รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2540 หมวดหนึ่ง บททั่วไป มาตรา 3 บัญญัติไว้ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้.....
อำนาจอธิปไตยแบ่งออกเป็น 3 อำนาจ คือ อำนาจนิติบัญญัติผ่านสภาผู้แทนราษฎร อำนาจบริหารผ่านทางคณะรัฐมนตรี และอำนาจตุลาการผ่านทางศาล.... บทบัญญัติในมาตรา 3 นี้ระบุไว้ชัดเจนโดยไม่อาจมีข้อโต้แย้งใดๆ เกี่ยวกับ ที่มา, ผู้ใช้อำนาจและกระบวนการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ซึ่งระบุไว้ในมาตราอื่นๆของรัฐธรรมนูญ...
หากการใช้อำนาจดังกล่าวเป็นไปตามบทบัญัติแห่งรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด ไม่ควรที่จะมีปัญหาใดๆต่อการใช้อำนาจบริหารประเทศ แต่เป็นที่สงสัยกันว่าได้เกิดปรากฎการณ์ โม่งชักใย ซึ่งดูเสมือนการปรากฎตัวของอำนาจที่ 4 จนทำให้การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย การใช้รัฐธรรมนูญ และการบริหารราชการแผ่นดินมีเหตุให้ต้องหยุดชะงัก และเกิดความอึมครึม ในระยะเวลาที่ยาวนาน จนมีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณปี 2550 ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างน่าวิตก หากมีการยุบพรรคการเมือง และไม่มีการเลือกตั้งตามกำหนดภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ประเทศไทย สังคมไทย และประชาชนไทยทุกภาคส่วน จะถูกผลักใสให้เผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆกับวิกฤติทางการเมืองที่รุนแรง.....
แทนที่ประเทศไทยจะมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปสู่ความรุ่งโรจน์ในปี 2548 ภายใต้ยุทธศาสตร์ Modernize Thailand แต่อำนาจนอกระบบและกำลังคนส่วนหนึ่งได้สร้างสิ่งกีดขวางจนต้องหยุดพัฒนาและบริหารประเทศเป็นเวลานับครึ่งปี มิหนำซ้ำเรากำลังเปลี่ยนทิศทางและเส้นทางเดินของประเทศไปสู่ หุบเหว มรณะ ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ลำพังแต่การเคลื่อนไหวของ สนธิ จำลอง พันธมิตร พรรคฝ่ายค้าน สว.บางส่วน กลุ่มอาจารย์และสื่อมวลชน ก็สามารถสร้างอุปสรรคต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลได้มากพอแล้ว แม้ยังล้มรัฐบาลไม่ได้ตามระยะเวลาที่ตนต้องการแต่สามารถก่อให้เกิดภาวะชงักงัน และทำให้รัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ จนต้องกลับไปสู่กระบวนการเลือกตั้งรอบสอง ในเวลาเพียง 7 เดือน...หากสำนึกแห่งประชาธิปไตย สำนึกที่เคารพการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในจิตสำนึกของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจริง สถานการณ์ก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเร็ววัน
แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น...ศาลปกครองพิพากษาให้ชลอการเลือกตั้งวันที่ 28 เมษายน 2549 ตามคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์, การตั้งธงให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยการประโคมข่าวของสื่อมวลชนล่วงหน้าเป็นสัปดาห์, การกดดันให้ กกต.ลาออกโดยกระบวนการพิเศษ ด้วยลีลาพิศดารของฝ่ายตุลาการ, การจัดทำสำนวน ชงเรื่องยุบพรรคไทยรักไทย ภายใต้เหตุการณ์การกักขัง หน่วงเหนี่ยวนางฐัติมา, VCD ไทกร และภาพวงจรปิดกระทรวงกลาโหม นับเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนความผิดปกติ ของการใช้อำนาจพิเศษที่ประสานกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน
คนจำนวนมาก ไม่เชื่อว่าลีลาพิศดารของฝ่ายตุลาการก็ดี การทำสำนวนยุบพรรคไทยรักไทยอย่างเอาการเอางานของอนุกรรมการ กกต.ที่มีนาม ยิ้มแย้มเป็นประธานก็ดี การกดดันให้ กกต.ลาออก ก็ดี การแสดงท่าทีที่ไม่เผาผีระหว่าง กกต.กับคนฝ่ายตุลาการก็ดี เป็นเพราะอิทธิพลของฝ่ายค้านและพันธมิตร ...... แต่คนจำนวนมากเชื่อว่า เป็นฝีมือ โม่งชักใย ซึ่งก็คือการปรากฎตัวของอำนาจที่ 4 ที่สามารถ ล็อบบี้ โน้มน้าวจูงใจ และอาจให้คุณให้โทษต่อบุคลากรฝ่ายตุลาการได้...
มีผู้สงสัยกันไม่น้อย...ถ้าโม่งเปิดผ้าคลุมหน้า โม่งอาจจะชนะไปนานแล้ว และมีเหตุผลอันใด ที่ต้องยอมเอาผ้าคลุมหน้าให้หายใจติดขัดเป็นเวลานาน...
มีผู้อธิบายว่า โดยภาพลักษณ์และภารกิจของบุคคลที่เอาผ้าคลุมหน้า จำเป็นต้องวางตัวให้เป็นที่เคารพ น่ายำเกรงและมีหลักการ ไม่อาจกระทำการใดที่ผิดกติกาของสังคมได้ แต่ภารกิจโค่นล้มรัฐบาลจำต้องเล่นนอกกติกา ต้องไม่มีหลักฐานและทิ้งร่องรอยใดๆ ให้ถูกจับได้ว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว จึงมีความจำเป็นต้องอำพรางตน...เป็นไปได้ว่า ถ้าโม่งเปิดผ้าคลุมหน้า เปิดเผยตัวจริง รัฐบาลอาจล้มครืนไปนานแล้ว...แต่ที่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เป็นเพราะภารกิจล้มรัฐบาล เป็นภารกิจที่แอบกระทำด้วยความปราถนาส่วนตน บริวาร และเครือข่าย มิได้เกี่ยวข้องกับภารกิจในตำแหน่งหน้าที่ และดูเหมือนว่า การแอบ และอิง นอกจะอยู่ในแดนแห่งความคลุมเครือแล้ว ยังทำให้ดูน่าเชื่อ น่าเกรงขามและปลอดภัยมากกว่าการเปิดเผยตัว...
ในเมื่อโม่งอยู่ในสถานะที่ กินดี อยู่ดีและมีความมั่นคงแล้ว เหตุใดโม่งจึงต้องกระทำการเสี่ยงภัยต่อชื่อเสียงของตนเองและ ความสงบ เรียบร้อยของคนในสังคม....
หากคนที่อยู่อย่างอดอยากแล้วมีเหตุให้กินดีอยู่ดี คนๆนั้นย่อมรักษาสถานะเช่นนั้นไว้
ในด้านที่กลับกัน ถ้าคนที่เคยได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการมีรัฐบาลที่อ่อนแอ ไร้เสถียรภาพ แล้วอยู่ๆ เกิดมีรัฐบาลที่เข้มแข็งมีเสถีรภาพเข้ามาบริหารประเทศ จนทำให้สูญเสียสถานะที่ตนเคยมีอำนาจ...ที่นั่ง ที่ยืน และประโยชน์ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจหายไป กำลังคน สมุนบริวารในกองทัพที่เคยสามารถบรรจุได้โดยง่าย กลับทำได้ยากขึ้น บริวารและเครือข่ายที่อยู่ในวงการตำรวจ ฝ่ายปกครอง กระทรวงเศรษฐกิจ ต้องแข่งขัน และเบียดขับกับ คนของฝ่ายการเมือง ยังไม่นับรวมกลุ่มทุนเก่าจำนวนหนึ่ง ที่เข้าถึงแหล่งงบประมาณยากขึ้นทุกที และมีโอกาสริบหรี่ลงทุกวัน เมื่อผนวกเข้ากับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจใหม่ มากกว่าเศรษฐกิจเก่า(ที่ครอบครองโดยทุนเก่า).. ย่อมทำให้อำนาจของโม่ง บริวาร และเครือข่าย รู้สึกถึงความสูญเสีย.... การร้องทุกข์ ระบายความอึดอัด ใส่ไคล้ ให้ร้าย ยุแหย่ ให้เกิดความหมางเมิน เกลียดชัง ต่อรัฐบาลในหมู่บริวารและเครือข่าย ได้กระทำกันทุกที่ ทุกเวลา นับเป็นสภาพแวดล้อมที่เสริมแรงให้การโค่นล้มรัฐบาลนายกทักษิณกลายเป็นภารกิจเร่งด่วน...
โม่งมิได้มีอำนาจและบารมี ดังที่กล่าวขาน แต่โม่งมีบริวารและเครือข่ายที่แฝงอยู่ในองคาพยพของระบบราชการ ภาคธุรกิจและองค์กรอื่นๆ กล่าวโดยอุปมาอุปไมยแล้ว โม่งเป็นเพียงดาวเคราะห์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง แต่โม่ง สามารถปรับวิถีโคจร และวางตำแหน่งของตนให้ทำมุมรับแสงสว่างจากดาวฤกษ์ได้ จนดูประหนึ่งมีแสงสกาวสุกใสอยู่ตลอดเวลา คนส่วนใหญ่จะไม่ทราบถึงวันเวลาที่โม่งอยู่นอกวงโคจรและอยู่ในมุมที่อับแสง...
เป้าหมายขั้นสูงคือ การมีนายกรัฐมนตรีในโอวาท มีคณะรัฐมนตรีในสังกัดถือเป็นการได้กลับคืนสู่อำนาจ ณ จุดเดิม เป้าหมายรองลงมาคือการมีการเมืองที่อ่อนแอไร้เสถียรภาพ ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สามารถเข้าไปควบคุมและบังคับทิศทางของรัฐบาลได้ และเป้าหมายขั้นต่ำสุดคือการเข้าวางกำลัง วางคน ในองคาพยพของระบบราชการตามที่ตนปรารถนา และการทำให้ภาคธุรกิจในเครือข่ายเข้าถึงแหล่งงบประมาณโดยง่าย.....
จึงเห็นได้ว่าเป้าหมายแต่ละขั้นของโม่ง ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ซึ่งโม่ง ไม่มีเอี่ยว หรือเกี่ยวข้องตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญเลย ปรากฎการณ์ โม่งชักใย จึงเป็นการปรากฎตัวของอำนาจที่ 4 โดยแท้.....
แล้วประชาชนไทย จะยินยอมให้มีอำนาจที่ 4 ซึ่งอยู่นอกเหนือบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ปวงชนชาวไทยซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยจะอนุญาตให้อำนาจที่ 4 มาแอบอิงการใช้อำนาจอธิปไตยด้วยกระบวนการล็อบบี้และโน้มน้าวจูงใจหรือไม่
หากข้อเรียกร้องของเหล่าพันธมิตรเป็นผล การยุบพรรคการเมืองเป็นผล และไม่มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อำนาจที่ 4 ที่กล่าวถึงก็สามารถเข้าควบคุมอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยได้อย่างแยบยล แล้วสังคมไทยก็จะก้าวถอยหลังเข้าคลองอย่างไม่ทางหลีกเลี่ยง....
Create Date : 07 กรกฎาคม 2549 |
Last Update : 7 กรกฎาคม 2549 13:52:06 น. |
|
1 comments
|
Counter : 855 Pageviews. |
|
|