happy memories
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ (๖)

 






อ่านเนื้อเรื่องเวอร์ชั่นเกาหลีได้ที่นี่ค่ะ
รักนี้ชั่วนิรันดร์ (๖)



อยู่เพื่อรักเธอ [OST. รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์]



       






จิราพัชรและพิชชามาที่แผนกแม่บ้านอธิบายเรื่องให้พาณีฟัง
       
       “ผมรับรองเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของเธอ”
       พาณีรับฟังอย่างแกน ๆ
       “ตอนนี้คงไม่สำคัญแล้วล่ะ ว่าเรื่องจะเป็นยังไง เธอหายไปไม่มาทำงาน โดยไม่แจ้งสาเหตุ แล้วก็พาคนเข้ามาโวยวายที่แผนก”
       จิราพัชรโมโห
       “อะไรนะ มาโวยวาย เหรอ”
       พิชชาเห็นท่าทีของจิราพัชร ก็รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบไหนต่อ เธอรีบดึงเขาออกไปจากตรงนั้น
       “นี่คุณ เธอไม่ได้ผิดนะ แล้วถ้าผมชอบเธอ จีบเธอ มันจะเป็นยังไงเหรอ คุณไล่พนักงานออก เพราะเขามีความรักเหรอ นี่สงสัยคงไม่เคยมีใครมาจีบสิท่า เกิดมาคงไม่เคยมีแฟนใช่ไหมล่ะ”
       พาณีโกรธที่เขาว่าเธอ อย่างเสียหาย พิชชาห้าม
       “พอทีเถอะคุณ”
       พิชชาทั้งดึงและผลักเขาออกจากห้องไป หันกลับมาขอโทษพาณี
       “ขอโทษจริงๆค่ะ ที่กลายเป็นแบบนี้”
       “เธออยากมีแฟนนักก็เชิญ แต่อย่าทำสิ่งที่จะทำให้โรงแรมเสียชื่อ ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหม อย่ามาทำตัวเหลวแหลก ใช้เป็นทางลัดกับที่นี่”
       พาณีเดินหนี พิชชาดึงเธอไว้อ้อนวอน
       “ขอโทษค่ะ แต่อย่าให้ฉันต้องตกงานเลยนะคะ ฉันจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกค่ะ ดิฉันผิดเองที่ทำอะไรไม่คิด กรุณาด้วยนะคะ”
       พาณีแกะมือของพิชชาที่รั้งเอาไว้ออก แล้วเดินจากไปไม่สนใจ พิชชาอ่อนใจ เธอหาทางออกไม่เจอ





ความปราถนาและการพึ่งพาอาศัยกัน.....หากทั้งสองสิ่งขาดหายไปจากโลกใบนี้...
โลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่..ก้อคงจะเหงาเดียวดาย....ก็คงจะเหงาและเดียวดาย.....


       
       พาทินนั่งมองทะเลยามค่ำ คิดถึงการที่เขาได้พบกับพิชชาอีกครั้ง...พิชชาขับมอเตอร์ไซค์เข้าชุมชน จอดรถไว้ที่หน้าบ้าน เธอมองเข้าไปในบ้านถอนใจ คิดไม่ตกกับปัญหารายล้อมที่เกิดขึ้น...พิชชาเปิดประตูห้อง ย่องเข้าไปหาสุนทรีที่นอนอยู่ เธอตรงเข้าไปกอดแม่
       “เจ้าพงษ์ มันโมโหแกแทบคลั่งเลย”
       พิชชาชะงัก แต่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไร
       “คืนนี้ขอหนูนอนด้วยนะแม่”
       สุนทรีลุกขึ้นจากที่นอน
       “มีเรื่องอะไรเหรอ ไอ้เลวนั่นมันบังคับให้ลูกไปหา คุณประชาหรือ”
       พงษ์เปิดประตูเข้ามา พิชชาตกใจลุกขึ้นแอบข้างหลังสุนทรี
       “ยายตัวดี กลับมาแล้วเหรอ ดี...ไปหาคุณประชาด้วยกัน”
       พงษ์ดึงมือพิชชา ยื้อลากไป
       “แม่”
       สุนทรีตวาด
       “ไอ้พงษ์มึงจะทำอะไร”
       “แม่อย่ายุ่งน่า”
       พิชชาสะบัดมือหลุดจากพงษ์ วิ่งไปหลบที่มุมห้อง พงษ์ก้าวเข้าไปหาดึงมืออีก
       “ไม่ต้องหนีให้เหนื่อยเลย วันนี้ยังไงก็ต้องไปพบคุณประชา แกกล้าหนีไปกับคนอื่นเหรอ ฉันขายหน้าคุณประชาเขา เผลอ ๆ ฉันจะต้องตกงานก็เพราะแก”
       พิชชาดิ้นรน ยื้อยุดไม่ยอมไปกับพงษ์ เขาโมโหเงื้อมือจะตบ ไม้กวาดที่อยู่ในมือสุนทรีฟาดไปบนหัวพงษ์เต็มแรง เขาหยุดเอามือกุมหัวคาดไม่ถึงหันไปมอง สุนทรียืนมองพงษ์สายตาเขม็ง
       “แม่ตีฉันทำไม”
       “มึงจะหยุดหรือไม่หยุด”
       พงษ์ลังเล เขาดึงมือพิชชาหยั่งเชิง สุนทรีเงื้อไม้ขึ้น พงษ์ปล่อยมือ พิชชานั่งร้องไห้ พงษ์ชี้หน้า
       “เพราะแกคนเดียวเลย จำเอาไว้ฉันไม่เลิกง่าย ๆ หรอก”
       พงษ์ถอยออกไปจากห้อง สุนทรีลดไม้ที่กำแน่นในมือลง เธอนั่งลงข้าง ๆ พิชชา สุนทรีน้ำตาไหลคับแค้นใจเรื่องปัญหาต่าง ๆ ที่รุมล้อมตัว สุนทรีเช็ดน้ำตาให้
       “ช่วงนี้ไม่ต้องกลับมาบ้านสักพักก็ได้นะ”
       “แล้วแม่ล่ะ”
       “นี่ จะมาห่วงฉันทำไม ดูแลตัวแกเองให้ดีๆ เถอะ”
       สุนทรีน้ำตาไหล ที่พิชชายังมีแก่ใจห่วงเธอ สองแม่ลูกนั่งมองกัน ส่งความรู้สึกห่วงใยกันและกันผ่านมือที่กุมกันเอาไว้ พิชชารวบรวมสติ เช็ดน้ำตาให้แม่ หันไปหยิบกระเป๋าสตางค์ หยิบเงินที่มีอยู่ให้สุนทรี
       “แม่เอาเงินนี่ไว้ใช้นะ”
       “ไม่เอา แกก็ต้องกิน ต้องใช้”
       สุนทรีผลักมือพิชชาที่ยื่นเงินมา
       “หนูยังพอมี” พิชชายัดเงินใส่มือแม่ “พักที่หอก็ไม่ได้ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมากอยู่แล้ว แม่แอบเอาไว้อย่าให้พี่พงษ์รู้นะ”
       สุนทรีมองแขนของพิชชาเป็นรอยช้ำ
       “ดูสิ แขนลูกช้ำไปหมดเลย”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวมันก็หาย”
       สุนทรีถอนใจรู้สึกตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรพิชชาได้
       “รีบไปเถอะ เดี่ยวมันกลับมาอีก”
       พิชชารีบเก็บของออกจากบ้าน สุนทรีนั่งน้ำตาซึมสงสารพิชชาจับใจ

พิชชาเอาของวางที่มอเตอร์ไซค์ กวาดตามองไปทั่ว เมื่อไม่เห็นพงษ์ดักรอ เธอโล่งใจหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอลังเล สองจิตสองใจที่จะโทรหาพาทิน







            
       
       เช้าวันต่อมา พาทินเลงมาจากห้องพักชั้นบน พิชชายืนพิงมอเตอร์ไซค์นอกรั้ว พาทินแปลกใจในตอนแรกที่เห็น แต่เขาก็ดีใจยิ้มออกมา
       “พิชชา”
       พิชชาหันไปมองตามเสียงเรียก เธอดีใจหิ้วกระเป๋า เปิดประตูรั้วเดินมาหาเขา       
       “พี่คะ พี่ตื่นแต่เช้า
พาทินเห็นพิชชาถือกระเป๋ามา สังเกตเห็นรอยเขียวช้ำที่แขนของเธอ       
       “พิชชา แขนเธอ”
       พิชชาตัดบท
       “ฉันเล่าให้แม่ฟังว่า พี่กลับมาแล้ว ฉันบอกว่าจะขอมาพักอยู่กับพี่สักพักหนึ่ง”
       พาทินยังมองรอยช้ำที่แขนนั่น พิชชารู้สึกว่า พาทินเครียดกับรอยช้ำบนแขนเธอจึงเบนความสนใจ
       “ฉันขอแม่แล้ว แม่ไม่ว่าอะไร แค่สองสามวันได้ใช่ไหม”
       พาทินรู้ว่าพิชชาต้องถูกไล่ออกมา หรือหนีบางอย่างมา
       “เธอถูกไล่ออกมาเหรอ”
       “ใช่ซะเมื่อไหร่ละพี่ เออ...ฉันกลับก็ได้ หวังจะมาพึ่ง”
       “ใครบอกว่าไม่ได้ล่ะ”
       พิชชาดีใจ
       “อยู่ได้จริง ๆ นะ”
       “ได้สิ”
       พาทินหยิบกระเป๋าของพิชชาเดินพา ขึ้นห้องพักชั้นบน ทั้งสองเดินมาด้วยกันด้วยความรู้สึก กระอักกระอ่วนใจ








       
       พาทินค้นหายาทาแผลให้...พิชชาเข้าห้องน้ำ เมื่อมองกระจก เห็นแก้มตัวเองมีรอยแดงจากการกระแทก เธอรู้สึกว่าพาทินต้องกังวลใจกับเรื่องนี้...พิชชาเดินออกจากห้องน้ำ เห็นยาทาแผลวางไว้บนกระเป๋า เธอหยิบขึ้นมาดู รู้ว่าพาทินเอามาให้
       พิชชาเดินออกมาพบพาทินนั่งสูบบุหรี่อยู่ด้านนอก เธอนั่งลงข้างเขา
       “พี่คะ...คือ ฉันหนีออกจากบ้านเพราะมีเรื่องกับพี่พงษ์...ขอโทษนะคะที่ต้องโกหกพี่...คือฉัน ฉันไม่อยากจะ...”
       พาทินรู้ว่าพิชชาลำบากใจ เขาเอ่ยปากตัดบทไม่อยากให้เธอ ไม่สบายใจ
       “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเล่าก็ได้ อยู่กับพี่ซะที่นี่ละ พี่ดีใจที่เธอมาหานะ”
       พาทินยิ้มให้ พิชชายิ้มตอบ
       “แค่สอง สามวันเอง”








       
       พิชชานอนหลับอยู่ในห้อง พาทินนั่งอยู่ข้างเตียง เขามองดูรอยแดงที่อยู่บนใบหน้าของเธอ แล้วมองรอยช้ำบนแขนด้วยสายตาที่ห่วงใยและสงสาร พาทินรู้สึกเสียในที่เขาช่วยอะไรเธอไม่ได้ยามที่ต้องลำบาก








       
       พาทินถามหาพงษ์กับชาวบ้านในละแวกนั้น ชาวบ้านชี้ให้พาทินไปที่ร้านอาหาร พงษ์ยืนสูบบุหรี่ตรงหาดข้างร้านอาหาร พาทินเดินเขาไปหา
       “พงษ์ใช่ไหม”
       พงษ์หันไปมองสงสัย
       “ใช่ มีอะไรเหรอ”
       พาทินเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าพงษ์ จนล้มคว่ำบนหาด พงษ์ลุกขึ้นได้ ทั้งที่ยังงงที่พาทินชกเขาอยู่
       “เฮ้ย เรื่องอะไรวะ มึงเป็นใคร”
       พาทินมองพงษ์เขม็ง
       “กูชื่อพาทิน”
       พงษ์พอจำชื่อเขาได้
       “กูมาเรื่องของพิชชา บอกแม่ของแกด้วย ฉันจะดูแลพิชชาเอง”
       พาทินเดินจากไป
       “นี่มันเรื่องอะไรของมึง”
       พาทินหันกลับมาคว้าคอพงษ์
       “จำเอาไว้ ถ้ามึงแตะต้องพิชชาอีก กูจะเอามึงให้ตายเลย”
       พาทินผลักพงษ์ออกไป พงษ์เห็นแววตาเอาจริงของพาทิน เขาไม่กล้าตอบโต้ตามวิสัยนักเลงของ
       ตัวเอง ได้แต่มองพาทินที่เดินจากไปอย่างแค้นใจ
       
        จิราพัชรนั่งพิงโซฟาอย่างเซ็ง ๆ มนตรียืนอยู่ข้าง ๆ
       “ผมจะไล่คนออก ต้องรายงานคุณด้วยเหรอ”
       “การไล่หัวหน้าแผนกออกมันเรื่องใหญ่นะครับ อีกอย่างคุณพาณีเขาก็ทำงานดีไม่มีบกพร่อง เป็นกำลังสำคัญอันหนึ่งของโรงแรมเรา”
       “คุณคิดว่าการตัดสินใจของผมมันผิดเหรอ”
       มนตรีคิดว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันเป็นอารมณ์ของจิราพัชร มากกว่าเหตุผล
       “เอ่อ...เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมจะโอนให้เธอไปทำแผนกอื่นไปก่อน คุณจะได้...”
       ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของจิราพัชรดังขึ้น เขาหันไปไล่มนตรี
       “จะทำอะไรก็เชิญ ให้ไปพ้นหูพ้นตาผมก็พอ”
       มนตรีรีบรับคำ
       “งั้นผมจะจัดการไปตามนี้นะครับ”
       “เดี๋ยว จัดการจ้างคุณพิชชากลับมาทำงานด้วย”
       “ครับ”
       จิราพัชรรับโทรศัพท์ มนตรีโค้งให้ก่อนจะเดินออกจากห้อง
       “ฮัลโหล ว่าไงไอ้...พี่ทินครับ”
       “เฮ้ย กูโทรมาบอกว่า วันนี้กูเข้ามาสอนที่มหาลัยแล้วนะ”
       “ยังงั้นก็ต้องฉลองสิ”
       “วันนี้ไม่ได้ว่ะ”
       “ทำไมล่ะ”
       “มีแผนเอาไว้แล้ว”
       “เฮ้ย แผนอะไรวะ งั้นไว้กูจะเข้าไปหา”
       พาทินเดินคุยมือถือออกจากตึกคณะที่มหาลัยศิลปากร หัวหิน
       “เฮ้ย เดี๋ยวสิไอ้พัชร”
       จิราพัชรวางสายไปแล้ว








       
       พาทินและพิชชาเดินจ่ายตลาด ซื้อของไปทำมื้อเย็น พาทินมองของในมือที่หอบหิ้วมา
       “ต้องเยอะขนาดนี้เหรอ”
       “ก็เลี้ยงฉลองที่พี่เป็นอาจารย์ แล้วก็เป็นมื้อแรกที่จะได้กินอาหารฝีมือของฉัน”
       “พี่เคยกินฝีมือเธอมาก่อนแล้ว”
       พิชชาคิดถึงอดีต หัวเราะเบา ๆ
       “อันนั้นไม่นับสิ หลายปีมานี่ ฉันฝึกฝีมือมาดีรับรองได้”
       พาทินยิ้ม ที่เธอดูร่าเริงขึ้น
       “คุณอร เขาทำกับข้าวเก่งหรือเปล่าคะ”
       พาทินนิ่งคิด
       “พี่ไม่แน่ใจนะ”
       “อะไรกัน พี่ไม่เคยกินอาหารฝีมือเธอเหรอ”
       “เคยสิ”
       “อ้าว แล้วพี่ไม่รู้เหรอว่าอร่อย ไม่อร่อย”
       “ก็รอกินฝีมือของเธอก่อน ถึงจะให้คำตอบได้”
       “เออๆ รู้ล่ะ เตรียมถล่มใช่ไหม ถ้าฉันทำไม่ดี”
       พาทินหัวเราะ ทั้งคู่คลายความเคอะเขินระหว่างกัน
       “เธอน่ารักดีนะคะ พี่รู้จักกับเธอ ตอนเรียนอยู่ที่โน่นเหรอ”
       “อือ”
       “เธอสนิทกับแพนไหม”
       พาทินพยักหน้ารับ
       “เราควรจะบอกคนอื่นเขายังไงดี เวลาที่พี่ต้องแนะนำเธอ”
       พิชชานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
       “ลูกพี่ ลูกน้อง อย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ คุณอรเขาไม่รู้เรื่องอะไรแบบนั้นดีกว่า ฉันกลัวว่าแพนจะไม่พอใจ เวลาเธอกลับมาแล้ว รู้ว่าพี่มาเจอกับฉัน”
       “เรื่องนั้นไว้ทุกคนกลับมาแล้วค่อยห่วงดีกว่า...พี่รู้สึกว่าเธอวางตัวห่างเหินยังไงก็ไม่รู้”
       พิชชาหัวเราะเบา ๆ
       “ฉันยังรู้สึกกระดาก เพราะไม่ได้เจอพี่มาตั้งนาน เมื่อก่อนฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เหรอ”
       พาทิน ส่ายหน้า
       “สมัยก่อนเธอต่อปาก ต่อคำกับพี่มากกว่านี้”
       พิชชายิ้ม
       “งั้นเหรอ...ว่าแต่ แพนเป็นไงบ้างคะ”
       “ก็สบายดี เรียนจบเอ็มบีเอ เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”
       “เอ็มบีเอคืออะไรเหรอ”
       “ก็ปริญญาโทเกี่ยวกับบริหารธุรกิจ”
       “ปริญญาโทเหรอ อือ...ฉันไม่แปลกใจหรอก เพราะแพนเขาหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”       
       พาทินรู้สึกว่าพิชชาคงไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย









อรอินทุ์กำลังจัดมื้อเย็นที่เธอเตรียมไว้ที่โต๊ะ พาทินและพิชชากลับมาจากตลาดสด
       
       “ทินคะ”
       อรอินทุ์เห็นทั้งคู่เข้ามาด้วยกันก็รู้สึกแปลกใจ พิชชารู้สึกเคอะเขิน ทำตัวไม่ถูก
       “สวัสดีค่ะ”
       อรอินทุ์ค้อมหัวยิ้มบาง ๆ รับคำทักจากพิชชา








       
       พาทินและพิชชานั่งอยู่ที่โต๊ะ อรอินทุ์ยกอาหารที่ทำเสร็จมาวาง
       “คุณแม่ ส่งของกินมาให้ตั้งเยอะเลย” อรอินทุ์นั่งลงข้างพาทิน “พิชชา ลองดูสิ”
       “ค่ะ ดูน่ากินนะคะ”
       พาทินพูดขึ้น
       “อรน่าจะโทรบอกผมก่อน”
       อรอินทุ์หัวเราะเบา ๆ
       “อรอยากให้คุณแปลกใจ แล้วเธอจะพักที่นี่เหรอ มันดูคับแคบนะ”
       “ฉันอยู่แค่ไม่กี่วันหรอกค่ะ”
       พาทินพูดขึ้น
       “ไม่หรอก ผมกะว่าจะให้เธออยู่ที่นี่ไปเลย”
       พิชชาชะงักอึ้ง
       “พี่คะ”
       พาทินหัวเราะ
       “ไม่ต้องเลย เธอไม่มีพักอยู่แล้ว อยู่ที่นี่ไปเถอะ”
       พิชชารู้สึกไม่สบายใจที่พาทินพูดแบบนั้นออกไป เธอเกรงใจอรอินทุ์
       “ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ช่วยดูแลทินเขาด้วย เขาน่ะบางทีก็ไม่ค่อยดูแลตัวเอง เรื่องกินอยู่ของคุณ พิชชาน่าจะทำได้ดีกว่านะ”
       อรอินทุ์ตักกับข้าวให้พาทิน พิชชามองทั้งคู่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน








       
       พาทินเดินไปส่งอรอินทุ์ที่รถ
       “คุณน่าจะบอกฉัน ว่าพิชชาเข้ามาพักอยู่ที่นี่ด้วย”
       “ผมขอโทษนะ มันกระทันไปหน่อย คุณโกรธเหรอ”
       “ไม่หรอกค่ะ เธอมาอยู่ก็ดีนะ จะได้ช่วยดูคุณ ตอนนี้คุณเริ่มสอนหนังสือ พองานเยอะ เดี๋ยวคุณก็จะไม่ดูแลตัวเองอีก”
       “ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก”
       “เออ วันอาทิตย์นี้ ข้าวของของคุณพ่อ คุณแม่ก็จะส่งไปที่บ้านเก่าของคุณแล้วนะ”
       “ขอบคุณที่จัดการให้นะ”
       “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นหน้าที่ของลูกสะใภ้อยู่แล้วค่ะ”
       “คุณจ้างคนมาทำความสะอาด จัดของนะ ไม่ต้องลงมือเอง คุณยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่”
       “แหม ฉันอยากให้มันเรียบร้อยก่อนที่พวกท่านจะกลับมาถึงน่ะ”
       พาทินส่งตาดุให้อรอินทุ์ที่รั้นจะทำ เธอเห็นก็ยอม
       “โอเค ๆ จ้างเขาก็ได้”
       “ขอบคุณครับ”
       “พอเสร็จแล้ว ชวนพัชกับพิชชาไปที่นั่นด้วยกันนะ”
       พาทินสะดุดกับความคิดของอรอินทุ์อันนี้
       “ชวนพิชชาไปด้วยเหรอ”
       “ตอนเด็ก ๆ เธอคงเคยไปบ้านคุณบ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ”
       “อืม ไอ้พัชรมันคงอยากไป แต่ผมว่าพิชชาคงไม่อยากไปมั้ง”
       อรอินทุ์แปลกใจ
       “มีอะไรหรือเปล่า”
       พาทินเลี่ยงไป
       “เปล่าหรอกจ๊ะ แค่คิดว่าเธอคงยังไม่อยากไปตอนนี้หรอก”
       อรอินทุ์แปลกใจกับทีท่าของพาทินที่เปลี่ยนไปมากับเรื่องของพิชชา





       
       ค่ำนั้น พิชชานั่งที่โต๊ะทำงานของพาทิน เปิดหนังสือพิมพ์หน้าหางาน ในมือข้างหนึ่งมีปากกาคอยวงตำแหน่งงานที่เธอสนใจ พิชชาเห็นรูปถ่ายคู่กันของพาทินและอรอินทุ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอหยิบมันขึ้นมาดู ใช้มือเช็ดคราบฝุ่นที่อยู่บนกรอบกระจก
       
       พาทินขับรถมาส่งที่หน้าโรงแรม อรอินทุ์ยังคงไม่ยอมลงจากรถ เธอนั่งอ้อยอิ่งจนเขาทัก
       “ถึงแล้วครับ”
       “อยากอยู่กับคุณอีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
       พาทินยิ้มกับลูกอ้อนของคนรัก
       “ผมไม่ไปไหนหรอกอร อีกอย่างทิ้งพิชชาไว้ที่สตูคนเดียว ก็เลยอยากรีบกลับไปดูเธอหน่อย”
       อรอินทุ์ครุ่นคิด
       “จริงสิ แถวนั้นเปลี่ยว น่ากลัวเหมือนกัน โอเคค่ะ ฉันยอมก็ได้”
       อรอินทุ์ปลดล๊อคเข็มขัด หันไปหอมแก้มเขาก่อนที่จะเปิดประตูลงจากรถ
       “ราตรีสวัสค่ะทิน”
       อรอินทุ์โบกมือลาเขาเดินเข้าประตูโรงแรมไป พาทินมองอรอินทุ์เดินเข้าโรงแรมลับตา เขาเร่งรถวิ่งออกไป











       
       พาทินยืนมองอยู่ที่ลานระเบียงชั้นบน เห็นไฟวอมแวมข้างในห้องพักพิชชา เขาไม่แน่ใจว่าเธอ
       หลับไปแล้วหรือยัง...พาทินเคาะประตูเรียกเธอ พิชชานั่งอยู่ที่โต๊ะ ได้ยินเสียง เธอออกไปเปิดประตู
       “พี่มีอะไรเหรอคะ”
       พาทินส่ายหน้าปฏิเสธ
       “กลัวว่าเธอจะหลับไปก่อนที่พี่จะกลับมานะสิ แค่อยากมาบอกราตรีสวัสดิ์กับเธอ”
       พิชชายิ้มดีใจ
       “พี่คะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
       “จ๊ะ ไปนอนเถอะ”
       พาทินยิ้มให้ก่อนเดินจากไป พิชชาปิดประตูห้อง เธอยืนที่หน้าต่างมองพาทินเดินไป








      
       สายวันต่อมา...สไลด์ฉายภาพประกอบคำบรรยายวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะปรากฏบนจอ จิราพัชรเดินเข้ามาท่ามกลางความมีดในห้อง เขานั่งฟังพาทินบรรยายวิชา...พาทินเปิดไฟในห้องสว่าง หลังบรรยายจบ เขาสั่งงานนักศึกษา
       “อาทิตย์หน้า ผมจะขอทดสอบเรื่องประวัติศาสตร์ศิลปะอียิปต์ นอกเหนือที่ผมบรรยายในชั้นเรียนแล้ว ขอให้ค้นคว้ามาเพิ่มเติมด้วยนะครับ วันนี้พอแค่นะครับ”
       “ค่ะ”
       นักศึกษาทยอยออกจากห้องบรรยาย พาทินหันไปเก็บตำราเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาหันไปเห็นจิราพัชรที่นั่งส่งยิ้มมาให้








       
        พาทินและพัชรเดินอกมาจากห้องบรรยาย เดินไปคุยไป
       “มึงมาทำไม่เนี่ย”
       “ก็คิดถึงมึงนะสิ”
       “อย่าเลยก็รู้จักมึงดี”
       จิราพัชรหัวเราะที่พาทินดักคอเอาไว้
       “ทำงานแบบมึงนี่น่าอิจฉาชะมัดเลย ดูสิบรรยากาศสดใส มีแต่สาว ๆ”
       “กูเป็นอาจารย์นะ”
       “เออ แล้วไง ไม่มีหัวใจหรือไง”
       พาทินส่ายหน้า
       “มึงนี่...อาทิตย์นี้มึงว่างไหม”
       “มีอะไรเหรอ”
       “กูกับอรจะแวะไปบ้านเดิมที่เคยอยู่ สนใจไปด้วยกันไหม”
       “บ้านเกิดเหรอ...พิชชาเคยอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
       พาทินเปลี่ยนท่าที เขาไม่ตอบ จิราพัชรพูดขึ้น
       “เฮ้ย มีเรื่องจะขอว่ะ”
       พาทินหยุดเดินมองเพื่อน จิราพัชรเห็นพาทินหยุดฟัง ก็พูดไม่ออกหัวเราะเบา ๆ
       “พอจะพูดจริง ๆ เสือกเขินพูดไม่ออกว่ะ...เรื่องพิชชา มึงช่วยพูดให้หน่อยสิ ว่ากูก็พอใช้ได้นะ ถ้าคบกันกูก็เป็นแฟนที่ดีให้เขาได้”
       พาทินจ้องหน้าเพื่อนยิ้มเยาะ
       “ไม่ได้ว่ะ”       
       “อะไรวะ คุณพาทินครับ”






พาทินเดินต่อพัชรเดินตาม
       
       “มึงน่ะเป็นเพื่อนที่ดีได้ แต่ไม่ดีพอสำหรับพิชชาหรอก”
       จิราพัชรส่งสารตาอ้อนวอน
       “พาทินครับ”
       “ไม่ได้ พิชชาดีเกินไปสำหรับนาย”
       “มึงจะหวงเขา คอยดูไปตลอดชีวิตเหรอ”
       พาทินยิ้ม
       “เออสิ”
       “ก่อนที่มึงจะกลับมาเจอเขา เขาเกือบจะต้องไปแต่งอยู่กับ เสี่ยเงินกู้อยู่แล้ว”
       พาทินหยุดมองจิราพัชร เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน
       “นั่นไง มึงไม่รู้เรื่องนี้ล่ะสิ”
       จิราพัชรเดินไปทิ้งพาทินให้ยืนคิดเรื่องของพิชชา พาทินนึกได้
       “เฮ้ย พัชร”
       “กูเจอเธอก่อนนะเพื่อน ใครมาก่อนได้ก่อนนะ”
       จิราพัชรเร่งฝีเท้าเดินห่างไป พาทินเรียก
       “พัชร”








       
       พิชชาดีใจเมื่อจิราพัชรบอกเธอเรื่องงาน
       “จริงเหรอคะ”
       “ก็จริงสิ”
       “คุณเข้าไปขอโทษเธอใช่ไหม เธอถึงยอม”
       จิราพัชรไม่กล้าบอกเรื่องจริง
       “ก็ทำนองนั้นแหละ เธอได้งานคืนแล้ว จะกลับไปทำเลยไหม”
       พิชชาพยักหน้ากระตือรือร้น
       “ค่ะ ขอบคุณนะคะ...ดีใจจัง”
       จิราพัชรเห็นพิชชาดีใจ เขาก็รู้สึกมีความสุข เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
       “พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปทำงานเลย กลุ้มใจอยู่ตั้งนาน”
       “ดีแล้วล่ะ เออ...ขอมื้อค่ำเลี้ยงฉันตอบแทนได้ไหม”
       พิชชายิ้มสดใส
       “ได้สิคะ”
       พาทินเดินมาตามทาง เขาเห็นทั้งคู่ ก็หยุดยืนมอง
       “สมเหตุ สมผลใช่ไหม ที่จะมากินข้าวกัน”
       “แน่นอนอยู่แล้วค่ะ”
       จิราพัชรเห็นรอยยิ้มของพิชชาที่มอบให้ เขาสุขใจ
       “นี่ ขออะไรอย่างได้ไหม”
       พิชชาสงสัยว่าเขาจะขออะไร
       “อะไรเหรอคะ”
       “อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้คนอื่นนะ รู้ไหม”
       พิชชายิ้มกับคำขอของเขา เธอเห็นพาทินที่ยืนมองอยู่ก็ส่งเสียงเรียก
       “พี่คะ”
       จิราพัชรหันไปมองตามเสียงเรียกของพิชชา พาทินโบกมือทัก จิราพัชรยักคิ้ว ยิ้มเยาะ
       “ฉันเจอเธอก่อนนะ”
       พาทินไม่สบอารมณ์เล็ก ๆ พิชชางงว่าทั้งคู่คุยถึงเรื่องอะไรกันอยู่





       
        เช้าวันต่อมา...พิชชาสวมชุดฟอร์มเข้ามาทำงานเหมือนปกติ เธอทักเพื่อนพนักงานคนอื่น ๆ เพื่อนแม่บ้านไม่ได้ทักตอบ พิชชารู้สึกมีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้ติดใจอะไร พิชชาเข็นรถอุปกรณ์แม่บ้านไปตามทาง กิ่งเทียนวิ่งเข้ามาทักด้วยความดีใจ
       “ดีใจจังที่เธอได้กลับมาทำงานอีก”
       พิชชายิ้มกว้าง
       “ขอบใจนะกิ่ง”
       “ได้ข่าวว่าเธอเจอพี่พาทิน แล้วฉัน เฮ้อ...คิดถึงเขาจังเลย”
       พิชชาค้อน
       “อะไรกันเธอนี่”
       “ก็แหม รักแรกของฉันเลยนะ เขาเป็นไงบ้าง ยังหล่อเหมือนตอนเรียนไหม”
       “พี่เขาก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ...กิ่งทำไมทุกคนดูแปลก ๆ ฉันทักทาย พวกเขาก็ไม่ทักตอบ”
       “พวกเขากลัวนะสิ”
       พิชชาแปลกใจ
       “กลัวฉันเหรอ ทำไมล่ะ”
       “ก็หัวหน้าแผนกยังโดนเด้งเลย ถูกย้ายไปคุมห้องอุปกรณ์สันทนาการที่สระว่ายน้ำโน่น”
       พิชชาตกใจ
       “คุณพาณีนะเหรอ โดนเด้งเพราะอะไร”
       “อ้าว เธอไม่รู้เรื่องหรอกเหรอ เห็นเขาบอกกันว่า ไปพูดไม่ดีกับผู้บริหารใหม่ ก็เลยโดนเชือด”
       “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
       “ก็ผู้บริหารใหม่ เขาเป็นเพื่อนสนิทกับเธอนี่”
       พิชชางงไปหมด
       “บ้าแล้ว ฉันจะไปเป็นเพื่อนกับคนระดับนั้นได้ยังไง”
       กิ่งเทียนครุ่นคิด
       “ก็จริงนะ แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาไม่ถูกย้าย เธอก็กลับมาทำงานไม่ได้”
       พิชชาถอนใจ
       “แต่ถ้าผู้บริหารเอาแต่ใจ ย้ายพนักงานตามใจชอบ พวกเราก็แย่เหมือนกันนะ”
       “เห็นข่าววงในว่า เขาเป็นลูกคนสุดท้องของท่านประธาน ถูกตามใจจนเคยตัวชื่ออะไรน้า จำยาก”
       กิ่งเทียนพยายามนึก พิชชาตัดบท
       “ช่างมันเถอะกิ่ง”
       “อะๆ จำได้แล้ว ชื่อจิราพัชร”
       พิชชาสะดุดชื่อ
       “จิราพัชร...คุณพัชรเหรอ”





       
       พิชชาเข้ามาที่ห้องจิราพัชรเธอยืนด้วยท่าทางแบบพนักงาน จิราพัชรนั่งอยู่บนโซฟาดูเขาเซ็งๆ
       “เธอเป็นอะไร ทำไมต้องแสดงท่าทีแบบนี้ด้วย”
       “ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันผิดเองที่หลงคิดว่าคุณเป็นคนดี คิดว่าคุณไปขอโทษและชี้แจงจนเธอ ให้ดิฉันกลับเข้ามาทำงานต่อได้”
       “ใครบอกว่าผมไม่ได้ขอโทษเธอ”
       “แล้วทำไมเธอถึงถูกย้ายไปแผนกอื่นล่ะ”
       “คุณจะใส่ใจเขาทำไม ทีเขาเองยังไม่สนใจเหตุผลของคุณเลย คุณถูกเขาไล่ออกไม่ใช่เหรอ”
       พิชชานิ่งคิด
       “ในสายตาของเขา ดิฉันทำผิดระเบียบ ทำให้ชื่อเสียงโรงแรมเสียหายจริง ๆ แล้วมันเป็นความเข้าใจผิด แต่มันเป็นก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ”
       จิราพัชรยิ้มเยาะ
       “ช่างเป็นแม่พระซะจริงนะ”
       “ฉันอยากกลับมาทำงาน เพื่อจะได้ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งใคร คุณไม่คิดเหรอว่าเธอก็คิดแบบดิฉันเหมือนกัน”
       จิราพัชรพูดไม่ออกจำนนต่อเหตุผล
       “อย่าโทษคนอื่นเลยค่ะ ฉันพอจะรู้นิสัยคนอย่างพวกคุณ สนใจแต่ตัวเอง ใครจะเดือดร้อน คุณไม่คิดจะใส่ใจอยู่แล้ว”
       พิชชารู้สึกว่าไม่มีอะไรจะพูดกับเขาอีก
       “ดิฉันขอตัวนะคะ”
       “ใครบอกว่าผมไม่สน ไม่ใส่ใจใคร คุณอย่ามาตัดสินผมง่าย ๆ แบบนั้น ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะผมชอบคุณ”
       พิชชาชะงักไม่เดินต่อ เธอหันกลับมามองเขา จิราพัชรหน้าตาจริงจังมาก
       “ผมชอบคุณจริง ๆ”
       
       บ่ายวันต่อมา ที่บ้านวชิรวิทย์...อรอินทุ์ยืนสั่งงาน พนักงานขนของเข้ามาในบ้าน พาทินช่วยขนของเล็กๆ เข้ามา
       “โต๊ะเอาไว้ที่ครัวเลยนะคะ”
       พนักอีกคนยกแจกันใหญ่เข้ามา อรอินทุ์หันไปถามพาทิน
       “ทินคะ แจกันนี้จะเอาไว้ตรงไหนดี”
       พาทินหันรีหันขวาง หาที่วาง เขาชี้ไปที่มุมห้อง
       
       “ตรงนั้นก็ได้ มันเคยอยู่ตรงนั้น”








เนื้อเรื่องจาก
manager.co.th


ภาพจาก
กระทู้พันทิป
manager.co.th
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ : พุธที่ ๑๒ มิ.ย.










เนื้อเรื่องที่ลงในนสพ.คม ชัด ลึก
ภาพจาก กระทู้พันทิป
กระทู้พันทิป ๒















คลิปละครจาก Autumn mi My Heart Thailand


รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ - ตอนที่ ๖ (by Truevisions)





บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ somjaidean100

Free TextEditor





Create Date : 06 มิถุนายน 2556
Last Update : 18 มิถุนายน 2556 21:51:25 น. 0 comments
Counter : 2850 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.