happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 
ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์...




พระบรมสาทิสลักษณ์จาก เพจ Sun Burst Gallery










๑๓ ตุลาคม วันที่น้ำตาไทยไหลนองทั้งแผ่นดิน


วันสิบสามตุลามาบรรจบ
ทั้งพิภพ พสุธา แสนกำสรวล
ดั่งฟ้าฟาดลงมาดังคร่ำครวญ

ช่างแสนหวลโศกโหยหาสุดอาลัย

พระบิดรพ่อสยามจากไปแล้ว
ดั่งดวงแก้วแสงเทียนดับลับแขไข
น้ำตาท่วมทั่วราษฏร์สุดอาลัย
ภูวนัยพ่อหลวงภูมิพล

เจ็ดสิบปีครองราชย์ทรงงานหนัก
มิหยุดพักทรงเสด็จทุกแห่งหน
ต่อให้เหนื่อยทุกข์ยากตรากตรำตน
มิทรงบ่นพระเสโทหลั่งลงดิน

ทรงก่อตั้งโครงการทุกทั่วทิศ
ทุกชีวิตผาสุขแสนถวิล
ประชาชนชาวไทยได้อยู่กิน
ดั่งฝนรินจากฟ้าชโลมใจ

ทรงมิเคยทอดทิ้งประชาราษฎร์
ภูวนาททรงเมตตาช่างผ่องใส
ทรงให้การศึกษาประชาชัย
สร้างวินัยความรู้มุ่งสู่ตน

ทรงแนะนำแนวทางเศรษฐกิจ
ใช้ชีวิตพอเพียงแลเห็นผล
สร้างฐานะเป็นอยู่ได้ด้วยตน
ให้เป็นคนเข้มแข็งสู้ชีวา

ทรงประกาศรวมใจไทยทั้งชาติ
ทรงประกาศอุปถัมภ์ศาสนา
ทรงเป็นจอมทัพไทยเจ้าพระยา
สร้างแสนยานุภาพกองทัพไทย

ทรงเป็นศูนย์รวมใจคนทั้งชาติ
ทุกทั่วราษฎร์น้อมจิตพิศมัย
แลก้มกราบพระบาทด้วยฤทัย
นับถือนัยพระบิดรของปวงชน

แม้พระองค์ทรงจากลูกไปแล้ว
ดั่งดวงแก้วสลายกลางสายฝน
ลูกขอกราบพระบาทด้วยจิตตน
ขอกุศลต่อองค์ภูวนัย

ด้วยกุศลสร้างมาของข้าจิต
มอบอุทิศพระองค์ด้วยผ่องใส
ขอเป็นรองพระบาททุกชาติไป
เสด็จในสรวงสวรรค์นิจนิรันดร์


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นายสุทธิเกียรติ วัชระ
จาก เพจเรื่องเล่า ภาพเก่าในอดีต





๑๓ ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคต

"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร "

ใต้ร่มพระบารมีแห่งการครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรม

น้อมศิระกรานกราบแทบพระยุคลบาท

พระองค์จะสถิตในใจตราบนิรันดร์

ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้


ข้าพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุและครอบครัว













นึกถึงคราวน้ำตาพราวลงพร่างพื้น
มิอาจหวนกลับคืนพระทรงศรี
พระราชาผู้ประทับกับปฐพี
ทรงร่วมทุกข์สุขมีกับปวงชน

นานหนักหนาพระองค์ทรงเหนื่อยยาก
ทรงเสด็จตรำตรากทุกแห่งหน
เพียรบำเพ็ญเช่นพระนาม #ภูมิพล
เป็นพลังเลิศล้นบนแผ่นดิน

นานหนักหนาพระองค์ทรงเหนื่อยยาก
ตระเวนฝากความรุ่งเรืองทั่วทุกถิ่น
พัฒนาให้พออยู่และพอกิน
เทวดาดำเนินดินไม่ทิ้งใคร

มาบัดนี้ไม่มีพระองค์แล้ว
โอ้พระทูลกระหม่อมแก้วทำไฉน
สามปีผ่านยังร้าวรานในหัวใจ
รำลึกรักพระทรงชัยเสมอมา

พยายามกล้ำกลืนความโศกเศร้า
ข้าพระพุทธเจ้าเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
อธิษฐานจิตถวายองค์ราชา
ขอมหากษัตราสู่พุทธภูมิ.


จาก เพจศุภมาส เสนะเวส










เสื้อตัวใหม่จึงใส่เพื่อเข้าเฝ้า
ตัดผมเผ้าเรียบร้อยคอยท่านผ่าน
มือพนมแทนใจใช้กราบกราน
ณ ดินแดนแสนกันดารแต่นานมา


ไม่รู้คำสูงส่งตรงระดับ
ราชาศัพท์คืออะไรในภาษา
รู้เพียงรักที่พระองค์ทรงเมตตา
ต่อทวยราษฎร์อาณาประชากร


จึงโน้มกายลงมาวาจาตรัส
อัตคัดสิ่งใดใคร่จะถอน
เงี่ยพระกรรณฟังปัญหาราษฎร
แม้เดือดร้อนการใดให้บอกเรา


สายพระเนตรเมตตาประชาราษฎร์
เย็นศิระฝ่าพระบาทคลายร้อนเร่า
คือสัมพันธ์ราษฎร์ราชามาแต่เนา
ช่างน่าเศร้า...คนรุ่นใหม่...ไม่รู้เลย...


จาก เพจกวีเหลวไหล











He made boats

He made rains

He put green lands on dead plains

He bred fish

He gave lives

He made sure all of us survive

He had maps

He had cameras

He knew more places than radars

He wrote songs

He played Sax

He's so great and these are facts

He was King

He was everything

He was all, The King of Kings

"King of Everything, King of Kings"


In Rememberance of and Honor to
His Majesty King Bhumibol Adulyadej 1927-2016

Surapon Roothanavuth 26/10/2017


จาก เพจปริม พาดาฤดี










ท่านเจ้าของเพจ Art of EidMu แจกไฟล์พระบรมสาทิสลักษณ์ขนาดใหญ่ เพื่อน้อมรำลึกถึงพ่อหลวง ร.๙

"ผมคิดถึงภาพท่านตอนทรงงานในพื้นที่แวดล้อมไปด้วย ป่าเขา แม่น้ำลำธาร พื้นดิน ผมเลยเขียน พระราชกรณียกิจ ต่าง ๆ นี้ มาให้พี่ ๆ น้อง ๆ ได้น้อมรำลึก และโหลดเก็บไฟล์ภาพไว้ครับ :)

คลิกโหลดพระบรมสาทิสลักษณ์ได้ที่นี่ drive.google.com

แนะนำการอัดรูป : บอกร้านอัดรูปว่า อัดแบบด้าน เคลือบลายแคนวาส หรือจะอัดใส่แคนวาสก็ได้ แต่ราคาจะสูงหน่อย ประมาณ ๑,๔๐๐-๑,๖๐๐ บาท แล้วแต่ร้านครับ ขนาดที่ผมทำมาเพื่อทำการอัดให้สวยใหญ่อยู่ที่ ๓๐ คูณ ๔๐ นิ้วครับ"


จาก เพจ Art of EidMu










พระสมาธิในการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙
โดย พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร



ผู้ที่เคยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในงานหรือพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องประทับอยู่เป็นเวลานาน ๆ เช่น ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คงจะได้เห็นด้วยความพิศวงกันทุกคนว่า พระเจ้าอยู่หัวนั้น เมื่อทรงนั่งลงแล้ว จะประทับอยู่ในพระอิริยาบถนั้นตั้งแต่เริ่มพิธีไปจนกระทั่งจบ ไม่ทรงเปลี่ยนพระอิริยาบถเลย

นอกจากนั้น ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างกระฉับกระเฉง ต่อเนื่อง ไม่มีพระอาการที่แสดงว่าทรงเหนื่อย หรือทรงเบื่อเลย

โดยพระองค์ทรงประยุกต์พระสมาธิในการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ด้วยวิธีนับ ซึ่งพระองค์ทรงทำดังนี้

หายใจเข้าครั้งที่หนึ่งนับหนึ่ง
หายใจเข้าครั้งที่สอง นับสอง
หายใจเข้าครั้งที่สาม นับสาม
หายใจเข้าครั้งที่สี่ นับสี่
หายใจเข้าครั้งที่ห้า นับห้า
หายใจออกครั้งที่หนึ่ง นับหนึ่ง
หายใจออกครั้งที่สอง นับสอง
หายใจออกครั้งที่สาม นับสาม
หายใจออกครั้งที่สี่ นับสี่
หายใจออกครั้งที่ห้า นับห้า


เมื่อถึงห้าแล้ว หากจิตยังไม่สงบ ก็นับถอยหลังจากห้าลงมาหาหนึ่ง แล้วนับจากหนึ่งขึ้นไปหา ห้าใหม่ กลับไปกลับมาเช่นนั้น จนกว่าจิตจะสงบ

รับสั่งว่า ที่เห็นพระองค์ประทับอยู่นิ่ง ๆ นั้น พระจิตทรงอยู่กับหนึ่งเข้าหนึ่งออกตลอดเวลา....
พระเจ้าอยู่หัวทรงประยุกต์พระสมาธิในการประกอบพระราชกรณียกิจทุกอย่างทั้งน้อยและใหญ่ จึงทรงสามารถเผชิญกับพระราชภาระอันหนัก ในตำแหน่งพระมหากษัตริย์ได้โดยไม่ทรงสะทกสะท้านหรือหวั่นไหว

ไม่ทรงคาดการณ์ล่วงหน้าไปไกล ๆ อย่างเลื่อนลอยและเปล่าประโยชน์ ไม่ทรงอาลัยอดีตหรืออนาคต ไม่ทรงเสียเวลาหวั่นไหวไปกับความสำเร็จ หรือความล้มเหลวอัน เป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้ว

แต่ทรงจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน ทรงสนพระราชหฤทัยอยู่แต่กับ พระราชกรณียกิจเฉพาะพระพักตร์เท่านั้น
ในฐานะที่เกิดมาเป็นพลเมืองของประเทศที่มีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เป็นพระประมุข และในฐานะที่ทุกคนมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงเมืองไทยนี้ให้เป็นที่ร่มเย็นของเรา และของลูกหลานของเรา

จึงสมควรที่เราจะเจริญรอยประพฤติตามพระยุคลบาทด้วยการศึกษาและปฏิบัติสมาธิกัน อย่างจริงจัง และนำสมาธิมาประยุกต์ในการดำเนินชีวิต เช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา

ข้าพระพุทธเจ้าฯ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระวรกายแข็งแรง ทรงก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป และทรงเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ


เขียนโดย พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร “พระสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว”
จาก เพจอัษฎางค์ ยมนาค










วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์บทความในเฟชบุค Somkiat Osotsapa 

เรื่อง พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ กับการต่างประเทศยุคหลังสงครามโลก บุญวาสนาของคนไทยและประเทศไทย

คณะราษฏร์เอารถถังสองคันไปจับเด็กนักเรียนเป็นตัวประกัน ยืดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครองได้สำเร็จในปี ๒๔๗๕ ปีต่อมาก็ปฏิวัติกันเอง

หลังจากนั้น การเมืองไทยก็วุ่นวายไม่มีที่สิ้นสุด ทะเลาะกันเอง ไม่มีแผนเศรษฐกิจ ที่มี ก็จะให้ไทยเป็นคอมมิวนิสต์ให้ได้ ปิดการศึกษามัธยมปลายของโรงเรียนต่าง ๆ หาว่าเจ้าสร้างขื้น

ผ่านไป ๙ ปีก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในปี ๒๔๘๔ ไทยประกาศเข้าข้างญี่ปุ่น คิดว่าญี่ปุ่น เยอรมันจะชนะสงคราม ถือว่าล้มเหลวในการอ่านเกมสงคราม เพราะไม่ได้คำนวณถึงขบวนการกู้เอกราชอินเดีย และอเมริกา

พ.ศ. ๒๔๘๕ เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่กรุงเทพฯ และทั่วภาคกลาง เนื่องจากไม่มีเขื่อน ฝาย จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร ของใช้ เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ผลของสงครามทำให้ไม่มีเวลาพัฒนาอะไร โรงเรียนปิด 

ในปี ๒๔๘๗-๒๔๘๘ กรุงเทพฯ ถูกทิ้งระเบิดโดยเครื่องบินราว ๒,๕๐๐ ลำ สะพานพุทธ สะพานเดียวที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับธนบุรีพัง ซ่อมเปิดใช้การได้ในปี ๒๔๙๓  สถานีรถไฟพังหมด ตั้งแต่หัวลำโพง ธนบุรี - โกโบริตายที่นี่ บางซื่อ ทุกแห่ง รวมถึงทางรถไฟไปพม่า โรงไฟฟ้าวัดเลียบถูกระเบิด ไม่มีไฟฟ้าใช้กัน

เรียกว่า ระบบสาธาณูปโภค การขนส่งพังหมด  เรือจมไปร่วม ๑๐๐ ลำ เครื่องบินของไทยปลอดภัย เพราะข้าศึกมองไม่เห็น โดนทิ้งระเบิดข้างเดียว เพราะ ปตอ ไทยยิงไม่ถืง บั้งไฟแสนก็ไปไม่ถืงเหมือนกัน

สงครามจบลงในปี ๒๔๘๘ ไทยยอมแพ้ ต้องทำสัญญากับออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศส จ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม หลังจากนั้นก็เป็นเวลาซ่อมเศรษฐกิจ และจ่ายหนี้มหาศาล หนี้สงครามเยอะมาก ต้องจ่ายข้าวให้อังกฤษ ๓ ล้านตัน

มีสัญญาห้ามขุดคอคอดกระด้วย ค่าเงินก็อ่อน ไม่มีรายได้ ญี่ปุ่นมาพิมพ์เงินฟรีไปมาก สมัย ร.๔ หนึ่งบาทเท่ากับหนึ่งปอนด์เชียว

เอาว่า ก่อนปี ๒๕๐๐ ประเทศไทยจนมาก แร้นแค้น ไม่มีถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โรงพยาบาล หมอ พยาบาล โรงเรียน คือมีบ้าง เป็นบางที่ คนส่วนใหญ่อาศัยกระต็อบหลังคามุงจาก มีปัญหาว่า ข้าวจะไม่พอกิน ไก่ หมูเป็นของหายาก ใช้หนี้กันยาวนาน

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ขื้นครองราชย์ในปี ๒๔๘๙ ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก อันตรายจากคนในรัฐบาล บ้างก็แนวฮิตเลอร์ บ้างก็แนวบอลเชวิก

ทรัพย์สิน เช่น ที่ดินของพระมหากษัตริย์แถวรอบวังสวนจิตร สามเสน ศาลาแดง สีลม ถูกเอาไปขายแบ่งกัน

สถิติปี ๒๕๐๓ ที่ฝรั่งมาสำรวจให้ UN Escap ไทยมีรายได้ต่อหัวต่ำสุดในเอเซีย ต่ำกว่ามาเลย์ ๔ เท่า ต่ำกว่าเวียดนาม กัมพูชา ลาว พม่า อินเดีย ฟิลิปปินส์ แค่ ๒,๐๐๐ บาทต่อคน ต่อปี ต่ำกว่าญี่ปุ่น ๘ เท่า ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบิน เรือรบ เหล็ก เป็นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ แล้ว 

รัชกาลที่ ๙ ในหลวงของเรา ทรงพลิกฟื้นสถานะไทยกับต่างประเทศ สถานการณ์ยุคนั้นคือ

ไทยต้องการมิตรประเทศเพื่อมาป้องกันอันตรายจากภัยคุกคามรอบบ้าน

ไทยต้องการเงินเพื่อมาลงทุนสร้างถนน น้ำ ไฟฟ้า เขื่อนกันน้ำท่วม การศืกษา โรงพยาบาล

ไทยต้องการให้มีการลงทุนสร้างอุตสาหกรรม และบริการ ขยายการเกษตร สร้างงานให้คน

ไทยต้องการการยอมรับนับถือจากต่างชาติ ให้คนลืมสงครามโลกครั้งที่สอง

ไทยต้องการพัฒนาให้เท่าเทียมประเทศเพื่อนบ้าน

ในหลวงเสด็จฯ ประพาสประเทศในตะวันตก ๑๔ ประเทศ หกเดือนเต็ม พร้อมพระราชินี มี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นแม่กองจัดการ ท่านผู้นี้เป็นแม่กองจัดการเสด็จฯ ต่างจังหวัดด้วย

โชคดีของคนไทย

พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ ตรัสได้หลายภาษาอย่างดีมาก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เข้าใจขนบ วัฒนธรรม และทรง witty แบบฝรั่ง ทั้งความสง่างาม ทุกสิ่งทุกอย่างไม่แพ้ใครในโลก ทรงน่าเกรงขาม แต่นุ่มนวล และเป็นมิตร ไม่มีคนไทยคนไหนทำได้ขนาดนั้น

การที่ทรงศึกษาที่สวิสเซอร์แลนด์นั้น คนยุโรปและอเมริกาถือว่า สุดยอดแห่งอารยธรรม เป็นสังคมที่สร้างคนที่เข้าใจอารยธรรมหลากหลาย ทั้งสองพระองค์มีพระบุคลิกภาพที่เป็นที่ชื่นชมของคนในทุกประเทศ สมเด็จพระนางเจ้าฯ นั้น ได้ชื่อว่าพระราชินีที่สวยที่สุดในโลก รูปถ่ายลงปกหนังสือพิมพ์ ออกทีวีกันมากมาย

"ผมเป็นเด็ก ภูมิใจมาก" 

ทั้งสองพระองค์นั้นทรงเป็นนักการต่างประเทศ และนักการทูตที่ยอดเยี่ยมมากที่สุด
ทรง nobility มาก การเสด็จฯ เยือนจึงได้ความเคารพนับถือจากประมุขประเทศ หัวหน้ารัฐบาล รัฐบาล และที่สำคัญ ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ออกมารอรับกันเนืองแน่น ต้อนรับใหญ่โตมาก ๆ ข่าวกระจายจากที่หนื่งไปอีกที่หนื่ง

ในยุคนั้นสถาบันกษัตริย์ในยุโรปสูงส่งมาก นี่เป็นคุณต่อประเทศไทยที่มีสถาบันกษัตริย์

จากการเสด็จฯ เยือนของทั้งสองพระองค์ ต่อมา ประมุขและหัวหน้ารัฐบาลเหล่านั้นก็มาเยือนประเทศไทยอีก ชื่อประเทศไทยปักสง่างามบนแผนที่โลก

ต่อมา เสด็จฯ เยือนประเทศในเอเซีย เมื่อทรงได้รับมาตรฐานระดับสูงลิ่วนั่น แถวเอเซียก็ต้อนรับยิ่งใหญ่มาก เชิงแข่งนิด ๆ

คนไทยภูมิใจกันสุด ๆ นี่คือการทูตที่ดีที่สุดของไทย

มาถึงยุคโลกสองขั้ว พระองค์ท่านช่วยให้ประเทศไทยยืนถูกข้าง ไม่ล้ม สมัยพวกผมเรียนมหาวิทยาลัย ประธานาธิบดี เมื่อกษัตริย์ หัวหน้ารัฐบาลต่าง ๆ จะมา เมืองไทย สมเด็จพระนางเจ้า จะทรงตรัสในหอประชุมว่าว่า "ข้าพเจ้าจะมีแขกมาเยือน ช่วยกันหน่อยนะ"

พวกผมก็ได้ทำประโยชน์เช่นไปยืนเข้าแถวรับบ้าง แปรอักษรบ้าง นั่งปรบมือในหอประชุมบ้าง ใครว่าในหลวง พระราชินี คนไทยโกรธ พวกเราถือว่า เป็นงานของเราคนไทยทั้งชาติ

ประเทศไทยได้อะไร
 
ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เรื่องไทยเป็นประเทศแพ้สงครามโลกครั้งที่สองร่วมกับญี่ปุ่น เยอรมัน อิตาลี หายไป

มีเงินช่วยเหลือหลั่งไหลเข้ามา พร้อมเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เขื่อนเจ้าพระยายุคนั้น ๓,๕๐๐ ล้านบาทเอง ทุนเรียนนอกเยอะมาก ตลาดสินค้าเปิด มีการลงทุนเข้ามามาก ตั้งแต่นั้น การท่องเที่ยวก็เริ่มจากราว ๑ ล้านคน มาจนปัจจุบัน

เป็นยุคของการฟื้นฟูอารยธรรม วัฒนธรรม อวดแขกเมืองแพร่ไปทั่วโลก

เป็นยุคที่ประมุขต่างประเทศเสด็จเยือนต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ จนกลายเป็นเมืองระดับโลก

เป็นจุดเริ่มต้นของการมาทำข่าวประเทศไทยไปทั่วโลก

คนรุ่นผมเรียนรู้จากการช่วยงานพระองค์ท่านกันทั้งประเทศ

เราจึงภูมิใจมาก ที่พระประมุขของเราทรงฉลาด เยี่ยมยอด เปี่ยมความสามารถ

วันนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ทรงเป็นพระราชินีผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดของโลก

ความลับ

ที่ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดี เกิดอาเซียน ๑๐ มั่นคงมานาน เพราะในหลวง

จีนบอกว่า ทรงเป็นผู้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองแผ่นดิน

พระจักรพรรดิญี่ปุ่นนั้น ใกล้ชิดกับพระราชวงศ์ไทยมาก การลงทุนญี่ปุ่นจึงมากันเพียบ

ประธานบริษัทใหญ่ ๆ ของญี่ปุ่นตัดสินใจลงทุนทันทีที่ได้เข้าเฝ้า

ทรงปิดทองหลังพระให้คนไทยมากมายจริง ๆ....

ที่น่าประหลาด คือ ทั้งสองพระองค์ไม่เคยพูดว่าทรงทำอะไรให้ประเทศมากมายมหาศาลขนาดไหน ทรงปิดทองหลังพระ

พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ กับการต่างประเทศ บุญวาสนาของคนไทยและประเทศไทย ในสถานการณ์ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อนักข่าวต่างชาติถาม ในหลวง ว่า ทำไมจืงไม่ค่อยยิ้ม

ทรงชี้ไปที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ แล้วบอกว่า

That is my Smile.


จาก isranews.org









จาก เพจ SUPHAWAT HI watercolor & sketch


ผมเกิดปี ๒๕๒๘ ปีที่ผมเกิด ในหลวงอายุ ๕๘ ปีแล้ว.... ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวรักในหลวง... สอนให้ผมรักในหลวง...
แต่ผมก็เหมือนเด็กรุ่นหลังทั่วไป ที่มีช่วงชีวิตที่สงสัยว่า ทำไมผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ถึงรักในหลวงองค์นี้เสียจริง... และไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องรักด้วย..
ยิ่งพอเข้าเรียนมหาลัย ที่เรียกตัวเองว่ามหาลัยการเมือง ยิ่งแล้วใหญ่ ไปเจอนักวิชาการกล่อมไปกล่อมมา กลับมาพาลสงสัยในหลวงอีกซะงั้น...

ชีวิตจริงของผม มันเริ่มต้นในชีวิตทำงาน นี่แหละครับ.... ผมทำอาชีพนักข่าว เริ่มตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้ว ประเทศไทย คืออะไรกันแน่.... ทำไมเราถึงอยู่รวมกันได้... เราสร้างสังคมมาจากอะไร...

ผมเริ่มหลับตานึกภาพ แผ่นดินประเทศไทย เป็นแผ่นแบบ ๆ มีภูเขาทอดลงมาในภาคเหนือ.... มีแม่น้ำสี่สายไหลมารวมกัน เป็นเจ้าพระยา...

คำตอบ ก็เฉลยออกมาทั้งหมดว่า... ใช่แล้ว เราสร้างสังคมจากน้ำ.... จากแม่น้ำนี่แหละ ที่ทำให้ดินชุ่มชื้น เราจึงเริ่มต้นสร้างประเทศ จากการเกษตร.... เกษตรกรในบ้านเราจึงมีอยู่มาก.... ส่วนอุตสาหกรรมอื่น ๆ นั้นเริ่มมาทีหลัง...

แต่ทั้งหมดนี้.... ก็ต้องพึ่งพาอาศัยน้ำอยู่ดี...
มันเลยเป็นแรงจูงใจ ให้ผมมุ่งมั่น ศึกษาระบบน้ำและลำน้ำของประเทศเรา.... ระบบชลประทาน และการผันน้ำ....ใช้เวลาเป็นแรมปี.....

ยิ่งศึกษา ยิ่งรู้ว่า เรื่องน้ำ มั่วกันไม่ได้.... ต้องรู้จริงเท่านั้น... ถึงจะทำได้.... เพราะแม่น้ำไม่ใช่ถนน... แม่น้ำมีส่วนที่ลึก มีส่วนที่ตื้น มีกว้าง มีแคบ น้ำไหลช้าเร็วต่างกัน.... เก็บน้ำได้ไม่เท่ากัน...

และในประเทศของเรา... ไม่มีเรื่องน้ำเรื่องไหน ที่ในหลวงไม่เคยศึกษา.... ผมพบว่าพระราชาแก่ๆ ของผม ทรงรู้ทิศทางของน้ำ เป็นอย่างดีในทุกรูปแบบ..... เขื่อนเกือบทุกแห่งในประเทศนี้ จะสร้างไม่ได้เลย ถ้าไม่มีในหลวง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง....

บางเรื่องข้าราชการไม่ยอมศึกษา ถ้าไม่ใช่โครงการใหญ่ ใช้เงินก่อสร้างเยอะ... บางเรื่องศึกษาแล้ว สร้างไม่ได้ เพราะพูดกับชาวบ้านไม่รู้เรื่องถูกต่อต้าน... เนื่องจากคนคุยกับชาวบ้านเป็นข้าราชการผู้น้อย ส่วนคนอนุมัติเป็นข้าราชการผู้บริหารห้องแอร์...

มีแต่พระราชาแก่ ๆ ของผมนี่แหละ ที่นั่งพื้นคุยกับชาวบ้าน.... บางทีพระราชานั่งบนดิน ชาวบ้านนั่งบนเสื่อด้วยซ้ำ....

ผมหมดคำถาม หมดความสงสัย หมดความคลางแคลงใจทุกอย่างในตัวพระราชาแก่ ๆ ของผมทันที

ความรัก ความนับถือ ความศรัทธา ทุกอย่างในตัวพระราชาแก่ของผม ปรากฏท่วมล้นหัวใจเด็กเมื่อวานซืนอย่างผม.....
ผมรู้แล้ว... ว่าทำไมคนเฒ่าคนแก่ถึงรัก และสอนให้เด็กอย่างผมรักในหลวงด้วย.....

ปี ๕๔ เกิดน้ำท่วมใหญ่ เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า.... พระราชาของผมอายุ ๘๔ ปี ทรงแก่มากๆแล้ว.และป่วยอยู่โรงพยาบาล... แต่ก็ยังเรียกผู้เกี่ยวข้อง ไปให้คำแนะนำ ว่าจะรับมือกับน้ำอย่างไร...

ทันทีที่รู้ข่าวนี้ ผมน้ำตาคลอ..... สงสาร และรัก พระราชาแก่ ที่ยังทำงานรับใช้ชาวบ้าน... แม้ในยามตัวเองเจ็บไข้ทุกข์ยาก....

ไปฟังคลิปสิครับ มีคนไปกราบพระบาทถามพระอาการประชวร..... ในหลวงบอกว่า "เป็นที่หัวใจ เลยเจ็บร้าวไปที่หลัง และที่แขน"
...... ได้ยินพระสุรเสียง จากพระโอษฐ์โดยตรง
ใจผมเจ็บแทน เหมือนจะตายแทนให้ได้
ผมสงสารพระราชาแก่ของผมจับใจ.....
ถ้าไม่ใช่ความรักจากพระราชหฤทัยโดยแท้จริง... อะไรเล่าจะทำให้พระราชาแก่ ทำงานให้พวกเราถึงขนาดนี้....

วันนี้ประเทศของผม ไม่มีพระราชาแก่ ๆ อีกต่อไปแล้ว.... ความคิดถึงจับจิตผมไปสุดขั้วหัวใจ..... พระราชาที่จะหาที่ไหนในโลกไม่มีอีกแล้ว
ยิ่งศึกษาเรื่องราวปูมหลัง.... ยิ่งรักในพระราชาแก่สุดใจ..... พระราชาของผม ถูกรังแก
กลั่นแกล้ง ว่าร้ายมากมาย.....

นับแต่เริ่มครองราชย์เมื่ออายุ ๑๙ ปี
จอมพลเผด็จการทหาร กดขี่ย่ำยีท่านเป็นสิบปี..... ตามมาด้วยปัญหาการเมืองมากมาย ระดับที่ประเทศไทยเจียนอยู่เจียนไป
ขณะเดียวกันปัญหาปากท้องชาวบ้าน
ที่รออยู่อีกมหาศาล.....
ถึงขั้นที่พระราชาของผมต้องเอ่ยปากว่า "บางเรื่องมันน่าท้อ แต่ท้อไม่ได้"...... ต้องทรงอดทนขนาดไหน

ผมรู้แล้วว่า ทำไมทรงยอมเสด็จไปที่ไกลๆ ชนิดที่คำว่าทุรกันดารยังไม่พอ......เมื่อพระเทพฯทรงเล่าว่า เพราะในหลวงมีแนวคิดระเบิดจากข้างใน

คือ เข้าไปทำให้ชาวบ้านแข็งแรงก่อน แล้วเขาจะออกมาเอง..... ไม่ต้องรีบทำอย่างโลกสมัยใหม่ ตัดถนน เอาความเจริญเข้าไป ชาวบ้านยังไม่พร้อมก็ถูกคนข้างนอกเอาเปรียบ

ผมทึ่งน้ำใจพระราชาแก่ ที่มีนักข่าวฝรั่งมาถามว่า.... จะสร้างเขื่อนเพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์หรือ? แต่พระราชาแก่บอกว่า ไม่ได้มาสู้กับประชาชน พระองค์มาสู้กับความหิวโหย ถ้าเขื่อนเสร็จ แม้แต่คนที่เรียกตัวเองว่าคอมมิวนิสต์ ก็จะอยู่ดีกินดีไปด้วย

ผมทึ่งที่พระราชาแก่ ของผมเจ็บป่วยอยู่โรงพยาบาล หมอพาเข็นรถเล่นคลายเครียด พระราชาของผมมองเห็นรถติด ยังคิดวิธีแก้รถติดให้จนได้

ทางไหนที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญ ทำให้ชาวบ้านอยู่สบาย พระราชาของผมเอาหมด
ทุกทาง

พระราชาของผม ทำงานรับใช้ชาวบ้านจนตัวตาย....... ชีวิตผมไม่เคยเห็นใครทำอะไรแบบนี้.... นอกจากคนเป็นพ่อแม่ทำให้ลูก

ผมรู้แล้วทำไมคนไทยเรียกพระราชาแก่ ๆ ของผมว่าพ่อ

ผมรู้แก่ใจตัวเองแล้วว่ารักในหลวงเพราะอะไร.......
เพราะหัวจิตหัวใจของท่านมีไว้เพื่อชาวบ้านเท่านั้น


ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
อรรถกร ชื่นฤทัยในธรรม


เทวดาผู้เดินดิน
ทรงโบยบินกลับสวรรค์
มหาราชองค์ราชันย
ธ มิ่งขวัญทรงจากลา

น้ำตาแห่งปวงไทย
ถวายให้องค์ราชา
สถิตอยู่ชั้นฟ้า
ทว่ายังอยู่ในใจ

ลาแล้วองค์พ่อหลวง
ไทยทั้งปวงน้ำตาไหล
ทุกชาติจากนี้ไป
ขอรับใช้บาทพระองค์

พ่อไม่ผิดสัญญา
เพียงกายาพ่อไม่ไหว
หยุดเพียงลมหายใจ
รักเพียงใดไม่รู้ลืม....

Cr:Chalida Dansuanyai


จาก เพจรักในหลวงรัชกาลที่ 9














ท่านดาไล ลามะ (ทะไล ลามะ)- องค์ที่ ๑๔ และมีแนวโน้มสูงอาจจะเป็นองค์สุดท้ายของโลก (Tanzin Gyatso)
ท่านเทนซิน เกียตโชว์,... ปัจจุบันลี้ภัยการเมืองอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ท่านเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ในตำแหน่งประมุขหัวหน้าคณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนา นิกายมหายาน(ธิเบต),...
ท่านเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของชาวอเมริกันชั้นสูง ที่ฝักใฝ่พระพุทธศาสนา
และการฝึกสมาธิ มีดาราฮอลลีวูด และบุคคลสำคัญ ๆ ในการเมือง มาปรึกษาถามปัญหาท่านมากมาย และมีคนเคยถามท่านว่า:-
"ในโลกปัจจุบันนี้ ท่านคิดว่ายังมีใครบ้าง ที่ท่านเคารพยกย่องสูงสุด" ?
และคำตอบนั้นทำให้ผู้ถามถึงกับตื่นตะลึง !!!
"Ohhhhh, ในโลกนี้ยังมีบุคคลอีกผู้หนึ่ง,...
ถ้าท่านเอาข้าพเจ้าไปเปรียบเทียบกับท่านผู้นั้นแล้ว,... ข้าพเจ้าจะเป็นเพียงแค่เด็กน้อย",...
ท่านผู้นั้นคือใคร ?,... สื่อฝรั่งอึกอักถามเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้นอยากรู้,...
"ท่านผู้นั้นคือ -" King Bhumibol The Great"
พระเจ้าแผ่นดิน-"ภูมิพลมหาราช"- ของชาติไทย"!!!





ผู้นำหน้าใหม่ที่เป็นสีสันที่สุดในโลกปัจจุบันนี้ คงไม่มีผู้นำท่านใดจะเกินหน้า ท่านผู้นำจากประเทศฟิลิปปินส์ -"Rodrigo Duterte"
ท่านประธานาธิบดี โรตรีโก ดูแคร์เต้
แม้จะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีได้ไม่นาน (๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙)
แต่นโยบายปราบปรามยาเสพติดที่ยิงทิ้ง ชนิดที่ไม่ต้องจับไปขึ้นศาล หรือติดคุกให้เปลืองข้าวสุกของเขาสะท้านโลก และได้ผลอย่างรวดเร็วทันใจ นัยว่านักค้ายาบ้าแทบจะสูญหายไปจากฟิลิปปินส์,...
จนร้อนไปถึงองค์กรสิทธิมนุษยชน และสหรัฐอเมริกา ที่ออกมาเตือนว่า -"เขาทำรุนแรงเกินไป"
อันดับแรกคือ ท่านประธานาธิบดีดูแตร์เต้ -ตอบโต้ท่านทูตอเมริกันว่า-"ไอ้ลูก, อีกระหรี่"-
อย่าเสือกก้าวก่ายการเมืองภายในประเทศฟิลิปินส์ ,...
และนี่คือครั้งแรกที่ผู้นำประเทศด่าทูตอเมริกันด้วยถ้อยคำที่ต่ำช้าและหยาบคายที่สุด !!!
แต่นั่นยังไม่หนักหนาเท่าเมื่อ ประธานาธิบดีโอบามา - วิจารณ์นโยบายการปราบปรามยาเสพติดของเขาอีก
คราวนี้ถึงกับหงายเงิบดังสะท้านโลก เมื่อท่านดูแตร์เต้, ไม่ยั้งปากด่าสวนท่านโอบามา ออกไปทันที:-
-"Son Of A Bitch",...
-"ไอ้ลูก,อีกระหรี่"!!!,...
คราวนี้ปรากฏว่า แม้แต่โอบามา, ยังต้องปิดปากเงียบสนิท, ไม่กล้าหือ และไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้า หรือแสดงวาทะกรรมใด ๆ กับการเมือง และการปราบปรามยาเสพติดของฟิลิปปินส์อีกต่อไป,...
มีสื่อต่างประเทศให้ความสนใจ กับท่านประธานาธิบดี ปากกล้า หน้าใหม่ของฟิลิปินส์ที่จองหองหยิ่งทรนง ไม่ไว้หน้าอินทร์ หน้าพรหม และไม่เกรงกลัวใครรายนี้เป็นอย่างยิ่ง,...
จึงสัมภาษณ์ถามว่า :-
"ท่านไม่ไว้หน้าแม้แต่ท่านโอบามา มหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกแสดงว่าท่านไม่เคารพและนับถือท่านผู้ใดในโลกนี้เลยใช่หรือไม่"?,...
"For the life I'd rather kneel before the King of Brunei or Thailand but I will never before the America", WOW,...
-ในชีวิตนี้ มีสองท่านเท่านั้นที่ผมจะคุกเข่าคารวะสยบให้,...
มีกษัตริย์แห่งบรูไน และกษัตริย์แห่งประเทศไทย,...
แต่ไม่ใช่อเมริกา"
เล่นเอาซึ้งจนตะลึงไปทั้งโลกเลยเชียว !!!


ข้อมูลจาก เพจ Boonkua Aj Palagab







































บีจีจากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii ไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor





Create Date : 13 ตุลาคม 2562
Last Update : 4 กันยายน 2565 16:57:16 น. 0 comments
Counter : 5550 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณRananrin, คุณวลีลักษณา, คุณJinnyTent, คุณtoor36, คุณmcayenne94, คุณThe Kop Civil, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณSai Eeuu, คุณnewyorknurse, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณตะลีกีปัส, คุณหอมกร, คุณผีเสื้อยิปซี, คุณโอพีย์, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณเริงฤดีนะ, คุณก้นกะลา, คุณไวน์กับสายน้ำ


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.