happy memories
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๒๒๓





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ และเจ้านายไทยในโลซานน์”



สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวหนังสือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ ๙ และเจ้านายไทยในโลซานน์” หนังสือบันทึกความทรงจำของครูส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ ๙ ซึ่งรวบรวมโดย “ลีซองดร์ เซ.เซไรดารีส” ลูกชายคนสุดท้องของ เกลย์อง เซ.เซไรดารีส ผู้มีบทบาทและหน้าที่ครูส่วนพระองค์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ โดยในหนังสือได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ และภาพสำคัญของพระบรมราชวงศ์ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตลอดจนเอกสารสำคัญที่ครอบครัว เซ.เซไรดารีส ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ซึ่งในงานมี นายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษ มาเป็นประธาน พร้อมด้วย มร.ลีซองดร์ เซ.เซไรดารีส และ มร.ดาเนียล เบรลาส์ นายกเทศมนตรีเมืองโลซานน์ ได้บินตรงจากสวิตเซอร์แลนด์มาร่วมงานนี้โดยเฉพาะ ที่ ลิฟวิ่งแกลลอรี ๑ ชั้น ๓ ศูนย์การค้าสยามพารากอน






มร.ลีซองดร์ เซ.เซไรดารีส ผู้รวบรวมบันทึกประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ไทย กล่าวว่า ได้รับพระบรมราชานุญาตจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งว่า ควรจะทำในฐานะเป็นผู้รู้เห็นในเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ ความยากของการทำหนังสือเล่มนี้ คือการรวบรวมเนื้อหาของหนังสือ และพระราชดำรัสต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่มากมาย จึงต้องเลือกสรรเอา และต้องละเอียดอ่อน เพื่อที่จะให้ผู้อ่านทั้งชาวสวิส และชาวไทย ได้เข้าใจในเรื่องเดียวกัน ซึ่งตนใช้เวลาถึง ๔ ปี ในการเรียบเรียง นอกจากนี้ต้องทำภาพถ่ายฟิล์มเก่า ให้เป็นภาพดิจิตอลด้วย ส่วนไฮไลต์ของหนังสือเล่มนี้ อยู่ในทุกๆหน้าทั้ง ๕oo หน้า เพราะว่าเป็นหนังสือที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์จริงในเหตุการณ์นั้น ๆ นอกจากนี้ยังมีคนจีนที่สนใจประวัติศาสตร์ไทยและรักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยากให้แปลเป็นภาษาจีนด้วย






โอกาสนี้ผู้รวบรวมยังกล่าวต่ออีกว่า ความรู้สึกของตนที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คงจะสัมผัสได้จากหนังสือเล่มนี้ที่ฝังอยู่ในจิตใจ ซึ่งความประทับใจที่มีเป็นพิเศษก็คือ พระราชหัตถเลขาของพระราชวงศ์ทั้ง ๔ พระองค์ ที่เขียนถึงพ่อของตน ทรงเล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ และอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ร้านอาหารจีน ซึ่งเป็นร้านเดียวที่เจนีวา และเป็นร้านประจำที่เสด็จฯ ไปเสวยอาหารเอเชีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเก็บเชอร์รี่จากสวนที่ประทับ “วิลล่าวัฒนา” มาพระราชทานแก่เจ้าของร้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงพอพระราชหฤทัยอาหารร้านนี้ จึงมีของเล็กๆน้อย ๆ มาฝาก สิ่งนี้แสดงให้ตนเห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อคนรอบข้างเสมอ สมัยเด็กตนไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯใกล้ชิด เพราะตนอายุน้อยกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๑๙ ปี พี่ชายตนซึ่งอายุมากกว่า ๒o ปี ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯในช่วงที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์






ในฐานะผู้จัดทำหนังสือประวัติศาสตร์เล่มดังกล่าว นิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ภาพถ่ายในหนังสือถือเป็นภาพถ่ายที่สำคัญยิ่งเชิงประวัติศาสตร์ประเทศ ไทยและสวิตเซอร์แลนด์ เป็นภาพถ่ายที่แทบไม่เคยได้เห็นเลย เพราะบันทึกโดยพระอาจารย์และพระพี่เลี้ยงของในหลวงทั้งสองพระองค์สมัยประทับที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสะท้อนถึงพระราชจริยวัตรสมัยทรงพระเยาว์ ส่วนเนื้อหาได้เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาที่ไม่เคยมีใครได้ทราบมาก่อน เป็นเรื่องในครอบครัวพระบรมราชวงศ์ที่น่าตื่นเต้น สำหรับหนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ ในภาษาไทยและอังกฤษ โดยต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศส ผู้สนใจสามารถหาซื้อหนังสือได้ที่ศูนย์หนังสือเอเชียบุ๊คส์ทุกสาขา ในราคาเล่มละ ๖๙๙ บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย.















ภาพและข้อมูลจาก
thairath.co.th
entertain.enjoyjam.net














เทิดเจ้าฟ้านักคิด สมเด็จพระเทพฯ



องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เทิดทูน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็น "เจ้าหญิงนักคิด" เตรียมทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์ เป็นพระองค์แรกของโลก "พาณิชย์" เผยทรงเป็นพระอัจฉริยะ มีผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้รับการจดข้อมูลด้านลิขสิทธิ์ ๓๕๔ ผลงาน


พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราชวโรกาสให้นายฟรานซิส เกอร์รี ผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล "ความเป็นเลิศด้านการสร้างสรรค์" หรือ WIPO Award for Creative Excellence ในวันที่ ๒๗ ส.ค. ๒๕๕๘ ซึ่ง WIPO ได้ตระหนักถึงพระปรีชาสามารถด้านการสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และทรงเป็นเจ้าหญิงพระองค์แรกของโลกที่ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลดังกล่าว


"เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนไทยและประเทศไทย ที่ WIPO ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลดังกล่าวแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพราะเมื่อปี ๒๕๕๒ WIPO ได้เคยทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา หรือรางวัล Global Leaders Awards แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแล้ว ที่สำคัญ ปีนี้เป็นปีมหามงคล พระองค์ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๕ รอบ ๖o พรรษาด้วย" พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว


พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพระอัจฉริยะ โดยทรงมีผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้รับจดแจ้งข้อมูลผลงานลิขสิทธิ์ในพระองค์ท่านจำนวนมากถึง ๓๕๔ ผลงาน ได้แก่ งานด้านศิลปกรรมฝีมือพระหัตถ์รวม ๑๙๙ ผลงาน เช่น ภาพวาดดอกกล้วยไม้ ภาพวาดช้างภูฟ้า ภาพวาดมณีพลอยร้อยแสง ภาพวาดประกอบจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ภาพวาดประกอบสัตว์เลี้ยงวังสระปทุม เป็นต้น และผลงานพระราชนิพนธ์รวม ๑๕๓ ผลงาน เช่น ระกาสำราญ คำอวยพรประกอบภาพฝีพระหัตถ์ ชื่อ ฟ้าอุ้มฝน พระราชทานแก่ธนาคารทหารไทย กลอนพระราชทานปีจอ หนังสือเรื่องแก้วจอมแก่น ย่ำแดนมังกร ฉันท์ดุษฎีสังเวยสมโภชพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เพลงสมิงทอง-จำปานารี เพลงส้มตำ เพลงรัก เพลงปลาทองเถา เป็นต้น และ งานอื่น ๆ อีก ๒ ผลงาน เช่น งานลายปักถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญายังได้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "ภูฟ้า" และขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ญอกมละบริน่าน เป็นถุงย่ามทำจากเถาวัลย์ (ทะแปต) ของชาวมละบริ ที่ผลิตในเขตอำเภอบ่อเกลือ อำเภอเวียงสา อำเภอบ้านหลวง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ตามแนวพระราชดำริ เพื่อส่งเสริมอาชีพและการสร้างรายได้เสริมของชุมชนในชนบท


พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ไทยยังได้รับเกียรติจาก WIPO ให้จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระอัจฉริยภาพด้านทรัพย์สินทางปัญญาใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ สำนักงานใหญ่ WIPO ที่นครเจนีวา ในวันที่ ๕-๑๔ ต.ค. ๒๕๕๘ ซึ่งในงานดังกล่าวได้เปิดให้ประเทศสมาชิก WIPO จำนวน ๑๘๘ ประเทศ และผู้แทนกว่า ๑ พันคน ที่มาเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่ ครั้งที่ ๕๕ ได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการด้วย


ด้านนายฟรานซิส เกอร์รี ผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก กล่าวว่า การทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล เนื่องจาก WIPO ได้ประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถด้านทรัพย์สินทางปัญญา ทรงเป็นผู้นำในเรื่องความคิดสร้างสรรค์และทรัพย์สินทางปัญญาในหลายสาขา พระราชนิพนธ์งานทรงลิขสิทธิ์กว่า ๓๕o ผลงาน ทั้งร้อยแก้ว ร้อยกรอง และภาพวาดประกอบหนังสือ ทรงให้ความสำคัญในเรื่องการปกป้องภูมิปัญญาท้องถิ่น อีกทั้งยังทรงเป็นผู้รังสรรค์เครื่องหมายการค้า "ภูฟ้า" ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก


ทั้งนี้ พระองค์ยังทรงส่งเสริมการคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ด้วยการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนงานฝีมือของชนเผ่าพื้นเมืองทางตอนเหนือของประเทศไทย ในการถักทอกระเป๋า และผลิตภัณฑ์จากเถาวัลย์มละบริ เพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน


"พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรพันธุกรรม โดยมีโครงการอนุรักษ์พันธุ กรรมพืช ซึ่งดำเนินการตามพระราชดำรัสในปี ๒๕๓๕ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้เห็นชัดถึงผลงานและพระราชกรณียกิจที่สร้างสรรค์ในวงกว้าง และยังทรงเป็นนักดนตรีที่เปี่ยมความสามารถและพรสวรรค์ มีพระปรีชาสามารถเป็นเลิศด้านดนตรีพื้นบ้าน และดนตรีพื้นเมือง โดยเฉพาะดนตรีไทย พระองค์ทรงเป็นผู้ได้รับการยกย่องในวงการนักดนตรีไทย จึงเป็นการเหมาะสมอย่างที่สุดแล้วที่ WIPO ได้รับเกียรติอย่างสูงสุดครั้งนี้ที่จะได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลแด่พระองค์ท่าน".







พระบรมฉายาลักษณ์และข้อมูลจาก
manager.co.th
forest.go.th














นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ณ ศรีราชา



มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมศิลปากร จัดแสดงนิทรรศการ “ศรีสวรินทิราราชกรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ” เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ นิทรรศการสัญจรเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชม โดยครั้งแรก ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี





ดาวลดา พันธ์วร, วัลลิยา ปังศรีวงศ์
และศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวช นุชประยูร ร่วมเปิดนิทรรศการ



ในโอกาสนี้ ได้รับเกียรติจาก วัลลิยา ปังศรีวงศ์ ผู้แทนมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นประธานเปิดนิทรรศการ โดยมีดาวลดา พันธ์วร ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ชัยเวชนุชประยูร ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทยรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา นายพรชัยถมกระจ่าง นายอำเภอศรีราชา ร่วมงาน





วัลลิยา ปังศรีวงศ์ ชมนิทรรศการ



นิทรรศการ “ศรีสวรินทิราราชกรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ” มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกา ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กรมศิลปากร จัดขึ้น มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงบำเพ็ญแก่ประเทศและปวงชนชาวไทยสืบสานพระราชปณิธานและพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ซึ่งทรงได้รับการเฉลิมพระเกียรติจากองค์การยูเนสโกให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่นในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (สาธารณสุข) วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ นอกจากนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านงานของสภากาชาดไทย ที่ทรงเป็นอุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย อีกทั้งยังมีการจัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์และมีการสาธิตการทำขนมจากเมนูพระราชทาน เช่น ขนมรวงผึ้งและขนมยาพอกหัวเด็ก






ทั้งนี้ จะมีการนำนิทรรศการไปจัดแสดงในส่วนภูมิภาครวม ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา พระนครศรีอยุธยาและประจวบคีรีขันธ์ โดยนิทรรศการที่จังหวัดเชียงใหม่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดนิทรรศการ ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘





มุมขนมเมนูพระราชทาน



ภาพและข้อมูลจาก
somdej.or.th
naewna.com














“นางหาย-ถวายพล” โขนเยาวชน
เทิดพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ



“เยาวชนไทยในยุคปัจจุบันนี้ ในธาตุแท้ก็ยังเป็นคนไทย อยู่โดยสมบูรณ์ ถ้าหากว่าได้มีการชักจูงให้ความเป็นไทยในตัวนั้นปรากฎออกมาด้วยศิลปะของไทย อย่างอย่างใด อย่างหนึ่งแล้ว ความเป็นไทยในตัวของเยาวชนก็จะปรากฎออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด”






ด้วยความเชื่อในคำกล่าวนี้ของ ศาสตราจารย์ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ทาง มูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้เปิด ศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ ทำการสอนนาฏศิลป์และดนตรีไทยให้กับเยาวชนไทยโดยไม่คิดค่าเล่าเรียน ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๕ โดย เปิดสอน ๕ สาขา ได้แก่ โขน ละคร ดนตรีไทย พากย์โขน และขับร้องเพลงไทยเดิม ดำเนินต่อเนื่องมากว่า ๓ ปี






เริ่มจากการดึงเยาวชนในชุมชนทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมูลนิธิฯ ให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมไทย ปัจจุบันมีเยาวชนและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศสมัครเข้าเรียนเพิ่มขึ้นทุกปี จนมีจำนวนนักเรียนถึง ๖๑๙ คน


และในปีนี้ทางมูลนิธิคึกฤทธิ์ ๘๐ฯ ได้นำนักเรียนของศูนย์ศิลปะการแสดงสถาบันคึกฤทธิ์ เปิดการแสดงโขนเพื่อเทิดพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสนองพระราชดำริในการอนุรักษ์และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยอันเป็นมรดกสำคัญของชาติ โดยได้นำเรื่องราวของ รามเกียรติ์ ตอน นางหาย-ถวายพล มาเปิดการแสดง ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆนี้ ณ โรงละครอักษรา คิง พาวเวอร์






นางหาย-ถวายพล เป็นเรื่องราวของรามเกียรติ์ตอนที่ ทศกัณฐ์เกิดหลงใหลในความงามของนางสีดา จึงสั่งให้มารีศ (ยักษ์กายสีขาว) แปลงร่างเป็นกวางทองไปล่อหลอก นางสีดาเห็นเข้าก็ขอให้พระรามออกไปตามจับ พระรามพบว่ามารีศเป็นยักษ์จึงยิงด้วยศร ก่อนตายมารีศแกล้งทำเสียงเป็นพระรามร้องขอความช่วยเหลือ นางสีดาได้ยินจึงให้พระลักษมณ์ตามไปช่วย






ฝ่ายทศกัณฐ์ได้โอกาสจับตัวนางสีดาไปกรุงลงกา พระรามและพระลักษมณ์ออกตามหานางสีดา พบกับหนุมาน เมื่อหนุมานรู้ว่าพระรามเป็นพระนารายณ์อวตารจึงเข้าสวามิภักดิ์ และชักชวนเผ่าพงศ์วานรเข้าร่วมกับทัพของพระราม เพื่อเตรียมยกทัพไปชิงนางสีดาคืน ... เป็นต้นทางการเปิดศึกระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์






ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล ประธานกรรมการสถาบันคึกฤทธิ์ ให้เหตุผลที่นำตอนนี้มาแสดงเทิดพระเกียรติฯ ว่า


“ เรื่องราวของโขนรามเกียรติ์ตอนนี้ มีสัญลักษณ์สำคัญที่แทรกอยู่ในเนื้อหา เป็นตอนที่หนุมาน รู้ว่าพระรามเป็นคนดี มีบุญบารมีก็เข้าถวายตัวและนำกองทัพวานรเข้าร่วม ซึ่งทางเหล่าครูโขนของเราก็คิดเห็นร่วมกันว่า เนื้อเรื่องตอนนี้มีความหมายที่ดี เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออก ซึ่งความจงรักภักดีของพวกเราซึ่งเป็นข้าราชบริพารของแผ่นดิน เลยนำเรื่องรามเกียรติ์ตอน นางหาย-ถวายพล มาจัดแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ที่ท่านทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖o พรรษา ที่โรงละครอักษรา ซึ่งต้องเรียกว่าเป็นครั้งแรกที่ทางมูลนิธิฯ นำนักเรียนการแสดงขึ้นแสดงในโรงละครใหญ่ ”






นอกจากภาพความทุ่มเท พร้อมใจกันของเด็ก ๆ ในการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ์แล้ว การแสดงโขนในครั้งนี้ ยังมีความสำเร็จของการสืบทอดนาฏศิลป์ไทยให้กับเด็กรุ่นใหม่อย่างชัดเจน นับเป็นเรื่องน่าชื่นชมที่เด็กไทยรุ่นใหม่ตั้งใจจะถนอมรักษาศิลปะการแสดงอันเป็นมรดกของชาติไว้ในตน และสามารถแสดงออกสู่สายตาผู้ชมผ่านการเล่นโขนเฉลิมพระเกียรติ์ ชุด นางหาย-ถวายพลในครั้งนี้อย่างงดงาม















ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














‘ศศป.’ผุดนวัตศิลป์เทิดไท้องค์ราชินี



นางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศศป. เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงาน “นวัตศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชินี” ครั้งที่ ๓ ขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๒ ส.ค. ๒๕๕๘ ภายใต้แนวคิด “บอกรักแม่ สวมเสื้อฟ้า พาแม่เที่ยว” โดยมีช่างผู้เชี่ยวชาญด้านงานลงรักปิดทองประดับกระจก และ ม.ล.พงษ์สวัสดิ์ สุขสวัสดิ์ ครูช่างผู้เชี่ยวชาญด้านงานหัวโขน รวมทั้งสุดยอดฝีมืออีกหลาย ๆ ท่าน ตลอดจนหัวหน้าหน่วยงานราชการ นิสิต นักศึกษา ประชาชน และนักท่องเที่ยวกว่า ๑oo คนเข้าร่วม ที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


นางพิมพาพรรณเปิดเผยว่า ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ได้จัดงาน “นวัตศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชินี” ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้เป็นครั้งที่ ๓ โดยงานจะมีขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ ๘-๑๒ ส.ค. ๒๕๕๘ ที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา


ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยภายงานจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น นิทรรศการ การแสดงผลงานศิลปาชีพ การแสดงผลงานจากครูช่าง การออกร้านจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากสมาชิกศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังจะได้ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย


ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยวเข้าร่วมชมงานดังกล่าว โดยในวันที่ ๙ ส.ค. ๒๕๕๘ เวลา ๖.oo น. ร่วมเดิน-วิ่งเทิดไท้องค์ราชินี และวันที่ ๑๒ ส.ค. ๒๕๕๘ เวลา ๑o.oo น.ร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล และเวลา ๑๘.๓o น. ร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรโดยพร้อมเพรียงกัน







ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
FB นิทรรศการ














“LUX by SACICT” ปี ๒ ต่อยอดหัตถศิลป์ทรงคุณค่าสู่สินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย



ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ศ.ศ.ป. เดินหน้าผนึกกำลัง ดีไซเนอร์แถวหน้า และชุมชนช่างฝีมือร่วมพัฒนางานหัตถศิลป์ทรงคุณค่าจากภูมิปัญญาสู่ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ร่วมสมัยในโครงการ “LUX by SACICT 2015” เตรียมนำไปโชว์และรับคำสั่งซื้อที่ Maison et Objet 2015 งานแสดงสินค้ากลุ่มอินทีเรียดีไซน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ณ กรุงปารีส ก่อนไปร่วมฉลอง สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ณ กรุงโคเปนเฮเกนโดยความสนับสนุนของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศเดนมาร์ก และ บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด พร้อมจัดแสดงผลงานจากโครงการให้คนไทย ได้ชมก่อนใครและร่วมภูมิใจในงาน “TOUCH THAI” กาล่า พรีเมียร์ ณ บริเวณชั้น ๔ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี ระหว่างวันที่ ๒-๕ กรกฎาคมที่ผ่านมา


งาน “TOUCH THAI” เริ่มขึ้นอย่างคึกคักในเย็นวันนี้ (๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘) โดยมี นายการุณ กิตติสถาพร ประธานกรรมการบริหารศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) เป็นประธานในพิธีร่วมกับ นายนรชิต สิงหเสนี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ ฯพณฯ มิคเคล เหมนิธิ วินเทอร์ เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทยที่มาพร้อมกับภริยา มาดาม รัตนาวดี โดยมีนางพิมพาพรรณ ชาญศิลป์ รักษาการผู้อำนวยการ ศ.ศ.ป. นางสุพัตรา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักนโยบายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ และนางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด พร้อมกับ นายสุวรรณ คงขุนเทียน ดีไซน์ไดเร็คเตอร์ โครงการ LUX by SACICT 2015 ร่วมกันให้การต้อนรับผู้บริหารระดับสูง นักธุรกิจ ผู้นำทางสังคม ทูตานุทูต สถาปนิก นักออกแบบ แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชน ที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง


นายการุณ กล่าวว่า “นับเป็นโอกาสดีที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศได้จัดงานขึ้นในครั้งนี้ เพื่อเผยแพร่ผลงานหัตถกรรมอันทรงคุณค่าภายใต้โครงการ LUX by SACICT ซึ่งประกอบด้วยผลงานอนุรักษ์ชั้นครูที่คู่ควรแก่การสืบสาน และผลงานที่เกิดจากการรวมพลังสร้างสรรค์ของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่กับช่างฝีมือและชุมชน ผมขอเชิญให้ทุกท่านมาชื่นชมผลงานหัตถศิลป์จากภูมิปัญญาและผลงานหัตถกรรมร่วมสมัยจากฝีมือคนไทย เพื่อร่วมภาคภูมิใจก่อนที่จะนำไปจัดแสดงให้ชาวต่างประเทศได้ชื่นชม”


นางพิมพาพรรณ เปิดเผยว่า “โครงการ LUX by SACICT ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อส่งเสริมและผลักดัน ให้งานหัตถกรรมทรงคุณค่า ที่สร้างสรรค์ด้วยฝีมือคนไทย เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยในปีแรกได้ดำเนินกิจกรรม เผยแพร่และแนะนำผลิตภัณฑ์ฝีมือจากครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างหัตถศิลป์และทายาทครูช่างเข้าสู่ตลาดภายใต้แนวคิด ‘Touch of Gold’ โดยนำเสนองานหัตถศิลป์ที่ทำจากทองคำหรือได้รับแรงบันดาลใจและสะท้อนคุณค่าของทอง อันได้แก่ เครื่องทอง เครื่องถม ผ้ายกทอง ขันลงหิน หัวโขน งานลายรดน้ำ และเครื่องเบญจรงค์ สำหรับปีที่ ๒ นี้ ศ.ศ.ป. ได้ร่วมมือกับนักออกแบบชั้นแนวหน้าของไทยในการสร้างสรรค์งานหัตถกรรมร่วมสมัย ได้แก่งานเครื่องเรือน ของตกแต่งบ้านและเครื่องประดับ ภายใต้แนวคิด ‘Touch of Nature’ ซึ่งเป็นการนำแรงบันดาลใจจากงานหัตถกรรมจากภูมิปัญญาของช่างไทย ผสานเสน่ห์ของวัสดุธรรมชาติออกมาเป็นชิ้นงานต้นแบบที่มีความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งผลงานเหล่านี้ ศ.ศ.ป.จะนำไปจัดแสดงและทดสอบตลาดในต่างประเทศปลายปีนี้”


ในโอกาสนี้ นายสุวรรณ คงขุนเทียน ดีไซน์ไดเรคเตอร์ โครงการ LUX by SACICT 2015 ได้อธิบายว่า “ผลิตภัณฑ์ต้นแบบ Touch of Nature เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นระหว่างนักออกแบบกับช่างฝีมือและชุมชน ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นชิ้นงานอย่างที่เห็นก็ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เป็นการทำงานที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่มากมาย จะเห็นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ในคอลเล็กชั่นนี้ สามารถอนุรักษ์ภูมิปัญญาของชุมชนไว้ ในขณะที่มีการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีความร่วมสมัยจนตอบโจทย์ตลาดปัจจุบันได้ ซึ่งผมก็ขอขอบคุณเพื่อนนักออกแบบทุกคน รวมถึงช่างหัตถศิลป์และชุมชนที่ได้ร่วมงานกันจนเกิดเป็น Touch of Nature ที่อยู่ต่อหน้าทุกท่านแล้ว”


ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมร่วมสมัยจำนวนกว่า ๘o ชิ้นที่นำมาจัดแสดงในงาน TOUCH THAI บ่งบอกถึงพัฒนาการและความสำเร็จของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ในกลุ่มเครื่องเรือน ของตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับ ได้แก่ Yothaka, Korakot, Momoest, Bamboonique, Hat, Fonthip, Pilantha, Saprang, Todesire, Nimmind Studio, Plussense, Flow, PIN และ Art of T ซึ่งพร้อมแล้วสำหรับการไปเจาะตลาดยุโรปในเดือนกันยายนนี้ ในงาน Maison et Objet 2015 งานแสดงสินค้ากลุ่มอินทีเรียดีไซน์ที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลกซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๒o จนกลายเป็นเวทีสำคัญ ของนักออกแบบระดับนานาชาติ ตามมาด้วยการจัดแสดงและจัดจำหน่าย ในเดือนตุลาคม ศกนี้ ณ ห้างสรรพสินค้า ILLUM กลางกรุงโคเปนเฮเกน สุดยอดห้างหรูอันดับต้นของเดนมาร์ก ที่มีต้นกำเนิดยาวนานนับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๔ และนับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของโลกธุรกิจการค้าปลีก


“ที่สำคัญ การไปจัดแสดงที่โคเปนเฮเกนในครั้งนี้จะเป็นการร่วมฉลองสายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ในโอกาสครบรอบปีที่ ๕๕ ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนเดนมาร์กอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕o๓” นางพิมพาพรรณกล่าวเสริม


ภายในงาน TOUCH THAI ยังมีการนำเสนอชิ้นงานจาก “Touch of Gold” ซึ่งเป็นการต่อยอดจากคอลเล็กชั่น LUX by SACICT ปีที่ผ่านมาของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างหัตถศิลป์และทายาทครูช่างเครื่องทอง เครื่องถม งานลายรดน้ำ หัวโขน ผ้ายกทอง ขันลงหิน และเครื่องเบญจรงค์ รวมทั้งสะท้อนเรื่องราวของความงดงามและเอกลักษณ์ไทย ส่งผ่านความคิดสร้างสรรค์ เทคนิค และมุมมองใหม่ สู่ความร่วมสมัย ท่ามกลางบรรยากาศความเป็นสากลที่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความเป็นไทย จากนาฏยกรรมร่วมสมัยโดย แซค-กัมปนาท เรืองกิติวิลาส นักแสดงและอดีตพิธีกรร่วมรายการสำแดงศิลป์ ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส การแสดงดนตรีโดย อัจน์ Thailand´s Got Talent ป้อม ออโต้บาห์น” และบทเพลงจาก “ปุ้ย The Voice”


โครงการ LUX by SACICT ริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โดย ศ.ศ.ป. ดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมไทย เพื่อนำผลิตภัณฑ์จากโครงการฯ ไปจัดแสดงและจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยรายได้จากการจำหน่ายจะกลับไปสู่ช่าง ชุมชน และนักออกแบบโดยตรง ซึ่งนอกจากจะทำให้ช่างหัตถกรรมไทยมีรายได้จากการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืนแล้ว ยังส่งผลให้ช่างหัตถกรรมไทยมีโอกาสแสดงผลงานให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการ LUX by SACICT คลิกที่ //www.SACICT.OR.TH หรือ https://www.facebook.com/sacict







ภาพและข้อมูลจาก
th.postupnews.com
info.dla.go.th














คนรักแม่...พาแม่มาดูโขน



เนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เฉลิมฉลองพระชนมพรรษา ๘๓ พรรษา มูลนิธิศาลาเฉลิมกรุง ร่วมกับ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดการแสดงโขน~ศาลาเฉลิมกรุง ชุด “หนุมาน” จัดโปรโมชั่น ๒ รอบพิเศษ มอบเป็นของขวัญวันแม่“คนรักแม่...พาแม่มาดูโขน” (สำหรับแม่...ชมฟรี! ลูกและผู้ติดตาม รับส่วนลดพิเศษ ๕o%) ๒ รอบพิเศษเท่านั้น ในวันที่ ๑๓-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ รอบ ๑๙.๓o น. ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง


สัมผัสกลิ่นอายของนาฏยกรรมโบราณ ร่วมสืบสานแห่งจารีตธำรงเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทย ไปกับ “โขน” สุดยอดศิลปะการแสดงชั้นสูง ชมการแสดงโขน~ศาลาเฉลิมกรุง ชุด “หนุมาน” กำกับการแสดงโดย ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์ ศิลปินแห่งชาติ บรรเลงดนตรีโดย วง “โรหิตาจล” โขนชุดนี้จับตอนตั้งแต่กำเนิดหนุมาน พระพายซัดพละกำลังของพระอิศวร เข้าปากนางสวาหะที่ยืนเหนี่ยวต้นไม้อยู่และกำเนิดเป็น หนุมานช่วยพระรามรบกับทศกัณฐ์จนชนะ และได้รับประทานสมญาศักดิ์เป็นพระยาอนุชิตจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา ได้ไปครองเมืองนพบุรี ถ่ายทอดผ่านการแสดงอันวิจิตรงดงามตระการตา ดำเนินเรื่องราวสั้นกระชับด้วยการพากย์-เจรจาและเพลงหน้าพาทย์แบบโบราณ พร้อมด้วยเทคนิคพิเศษที่นำมาผสมผสานจนเป็นการแสดงที่วิจิตรงดงามอลังการหาชมยากยิ่ง มุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของโขน~ศาลาเฉลิมกรุง ชุด “หนุมาน” ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น แต่ยังคงรักษาอัตลักษณ์เดิมไว้อย่างครบถ้วน มีหนุมานเป็นตัวละครเอกนำเข้าสู่เรื่องราวของรามเกียรติ์


สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวของหนุมาน ชมความวิจิตรงดงามของสวนแม่พระอุมา ฉากใต้น้ำที่สวยงามอลังการ และลีลาของหนุมานจับ นางสุพรรณมัจฉา ตื่นเต้นไปกับอิทธิฤทธิ์ของหนุมานรบสหัสกุมาร ตื่นตาไปกับกระบวนทัพที่น่าอัศจรรย์ของพระราม โขน~ศาลาเฉลิมกรุง เริ่มเปิดการแสดงมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ จัดแสดงมาอย่างต่อเนื่อง ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง โดยการคัดเลือกผู้แสดงซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษาจากหลากหลายสถาบันชั้นนำกว่า 100 คน ที่มีความสามารถทางด้านนาฏศิลป์โขน เข้ามาฝึกฝนทางด้านนาฏศิลป์ชั้นสูง ภายใต้การฝึกซ้อมของ คณะครูและผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เพื่อการแสดงที่ยิ่งใหญ่ ณ โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุงโขน~ศาลาเฉลิมกรุง ชุดหนุมาน จัดแสดงรอบปกติ ทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ บัตรราคา ๘oo บาท, ๑,ooo บาท และ ๑,๒oo บาท (โปรโมชั่นพิเศษ…ชมฟรี! สำหรับเด็กอายุไม่เกิน ๑๒ ปี /นักเรียน-นักศึกษา และผู้สูงอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป แสดงบัตรประจำตัวรับส่วนลดราคาพิเศษ ๒oo บาทเท่านั้น!) จำหน่ายบัตรที่ศาลาเฉลิมกรุง โทร.o๒-๒๒๔-๔๔๙๙ และไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ //www.thaiticketmajor.com โทร.o๒-๒๖๒-๓๔๕๖























ภาพและข้อมูลจาก
naewna.com
salachalermkrung.com














โครงการหลวง ๔๖



มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เตรียมจัดงาน “โครงการหลวง ๔๖” (Royal Project 46) หนึ่งในโครงการส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีสินค้าแนะนำ ได้แก่ เสาวรสพันธุ์เหลืองหวาน มะระรูปหัวใจ ดอกลิเซียนทัส ช้อปผลิตภัณฑ์มากมายจาก ร้านโครงการส่วนพระองค์และผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงกว่า ๓,ooo รายการ ในบรรยากาศไลฟ์สไตล์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตอันทันสมัย ระหว่างวันศุกร์ที่ ๗ ถึง วันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ เป็นเวลา ๑o วัน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

สำหรับผลิตผลโครงการหลวงที่เป็นสินค้าแนะนำประจำปี ๒๕๕๘ นี้มีทั้งสิ้น ๓ ชนิด ได้แก่ เสาวรสพันธุ์เหลืองหวาน เป็นเสาวรสพันธุ์ใหม่รับประทานสด ผลโตสีเหลือง น้ำหนักดี เนื้อแน่น น้ำเยอะ มีความฉ่ำ รสชาติหอมหวานคล้ายกลิ่นน้ำผึ้งเล็กน้อย ซึ่งเสาวรสพันธุ์นี้จะแตกต่างจากเสาวรสสีเหลืองทั่วไปที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งใช้สำหรับแปรรูปเท่านั้น เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมอยู่หลายชนิด มีวิตามินเอค่อนข้างสูง และ สารแคโรทีนนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ จากการศึกษาพบว่าวิตามินซีของเสาวรส จะมีมากกว่าที่พบในมะนาว และเมล็ดพบสาร albumin homologous protein สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อีกด้วย


มะระรูปหัวใจ (Heart Shape Bitter Gourd) พันธุ์วาเลนไทน์ มีลักษณะผลเป็นรูปหัวใจ สีเขียวสด ผิวมัน รสชาติไม่ขมมากและเนื้อกรอบ สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ต้มจืดมะระ มะระผัดไข่ มะระผัดเผ็ด ใช้ทานเคียงกับน้ำพริก กุ้งแช่น้ำปลา หรือนำไปตกแต่งจานอาหาร เพื่อให้เกิดความสวยงามแปลกตา โดยโครงการหลวงได้ทดลองปลูกที่สถานีเกษตรหลวงปางดะ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่มีขนาดครอบครัวเล็กลง และต้องการพืชผักขนาดเล็กที่ใช้ปรุงอาหารได้หมดภายในมื้อเดียว


มะระรูปหัวใจ มีคุณค่าทางอาหารสูง เช่น สารโมโมดิซิน (Momodicine) แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี วิตามินบี ๑ – บี ๓, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก และโพแทสเซียม ด้วยสารอาหารในมะระ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเครต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับและโรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค และช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็งต่าง ๆ


ดอกลิเซียนทัส (Lisianthus) มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ เป็นไม้ดอกขนาดเล็ก ออกดอกจะเป็นช่อ มีกลีบบางอ่อน ดูนุ่มนวล อ่อนช้อย มีหลายสี เช่น สีขาว พีช ชมพู ม่วง ขาวขอบชมพู ขาวขอบม่วง ดอกลิเซียนทัส เมื่อใช้จัดร่วมกับดอกไม้ชนิดอื่น ๆ แล้วจะช่วยให้การจัดดอกไม้ชิ้นงานนั้นๆ ดูอ่อนหวานขึ้นจึงมักถูกใช้ประดับในช่อดอกไม้ในงานแต่งงาน เพราะมีความหมายดี ในประเทศไทยมีแหล่งขยายพันธ์หลักอยู่ที่ศูนย์วิจัยพันธุ์พืช มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในภาษาดอกไม้ ดอกลิเซียนทัส หมายถึง มิตรภาพที่ยั่งยืน ความทรงจำที่ดี


นอกจากสินค้าแนะนำทั้ง ๓ ชนิดข้างต้นแล้ว งาน “โครงการหลวง 46” ยังมีสินค้าแนะนำประเภทต่างๆ อีกมากมาย เช่น ผัก อาทิเช่น มะเขือเทศเชอรี่เหลือง ผักกาดกวางตุ้ง ฟักสปาเก็ตตี้ ฟักบัตเตอร์นัท ซาโยเต้อินทรีย์ เป็นต้น ผลไม้ อาทิเช่น เสาวรสหวานสีม่วง อะโวคาโด พลับ และมะเดื่อฝรั่ง สินค้าแปรรูป ขอแนะนำ กิมจิผักกาดขาวกระปุกรสเข้มข้น ผลิตจากผักปลอดภัยโครงการหลวง ให้สารกาบ้าสูง ช่วยบำรุงประสาทและสมอง ช่วยให้ผ่อนคลายมีความสุข เห็ดหอมกรอบ, น้ำเคฟกูสเบอรี่พร้อมดื่มและน้ำเสาวรสพร้อมดื่ม สินค้าปศุสัตว์ ได้แก่ ไก่เบรสรมควัน ไก่ฟ้ารมควัน ไข่ไก่อินทรีย์ ซุปไก่กระดูกดำกระป๋อง และผลิตภัณฑ์จากเห็ด เช่น หลินจือแคปซูล และ Mushroom Box


ขาดไม่ได้กับผลิตภัณฑ์แนะนำจาก “ดอยคำ” ได้แก่ น้ำมะเขือเทศ ๑oo%, น้ำมะเขือเทศม็อคเทล ผสมน้ำสตรอว์เบอร์รี่และน้ำเสาวรส และ น้ำมะเขือเทศโซเดียมต่ำ ทุกผลิตภัณฑ์ผลิตจากมะเขือเทศสดที่ผ่านการคัดสรรเป็นอย่างดี ผลผลิตจากการส่งเสริมการเพาะปลูกมะเขือเทศโดยโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๓ (เต่างอย) ส่วนหนึ่งของ “เส้นทางสายมะเขือเทศ” (Tomato Belt) พื้นที่ลุ่มแม่น้ำมูล แถบอีสานตอนบนของไทยที่ก่อเกิดจากแนวพระราชดำริเพื่อสร้างรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืนให้เกษตรกรในถิ่นทุรกันดาร แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมะเขือเทศคุณภาพที่พร้อมด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ใส่ใจสุขภาพทุกเพศ ทุกวัย


ขอเชิญประชาชนที่สนใจเที่ยวชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงกว่า ๓,ooo รายการ
ในงาน “โครงการหลวง ๔๖” ระหว่างวันที่ ๗ – ๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์



ภาพและข้อมูลจาก
thairoyalprojecttour.com














ท่องเที่ยวทัศนา ศิลปะสถาปัตยกรรม วังงาม-เรือนโบราณ ย่านบางกอก
(วังบางขุนพรหม – วังปารุสกวัน)



สรรพ์สารศิลป์ ครั้งที่ ๒๕

ท่องเที่ยวทัศนา ศิลปะสถาปัตยกรรม วังงาม-เรือนโบราณ ย่านบางกอก

(วังบางขุนพรหม – วังปารุสกวัน)

วันเสาร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๘


๐๘.๐๐ น. พบกัน ณ จุดนัดหมาย บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร ถนนสามเสน

(ตั้งอยู่ในบริเวณสำนักงานเขตพระนคร ริมถนนสามเสน) ลงทะเบียนและรับเอกสาร

๐๘.๓๐ น. ยลความงดงามทางสถาปัตยกรรมของเรือนโบราณทรงปั้นหยา ซึ่งในอดีตเป็นของพระยาบริรักษ์ราชา

(เจ๊ก รัตนทัศนีย์) รับราชการในตำแหน่งนายตำรวจหลวงรักษาพระองค์ (กระทรวงวัง) มาตั้งแต่สมัย

รัชกาลที่ ๕ - รัชกาลที่ ๗ ปัจจุบันเรือนนี้ได้ดัดแปลงนำมาจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร


เขตพระนคร ยลนิทรรศการที่ย้อนรำลึกเรื่องราวความเป็นมาของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เป็นราชธานีนับแต่อดีต การขยายตัวของพระนครในช่วงระยะเวลาต่าง ๆ รวมถึงประวัติศาสตร์ สถานที่สำคัญ บุคคลสำคัญ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและชุมชนหลากหลายวัฒนธรรมและอาชีพดั้งเดิมที่มีถิ่นฐานอยู่ในบริเวณเขตพระนคร


๐๙.๓๐ น. ออกเดินเท้าเลียบตามเส้นทางถนนสามเสนมุ่งสู่วังบางขุนพรหม ฟังเรื่องราวเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจพร้อมดื่มด่ำกับความงดงามโอ่อ่าของวังเจ้านายสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งออกแบบและก่อสร้าง ด้วยศิลปกรรมแบบตะวันตก ในอดีตเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต และ พระมารดา วังแห่งนี้ยังเป็นสถานที่จัดงานสโมสรสันนิบาต ต้อนรับแขกเมืองหลายครั้ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่จัดงานสังสรรค์ของพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นสถานที่ ให้ครูชาวต่างประเทศใช้จัดสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับพระธิดาและเจ้านายฝ่ายในของวังอื่น ๆ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงมีชื่อเรียกกันในสมัยนั้นว่า "บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้" ต่อมาเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในสมัยรัชกาลที่ ๗ วังแห่งนี้ ได้ถูกใช้เป็นที่ตั้งของกรมยุวชนทหาร สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ สถานีโทรทัศน์และหน่วยงานราชการอีกหลายแห่ง

๑๒.๐๐ น. รับประทานอาหารกลางวันหลากรสตามอัธยาศัย บริเวณถนนสามเสน เทเวศร์และบางลำพู

๑๓.๓๐ น. ทัศนาวังปารุสกวัน ยลความงดงามโอ่อ่าด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคแบบวิลล่าของอิตาลี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้ช่างชาวตะวันตกออกแบบและก่อสร้าง เพื่อเป็นวังที่ประทับของจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ พระราชโอรสใน สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสที่ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารจากประเทศรัสเซีย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ พร้อมชมประวัติความเป็นมาและภารกิจในส่วนงานต่างๆนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ของตำรวจไทยในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ณ อาคารพิพิธภัณฑ์ตำรวจ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับวัง

๑๗.๐๐ น. แยกย้ายกันเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพและเปี่ยมด้วยความประทับใจ


*กำหนดการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม

นำชมโดย : จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา(นัท) วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม

อัตราค่าร่วมกิจกรรม ท่านละ ๗๐๐ บาท (เจ็ดร้อยบาทถ้วน)



สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา(นัท) โทร.๐-๘๑๓๔๓-๔๒๖๑



การสำรองเข้าร่วมกิจกรรม


๑. โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์ (จำกัด) มหาชน สาขาสุขุมวิท ซอย ๗๑ ในนาม

นายจุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา เลขที่บัญชี ๐๗๑-๒๘๓๕๑๑-๕ ภายในวันศุกร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘


๒. เมื่อโอนเงินแล้วกรุณาโทรศัพท์หรือส่ง SMS ยืนยันเข้าร่วมกิจกรรมที่ โทร.๐-๘๑๓๔๓-๔๒๖๑ หรือ

กล่องข้อความ(inbox)ในเฟซบุ๊ค นัท จุลภัสสร

https://www.facebook.com/profile.php?id=100009116720395

โดยระบุรายละเอียดต่อไปนี้.ให้ครบถ้วน(แจ้งว่าสมัครเข้าร่วมทริป

ชมวังบางขุนพรหม-วังปารุสกวัน)

- ชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก

- หมายเลขบัตรประชาชน(ผู้จัดต้องรวบรวมเพื่อส่งให้กับวังบางขุนพรหมตามระเบียบ

การเข้าเยี่ยมชม)

- อีเมล์ แอดเดรส และชื่อในเฟซบุ๊ค เพื่อความสะดวกในการแจ้งข่าวสารกิจกรรมให้ท่านทราบต่อไป

- สลิปรายการโอนเงินค่าร่วมกิจกรรม (ระบุชื่อ-นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของท่านรวมถึงผู้ร่วมคณะ

ของท่านในใบสลิปอย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบของผู้จัดกิจกรรม



๓.หากท่านได้โอนเงินมาแล้ว แต่ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ได้ อาจมอบให้ผู้อื่นมาแทนได้ โดยแจ้งให้ผู้จัดทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๓ วัน ก่อนวันจัดกิจกรรม หากไม่แจ้งตามกำหนดดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์ ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์การคืนเงิน

๔. รับเฉพาะผู้สนใจชาวไทย


รับจำนวนจำกัด


ระเบียบในการเข้าชมสถานที่

๑. กรุณาแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการเคารพสถานที่ซึ่งไปเข้าเยี่ยมชม เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ

-สุภาพบุรุษ(งดกางเกงขาสั้นและเสื้อไม่มีแขน)

-สุภาพสตรี(กรุณางดกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้นและเสื้อไม่มีแขน)


๒. กรุณาปฏิบัติตามระเบียบของสถานที่ทุกแห่งที่เข้าไปเยี่ยมชม เช่น ไม่ล่วงล้ำและถ่ายภาพบางพื้นที่ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่



ภาพและข้อมูลจาก
oknation.net














“สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา หากด้วยหัวใจ ” ละครหุ่นสื่อผสม “เจ้าชายน้อย”



“สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา หากด้วยหัวใจ ” จากวรรณกรรมคลาสสิคของฝรั่งเศส Le Petit Prince โดย Antoine de Saint-Exup’ry สู่การเดินทางครั้งใหม่ที่จะพาผู้ชม ท่องไปยังโลกแห่งจินตนาการพร้อมผจญภัยไปกับเจ้าชายน้อย


โรงมหรสพ ทองหล่อ เชิญชม การแสดงละครหุ่นสื่อผสม (mixed media ) ชุด เจ้าชายน้อย โดย สุรชัย เพชรแสงโรจน์ และสิริกาญจน์ บรรจงทัด ศิลปินหุ่นมืออาชีพ ที่จะมานำเสนอผลงานด้วยเทคนิดต่าง ๆ อาทิ puppet theatre, object theatre, shadow puppet และ paper cut animation background โดยมีนักแสดงเล่นอยู่หน้าฉากที่จัดวาง


วันที่ ๖-๓o สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทุกวันพฤหัส-ศุกร์ เวลา ๑๙.๓o น. และ เสาร์-อาทิตย์ เวลา ๑๕.๓o น. (การแสดงเป็นภาษาอังกฤษ และมีบทบรรยาย ภาษาไทย) ณ โรงมหรสพทองหล่อ สุขุมวิท ๕๕


ราคาบัตร บุคคลทั่วไป ๕๕o บาท และ เด็กส่วนสูงไม่เกิน ๑๒o เซ็นติเมตร ๓oo บาท


นอกจากความสนุกสนานจากการแสดงแล้ว ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา ๑๔.oo น. ยังมีการจัดเวิร์คช็อป ให้กับผู้ชมที่สนใจ ได้มีโอกาสร่วมสร้างหุ่นเงาตลอดจนเทคนิคการโชว์หุ่นเงา จากทีมผู้จัดทำการแสดงชุดนี้อีกด้วย (สำหรับเวิร์คช็อป จะเปิดสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมการแสดงเท่านั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้)


วิธีการสำรองบัตร

๑. ทาง //www.showbooking.com/

๒. ทาง โทรศัพท์ o๙๕- ๙๒๔- ๔๕๕๕ (ช่วงเวลา ๑o.๓o น. - ๒๑.oo น. วันจันทร์ - ศุกร์ ) หรือ ส่งข้อความทาง inbox message ของ //www.facebook.com/thonglorartspace แจ้ง ชื่อ เบอร์ติดต่อกลับ และรอบที่ต้องการทำการสำรองบัตร


วิธีการเดินทาง https://www.youtube.com/watch?v=MO4PmDlaYjY


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/messages/295913747233323 หรือ โทร. o๙๕-๙๒๔-๔๕๕๕



ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th














๒ นิทรรศการศิลปะ โดย ๒ ศิลปินอาวุโส
“ศ.เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ และ อ.จรูญ บุญสวน”



ต้อนรับเดือนสิงหาคม ด้วย ๒ นิทรรศการศิลปะ ของ ๒ ศิลปินอาวุโส ศาสตราจารย์เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) และ อาจารย์จรูญ บุญสวน


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป จัดโครงการนิทรรศการเชิดชูเกียรติศิลปินอาวุโสต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินอาวุโสผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าของแผ่นดินให้มีโอกาสเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน






โดยในปีพุทธศักราช ๒๕๕๘ นี้ ได้เรียนเชิญ ศาสตราจารย์เกียรติศักดิ์ ชานนนารถ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ให้จัดนิทรรศการ ชีวิตในงานศิลปะ เพื่อถ่ายทอดแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของศิลปิน ผ่านผลงานกว่า ๔o ชิ้น


ซึ่งนิทรรศการจะจัดแสดงให้ชม ระหว่างวันที่ ๕ - ๓o สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ทุกวันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๙.oo - ๑๖.oo น. ณ ห้องนิทรรศการ ๑ - ๔ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (หอศิลปแห่งชาติ) ถนนเจ้าฟ้า


และจะมีงานงานเปิดนิทรรศการในวันจันทร์ที่ ๑o สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๘.๓o น. โดยมี นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร และนายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ร่วมเป็นประธานเปิดนิทรรศการ






ขึ้นเหนือไปที่ จ.เชียงราย ในเดือนสิงหาคมนี้ ขัวศิลปะ มีคิวจัดแสดงนิทรรศการ สีสันพรรณพฤกษ์ (The Splendour of Nature) ภาพเขียนโดย อาจารย์จรูญ บุญสวน ศิลปินอาวุโสซึ่ง ปัจจุบันพำนักอยู่ที่จังหวัดลำพูน

อาจารย์จรูญ เป็นศิลปินผู้มีความมุ่งมั่น และยึดแนวทางในการเขียนภาพจากสีสันของธรรมชาติ นำเสนอความประทับใจที่ได้รับจากพืชพรรณ ดอกไม้นานาชนิดที่อยู่รอบ ๆ ตัว

และในการจัดแสดงเดี่ยวในครั้งนี้ อาจารย์จรูญจะนำผลงานภาพเขียนขนาดใหญ่ ๘.๕ เมตร มาร่วมแสดงในนิทรรศการด้วย

ระหว่างวันที่ ๗ สิงหาคม - ๑๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ขัวศิลปะ จ.เชียงราย

และมีงานเปิดนิทรรศการ วันศุกร์ที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เวลา ๑๙.oo น. โดยมี อาจารย์ นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นประธาน







ภาพและข้อมูลจาก
manager.co.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 04 สิงหาคม 2558
Last Update : 4 สิงหาคม 2558 21:35:41 น. 0 comments
Counter : 3377 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.