Group Blog All Blog
|
ทุกคนเป็นอัจฉริยะได้ ทุกคนเป็นอัจฉริยะได้ #พรรณีเกษกมล สมัยก่อนเมื่อพูดถึงอัจฉริยะ เรามักจะนึกถึงแต่นักวิทยาศาสตร์ที่โด่งดังมีชื่อเสียง เช่น อัลวา เอดิสัน หรืออัลเบิร์ต ไอสไตน์ ทั้งสองชื่อเล่นว่าอัล บางคนบอกเราน่าจะให้ลูกหลานชื่ออัลบ้างเผื่อจะฉลาดเหมือนกัน แต่เป็นความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก ปัจจุบันมีการนิยามคำว่าอัจฉริยะเสียใหม่ ใคร ๆ จึงเป็นอัจฉริยะได้โดยไม่ยาก ไม่ว่าใครเก่งอะไรนับเนื่องว่าเป็นอัจฉริยะกันทั้งนั้น จึงมีคำว่าอัจฉริยะสร้างได้ นักจิตวิทยาที่ชื่อโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์เป็นคนทำให้โลกของเด็กและวัยรุ่นสดใสขึ้นเมื่อพ่อแม่ไม่เคี่ยวเข็ญให้ลูกหลานเก่งแต่วิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์เท่านั้น เขาบอกว่า ปัญญามีหลายด้าน แล้วแต่ใครจะถนัดหรือชอบด้านใด เป็นสิ่งที่ติดตัวเด็กมาหรือได้รับมาจากครอบครัวจนคุ้นเคย บางคนพูดเก่ง เขียนเก่ง สื่อสารได้รู้เรื่อง ต่อไปเหมาะกับการเป็น กวี นักเขียน นักกฎหมาย นักพูด ถ้าเพิ่มหลักตรรกะมีเหตุผลประกอบ เก่งคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คงได้เป็นนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ในอนาคต สำหรับคนที่มีสุนทรีย์ อารมณ์อ่อนไหว ซาบซึ้งกับเสียงดนตรี เหมาะกับ นักดนตรี นักเต้น ถ้าผนวกกับความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ เหมาะกับศิลปิน จิตรกร สถาปนิก นักออกแบบ อีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นอาชีพยอดฮิตคือนักกีฬาอาชีพ นักแสดง จะมีทักษะทางการเคลื่อนไหวและร่างกายแข็งแรง ผู้ที่เข้าใจคนอื่นได้ง่าย รู้สึกเห็นใจผู้ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ เหมาะจะเป็น นักเขียน นักแนะแนว ผู้ให้คำปรึกษา จิตแพทย์ ถ้าเพิ่มภาวะผู้นำ มีโอกาสได้เป็นนักการเมือง ครู นักขาย นักโฆษณา ผู้นำในทุกระดับ กลุ่มที่ชื่นชมธรรมชาติสิ่งแวดล้อม คงจะเหมาะกับอาชีพนักสิ่งแวดล้อม นักธรรมชาติวิทยา นักธรณีวิทยา และอีกกลุ่มชอบใคร่ครวญจมอยู่กับความคิด จะเหมาะเป็นนักวิชาการ นักปรัชญา นักคิด หน้าที่ของทุกคนจึงต้องค้นหาว่าเด็กของตนมีอัจฉริยะในด้านใด มีแววว่าจะเก่งถนัดหรือชำนาญในทางใดมากกว่ากัน ให้ส่งเสริมในด้านนั้นให้มากเป็นพิเศษจะได้เป็นทุนรอนในตัวของเขายามเติบใหญ่และจะได้เป็นช่องทางทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไป สมองจัดเป็นอวัยวะที่สำคัญที่จะบ่งบอกได้ว่า ใครฉลาดกว่าใคร เราจึงมุ่งเน้นในการพัฒนาศักยภาพสมองซึ่งสามารถทำได้ด้วยหลายหลักการหลายทฤษฎี เช่น Brain-based Learning คุณพ่อคุณแม่สามารถกระตุ้นพลังสมองของลูกน้อยได้ในทุกช่วงวัย ตั้งแต่ในครรภ์ และทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกน้อยสามารถพัฒนาศักยภาพให้ถึงขีดสุด และใช้ความสามารถของตนเองได้เต็มที่ โดยเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้การเล่นและการให้ความสำคัญด้านโภชนาการ ซึ่งลูกควรได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ หลากหลายชนิด เพื่อเพิ่มพัฒนาการ เพิ่มพลังการเรียนรู้ และร่างกายแข็งแรง พอเข้าสู่วัยรุ่น เขาสามารถพัฒนาสมองได้ด้วยตนเองโดยมีพ่อแม่ และครูคอยอบรมบ่มเพาะและประคับประคองให้มีนิสัยที่ดี เช่น นอนหัวค่ำ วัยรุ่นชอบนอนดึกด้วยกิจกรรมไร้สาระ ไม่ว่าจะแชทกับเพื่อน เล่นเกม การนอนให้เพียงพอควรมากกว่าคืนละ 6 ชั่วโมง รูปร่างสมส่วนเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ากลัวอ้วนจนไม่กินไม่นอน อดอาหาร และกินยาลดความอ้วน เป็นความเข้าใจที่ผิด การเลือกอาหารพวกปลา น้ำมันปลา นมถั่วเหลือง ดื่มน้ำสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น การออกกำลังจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสมส่วนได้ดีกว่าอดอาหาร การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปเรียนวิชาดนตรี ทำอาหาร คอมพิวเตอร์ หรืออื่นใดที่ลูกสนใจช่วยเปิดโลกกว้างและได้สำรวจสิ่งที่สนใจและถนัดได้กว้างขึ้น การฝึกจดจำเส้นทางที่ไปมา สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เพื่อฝึกใช้เหตุผลและฝึกคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งการฝึกสมาธิซึ่งช่วยให้สมองสงบนิ่งจะทำให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความรักความอบอุ่นในครอบครัว การทะเลาะเบาะแว้งของพ่อแม่หรือคนในครอบครัวไม่เป็นสิ่งที่ดี ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยทั้งที่บ้านและโรงเรียนช่วยให้เด็กสงบและสมองพัฒนาได้เร็วขึ้น การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง การออกกำลังสมองช่วยให้สมองแข็งแรงขึ้นเช่นกัน ความรู้สึกกล้าเสี่ยงมีมากขึ้น ชอบโลดโผนและไม่กลัวอันตรายซึ่งจะดีถ้าอยู่ในกรอบที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน การเล่นกีฬาเป็นทีมช่วยให้การปรับตัวเข้ากับเพื่อนทำได้ง่ายขึ้น เมื่อต้องการพัฒนาสมองคงต้องรู้จักสมองให้มากขึ้น เช่นว่า เราสามารถเรียนรู้และทำหลายเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน ความสนใจและกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ช่วยให้เซลล์ปลายประสาทสมองแผ่ขยายกิ่งก้านได้รวดเร็วขึ้น อารมณ์ความรู้สึกจะสัมพันธ์กับสมอง คนที่อารมณ์ดีมักจะฉลาดและแก้ปัญหาได้ดีกว่าคนขี้โมโหหงุดหงิดง่าย การนั่งสมาธิจึงช่วยให้สงบและเรียนรู้ได้ดีขึ้น เขาว่าสมองมี 2 ซีกคือซ้ายและขวา แต่ไม่จำเป็นต้องรู้ลึก ขอให้เข้าใจว่า เราควรทำหลายสิ่งที่ตรงข้ามกันให้ได้และให้มันประสานกันอย่างอัตโนมัติ การเรียนได้ดีต้องหมั่นทบทวนรื้อฟื้นสิ่งที่เคยเรียนรู้ไปแล้วให้มันคงทนอยู่ในสมอง ใช่ว่าผ่านมาแล้วให้ผ่านเลยไป หลังจากทนอ่านจนจบ สมองคงจะรับรู้ว่า เราสามารถเป็นอัจฉริยะได้ในแบบฉบับของเรา เราเป็นหนึ่งและหนึ่งเดียวในโลก ไม่จำเป็นต้องเก่งเหมือนใครแต่ต้องเก่งให้ได้ในแบบที่เราต้องการ |
BlogGang Popular Award#21
![]() สมาชิกหมายเลข 4665919
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |



ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [