YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
วันนั้น...กลับไปนึกถึง

รายงานไม่เสร็จ แต่มีอารมณ์อยากจะเล่า
Tag ที่รับมาจากพี่เลเต ขอติดไว้ก่อนนะคะ
ตอนนี้แบบว่า...อารมณ์อยากจะเล่าเหลือเกิน
ยาวแน่ๆเลยล่ะ ขี้เกียจอ่านไม่ว่า เพราะฉันแค่อยากเขียน



เกือบ 2 ปีแล้วสินะ ที่ฉันตัดสินใจ “กลับบ้าน”
ช่วงปีใหม่คือช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ ชั่งน้ำหนัก
3 สัปดาห์แรกของเดือนมกราคม คือ เวลาแห่งการ “เก็บของ”
วันหยุดยาวตรุษจีนที่ฉันกลับมาและ...ไม่กลับไปอีกเลย
และฉันรู้ว่า...คุณครูแต่ละท่านคงไม่พอใจมากมาย

สัปดาห์สุดท้ายของชีวิตที่ฮ่องกง ฉันแอบใจหายเงียบๆ
มองดูโรงเรียนที่เพิ่งจะอยู่มาได้แค่เทอมเดียว
มองหน้าคุณครูทุกท่านในชั้นเรียนที่ฉันเข้าเรียน
ดูหน้าเพื่อนๆที่แม้จะต่างสัญชาติแต่ก็...เชื้อเดียวกัน
ขอบใจพวกเธอที่ทำให้ฉันรู้ว่า...การโดนรังเกียจ มันเป็นอย่างไร

เวลานั้นฉันไม่ได้คิดหรอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือเปล่า
ระหว่างการเรียนต่อใน full-time ballet school ที่ฉันใฝ่ฝัน
กับการกลับมาเรียนต่อในสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในมหาวิทยาลัยที่ใครๆก็ใฝ่ฝัน...จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตอนนั้นฉันรู้เพียงแต่ว่า...ไม่ว่าการตัดสินใจอะไรก็ตาม
มันก็นำมาซึ่งความเสียใจ และเสียดายในวันข้างหน้าอยู่ดี

ชีวิตที่ฮ่องกงก็ไม่เลว จะว่าไปฉันมีความสุขกับการเรียนมากๆ
ตื่นมา 9 โมงเช้าก็เรียนบัลเล่ต์ 3 ชั่วโมง
บางวันก็เรียน dance education ...เรียนรู้วิธีการสอน
เสียดายที่มันเป็นภาษากวางตุ้งที่ฉันไม่ค่อยกระดิก
ดีที่มีเพื่อนชาวออสเตรเลียที่เกิดที่ฮ่องกงมานั่งแปลให้ฟัง
Thanks. Corinna…I miss you la.

บางวันก็เรียน anatomy อาจารย์สอนเป็นภาษาอังกฤษ
เพราะว่าในชั้นเรียนฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องกันหมด
มีเพื่อนชาวสิงคโปร์มาเรียนด้วย 2 คน ก็เรียนกัน 5 คนเอง
แล้วก็จำได้ว่าวันศุกร์ เราจะเรียน body condition กัน
จัดปรับร่างกายใน posture ต่างๆ โดยมีอุปกรณ์ช่วยมากมาย
คล้ายๆ pilates ที่กำลังเริ่มแพร่เข้ามาในประเทศไทย

ส่วนตอนบ่ายเรามีเรียน labanotation...การอ่านโน้ต
คล้ายๆดนตรี มีบรรทัด 5 เส้น ตัวโน้ต ตัวหยุด สนุกดี
ฉันเข้าเรียน contemporary dance ด้วย เป็นวิชาเลือก
แล้วก็เรียนวิชา choreography กับ Mr.John ชาวออสซี่
อ้อ...ฉันต้องเรียนโซโล่จากบัลเล่ต์เรื่องต่างๆด้วย
Miss Stella เป็นคนสอน เธอเป็นคนน่ารักมากๆ
เต้นสวย ยิ้มสวย ใจดี ฉันคิดถึงเธอที่สุดแล้วในตอนนี้

แต่ละวันฉันเลิกเรียนประมาณ 5 โมง
แต่ฉันจะอยู่ที่โรงเรียนจนถึงเกือบเที่ยงคืน ประตูปิดโน่นแหละ
ทำอะไรน่ะเหรอ...ก่อน 3 ทุ่ม ฉันจะอยู่ที่ห้องสมุด
ให้ตายเถอะ มันเป็นห้องสมุดในฝันของฉันจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ดนตรี การเต้น วรรณคดีต่างๆ
ฉันสนใจทั้งนั้น แถมยังมีเพลงให้ฟัง มีหนังให้ดูด้วย
ก็มันคือ Hong Kong Academy of Performing Art นี่นา

หลังจาก 3 ทุ่ม ห้องสมุดปิดแล้ว ฉันก็ไปอาบน้ำในห้อง locker
เพราะคนอื่นจะอาบกันตั้งแต่เลิกเรียน แล้วก็กลับบ้านกันไปหมดแล้ว
ฉันไม่ชอบอาบน้ำที่อพาร์ทเมนต์ เพราะผู้ชายอยู่เยอะ แล้วก็ไม่สะอาด
แต่มันดีตรงที่มันอยู่เดินจากโรงเรียนไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น
กลางคืนไม่มีรถแล้ว ก็เลยไม่มีฝุ่น ฉันก็เข้าบ้านแล้วขึ้นเตียงนอนได้เลย

อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาหมกที่ computer laboratory
ทำรายงานบ้าง....มีเหมือนกันแหละ แต่ว่าไม่หนักหนาเท่าตอนนี้
มันเป็นวิชาบังคับคือ civilization ก็สนุกดี ไม่เครียดเลย
ตอนนั้นยังไม่เล่น bloggang ไม่งั้นคงนั่ง up blog ทั้งคืน
ก็ได้เขียนกลอนใน Thaipoem มั่ง font ภาษาไทยก็ไม่มี
ก็เลย search หาพยัญชนะ-สระ แล้วก็ copy paste เอาทีละตัว
บางวันก็เขียนไดอารี่ใน bangkokcity มั่ง
กลับไปอ่านตอนนี้ ยังมองเห็นภาพวันเวลาเหล่านั้นได้ชัดเจนเหลือเกิน

อะไรๆควรจะเป็นไปด้วยดี ชีวิตฉันควรจะไปได้สวย
ฉันหัวใจพองฟูทุกครั้งที่ได้ยินคุณครูทั้งหลาย
ทั้งMiss Tang, Mr. Gramme, และ Miss Stella
บอกกับฉันว่า ...You’ve got improved quite a lot.
You’ve been working so hard.
I know you’ll be one of the best here soon.
ใช่ ทุกคนรักฉัน และดีกับฉันมากมาย กำลังใจฉันเต็มเปี่ยม
แต่...ทำไมฉันถึง “หนี” กลับบ้านล่ะ

ตอนเด็กๆยายชอบบอกว่า
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก... คราวนี้ฉันรู้ซึ้งเลย
ฮ่องกงนั้นคับแคบมาก ห้องเช่าเล็กๆที่ฉันอยู่กับลุงนั้นแพงมาก
บ้านลุงอยู่นอกเมือง แต่ลุงทำงานในเมือง ก็เลยต้องหาที่พักในเมือง
และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เด็กสาวคนนึงต้องนอนห้องเดียวกับลุง ><
ตอนป้าที่เมืองไทยรู้ ป้าแอบขมวดคิ้วนิดนึง แต่ก็นะ...ไม่มีทางเลือก

ส่วนเรื่องคับใจเนี่ย...ฉันไม่ชอบการถูกใครเกลียด
ในห้องเรียนมีเพื่อนคนนึง อ้วนๆนิดหน่อย แต่เธอก็เต้นดี และขยันมาก
ฉันแอบชื่นชมเธอนะ ฉันชอบความพยายามในแววตาของเธอ
เธอสดใสน่ารักกับทุกคน...แต่แน่นอน ยกเว้นฉันเอง
ฉันเองก็ค่อยๆสังเกต และรับรู้ความเกลียดชังนี้มากขึ้นทีละน้อย
แต่ก็ยังนึกไม่ออกสักทีว่า ตัวเองไปทำอะไรเขาหรือเปล่าเนี่ย
ลองถามเพื่อนๆคนอื่นๆ เขาก็มีบอกๆบ้างว่า สงสัยเพราะ.....อะไรว่าไป
ก็ทั้งหมดนั้น มันคือสิ่งที่ฉันไม่ได้ตั้งใจทั้งนั้นเลย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เช่น ดันไปยืนบังกระจกเขาในชั้นเรียนมั่งล่ะ
ซึ่งก็ครูนั่นแหละ เรียกฉันไปยืนตรงนั้น
ไม่ก็เรื่องเข้าห้องน้ำใน locker ที่ต้องต่อคิวกัน
ฉันฟังไม่รู้เรื่องว่าเขาจะเข้า ก็เลยไปแซงหน้าเขาเฉยเลย
หลังๆหน้าตาฉันคงไม่มีความสุข เพราะครูถามว่าช่วงนี้ฉันเป็นอะไร
มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ฉันเรียกร้องความสนใจเสียนี่

การอยู่โดยไม่มีเพื่อนนี่มันทรมานใจมากๆเลย
เขาเรียนมาด้วยกันแล้ว 3 ปี แล้วฉันเข้าไปแทรกกลางเขา
แถมยังทำเรื่องให้เขาไม่ชอบหน้าขึ้นมาอีก
ฉันร้องไห้ได้เกือบทุกวัน แต่ก็พร่ำบอกตัวเองว่าต้องอดทนๆๆๆ
ถามตัวเองทุกวันว่า..ความฝันของฉันคืออะไร
แต่แล้วก็ถามตัวเองกลับอีกทีว่า..
แล้วที่กรุงเทพฯ มันไม่มีพื้นที่ให้ฉันตามฝันหรืออย่างไร

เรื่องเลวร้ายมากขึ้นเมื่อจะมีการแสดงเกิดขึ้น
เขาซ้อมกันมาตั้งแต่ก่อนหน้าที่ฉันจะไปแล้ว
ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือโชคดี ฉันได้แสดงด้วย
การแสดงมีทั้งหมด 4 รอบ ฉันได้เต้น 2 รอบ
โดยที่ฉันจะไปยืนในตำแหน่งของเพื่อนคนหนึ่ง
ที่จะต้องถูกลดจากที่ได้เต้น 4 รอบ เหลือ 2 รอบ
คุณเดาได้ใช่มั้ยว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร
ใช่แล้ว ก็คือคนที่เค้าเกลียดฉันอยู่แล้วนี่แหละ
ฉันจำบรรยากาศวันที่ครูบอกกับฉันได้ว่าจะให้ฉันเต้นด้วย
ฉันจำหน้าของเพื่อนคนนั้นได้
จำสีหน้าและแววตาของเธอ รวมทั้งน้ำตาของเธอที่รื้นขึ้นมาด้วย

นับจากเวลานั้นเป็นต้นมา ฉันอยู่ด้วยความอึดอัดใจ
การอยู่ท่ามกลางวงล้อมที่ฉันรู้ว่ามีคนด่าฉันอยู่แต่ฉันฟังไม่รู้เรื่อง
เพราะฉันได้แค่ฟังพอออกเท่านั้น เลยไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเค้าด่าอะไร ด่าทำไม
มันทำให้ฉันแทบบ้า ฉันเลยยิ่งเลี่ยงที่จะอยู่กับเพื่อนๆ
ซึ่งมันก็คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเค้าเกลียดขี้หน้าฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

การแสดงนั้นจบลงไป การแสดงใหม่เริ่มขึ้น
เหมือนเคราะห์ร้าย ไม่ก็ครูแกล้ง
ฉันได้รับบทที่ “ดูดี” กว่าเธอคนนั้น ที่กลายเป็นตัวสำรองไปอีกครั้ง
มีอยู่ตอนนึงที่เราต้องจับมือกัน แต่เธอไม่ยอม และแอบอยู่หลังม่าน
เธอบอกเพื่อนๆของเธอว่า เธอจะไม่เต้น ถ้าฉันอยู่กับกลุ่มนี้ด้วย
แน่นอน choreographer ฟังไม่รู้เรื่อง ครูไม่ได้ยิน
แต่ฉันได้ยินเต็มสองรูหู แถมฟังรู้เรื่องอีก และนั่นทำให้ฉันตัดสินใจ
มันใจร้ายเกินไปแล้ว และฉันก็เชื่อมั่นว่าอยู่เมืองไทยฉันก็เก่งได้
จะว่าไป มันก็เริ่มจากการพูดเล่นๆกับพ่อ แต่พ่อดันคิดจริงๆ
แล้วฉันก็เริ่มคิดจริงๆขึ้นมามั่งแล้วว่า ฉันจะกลับบ้าน
แก้ตัวกับตัวเองว่า ไม่ใช่ฉันไม่มีความอดทน
แต่ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องอดทนกับอะไรงี่เง่าอย่างนี้ต่างหาก

แต่ฉันก็จำได้ว่า…ไม่ว่าใจจะเจ็บสักเท่าไหร่
ตอนคริสต์มาสฉันก็ยังเอา chocolate พร้อม card ไปให้เพื่อนคนนี้
อย่างน้อย ฉันก็สบายใจที่ได้ทำเช่นนั้น

วันนี้ตอนกลางวันฉันหลับบนโซฟา แล้วก็ฝันถึงโรงเรียนแห่งนี้
ฉันเล่าให้รุ่นพี่ที่โรงเรียนเต้นของฉันฟัง
เขาบอกว่า..เธอกำลังอยากจะมาเต้นทุกวันล่ะสิ
ใช่สินะ ฉันห่างหายไปเยอะเลย
อยากกลับไปเต้นจริงๆจังๆแบบนั้น มีชีวิตแบบที่ฮ่องกง
ฉันเสาะหา และดิ้นรนอยากจะไปเอง แต่ฉันก็ซมซานกลับมา
อย่าง “ไร้ความอดทน” แบบน่าละอายที่สุดด้วย

ตอนนั้น กลับมาถึงกรุงเทพฯก็มานั่งลุ้นผลต่อว่า
วิดีโอที่ถ่ายไว้ตอนช่วงปีใหม่ส่งไปออดิชั่นจะเป็นอย่างไร
ดีใจแทบตายตอนรู้ว่า London Studio Center รับเรา
เข้าไปเรียนการแสดงสาขา Musical Theatre ที่ฉันหลงใหล
แต่แล้ว...ก็ไม่ได้ไปอีก
ฉันกลับไปอ่านสมุดบันทึกที่เขียนในช่วงนั้น
ได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็สมเพชตัวเอง

แล้วต่อจากนี้ล่ะ ฉันจะเป็นอย่างไร
พยายามจะเติมแรงบันดาลใจให้ตัวเองอยู่เสมอ
แต่เชื้อของไฟฝันมันมอดไปแล้ว
ถามว่าอยากกลับไปฮ่องกงไหม...
มันคงน่าอายที่จะบอกว่า...ก็อยากนะ
เสียดายที่สละสิทธิ์โรงเรียนที่ London ไหม...ก็มากมาย
นี่ไง ฉันเอาแต่แก้ตัวแล้วเริ่มใหม่ จับจดอยู่อย่างนี้
ฉันไล่ตามความฝัน เหมือนไล่ล่าเงาตัวเอง
...ครั้งแล้วครั้งเล่า...
...วนเวียนอยู่ที่เก่า...
...ถนน...จุดหมาย...ไร้ปลายทาง...

ฉันคว้าเงา เพื่อให้ฉันรู้ว่าฉันมีตัวตน
ฉันก็เลยยังคงเต้นอยู่...
เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่า เท่านั้นเอง





Create Date : 28 มกราคม 2550
Last Update : 14 มกราคม 2551 9:32:30 น. 9 comments
Counter : 693 Pageviews.

 
Come as you are....
The Queen of the Floor...


โดย: Nuke Skywalker IP: 124.121.1.195 วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:2:49:31 น.  

 

Myspace BackgroundsMyspace LayoutsMyspace Codes, Myspace GraphicsMyspace LayoutsMyspace BackgroundsMyspace CodesMyspace BackgroundsMyspace LayoutsGlitter GraphicsMyspace Text Generator, Myspace GraphicsMyspace LayoutsMyspace Codes, Myspace Graphics

Myspace Layouts

สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมเยียน ค่ะ

(@^_^@)

จุ๊ฟๆๆๆ



โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:3:01:02 น.  

 
อรุ่ณสวัสดิ์คะ แวะมาทักทายคะ สบายดีนะคะ


โดย: แสงไร้เงา(ล็อกอินไม่ได้) IP: 71.56.138.69 วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:7:14:54 น.  

 
อืม...อ่านจนจบล่ะนะ
จากตอนแรกที่เห็น ... ทำไมมันยาวอย่างนี้ฟร่ะ
แต่พออ่านไป อ่านไป น่าอ่านไปเรื่อยๆ อ่านจนจบเลย

ปล.อย่างลืมไล่ตามความฝัน(อีกครั้ง) นะค่ะ


โดย: fonrin วันที่: 28 มกราคม 2550 เวลา:8:17:26 น.  

 
พูดยากนะครับเรื่องความฝัน บางทีดูเหมือนสัมผัสมันได้ แต่บางทีกลับไม่

ชีวิตบางครั้งที่ต้องผ่านบททดสอบอาจทำให้เรากระด้างขึ้นได้พอๆกับแกร่งขึ้น

และไม่มีใครรู้หรอกว่า เมื่อกรีดเลือดเซ่นสังเวยความฝันไปแล้ว จะได้คืนสมปารถนาหรือเปล่า อาจเหลือเพียงรอยแผลเจ็บปวด แต่ทุกสิ่งย่อมมีอะไรๆแลกคืนมา

พูดยากเนอะครับได้เพียง พบเห็นและรับรู้ จะเอื้อนอันใดได้เล่า

ผมคงพูดได้เพียง "นี่เป็นเรื่องเล่าที่ดีครับ"


โดย: อุปกรณ์ประกอบฉาก IP: 125.27.118.94 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:0:18:36 น.  

 
dont give up so soon la...
ngo dol gua chu apa..

(got that?? :-))


โดย: KS IP: 212.219.118.170 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:2:08:41 น.  

 
อืมมม......


โดย: หนูเนตร IP: 58.136.50.108 วันที่: 29 มกราคม 2550 เวลา:21:42:29 น.  

 
ถ่ายทอดได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ ชอบจังเลยน้องเสี้ยว


โดย: ปรายปราง วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:8:50:41 น.  

 



อรุ่ณสวัสดิ์คะ แวะมาทักทาย สบายดีนะคะ
ขอให้มีความสุขในวันกับวันทำงานนะคะ


ขอบคุณคะ






โดย: แสงไร้เงา วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:7:23:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.