การช่วยเด็กหัวช้าหาแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เด็กแต่ละคนก็เรียนรู้ได้ช้าเร็วและมีความถนัดในแต่ละด้านต่างกัน เด็กบางคนอ่านหนังสือได้ดี ในขณะที่บางคนอาจถนัดคิดเลข ซึ่งไม่ได้บ่งบอกว่าเด็กคนหนึ่งฉลาดกว่าเด็กอีกคน หรือควรจ้างติวเตอร์ส่วนตัว พี่เลี้ยงเด็กที่มีความถนัดเฉพาะทาง เช่น พี่เลี้ยงฟิลิปปินส์ มีความถนัดในด้านภาษาอังกฤษ สามารถที่จะดูแลและปูพื้นฐานให้เด็กได้ก่อนวัยเข้าเรียน เพราะเด็กบางคนอาจมีพัฒนาการทางการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านการเคลื่อนไหว ความเข้าใจ และความจำ ช้ากว่าเด็กคนอื่น ซึ่งเราเรียกเด็กกลุ่มนี้ว่า เด็กหัวช้า โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ชอบคำนี้เลย ฉันคิดว่าลำพังการเรียกเด็กด้วยคำต่าง ๆ ก็แย่พออยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงคำว่า ช้า ซึ่งเป็นคำที่ลดคุณค่าในตัวเด็กลง และยังไม่นับการบอกเขาว่า เขาไม่เก่งเหมือนเด็กคนอื่น ๆ อีก
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีเด็กจำนวนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการเรียนมากกว่าเด็กอื่น ๆ เพื่อที่จะทำให้เขาเติบโตและเรียนรู้ได้ทันคนอื่น ๆ เราอาจสรุปว่าเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้เป็นเด็กหัวช้า แต่คุณควรระลึกไว้เสมอว่า ถ้าเราบอกคน ๆ หนึ่งว่าเขาเป็นเช่นนั้นเรื่อย ๆ สักวันเขาก็จะกลายเป็นแบบนั้นจริง ๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกหัวช้า?
พ่อแม่และคุณครูอาจไม่สามารถรู้ได้ว่าจริง ๆ แล้ว เด็กหัวช้า เป็นเพราะเด็กไม่สามารถตามคนอื่น ๆ หรือเด็กไม่อยากตามคนอื่น ๆ กันแน่ เด็กที่ถูกเรียกว่า เด็กหัวช้า จะมีลักษณะดังต่อไปนี้
- มีพัฒนาการในช่วงแบเบาะช้ากว่าเด็กทั่วไป เช่น เริ่มคลานช้า เดินช้า พูดช้า ตบมือ กระโดด สบตาช้ากว่าเด็กอื่น ๆ
- มีปัญหาด้านสมาธิ เด็กทุกคนมีสมาธิสั้นเป็นปกติ แต่เด็กที่ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานกว่า 2-3 นาที จำไม่ได้ว่าก่อนหน้านั้นกำลังทำอะไรอยู่ หรือไม่สามารถทำสิ่งนั้นซ้ำได้เองโดยไม่ต้องให้บอก อาจมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ และต้องใช้การสอนแบบพิเศษ
- ไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องง่าย ๆ และจำสิ่งที่เรียนมาไม่ได้ เป็นไปได้ว่าลูกคุณอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียนรู้
- ชอบปลีกวิเวก หรือเข้าสังคมไม่เป็น เด็กหัวช้ามัก 1) รู้ตัวว่าตัวเองเรียนรู้ช้ากว่าเพื่อน หรือ 2) ถูกครูและ/หรือเพื่อนบอกว่าตัวเอง ช้า ซึ่งจะทำให้เด็กรู้สึกแปลกแยก บั่นทอนความมั่นใจ และอาจทำให้เด็กกลายเป็นเด็กมีปัญหาได้ แต่แทนที่เราจะมานั่งเครียดเรื่องนี้ เราควรหาวิธีที่จะแก้ไขข้อบกพร่องนี้ดีกว่า ซึ่งสมควรเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ พยายามอธิบาย อย่าเก็บให้เค้านำไปคิดเป็นปมด้อย ถ้าพ่อแม่ท่านใดไม่ว่าง อาจต้องต้องฝากญาติดูแลหรือควรหาพี่เลี้ยงเด็ก ไม่ควรปล่อยเด็กไว้คนเดียว