เที่ยวบินของเราวันนี้ .... CX581 นิวชิโตเซะ-ฮ่องกง
ตามเวลาเดินทางคือ ออก16.00 ถึงฮ่องกง 20.55
เครื่องออกตรงเวลา 16.00
อาการป่วยของเรากับเฮียดีขึ้นมาก ไม่มีไข้กันแล้ว
แต่เรามีอาการหูอื้อมาก ยิ่งตอนเครื่องขึ้นลง ปวดหูสุดๆ
ปรกติไม่เคยมีอาหารอย่างนี้เลย
เครื่องออกได้สักพัก ก็เริ่มเสริฟของว่างและเครื่องดื่ม
เราเลือกน้ำผลไม้ เฮียเลือกไวน์แดง
ส่วนขนมว่างนั้น ไม่ได้มีความอร่อยเลย
เราเลยควักถั่วออกมา
ถั่วนี้เฮียซื้อจากเซนได เฮียว่าอร่อยดี แต่แอบแพง
กินไป ดูหนังไปเพลิน
เริ่มเสริฟอาหาร
เราเลือกจานหลักไม่เหมือนกัน จะได้มาแชร์กัน
จานหลักแรกคือ ... แกงกระหรี่กุ้ง เสริฟกับข้าวสวย
อร่อยดีแบบสไตล์ญี่ปุ่น
จานหลักที่ 2 อร่อยเช่นกัน คือ
.... พาสต้าซอสครีมกับเบคอนกรอบ ....
จานเคียงเป็นสลัดเป็ดแบบเย็น
ของหวานเป็นไอศครีม แสนอร่อย
กินไปดูซีรีย์ญี่ปุ่นไปด้วยเพลินๆ ... ดูเรื่อง summer nood
หลังจากอิ่มอาหารเย็นกันแล้วก็มีเวลาอีกเกือบ 4 ชม.
เครื่องปิดไฟให้ผู้โดยสารพักผ่อน
เฮียนอนเกือบตลอดทาง
เราหลับนิดหน่อย สลับกับดูซีรีย์ไต้หวัน
ช่วงเวลาที่เครื่องปิดไฟ ก็ไม่มีการเสริฟน้ำอีกเลย
แบบว่าผิดหวังกับการบริการมากๆ
ปรกติบินการบินไทย น้องแอร์เสริฟน้ำตลอดไฟล์เลย
นี่ชะเง้อมองแอร์ ไม่มีใครเลย ทนหิวน้ำตลอดทาง
ดีที่แอบเก็บน้ำกระปุกเล็กจากถาดอาหารไว้ กินแก้กระหายได้นิดนึง
พอใกล้ถึงฮ่องกง ก็มีประกาศที่หน้าจอเป็นระยะ
เรื่องการต่อเครื่องไปกรุงเทพ
เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ตั๋วก็หยิบเตรียมไว้เลย
เมื่อเครื่องจอดพยายามลงเครื่องให้เร็ว
เพราะเรามีเวลาต่อเครื่องแค่ 1 ชม.เท่านั้น
เมื่อออกจากเครื่องก็รีบเดินไปตามป้าย transfer
ผ่านด่านตม. ตรวจร่างกายและสิ่งของอีกรอบ
ตรงนี้ต้องระวังอย่าซื้อของเหลวขึ้นเครื่องมาจากญี่ปุ่น
เพราะหากผ่านตม.ตรงนี้ต้องทิ้งสถานเดียว
หากเกินเกณฑ์กำหนด
ใช้เวลาผ่านด่านตม.ไม่นานนัก
แต่ก็เหลือเวลาไม่มากนัก ก็ต้องรีบเดินไป gate ที่1
ซึ่งหลังจากเดินจนถึงแล้ว ถึงได้รู้ว่ามันไกลมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรียกว่าจากสุดอาคารด้านนึง ไปสุดอาคารอีกด้านนึงเลยทีเดียว
เดินมาถึง gate ยังเหลือเวลานิดหน่อย
เที่ยวบินของเราคือ CX709 ฮ่องกง-สุวรรณภูมิ
เวลาออกคือ 22.00 ถึงสุวรรณภูมิ 00.05
สรุปเครื่องดีเลย์ประมาณ 1 ชม.กว่า
มีเวลาเหลือเดินเล่นแถวๆนั้น
เวลาประมาณ 5 ทุ่ม
เจ้าหน้าที่เรียกขึ้นเครื่อง เราก็เข้าเครื่องตามปรกติ
แต่เจ้าหน้าที่เปลี่ยนตั๋วให้เรา up เป็น business class
ได้ที่นั่งแล้ว สะดวกสบายดี
พอได้ที่นั่งปุ๊ป
ก็เสริฟเครื่องดื่มเลยทันที
เครื่องดื่มอันนี้อร่อยดี
เป็นเมนูม๊อคเทลพิเศษของสายการบิน
น้องแอร์นำเมนูอาหารของ business class มาให้
เราสามารถเลือกได้ตามชอบ
สักพักเครื่องก็หรี่ไฟ เพื่อเตรียม take off
อาการป่วยของเราเริ่มมีไข้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย หูอื้อมาขึ้นกว่าเดิม
เครียหูด้วยการเป่าลมออกหูไม่ได้เลย น้องแอร์คอยดูแลเราดีมากๆ
เราย้ายที่นั่งมาริมหน้าต่างชั่วคราว
เพราะตอนเครื่องขึ้นเราชอบดูวิวข้างนอกเครื่อง
เครื่องขึ้นประมาณ 5 ทุ่มเกือบครึ่ง
กลับมานั่งที่เดิมเพื่อทานอาหาร
แอร์เริ่มเสริฟออเดิฟ และ ขนมปังให้เราก่อน
ตอนแรกเราเลือก butter roll ธรรมดา
แต่น้องแอร์แนะนำขนมปังกระเทียม แบบเชียร์สุดใจ ก็เลยรับมาด้วย
สรุปอร่อยจริง เราขอเพิ่มภายหลังด้วยละ
เครื่องดื่มเราเลือก ชานมร้อนแบบฮ่องกง (อร่อยมากๆ)
เราชอบเนยด้วยนะ อร่อยดี
จานเคียงเป็นพาม่าแฮมเย็น กับแคนตาลูป
สดอร่อยดี แต่แอบเค็ม
เราเลือกเมนูจานหลักไม่เหมือนกันเช่นเดิม
เพื่อจะได้แชร์กัน
จานของเราคือ
...
Steamed black cod, preserved mustard green, choy sum, carrot and steamed jasmine rice ...
หรือเรียกว่า ปลาหิมะปรุงแบบฮ่องกง เสริฟกับข้าวหอมมะลิ
จานนี้เนื้อปลาคือดีมาก สด หวาน ไม่คาว
แต่แอบเลี่ยนเล็กน้อย
ย้ายมาฝั่งของเฮียบ้าง
เฮียก็เริ่มทานออเดิฟกับขนมปังก่อนเช่นกัน
จานหลักของเฮียคือ
... Thai green chicken curry, kailan and steamed jasmine rice ...
หรือ แกงเขียวหวานไก่ เสริฟกับข้าวหอมมะลิ
เมนูนี้คือดีมากๆๆๆๆๆ รสเผ็ดแบบคนไทยกินเลยละ
กินแล้วหายเลี่ยนจากจานปลา แถมหายคืดถึงอาหารไทยเลย
น้องแอร์มาเพิ่มขนมปังกระเทียมให้
แบบนำเสนอสุดๆ อร่อยจริง
ส่วนเราขอชาร้อนแบบฮ่องกงเพิ่ม อันนี้อร่อยเช่นกัน
ไอติม รสชาติไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไร
แต่เราก็อิ่มแล้ว ก็เลยไม่อยากเปลี่ยนรสที่ชอบ
แต่ยังคงขอชานมฮ่องกงเพิ่มอีก
เฮียชอบเครื่องดื่มม๊อคเทลสีแดง ขอเพิ่มอีกแก้ว
น้องแอร์อาสาถ่ายรปคู่่ให้เรา
ก็เลยได้รูปนี้มา (ไฟแอบตกหน้านิดนึง 555)
มีเวลาเหลือประมาณ 1 ชม.
เราเตรียมตัวนอนพักผ่อนกันละ
นอนละจ้า หลับสนิทกันเลย
เพราะเหนื่อยจากการเดินทางกันมา
ที่นอนสบายดี
เวลาตี 1 กว่าก็ตื่นเพื่อเตรียมตัวลงจอดละ
นอนสบายมากๆ
ลงเครื่องมา ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง
เจอนักท่องเที่ยวจีนเยอะมากๆๆๆ
เยอะจนนึกว่าประเทศจีน ^^
รับกระเป๋า
แวะรับของที่ฝากๆไว้เมื่อ 10 วันก่อน
ที่เราซื้อไว้จาก King Power
ออกมาหา taxi
ถึงบ้านน่าจะเกือบตี 3
กระเป๋าทั้งหมดที่แบกกลับมาจากญี่ปุ่น
กลับถึงบ้านก็เข้านอนพักผ่อนกันเลย ยังไม่จัดการของอะไน
เช้าวันพฤหัสที่ 10 มกราคม 2019เริ่มรื้อกระเป๋า โดยมีแมวให้กำลังใจตลอดเวลา
หลังจากนอนพักผ่อนเต็มอิ่มทั้งคืนแล้ว
ไข้ก็แทบไม่มีละ แต่อาการหูอื้อยังคงอยู่และดูจะเพิ่มขึ้น
จึงตัดสินใจไปพบหมอที่โรงพยาบาล
หมอสรุปว่า ... เป็นอาการเริ่มแรกของ ...
ไซนัสได้ยามาเยอะเลย ทั้งหมดส่งเบิกประกัน sompo
(เป็นประกันการเดินทางที่ซื้อสำหรับ trip ญี่ปุ่น)
แวะกินข้าวที่โรงพยาบาล
...
ข้าวผัดกุ้งต้มยำ ... อร่อยมาก กินแล้วหูโล่งกันเลยทีเดียว
ปรกติเราไม่กินเผ็ดนะ แต่โหยอาหารแซ่บหลังจากกลับจากญี่ปุ่น
เจอจานนี้เข้าไป ฟินเลย
กลับมาบ้าน ก็จัดการกับกระเป๋าต่อ
นี่คือของที่ซื้อมา trip นี้
ร่ม .... ซื้อมาเยอะเลย เพราะร่มญี่ปุ่นคือเบาและดีมาก
กาแฟ maxim ก็เอากลับมาพอกินเป็นปีละ
ซื้อที่โน้นประมาณ 150 บาท แต่ซื้อที่ไทยประมาณ 350 บาท
เครื่องสำอางค์ บางส่วสนเฮียซื้อมาฝากน้องๆที่ office
บางส่วนก็มาฝากญาติๆ และก็ตัวเอง
ตุ๊กตุ่นของเฮีย
หม้อที่เราภูมิใจมาก หอบหิ้วกลับมาจากญี่ปุ่น
ใบซ้ายซื้อจาก sendai 150 yen (... บาท)
ใบขวาซื้อจากชินจุกุ 300 yen (...บาท)
ตุ๊กตาฝากแมวราคา ... yen (...บาท)
รองเท้า asics ของเฮีย ซื้อจากซัปโปโร
ราคา .... yen ( ... บาท)
ของที่ซื้อจาก King Power
สรุปภาพรวมของ trip นี้รวม 11 วัน วันเดินทาง : 30 DEC 2018 - 9 JAN 2019เป็น trip ญี่ปุ่นครั้งที่ 5 ของเรา
ท่องเที่ยวโซนฮอกไกโดเป็นหลัก แต่เริ่มต้นที่โตเกียวและเซนได
รวมแล้วสนุกดี แต่เราป่วยกันเกือบทั้ง trip เลย
โดยเฉพาะในวันที่อยู่เมือง Noboribetsu
วันนั้นเราทั้ง 2 คนป่วยไข้ขึ้นสูง เมืองโนโบริเบทสึ ... หิมะก็ตกหนัก
ทำให้เราไม่ได้เดินเที่ยวเมืองยามค่ำ แอบเสียดายมากๆ
รวมถึงการแช่ออนเซนก็ไม่กล้าแช่นานนัก
ทั้งๆที่โรงแรมที่จองแพงมาก เพราะออนเซนสวย
trip นี้เราประทับใจเมือง Hakodate ที่สุด
เราว่า่เมืองนี้มีเสน่ห์มากๆ ชิลล์ๆบอกไม่ถูก
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 11 วันคือ 136,276 บาท เฉลี่ย 68,138 บาท / คน (ไม่รวมของจาก king power )
คิดเป็นค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง1. ตั๋วเครื่องบิน .............. 21,000 บาท / คน (ได้ business class 1 เที่ยวบิน)2. Jr pass .................. 7400 บาท / คน 3. เช่า wifi 9 วัน ............. 900 บาท 4. ค่าของจิปาถะ ............. 1000 บาท5. ประกันการเดินทาง ....... 1000 บาท / คน
6. แร็ปกระเป๋า ................. 200 บาท
7. taxi ไปสุวรรณภูมิ ......... 380 บาท
8. taxi กลับบ้าน .............. 450 บาทรวม 61,730 บาท ค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น 303,240 yen (
เป็นเงินไทย 88,546 บาท )
แยกเป็นแบบชัดเจนคือ ค่าที่พักจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด
ค่าที่พักเซนได 3 คืน .................. 20,286 yen
( คิดเป็นเงินไทย 5,923 บาท )
ค่าที่พักฮาโกดาเตะ 2 คืน ............ 30,220 yen
( คิดเป็นเงินไทย 8,824 บาท )
ค่าที่พักโนโบริเบทสึ 1 คืน ........... 32,400 yen
( คิดเป็นเงินไทย 9,460 บาท )
ค่าที่พักโอตารุ 1 คืน ................... 10,230 yen ( คิดเป็นเงินไทย 2,987 บาท )
ค่าที่พักซัปโปโร 2 คืน ................. 23,190 yen ( คิดเป็นเงินไทย 6,771 บาท )
รวม 116,326 yen (
คิดเป็นเงินไทย 33,965 บาท )
แยกเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ค่ารถ taxi ตลอดทริป / รถไฟใต้ดินต่างๆ / ค่ากระเช้าขึ้นเขาฮาโกดาเตะ
- ค่าอาหารมื้อหลัก (แบบนั่งทานที่ร้าน) 10 มื้อ
- ค่าอาหารจากร้านสะดวกซื้อต่างๆ / ขนมต่างๆ
- ของซื้อกลับบ้าน /
- แว่นตา jin 2 อัน ( 9500 yen = 2774 บาท)
- รองเท้า asics / ของเล่นเฮีย / ของฝากบ้านเฮีย / ของฝากoffice (รวม 14,000 ++ บาท)
รวม 186,914 yen (
คิดเป็นเงินไทย 54,579 บาท )
เรื่องเงินแลกเงินเยนไป 540,000 yen เหลือกลับมา 236,760 yen ......
เท่ากับใช้ไป 303,240 yen ( คิดเป็นเงินไทย 88,546 บาท )
แลกเงินฮ่องกงไป 1,400 HK เหลือกลับมา 1,210 HK ......
เท่ากับใช้ไป 190 HK ( คิดเป็นเงินไทย 760 บาท)
จริงมีเศษเงินฮ่องกงเหลือจากรอบที่แล้วด้วย เพราะเรากินติมซำไป 226 HK