วงชาวบ้านเข้ามาเป็นเกสต์รับเชิญ และอย่างในปีนี้ ก็ได้เชิญวงปี่พาทย์จากวิทยาลัยนาฏศิลป์ส่วนกลาง เข้ามาร่วมบรรเลงเพื่อเพิ่มอรรถรสเข้าไปอีก และแถมใน ๓ ปี ที่ผ่านมานี้ ยังได้เพิ่มภาคการแสดงอย่างรำอาเศียรวาทและการแสดงในชุดต่าง ๆ ในรูปแบบของเสภา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและถวายพระพรให้แด่ สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกด้วย เพราะว่าการจัดปี่พาทย์เสภาวังหน้าความจริงแล้วนั้นก็เป็นการจัดเพื่อถวายการน้อมรำลึกถึง ในวันที่ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔o๘ นั่นเอง ดังนั้นแล้วในทุก ๆ วันที่ ๗ มกราคม ของทุก ๆ ปี ชาวดนตรีไทยทั้งหลายก็จะสามารถรับชมรับฟังวงปี่พาทย์มาตรฐานหลากหลายวงได้ที่บริเวณด้านหน้าพระบรมรูปสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านข้างโรงละครแห่งชาติ ใกล้ ๆ กับท้องสนามหลวงนั่นเองแหละครับ


พอเขียนถึงงานปี่พาทย์เสภาวังหน้าที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ก็อาจจะมีเด็ก ๆ ยุคใหม่หลายคนนั้นอาจจะยังไม่ทราบว่าทำไม พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงไปเกี่ยวข้องกับตรงบริเวณวังหน้า ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้กลายเป็นสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และก่อนหน้านี้นั้นก็เป็นวิทยาลัยนาฏศิลป์ มาต้องหลายสิบปี เหตุก็เพราะว่าในบริเวณนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ก็คือพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ได้ทรงสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อเอาไว้เป็นศูนย์กลางของผู้ที่ดำรงค์อิสริยยศกรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงได้มีความสำคัญมาก


และต่อมาในรัชสมัยของ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าจุฑามณี ขุนอิศเรศรังสรรค์ ให้รับบวรราชโองการพระเกียรติยศเสมอด้วยพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ มีพระนามว่า สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นที่ในพระราชวังบวรสถานมงคล แห่งนี้และ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงเสด็จประทับอยู่ที่พระราชวังบวรสถานมงคลจนกระทั่งเสด็จสวรรคตและได้ดำรงค์ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเป็นพระองค์สุดท้ายอีกด้วยจึงทำให้ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้นทรงมีความสำคัญต่อสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมากนั่นเองแหละครับ เอาไว้ในวันที่ ๗ มกราคม ของปีหน้า ท่านผู้อ่านทุกท่านถ้ามีเวลาว่างก็อย่าลืมไปชม "ปี่พาทย์เสภาวังหน้า" พร้อม ๆ กับไปสักการะ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เปรียบได้ว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ ๒ ในรัชกาลที่ ๔ ของพวกเราชาวไทยด้วยนะครับ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
wikipedia.org
komchadluek.net














ศิลปินรวมใจเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ


เนื่องในโอกาสมหามงคลที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ ๕ รอบ ในปี ๒๕๕๘ นี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม (สวธ.) ได้จัดนิทรรศการศิลปกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดย อ.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ และเพื่อนศิลปิน เปิดมุมมองใหม่กับงานศิลปะที่หาชมได้ยากของศิลปินแห่งชาติ และเพื่อนศิลปิน ขยายแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่พร้อมเพิ่มรายได้เข้าประเทศ ในการนี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดนิทรรศการ






หลังจากทรงตัดแถบแพรเปิดงานอย่างเป็นทางการแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์ด้วยสีอะคริลิกเป็นภาพ "แพะ" จากนั้นทรงทอดพระเนตรนิทรรศการอย่างสนพระทัย โดยมี วีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ศ.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะศิลปินแห่งชาติ ครุศิลปิน และศิลปินอิสระชั้นนำ นำโดย อ.กมล ทัศนาญชลี เฝ้ารับเสด็จ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันก่อน






นันทิยา สว่างวุฒิธรรม เปิดเผยว่า สวธ. โดย กองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ได้จัด “มหกรรมศิลปกรรม : ผลงานศิลปินแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๘ ” ซึ่งงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ถือเป็นงานแรกที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวาระที่สำคัญยิ่งนี้ และในฐานะที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” ทรงอุปถัมภ์ค้ำชูศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมถึงศิลปินมาโดยตลอด และเพื่อเจริญรอยตามพระจริยวัตรอันงดงาม โดยมุ่งหวังว่านิทรรศการศิลปกรรมนี้ จะได้ถ่ายทอดและเผยแพร่ภูมิปัญญาของศิลปินแห่งชาติครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นการขยายแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวงานศิลป์พร้อมเพิ่มรายได้เข้าประเทศมากขึ้น






ด้าน อ.กมล ทัศนาญชลี เปิดเผยว่า งานศิลปกรรมที่นำมาจัดแสดงประกอบด้วย ผลงานจิตรกรรม สื่อผสม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และเครื่องปั้นดินเผา ที่หาชมได้ยากและหลายชิ้นเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ มีให้ชมเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินแห่งชาติที่ได้เดินสายถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปะร่วมกัน ในโครงการศิลปินแห่งชาติสัญจร ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องร่วม ๑o ปี และผลงานจากศิลปินรุ่นใหม่ที่เป็นลูกศิษย์ในโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติ จำนวน ๕ รุ่น ประกอบด้วย ครูอาจารย์ และศิลปินอิสระ ที่สวธ.ได้พาไปดูงานสร้างเสริมประสบการณ์งานศิลปะในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จนหลายคนประสบความสำเร็จเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ รวม ๑๒๑ คน โดยในครั้งนี้มีงานศิลปะให้ชมกันรวมกว่า ๒oo ชิ้น






ภายในงานมีผลงานชิ้นสำคัญที่นำมาจัดแสดง อาทิ งานประติมากรรมสื่อผสมฉลุตัวอักษรบทเพลงสดุดีมหาราชา ที่มีความสูง ๓ เมตร เป็นบทประพันธ์ของศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ครูชาลี อินทรวิจิตร และผลงานที่มาจากการสร้างสรรค์ร่วมกันของเพื่อนศิลปินแห่งชาติ ๓ สาขา ประกอบด้วย ทัศนศิลป์-วรรณศิลป์-ศิลปะการแสดง ได้แก่ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, อ.สถาพร ศรีสัจจัง, อ.ชินกร ไกรลาศ พร้อมงานจิตรกรรมสีน้ำผลงานของ สุเทพ วงศ์คำแหง ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง รวมด้วยผลงานของ ชวน หลีกภัย ฐาปนันดรศิลปิน นอกจากนี้ยังมีเวิร์กช็อป การบรรยายให้ความรู้การสร้างสรรค์งานศิลปะแก่นักศึกษาและประชาชนด้วย


ทั้งนี้ผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันนี้ - ๖ กุมภาพันธ์ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ชวนรวมกิจกรรม "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับประชาชน"


พุทธศักราช ๒๕๕๘ ถือเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทย เนื่องด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา โดยตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจหลายด้าน รวมทั้งทรงแบ่งเบาพระราชภาระจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงทรงก่อตั้งโครงการในพระราชดำริ และมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางดำเนินการและประสานงานในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎร


พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประเทศชาติ ด้วยการเชิญชวนบุคคลทั่วไปร่วมกิจกรรม "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กับประชาชน" ด้วยการส่งภาพถ่ายของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดที่เคยมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี ในวาระโอกาสใดก็ได้ เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นภาพถ่ายแห่งความประทับใจ และนำไปประกอบในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๘


ผู้สนใจสามารถส่งภาพถ่ายทางเฟซบุก //www.facebook.com/qsmtthailand หรืออีเมล์ : wk32@qsmtthailand.org ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ภาพถ่ายที่ส่งมาจะมีขนาดใดก็ได้ ไม่มีการตัดต่อหรือแต่งเติมให้ผิดไปจากความเป็นจริง เขียนคำบรรยายภาพอย่างละเอียด อาทิ วาระโอกาส วันเดือนปี สถานที่ และชื่อ-สกุลบุคคลในภาพ พร้อมแจ้งชื่อ-สกุล หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล์ของผู้ส่งภาพมาด้วย


เมื่อภาพถ่ายได้รับการคัดเลือกแล้ว เจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑ์จะติดต่อกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมล์ที่เจ้าของภาพแจ้งไว้ โดยจะประกาศผลคัดเลือกในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ
khaosod.co.th














อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ ๖


ศ.ศ.ป. เชิญสัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่า กับไฮไลท์การจัดแสดงนวัตศิลป์ชั้นสูงจาก “ทอง” พร้อมนับพันผลงานศิลปหัตถกรรมที่คัดสรรจากทั่วประเทศ ในงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม” ครั้งที่ ๖ ชูแนวคิด “สืบสานมรดกไทย ความภูมิใจของแผ่นดิน” สัมผัสความล้ำค่าและร่วมภาคภูมิใจ กับไฮไลท์การจัดแสดง และสาธิตผลงานนวัตศิลป์ชั้นสูงของสุดยอดครูช่าง พลาดไม่ได้กับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผลงานศิลปาชีพที่คัดสรรจากทั่วประเทศ พร้อมการแสดง และกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย ๑๕ - ๑๘ มกราคม ศกนี้ ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น ๑ และ ไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ – วันนี้ (๗ มกราคม ๒๕๕๘)


ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. แถลงข่าวการจัดงาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม” ครั้งที่ ๖พ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมสืบสานอนุรักษ์นวัตศิลป์ไทยอันเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล


ทั้งนี้ ในการแถลงข่าว ได้รับเกียรติจาก นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริม ศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) เป็นประธานในการแถลงข่าว และให้ข้อมูลการจัดงาน พร้อมด้วยกิจกรรมเรียกน้ำย่อยก่อนการจัดงาน ทั้งการพูดคุยกับตัวแทนครูช่างศิลป์ไทย ได้แก่ ครูวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญการทอผ้าไหมยกทอง จ.สุรินทร์, ครูเมตตา เสลานนท์ ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องลงหิน กรุงเทพ, ครูธานินทร์ ชื่นใจ ครูช่างชั้นสูงด้านงานสกุลช่าง ผู้รังสรรค์ตู้พระธรรมลายรดน้ำปิดทอง, ครูนิคม นกอักษร ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องถม จ.นครศรีธรรมราช, ครูอุไร แตงเอี่ยม ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องเบญจรงค์, ครูปราโมทย์ เขาเหิน ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องทองสุโขทัย, ครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญการทำหัวโขน เกี่ยวกับผลงานนวัตศิลป์ชั้นสูงจาก “ทอง” ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้ พร้อมชม ไฮไลท์การแสดงชุด “มาลัยทองคำ” โดยดาราสาว ฐิสา วริฎฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวเป็นอย่างมาก


นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า งานอัตลักษณ์แห่งสยาม จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ ๖ แล้ว โดยเป็นที่น่ายินดีที่การจัดงานในทุกครั้งที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าชมและซื้อสินค้าภายในงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานได้เป็นอย่างดีตลอดมา “และสำหรับการจัดงานอัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ ๖ นี้ กำหนดจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สืบสานมรดกไทย ความภูมิใจของแผ่นดิน” กับการรวมสุดยอดผลงานนวัตศิลป์ไว้มากที่สุดเพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวที่สนใจได้สัมผัสกับฝีมือความประณีตของครูช่างศิลป์ไทย และในครั้งนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การแสดงผลงานนวัตศิลป์ชั้นสูงจาก “ทอง” ที่มีความล้ำค่า ประเมินค่ามิได้ รวมไว้มากที่สุดในงานเดียว ซึ่งเป็นผลงานส่วนหนึ่งในโครงการ LUX by SACICT ซึ่งส่งเสริมงานหัตถกรรมที่ใช้ภูมิปัญญาดั้งเดิม ผนวกเทคนิคชั้นยอดในการจะสร้างสรรค์ รวมถึงมีมูลค่าสูง เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ในวงกว้าง พร้อมผลักดันสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะการตั้งโชว์อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศ” นางพิมพาพรรณ กล่าว


ทั้งนี้ งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม” ครั้งที่ ๖ ประกอบด้วย นิทรรศการ “ครูช่างชั้นสูง” ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของการจัดงาน โดยเป็นการแสดงผลงาน ชีวประวัติ พร้อมถ่ายทอดเทคนิคของการผลิตชิ้นงานชั้นสูงจาก “ทอง” ของครูช่างศิลป์ จำนวน ๗ ท่าน ได้แก่ ครูวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญการทอผ้าไหมยกทอง จ.สุรินทร์, ครูเมตตา เสลานนท์ ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องลงหิน กรุงเทพ, ครูธานินทร์ ชื่นใจ ครูช่างชั้นสูงด้านงานสกุลช่าง ผู้รังสรรค์ตู้พระธรรมลายรดน้ำปิดทอง, ครูนิคม นกอักษร ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องถม จ.นครศรีธรรมราช, ครูอุไร แตงเอี่ยม ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องเบญจรงค์, ครูปราโมทย์ เขาเหิน ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญเครื่องทองสุโขทัย, ครูวัฒนา แก้วดวงใหญ่ ครูช่างชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญการทำหัวโขน นอกจากนี้ ยังประกอบด้วย นิทรรศการความเป็นมาของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ เพื่อแนะนำบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยของศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) โดยนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ ทันสมัย เพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ ให้หันมาสนใจในศิลปหัตถกรรมของไทย


และพลาดไม่ได้ กับการออกร้านจำหน่ายสินค้าของเครือข่ายสมาชิกของศิลปาชีพกว่า ๕o ร้าน ที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ว่าเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องให้เป็นฝีมือชั้นครู กับผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นงานผ้าทอ ผ้าบาติก งานเครื่องทอง เครื่องเงิน ของแต่งบ้าน เครื่องแต่งกาย ฯ ในราคาสุดพิเศษจากครูช่างศิลป์ พร้อมกันนั้น ยังสัมผัสความตระการตากับการแสดงบนเวทีที่สื่อถึงศิลปวัฒนธรรม ตลอดการจัดงาน ทั้ง ๔ วัน อาทิ การแสดงโขนชุดพระรามรบทศกัณฑ์ การแสดงหุ่นคนนารายณ์ทรงครุฑ การแสดงโมเดิร์นแดนซ์ชุดหัสดีลิงค์ เป็นต้น รวมถึงศิลปินดารา ที่จะมาร่วมสร้างความบันเทิง อาทิ ตั้ม วราวุธ เดอะสตาร์ สงกรานต์ The Voice Thailand Season 2 หนุ่ม สมศักดิ์ The Voice Season 3 วิยะดา โกมารกุล ณ นคร และ เจนนิเฟอร์ คิ้ม “อยากจะขอเชิญนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ มาร่วมงาน“อัตลักษณ์แห่งสยาม” ครั้งที่ ๖ ได้ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มกราคม ศกนี้


ท่านจะได้ชื่นชมความอลังการของผลงานนวัตศิลป์ชั้นสูงที่นำมาจัดแสดงอย่างเต็มที่ในครั้งนี้ พร้อมกับเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับครูศิลป์แห่งแผ่นดินและช่างศิลป์ไทยผู้สืบสานผลงานศิลปวัฒนธรรมไทยที่มีเอกลักษณ์ ให้มีแรงใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่ประณีตและทรงคุณค่าคู่แผ่นดินคู่คนไทยอย่างต่อเนื่องสืบไป” นางพิมพาพรรณ กล่าวในตอนท้าย งาน “อัตลักษณ์แห่งสยาม” ครั้งที่ ๖ กำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น ๑ และไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในเวลา ๑o.oo – ๒๑.oo น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายงานการตลาด ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) โทร o๓๕-๓๖๗-o๕๔ – ๖ ต่อ ๑๓๗๖ หรือ //www.sacict.or.th



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dek-d.com
เฟซบุคอัตลักษณ์แห่งสยาม














๗๑ ปี กมล ทัศนาญชลี


งานศิลป์ของข้าพเจ้า

ทำสำเร็จเกินกว่าครึ่ง ก่อนที่จะลงมือทำจริง

ไม่ต้องมีคอนเซ็ปต์

ไม่ต้องมีร่างขยายแบบ

ทำได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกสื่อ

บนภูเขา ทะเลทราย หิมะ ที่กว้างที่แคบ

บนเครื่องบิน รถไฟ ขณะนอนหลับ

ความฝันเป็นการทำงานศิลปะของข้าพเจ้าอีกสื่อหนึ่ง

นอกเหนือไปจากเขียน ปั้น แกะสลัก พิมพ์ เชื่อม อ๊อก สื่อผสม

ความสดที่สามารถหยิบอะไรรอบๆตัวมาทำให้เกิดความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นและจบลงด้วยความพอดี



KAMOL TASSANANCHALEE & FRIENDS นิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และวาระอายุครบ ๗๑ ปี กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ภายในนิทรรศการมีการจัดแสดงผลงานของกมล และเพื่อนศิลปิน รวม ๑๒๑ คน วันนี้ - ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ถ.ราชดำเนินกลาง


นอกจากนี้ในวันเสาร์ที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๙.oo- ๑๒.oo น. จะมี Workshop “การสร้างสรรค์งานศิลป์” สำหรับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป โดยวิทยากร กมล ทัศนาญชลี และศิลปินศิลปินแห่งชาติ ท่านอื่น ๆ ได้แก่ เดชา วราชุน, วรนันทน์ ชัชวาลทิพากร, ธงชัย รักปทุม, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ดำเนินรายการโดย วิโชค มุกดามณี







































































ภาพและข้อมูลจากเวบ
rama9art.org
manager.co.th














นิทรรศการภาพถ่ายโบราณ จ.น่าน


ภาพบางภาพสะท้อนคำพูดได้นับร้อยนับพัน และภาพบางภาพก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาอันยาวนานนับร้อยนับพันปีได้เช่นเดียวกัน เมื่อภาพถ่ายสะท้อนความสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย สำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน จึงร่วมกับ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดแสดง “นิทรรศการภาพถ่ายโบราณ” ระหว่างวันนี้ - ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ โดยนำภาพเก่าภาพโบราณกว่า ๒,ooo ภาพ มาจัดแสดงใน ๓ สถานที่ของเมืองน่าน คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน วัดภูมินทร์ และวัดช้างค้ำ


ดร.ชุมพล มุสิกานนท์ ผู้จัดการพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน กล่าวว่า ได้รับความเห็นชอบจากพันเอก ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท ผู้อำนวยการ อพท. ในการลงนามความร่วมมือกับคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมการแสดงนิทรรศการภาพถ่ายโบราณ ซึ่งจุดประสงค์ของการจัดนิทรรศการนี้ก็เพื่อต้องการถ่ายทอดภาพเมืองน่านในอดีตให้คนปัจจุบันได้รับรู้ และถือเป็นการตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองน่านที่ อพท. ตั้งเป้าหมายให้เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต






หลายภาพที่จัดแสดงเป็นภาพเก่าหายาก แม้แต่คนน่านบางคนยังไม่เคยเห็น ซึ่งหากมองจากภาพจะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่ในเรื่องของประเพณีวัฒนธรรมยังคงอนุรักษ์ไว้ โดยเฉพาะวัดและสถานที่สำคัญที่ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ เพราะก็ยังคงใช้อยู่ถึงปัจจุบันแม้เวลาจะผ่านมานับร้อยปี


“เราใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพิมพ์ภาพโบราณจากภาพเก่า หรือซ่อมภาพเก่าที่ชำรุด แล้วจึงนำมาจัดแสดง ภาพที่มาจัดแสดงจะมีทั้งจากที่คนเมืองน่านสะสมไว้ และภาพที่ได้จากคนในจังหวัดใกล้เคียงที่เคยมาเที่ยวเมืองน่านแล้วถ่ายรูปในมุมต่าง ๆ เก็บไว้ โดยเป็นภาพในอดีตทั้งหมด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคนเมืองน่านได้ตระหนักถึงคุณค่าของประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า สร้างจิตสำนึกให้รู้สึกหวงแหน กระตุ้นให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรม”






ทั้งนี้ อพท. คาดหวังว่างานแสดง “นิทรรศการภาพถ่ายโบราณ” นอกจากคนเมืองน่านและลูกหลานจะได้เข้าชมแล้ว ยังจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเมืองน่าน หรือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่วางแผนมาเที่ยวเมืองน่านในฤดูท่องเที่ยวปีนี้อยู่แล้วไม่ควรพลาด โดยในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีเช่นนี้เมืองน่านจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่น้อยกว่า ๒o,ooo คน


ในส่วนของโซนนิทรรศการที่จัดบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ได้รวบรวมชุดพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จเมืองน่าน เจ้าผู้ครอบครองนครน่านและข้าราชการที่เคยปฏิบัติงานในพื้นที่เมืองน่านในอดีต ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงลักษณะการแต่งกาย ขนบธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
bangkokbiznews.com














รอยไหมใยฝ้าย...เสน่ห์อีสาน ผ่านผืนผ้า


ภาพที่เห็นกันจนชินตาในยามที่ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ชนบทของบ้านเรา คือภาพผู้เฒ่า ผู้แก่ นั่งทอผ้าอยู่ใต้ถุนบ้าน เคยถามว่า นั่งทอผ้าแบบนี้ไม่เบื่อหรือ คุณยาย คุณป้า ก็จะบอกว่า ไม่เบื่อหรอก ทำไปเรื่อย ๆ


ครั้นถามต่อว่า กี่วันถึงจะได้สักผืนนึง ก็ได้คำตอบว่า หลายวันถึงจะได้สักผืน แล้วเมื่อถามว่า ทำได้ยังไง ใครสอน คำตอบก็อยู่ที่ว่า ก็สอนกันต่อ ๆ มา ทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ งานทอผ้าของชาวบ้านนั้น ต้องถือว่าเป็นงานศิลปะที่รวมภูมิปัญญา รวมความอดทน ความพากเพียรไว้ในผืนผ้าที่ทอ เพราะกว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผืนผ้าสักผืนนั้น คนทำต้องมีทั้งสติปัญญาและความเพียรควบคู่กันไป ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่สำเร็จ


สำหรับนักเดินทางในปัจจุบันนั้น เส้นทางที่เชื่อมต่อกันเขตพื้นที่ ๒o จังหวัดของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสานนั้น กำลังเป็นเส้นทางทางการท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นที่ที่มีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์ ให้เลือกชมกันตามความสนใจ และควบคู่ไปกับแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ภูมิภาคอีสานยังเป็นแหล่งของภูมิปัญญาทางด้านวัฒนธรรมในเกือบทุกสาขาโดยเฉพาะเรื่องของการทอผ้า


ผ้าทอของอีสานมีทั้งฝ้ายและไหม มีลวดลายและการทำงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชาวอีสาน ที่รู้จักกันดีก็คือ ผ้าคราม ผ้ามัดหมี่ ลายขิด ฯลฯ ซึ่งล่าสุดมีการประยุกต์ให้สามารถนำมาใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน กลายเป็นเครื่องแต่งกายที่ทันสมัย นี่คือเสน่ห์แห่งผืนผ้าและคุณค่าที่สามารถมัดใจผู้ใช้ไว้ได้เนิ่นนาน


ต้องบอกว่า คนกรุงเทพฯ กำลังจะโชคดี เพราะอีกไม่กี่วัน ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ที่จะถึงนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะจัด "เทศกาลเที่ยวเมืองไทย" ขึ้น รวม ๕ วัน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิดท่องเที่ยววิถีไทย โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมทางการท่องเที่ยวจากทั้ง ๕ ภูมิภาคได้ฟรี ตามความสนใจ


ทั้งนี้ วันพุธที่ ๑๔ มกราคม ถึงวันศุกร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ งานจัดขึ้นระหว่างเวลา ๑๖.oo-๒๒.oo น. และวันเสาร์ที่ ๑๗ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ระหว่างเวลา ๑๒.oo-๒๒.oo น.


งานที่จัดขึ้นมีให้ชมกันหลายส่วน แต่สำหรับคนที่สนใจเรื่องของงานศิลปหัตถกรรม พลาดไม่ได้เลยที่จะต้องแวะไปชมงานของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นแหล่งรวมงานผ้าไหมและผ้าฝ้ายที่มีชื่อเสียงและโดดเด่น ซึ่งมีการนำมาสาธิตให้ชม นำข้อมูลมาให้ศึกษา หรือใครอยากจะมาช็อปปิ้ง ก็สามารถทำได้ โดยงานนี้ทั้งชาวบ้านและผู้ประกอบการตัวจริงเสียงจริงยกขบวนมากันเอง จากผืนผ้าเราสามารถเรียนรู้ไปถึงวิถีชีวิตและภูมิปัญญา รวมถึงความเป็นไทยได้มากมาย


ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองตลาดภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โทร. o-๒๒๕o-๕๕oo ต่อ ๑๓๖o-๑๓๖๓ และ ๑๖๗๒ หรือศึกษารายละเอียดกันได้ที่เว็บไซต์ //www.เที่ยวอีสาน.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net














ชมวัดวังเมืองเพชรบุรี ฟังเพลงสัญจร ครั้งที่ ๒


มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ร่วมกับ ชมรมหัวใจมีเพลง จัดกิจกรรม “ชมวัง ฟังเพลง สัญจร” ครั้งที่ ๒ จังหวัดเพชรบุรี ในวันที่ ๓๑ มกราคม–๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖


กิจกรรมครั้งนี้จะเริ่มเดินทางจากพระราชวังพญาไท เวลา ๗ โมงเช้ามุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี พาไปชมความงดงามของสถาปัตยกรรมวัดและวัง อันมีประวัติศาสตร์และความสำคัญกับชาวเพชรบุรีและคนไทยมาช้านาน


เริ่มจากพระอุโบสถวัดใหญ่สุวรรณาราม ซึ่งก่ออิฐถือปูนมีฐานปัทม์อ่อนโค้งแบบฐานสำเภาจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร อยู่ที่ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระอุโบสถเป็นศิลปะอยุธยา มีภาพทวารบาล จิตรกรรมภาพเทพชุมนุมเรียงรายกัน ๕ ชั้น พระประธานเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยรูปหล่อพระสังฆราชแตงโม หน้าบันเป็นงานรูปปั้นสมัยอยุธยาตอนปลายที่งามพลิ้วราวมีชีวิต


ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณารามเป็นสถาปัตยกรรม-ศิลปกรรมยุคอยุธยาตอนปลาย สร้างด้วยไม้ผนังเป็นฝาปะกน เครื่องหลังคาเป็นโครงประดุชนิดมีจันทันต่อ มุงด้วยกระเบื้องกาบูแต่ด้วยการบูรณะที่ไม่ถูกต้องจึงมีการเทปูนตำ (ปูนโบราณ) ลงฉาบทั้งผืนหลังคา แต่ปูนตำเป็นปูนที่ใช้กระดาษฟางเป็นส่วนผสมจึงทำให้อมความชื้นและมีตะไคร่ขึ้นจับหลังคา ศาลาการเปรียญเดิมเป็นตำหนักที่ประทับของพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือพระเจ้าเสือ รื้อมาถวายพระสังฆราชแตงโมโดยมีบานประตูแกะสลักที่งดงามและมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์และศิลปกรรม นั่นคือเป็นศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย และที่บานประตูมีรอยทหารพม่าใช้ขวานจามบานประตูเพื่อจับคนที่อยู่ข้างใน


หอเก็บพระไตรปิฎก เป็นอาคารไม้ผนังฝาปะกน รองรับด้วยเสาไม้ ๓ เสา จากแนวคิดที่ว่า พระไตรปิฎก ประกอบด้วย ๓ ปิฎก คือ พระธรรมปิฎก พระไตรปิฎก และพระสุตันตปิฎก
จากนั้นเดินทางไปชมพระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ ตั้งอยู่ที่เขตบ้านปืน ริมแม่น้ำเพชรบุรี เป็นพระราชวังที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อเสด็จประพาสจังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายคาร์ล ดอห์ริง สถาปนิกชาวเยอรมันเป็นผู้เขียนแบบ ดร.ไบเยอร์ ชาวเยอรมัน เป็นนายช่างก่อสร้าง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการก่อสร้างและ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมด้านการไฟฟ้า


พระรามราชนิเวศน์เป็นที่ตั้งของพระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ พระตำหนักได้ใช้ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบบาโรค (Baroque) และแบบอาร์ต นูโว (Art Nouveau) หรือที่เยอรมันเรียกว่า จุงเกนสติล (Jugendstil) ตัวพระตำหนักจะเน้นความทันสมัยโดยจะไม่มีลายปูนปั้นวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารในสมัยเดียวกัน พระตำหนักหลังนี้จะเน้นในเรื่องของความสูงของหน้าต่าง ความสูงของเพดานซึ่งกว้างเป็นพิเศษ ทำให้พระตำหนักดูใหญ่โต โอ่อ่า สง่างาม และตระการตา


จากนั้นเดินทางไปยังหัวหินและพักค้างหนึ่งคืนที่โรงแรมแกรนด์หัวหินโดยจะได้ร่วมร้องเพลงและฟังเพลงตามอัธยาศัย บรรเลงดนตรีโดยคุณจิรวุฒิ กาญจนะผลิน ทายาทครูเพลงสมาน กาญจนะผลิน วันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางกลับนำชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระราชวังฤดูร้อน ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานประทับพักผ่อนพระอิริยาบถและรักษาพระองค์ และและซื้อของที่ระลึก ณ บ้านขนมนันทวัน


ผู้สนใจร่วมทริป “ชมวัง ฟังเพลง สัญจร” ครั้งที่ ๒ บัตรราคา ๓,๘oo บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วนำเข้าสมทบทุนบูรณะพระราชวังพญาไท ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ มูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท โทร. o-๒๓๕๔-๗๙๘๗, o-๒๓๕๔-๗๗๓๒, o๘-๑๖๒๑-๘๗๖๑ และ o๘-๑๖๒๑-๘๗๖๑.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
panoramio.com














บึงบระเพ็ด รัก ณ​ ตัวเอง
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ


“จากเธอที่บึงบอระเพ็ด เมื่อกลางเดือน ๗ วันจันทร์ ปีจอ เจ้าตัดพ้อกลัวพี่หันเห คืนนั้นสัญญาไม่ร้อยเล่ห์ หากใครรวนเรให้จระเข้กัดตาย”


เริ่มต้นด้วยเพลง “จากเธอที่บึงบอระเพ็ด” ของ “เพลิน พรหมแดน” หรือ “สมส่วน พรหมสว่าง” นักร้องลูกทุ่งเจ้าของฉายา “ขุนแผนลูกทุ่ง” และ “ราชาเพลงพูด” ศิลปินแห่งชาติ เพลงนี้มีอายุครึ่งศตวรรษ ก็คงตั้งแต่ที่บึงบอระเพ็ดยังมี “จระเข้” อยู่ในบึงตามธรรมชาติ ถึงได้มีบทสาบานอยู่ในเพลงว่า “หากใครรวนเรให้จระเข้กัดตาย”


ผมพึ่งไปเยือนบึงบอระเพ็ดมาเมื่อก่อนสิ้นปีเก่า ไปร่วมกิจกรรม “ดนตรี กวี ศิลป์” (ชื่อนี้ฮิตนะ) เข้าค่ายพัฒนาทักษะการใช้ภาษาไทย ของกลุ่มสาระฯ วิชาภาษาไทย โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ โดยท่านอาจารย์ ทวีศักดิ์ จรบุรีณัฐชัย เจ้าของโครงการ ดำเนินกิจกรรมและประสานงานมีท่านรองผ.อ. .ณัฐชัย บุญสนอง เป็นประธานเปิดงาน


ก่อนเข้าภาควิชาการ คณะครูอาจารย์ ได้พานักเรียนนั่งเรือชมนก ตระเวนบึงชมทะเลบัวสายสีชมพู โดยท่านผอ. ..จุไรรัตน์ มณีรัตน์..... ได้มาร่วมลงเรือลำเดียวกันกับเราด้วย เป็นเรือเหล็กท้องแบน ติดเครื่องยนต์ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ รับผู้โดยสารได้ ๒o คน มีเสื้อชูชีพพร้อม


ผมเองอยู่นครสวรรค์ก็จริง แต่ก็เพิ่งจะได้ลงเรือชมบึงด้านอุทยานนกน้ำ ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของกรมป่าไม้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ เอง


นั่งเรือไปก็ลุ้นไปว่า เรือของเราจะไม่ออกนอกเส้นทางไปทำให้เหล่าบัวทั้งหลายต้องชอกช้ำ ยับเยิน






ทำให้คิดถึง ทะเลบัวแดง ที่กุมภวาปี อุดรธานี ที่กำลังเนื้อหอม เป็นแหล่งชุ่มน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญ คือ มีบัวสีชมพูเบ่งบานตระการตา พราวสะพรั่งในระหว่างเดือน ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ เป็นที่ตื่นใจตื่นตา พาตะลึงตึงตัง เป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศจนถึงต่างประเทศ ทำให้ใครต่อใคร แห่แหนกันไปเที่ยวชม ไปต่างจากหมู่ภุมรินบินมารุม เสียงคนอารมณ์อ่อนไหวรายงานว่า นักท่องเที่ยวแบบไทย ๆ ได้ทิ้งขยะไว้ให้ วัน ๆ หนึ่งนับเป็นตัน ๆ... และเรือบริการร่วมร้อยลำ ทำความชอกช้ำให้เหล่าบัวทั้ง ๔ เหล่าไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึงเจตนาไม่เจตนา ไม่ต้องร้องเพลงบัวตูมบัวบานของ พร ภิรมย์ หรือเพลง “บัวกลางบึง” ของมัณฑนา โมรากุล หากมีบางคน หลายคน กระทำการ “ถอนสายบัว” พลางขับขานโคลงโลกนิติ “ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร...ฯ” ก็ขอให้ตระหนักถึงความ ลึกล้ำสำคัญแห่งระบบนิเวศ หากแม้ไม่ตระหนักก็ขอเพียงมีจิตสำนึกขั้นพื้นฐานของความเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี


นับว่าดีที่บึงบอระเพ็ดวันนี้ ยังไม่เนื้อหอม อย่างทะเลบัวแดงของอุดรฯ ผมเองเป็นคนรัก


ธรรมชาติแบบไม่ฟูมฟาย และไม่โรแมนติกด้วย ไม่ชอบสัมผัสใกล้ชิดสนิทสนม ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้น จึงชื่นชมอยู่ห่าง ๆ ก็พอ ยิ่งเป็นเขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์พืช, สัตว์, เขตป่าสงวน ผมจะหลีกเลี่ยงการบุกย่ำ หรือหากย่างกรายเข้าไป ก็ค่อย ๆ ย่อง เดินเบา ๆ พูดเบา ๆ หายใจช้า ๆ แม้แต่คิดก็คิดเบา ๆ






ช่วงกิจกรรมพัฒนาทักษะฯ ผมเป็นวิทยากรภาคเช้า พูดคุยเรื่อง “รัก ณ ตัวเอง”... “รักที่ยิ่งใหญ่ เริ่ม ณ ใจ ตนเอง”


ช่วงบ่าย อาจารย์นุช ม่วงเก่า ครูภาษาไทยดีเด่นที่ดีเยี่ยม ดียิ่ง (ในทัศนะของผม) มาพูดคุยเรื่องการเขียนสารคดี


ส่วนของผม ผมเน้นเรื่องทักษะการคิด การมอง มองข้างนอก มองข้างใน มองโลก มองชีวิต มองใจ


เมื่อมองบึง เห็นบึง เห็นบัว เห็นนก เห็นพืชน้ำพงหญ้า เห็นสาหร่าย เห็นปลา เห็นวิถีคน วิถีสัตว์ วิถีธรรมชาติ แล้วเห็นอะไร... เมื่อมองครบถ้วนทั้งนอกทั้งใน นั่นแหละถ้อยคำ (อักษร) ที่ดี จริง งาม จะหลั่งไหลออกมา ทักษะทางการเขียนนั้นฝึกฝนเรียนรู้ได้จากการอ่าน การลงมือเขียน ส่วนทักษะการคิด การเห็นนั้นเป็นอีกระดับหนึ่งที่ต้องฝึกฝนเรียนรู้เช่นกัน


ขอบคุณกลุ่มสาระฯ วิชาภาษาไทย โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ ที่เชิญผมไปพบและพูดคุยกับเด็กๆ และชวนผมลงเรือชมนกชมบัว


ขอบคุณวิทยากรนำเที่ยวของอุทยานนกน้ำ ที่ชี้ชวนให้ชมบัว พร้อมสอนเด็ก ๆ ให้ “ถอนสายบัว” เพื่อรู้ “ระดับลึกตื้นชลธาร” ส่วนงานเขียนของเด็ก ๆ ที่ส่งมาถึงมือผมกำลังอ่านอยู่อย่างตั้งใจ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














Behavior = Identity


ปถุชนในโลกสากลยังเวียนวนอยู่ในกิเลศตันหากามารมณ์ปิดซ่อนตัณหาดิบ ซึ่งมีอยู่คู่โลกเสมอ ดุจดอกไม้ราตรีสยายกลีบสนองรับสัตว์ผู้มาให้ลิ้มลองรสหวานจากเกษรมายาทว่าดูแสแสร้ง


ศิลปินหนุ่ม บุญเหลือ ยางสวย จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี เพาะช่าง และมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยศิลปกร จากการให้ความสนใจลักษณะทางภายนอกและพฤติกรรมของบุคคลทั่วไปเป็นพิเศษ บวกกับประสบการการใช้ชีวิตทำให้ได้เข้าใจและมองเห็น รวมถึงให้ความสำคัญตีความลักษณะบุคลิกภายนอกนั้นห่อหุ้มความจริงประการใด


จากความเชื่อกอปรกับความจริงผสานกับสถานะความเป็นศิลปินที่สามารถแสดงถ่ายทอดสิ่งที่พบประสบระบายผ่านผลงานทางจิตรกรรม โดยศิลปินยังคงความงามของเส้นละสีสันที่เฉียบคมแต่อ่อนไหวและเฉือดเฉือนในเวลาเดียวกัน แทนค่าสตรีเพศสื่อสัญลักษณ์อันแฝงนัยยะด้วยสัตว์อันมีรูปลักษณ์อันชวนให้เกิดคำถามติดตามอันจะแปรค่านั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ชมแต่ละท่าน


นัมเบอร์วันแกลลอรี ยินดีนดีนำเสนอนิทรรศการ ”พฤติกรรมสะท้อนบุคลิก” โดย บุญเหลือ ยางสวย ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดนิทรรศการในวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.oo น. ร่วมกิจกรรมพบปะพุดคุยกับศิลปินและรับสูจิบัตร


นิทรรศการ : พฤติกรรมสะท้อนบุคลิก (Behavior = Identity)
ศิลปิน : บุญเหลือ ยางสวย
วันที่ : ๑๕ มกราคม – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
สถานที่ : นัมเบอร์วันแกลอรี่ อาคาร เดอะสีลมแกลเลอเรีย ชั้น ๔ กรุงเทพฯ
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับนิทรรศการกรุณาติดต่อ : o๒-๖๓o-๒๕๒๓















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














Next stepNext step


ขัวศิลปะ เชียงราย ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานนิทรรศการ ” Next step ” นิทรรศการศิลปนิพนธ์ ของนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยานิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลงานที่ผ่านการศึกษามาตลอดระยะเวลา ๔ ปี ตามหัวข้อที่นิสิตแต่ละคนสนใจ โดยมีนิสิตที่เข้าร่วมแสดงผลงานจำนวน ๓๒ คน มีงานหลากหลายประเภทคือออกแบบเฟอร์นิเจอร์ เซรามิค ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ออกแบบแฟชั่น ออกแบบเครื่องประดับ


นิทรรศการจัดแสดงวันที่ ๑๘-๒๕ มกราคม ๒๕๕๘ ณ ห้องแสดงงานชั้น ๒ ขัวศิลปะ เชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๑o.oo -๑๙.oo น. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๘๘-๔๑๘ ๕๔๓๑
อีเมล : artbridgechiangrai.cr@gmail.com
เฟสบุ๊ค ; //www.facebook.com/artbridgechiangrai







ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














Tropikos


ทรอปิคอส นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย โดย ศิลปินบราซิล ๓ ท่าน อังเดร เมนเดส เฟอร์นันโด ฟรานซิโอซี่ และฮวน พาราดา ร่วมกับศิลปินไทย ๓ ท่าน ชลิต นาคพะวัน ต่อลาภ ลาภเจริญสุข จักกฤษณ์ อนันตกุลศิลปินบราซิลทั้งสาม อาศัยอยู่ในเมือง กูรีตีบา ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล พวกเขา พัฒนาผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศกว่า ๑o ปี และศิลปินไทยสามท่านจากเชียงใหม่และกรุงเทพ ซึ่งประสบความสำเร็จในการทำงานศิลปะทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยปูมหลังทางวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน ศิลปินทั้งหมดจึงร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานในนิทรรศการ


ทรอปิคอส ความแตกต่างของพื้นฐานวัฒนธรรมจะนำพาความหลากหลายแห่งแรงบันดาลใจ อย่างไรก็ตามเราจะพบว่า การใช้ชีวิตในประเทศเขตร้อนนั้นทำให้ศิลปินมีลักษณะการทำงานที่มีส่วนร่วมกัน หากเราตัดประเด็นบริบทของทางเชื้อชาติออกไปได้ เราจะเห็นรสนิยม แนวทางการสื่อสารที่คล้ายคลึงกันอย่างแยกไม่ออก


ในนิทรรศการนี้ ความเหมือนและความต่างทั้งหลายจะนำมาซึ่งการสร้างสรรค์ ดินแดนเขตร้อนใหม่ ด้วยวัฒนธรรมเขตร้อนลูกผสม จากพื้นฐานการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่มาจากการรับรู้เบื้องต้น โดยนิทรรศการนี้จะจับคู่ระหว่างศิลปินไทยและบราซิลทำงานร่วมกัน รวมทั้งสิ้นสามคู่


เมนเดสและจักรกฤษณ์จะเน้นความสำคัญของสีสันที่สดใสและสุนทรียะแบบเมืองร้อน พาราดาและชลิตให้ความสนใจในธรรมชาติ ร่วมด้วยการแบ่งน้ำหนักระหว่างความเป็นสมัยใหม่และพลังแห่งธรรมชาติ ฟรานซิโอชี่และต่อลาภ ยังคงพัฒนางานโดยอาศัยความคิดสมัยใหม่สไตล์ทรอปิคอล ผ่านการออกแบบแบบมินิมัลและจิตวิญญาณแบบเมืองร้อน


ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. ณ ฮอฟ อาร์ต สเปซ W District


ทรอปิคอส นิทรรศการระหว่างศิลปินบราซิล และศิลปินไทย (สนับสนุนโดยสถานทูตบราซิลแห่งประเทศไทย)


นิทรรศการ : ทรอปิคอส (Tropikos)
ศิลปิน : อังเดร เมนเดส, เฟอร์นันโดฟรานซิโอซี่, ฮวน พาราดา, ชลิต นาคพะวัน, ต่อลาภ ลาภเจริญสุข และจักกฤษณ์ อนันตกุล
วันที่ : ๒๔ มกราคม – ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
สถานที่ : ฮอฟ อาร์ต สเปซ W District (ทุกวัน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น.)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร : o๒-๑๗๘-oo๙๕































ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














สบาย สบาย กับวินัย ปราบริปู


นิทรรศการ “สบาย สบาย” ของวินัย ปราบริปู เป็นนิทรรศการประจำปีที่จัดขึ้นในช่วงปลายปีและล่วงถึงต้นปีใหม่ของหอศิลป์ริมน่าน


วินัย ปราบริปู เป็นศิลปินพื้นเพเมืองน่าน แต่สร้างชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการศิลปะของไทยด้วยภาพเขียนทิวทัศน์ทะเลหรือภาพเขียนเปลือกหอย เม็ดทราย เรือประมง จนใคร ๆ คิดว่าเขาเป็นศิลปินชาวใต้ กระทั้งได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่น่านในช่วงหลังนับ ๑o ปี


หลังจากที่วินัยเขียนภาพแนวทางศิลปะสกุลช่างพื้นบ้านน่านด้วยความรักและศรัทธาศิลปินผู้รังสรรค์จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ระยะหนึ่ง ภาพผลงานรูปแบบศิลปะนามธรรมได้เกิดขึ้นแทน จึงถือเป็นการละทิ้งภาพเก่า ๆ ในอดีตที่เป็นรูปธรรม เปรียบเสมือนกับการไม่ยึดติดกับวิธีคิด วิธีการสร้างสรรค์แบบเดิม ๆ ที่เคยทำ ด้วยเหตุผลของการทำศิลปะที่ต้องการตอบสนองด้านจิตใจเป็นหลักโดยไม่ได้คำนึงถึงอามิสสินจ้างรางวัล หากแต่ว่าเขาได้อาศัยประสบการณ์สร้างสรรค์ในอดีตเป็นแนวทางรองรับความคิด เจตนารมณ์ อารมณ์ ความรู้สึกอิสระด้วยรูปร่างและสีสันดูสบายตา สบายใจ ในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา


หอศิลป์ริมน่านได้ดำเนินการจัดแสดงศิลปะร่วมสมัยนับ ๑o ปีที่ผ่านมา ได้มีผู้เยี่ยมชมศิลปะเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี ดังนั้นผลงานศิลปะนามธรรมของวินัย ปราบริปู คงได้ทำหน้าที่รับใช้สังคมร่วมกับความเป็นสากลของยุคสมัยเพื่อการสื่อสารกับนานาชาติ โครงการนิทรรศการภาพเขียน : วินัย ปราบริปู จัดแสดง ณ หอศิลป์ริมน่าน ระหว่างนี้จนถึง ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สอบถามรายละเอียดได้ที่หอศิลป์ริมน่าน ๑๒๒ หมู่ ๒ ถ.น่าน-ทุ่งช้าง อ.เมือง จ.น่าน ๕๕ooo/โทร.o๘-๑๙๘๙-๒๙๑๒ Email.Winai_nrg@hotmail.com/ facebook./ Winai prabripoo. เปิดบริการเวลา ๙.oo-๑๗.oo น. ปิดบริการเฉพาะวันพุธ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
banmuang.co.th
hinanmagazine.com














NHK Kohaku Uta Gassen ธรรมเนียมส่งท้ายปีญี่ปุ่น


สวัสดีปีใหม่ท่านผู้อ่านทุกท่าน กับวันจันทร์ที่สองของปี หลังจากพักผ่อนกันเพลิน ๆ ไปแล้วบางท่านก็อาจจะยังหมดสภาพจากการขับรถกลับกรุงเทพฯ ที่ติดสาหัสมาตลอดนะครับ ผมเอง ๒ ปีก่อนขับจากขอนแก่นเข้ากรุงเทพฯ เจอไป ๑๔ ชั่วโมง ไม่ไหวครับ เลิก ปีนี้เลยขอไปญี่ปุ่น ไปนอนชิลที่บ้านศรีภรรยาแทน ก็สนุกดีครับ แถมเจอหิมะตกหนักรับวันปีใหม่ด้วย เล่นเอาได้ชิลสมใจเลยครับ


พอไปฉลองปีใหม่ที่ญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ การกินแบบลืมตายครับ ไม่ใช่ นี่มันคอลัมน์เพลงก็ต้องเรื่องเพลงสิ เอาใหม่ สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยคือ การนั่งดูการแข่งขันประกวดร้องเพลงขาวแดง หรือที่เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า NHK Kohaku Uta Gassen หรือย่อว่า Kohaku ก็พอ ซึ่งเป็นเหมือนธรรมเนียมประจำช่วงข้ามปีของญี่ปุ่นไปเรียบร้อยแล้วครับ เป็นรายการที่มีแต่คนพูดถึง ผมเองก็ดูประจำนะครับ ต่อให้ไม่ได้ดูสด ก็หาโหลดมาดูเอา เพราะมันคืองานใหญ่จริง ๆ เลยทำให้คิดได้ว่าก็ควรเขียนเรื่องนี้บ้างนะครับ ไหน ๆ ก็เอาดีเรื่องเพลงกับเรื่องญี่ปุ่นไปแล้ว เพราะคิดว่าน่าสนใจ มีค่าพอเอามาเล่าสู่กันฟัง


NHK Kohaku Uta Gassen คือ การแข่งขันร้องเพลงในวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานี NHK ของญี่ปุ่น เป็นรายการยาวประมาณ ๔ ชั่วโมง ๑๕ นาที ซึ่งเริ่มแสดงตั้งแต่เวลา ๑๙.๓o น. ยาวไปจนจบเวลา ๒๓.๔๕ น. หรือ ๑๕ นาที ก่อนที่จะขึ้นปีใหม่นั่นเอง ซึ่งตลอดเวลา ๔ ชั่วโมงก็จะเต็มไปด้วยการร้องเพลงประกอบด้วยการแสดงอย่างอลังการดาวล้านดวง สมกับเป็นอีเวนต์ใหญ่แห่งปี และมักจะมีการร่วมแจมกับละครดัง ๆ หรือการโปรโมตละครเรื่องใหม่ ๆ ของสถานีอยู่ด้วย


รูปแบบของการแข่งขันก็คือ แบ่งกันเป็น ๒ ทีม คือทีมขาวและทีมแดง ตามคำว่า โคฮาคุ (แดงขาว) โดยทีมสีขาวคือทีมชาย และทีมสีแดงคือทีมหญิง ทั้งสองทีมจะออกมาผลัดกันร้องเพลง และแต่ละทีมมีศิลปินถึง ๒๕ กลุ่มเลย ถึงจะบอกว่าแยกทีมกัน แต่ก็มักจะมีการร่วมแจมกันเสมอนะครับ เช่นกลุ่มศิลปินหญิงอาจจะไปแจมเต้นให้กับศิลปินชายก็ได้ แล้วแต่การออกแบบการแสดงครับ บางทีก็ออกมากันแบบเต็มเวทีเลยก็มี ซึ่งเมื่อการแสดงทั้งหมดจบลงก็จะมีการโหวตผู้ชนะครับ ซึ่งทีมที่ชนะการโหวตก็จะได้รางวัลเป็นธงผู้ชนะไป ซึ่งเอาจริง ๆ เพราะศิลปินมากันมากหน้าหลายตามาก ๆ ธงที่ว่าก็คงไม่มีใครได้เอาไปเป็นของตัวเองหรอกครับ (ผมไม่แน่ใจว่าเขาทำอะไรกับธง แต่คงเอาไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ของ NHK ครับ)


แล้วก็ค่อยร้องเพลง Hotaru No Hikari หรือ แสงหิงห้อย ร่วมกันสมานฉันท์ ซึ่งเพลงดังกล่าวก็ยืนพื้นทำนองจากเพลง Auld Lang Syne ก่อนจะตัดไปรายการนับถอยหลังก่อนข้ามปีครับ


ดังที่บอกไปว่า ถึงจะเป็นการแข่งแต่ก็ไม่ได้มีการให้รางวัลอะไรมากไปกว่าธง ดังนั้น พูดจริง ๆ แล้วก็เหมือนการออกมาโชว์ และมีการแข่งกันติดปลายนวมพอเป็นพิธีให้ได้สนุกกันนั่นล่ะครับ ไม่ใช่กะจะเอาเป็นเอาตายชนะกันให้ได้ พูดจริง ๆ แล้วการได้ร่วมร้องเพลงในรายการนี้ต่างหากล่ะครับที่เป็นเกียรติมากกว่า เพราะ Kohaku เป็นรายการที่เก่าแก่มาก เริ่มมีมาตั้งแต่ปี ๑๙๕๑ และปัจจุบันการแข่งขันครั้งล่าสุดก็เป็นครั้งที่ ๖๕ แล้วครับ การได้ร่วมร้องในรายการระดับนี้ จัดได้ว่าเป็นไฮไลต์ของชีวิตศิลปินเลยก็ว่าได้เลยครับ ซึ่งการที่จะได้ร่วมงาน Kohaku นี้ก็ไม่ใช่ว่ามาง่ายๆ นะครับ ปกติแล้ว NHK ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อคัดเลือกศิลปินมาร่วมงานครับ ซึ่งก็ต้องมีผลงานพอเข้าตากรรมการเท่านั้นถึงจะได้แสดง ไม่ใช่ว่าแค่ดังอย่างเดียว เพราะรายการอนุรักษนิยมมาก ๆ ศิลปินที่ทำตัวแรง ๆ การแสดงหวือหวาก็ไม่ได้รับเรียกแน่นอนครับ


แต่ละปีก็จะมีทั้งศิลปินเพลงป็อป เพลงร็อกและเพลงลูกทุ่งญี่ปุ่น หรือ เอ็งกะ มาร่วมงาน บางปีก็มีศิลปินต่างชาติด้วย เช่นใหม่ ๆ หน่อยก็เป็น KARA และ Girls'Generation หรือ Susan Boyle เก่าหน่อยก็ เติ้งลี่ จวินครับ


ส่วนการตัดสินชัยชนะ แต่เดิมใช้คะแนนจากผู้ชมในฮอลล์อย่างเดียวครับ ให้ผู้ชมยกพัดสีขาวหรือแดง แล้วแต่ว่าเชียร์


ทีมไหน แล้วให้มือโปรเขามานับแบบด่วนจี๋ รวมผลแล้วก็ประกาศกันตรงนั้นเลย แต่พอเข้ายุคปี ๒ooo เป็นต้นมา เทคโนโลยีก็มีผลมากขึ้น ทำให้มีการโหวตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือทางทีวิดิจิตอลด้วย (บ้านเรายังไม่เห็นใครทำนะครับ มีแต่แพร่ภาพอย่างเดียว แต่ตอบสนองกลับไม่ได้) แต่ถึงเอาจริงเอาจังเรื่องคะแนน แต่สุดท้ายก็เหมือนกับแค่เชียร์กันเพลิน ๆ นั่นล่ะครับ


รายการ Kohaku ไม่เพียงแต่เก่าแก่มาก แต่ยังมีเรตติ้งที่สูงสุดมาตลอดครับ นาน ๆ ทีถึงจะมีอีเวนต์อื่นที่แย่งอันดับ ๑ รายการส่งท้ายปีเก่าได้ อย่างตอนปี ๒oo๓ ที่ผมอยู่ การชกคิกบ็อกซิ่งคู่หยุดโลกของบ็อบ แซปป์ ยักษ์ใหญ่จากอเมริกา กับอาเคโบโนะ อดีตแชมป์ซูโม่ที่หันมาเอาดีทางคิกบ็อกซิ่งแทนก็ทำเรตติ้งชนะไปได้ (แม้จะน่าผิดหวัง เพราะแซปป์รัวแหลกชนะไปในเวลาแค่นาทีกว่า ๆ) แต่นอกนั้นก็มีแต่คนดูกันจนเอาชนะรายการอื่นสบาย ๆ ครับ


ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดของ Kohaku คือความอลังการของเครื่องแต่งกายของศิลปินรุ่นใหญ่ที่ประชันกันอย่างเต็มที่ กับการแสดงของหลายคนที่พยายามแหวกเพื่อสร้างจุดเด่น อย่างครั้งล่าสุดก็มีโกนหัวสดบนเวทีครับ แต่บางทีก็เกินไป เช่นปี ๒oo๖ ที่ DJ Ozma ให้แดนเซอร์ถอดเสื้อออกหมด เหลือแต่สกินสูทสีเนื้อทาลายให้ดูเหมือนแก้ผ้า เป็นเซอร์ไพรซ์ที่ NHK ไม่รู้มาก่อนและกลายเป็นข่าวอื้อฉาว จน DJ Ozma โดนแบนยาวครับ


แม้หลายปีที่ผ่านมา คุณภาพของรายการอาจจะตกลงบ้างไปตามยุคสมัย เช่น อุทาดะ ฮิคารุ ปฏิเสธไม่ร่วมแสดงอย่างไม่แคร์ เพราะอยากใช้เวลาท้ายปีกับครอบครัว หรือศิลปินบางคนที่เราก็งง ๆ ว่ามาได้อย่างไร (เท่าที่ทราบคือเป็นการบังคับขายพ่วงของค่ายเพลง ถ้าอยากได้ดาราดังไป ก็ต้องให้รุ่นน้องออกด้วยครับ) แต่สุดท้ายแล้ว Kohaku ก็คงจะยังเป็นรายการส่งท้ายปีเก่าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสังคมที่ชอบทำอะไรเป็นธรรมเนียมแบบญี่ปุ่นครับ.



ดูคลิปรายการได้ที่ กระทู้พันทิป



ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
กระทู้พันทิป





บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 16 มกราคม 2558
Last Update : 16 มกราคม 2558 19:48:21 น. 0 comments
Counter : 2759 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.