พระอาจารย์เล็ก แนะนำการปฏิบัติช่วงเช้าและก่อนนอน
พระอาจารย์เล็กแนะนำการ "ปฏิบัติช่วงเช้าและก่อนนอน" ถาม : เวลากลางวันเราทำงานมาเหนื่อยแล้ว เหนื่อยทั้งแรงกายแรงใจ ก่อนนอนมีเวลาปฏิบัติได้ไม่นาน ? ตอบ : เวลาก่อนนอนเอาแค่ว่า ถ้าไม่ไหวให้กราบพระ ๓ ครั้ง นอนหงายลงไปนึกถึงพระว่า "ถ้าเราตายลงไปวันนี้ขอไปพระนิพพาน" แล้วภาวนาหลับไปเลย แต่ตื่นนอนนี่เราพักผ่อนมาเต็มที่แล้ว ภาวนาอย่างเป็นทางการสักหน่อย เอาให้ได้สัก ๒๐ นาทีหรือครึ่งชั่วโมง พอกำลังใจทรงตัวก็ตั้งใจว่า "เราจะไปทำหน้าที่การงานของเราแล้ว ถ้าหมดอายุขัยตายลงไปก็ตาม หรือเกิดอุบัติเหตุอันใดถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว" แล้วก็แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งประคับประคองภาพพระหรือคำภาวนาของเราไว้ แล้วก็ทำหน้าที่ของเราไป
ฉะนั้น..เวลาก่อนนอนอย่าไปบังคับตัวเองมาก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็เหลือแต่ตื่นนอนที่ขี้เกียจไม่ได้
ถาม : กลายเป็นว่าเหนื่อยล้ามาก เวลานอนไม่ฟุ้งซ่าน กลับสงบนิ่ง ตอบ : ถูก...แต่ถ้าไปฝืนมาก ๆ ร่างกายไม่ไหว เดี๋ยวจะไม่เอากับเราอีก เหมือนกำลังเหนื่อยมาก ๆ แล้วไปโหมทำงานต่อ พอร่างกายล้ามากวันรุ่งขึ้นก็จะทำงานไม่ไหว
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๖
เนื้อหาและภาพ : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม อารมณ์ที่เกิดขึ้นของแต่ละมรรค ถาม : ในขณะแห่งมรรคแต่ละมรรค ตั้งแต่โสดาปัตติมรรคจนถึงอรหัตมรรคมีความแตกต่างอย่างไรบ้างเป็นนิมิต เป็นอารมณ์ ? ตอบ : ถ้าเป็นโสดาปัตติมรรคจะมีความรักในพระนิพพานเป็นอย่างยิ่ง ประเภทตีก็ไม่ไปไล่ก็ไม่หนี ถ้ามาถึงสกทาคามีมรรค เหมือนอย่างกับว่าความรักความโกรธหายไปเฉย ๆ ความจริงยังมีอยู่ แต่เนื่องจากอำนาจของการก้าวเข้าถึงสูงกว่าอารมณ์โสดาบันทั่วไปมาก ก็เลยกลายเป็นว่าในส่วนของ ราคะ โทสะ เบาบางลงเหมือนกับไม่เหลือ ในส่วนของอนาคามิมรรคจะรู้สึกรังเกียจร่างกายนี้เป็นที่สุด ไม่ว่าจะตัวเราตัวเขา ประเภทเดินผ่านคนอื่นบางทีอ้วกแตกใส่เขา จะโดนเขาชกหน้าเอา ถ้าในส่วนของอรหัตมรรคจะอยู่ในลักษณะที่ว่า "ไม่เห็นเลยว่าจะมีอะไรที่ควรค่าแก่การยึดถือไว้" สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่มา : https://www.watthakhanun.com/webboard...?t=4010&page=4 การรู้ทุกข์ของบุคคลทั่วไปกับของพระอริยเจ้าต่างกัน ถาม : การรู้ทุกข์ เราต้องรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ทำไมเราถึงไม่สำเร็จเป็นพระอริยเจ้า แสดงว่ารู้ของเรากับรู้ของพระอริยเจ้าต่างกันหรือครับ ? ตอบ : คุณรู้แค่สัญญา แล้วคุณรู้ไหมว่าทุกข์เกิดจากอะไร ? เราต้องรู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร แล้วยังไม่พอ ยังต้องไม่สร้างเหตุนั้นด้วย คราวนี้สติเรายังไม่สมบูรณ์ พอถึงเวลาเราไปสร้างเหตุอีกก็จะทุกข์ไปเรื่อยๆ ท่านบอกว่าทุกข์ เมื่อปริญญาคือกำหนดรู้รอบแล้ว ก็ให้ ปหานะ คือละเสียหรือว่าฆ่าให้ตาย ของเราตอนนี้ปริญญายังรู้ไม่รอบเลย ไม่ต้องไปพูดถึงปหานะ เลยกลายเป็นว่าเรารู้แล้วแต่ทำไมยังทุกข์อยู่ ถาม : รู้รอบนี่พระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคามี รู้เหมือนกันไหมครับ ? ตอบ : รู้เหมือนกันแต่ความละเอียดไม่เท่ากัน แต่ว่าท่านสามารถละได้ตามกำลังของตน ละได้มากหน่อยก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงกว่า ละได้น้อยก็เป็นขั้นต่ำกว่า ถาม : เรารู้ว่าการเกิดเป็นทุกข์ เราไม่ต้องการเกิด เราต้องการไปพระนิพพาน ถือว่าเป็นการรู้ที่ถูกต้องไหมครับ ? ตอบ : เป็นแค่การอธิษฐานคือความตั้งใจเท่านั้น ยกเว้นอย่างเดียวว่าเห็นโทษของการเกิดจริงๆ จนกระทั่งหมดความอยากไปเลย พอหมดความอยากก็แค่รู้เฉยๆ ถาม : จะเป็นหมดความอยากตามแต่ละเหตุการณ์ไปครับ ? ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็ห่างไกล ต้องหมดอยากทุกเรื่อง คราวนี้เรายังแค่รู้เฉยๆ ทุกข์ยังอยู่เป็นปกติ ก็อยู่ที่ว่าเรามีปัญญาพอไหมที่จะทิ้งเหตุของทุกข์นั้นเสีย ? ถาม : แล้วพระโสดาบันรู้เหตุของทุกข์ทุกอย่างเลยไหมครับ ? ตอบ : ของท่านต่อให้รู้ กำลังก็ละได้แค่นั้น เพราะว่าศีล สมาธิ ปัญญา มี ๓ ระดับ ของพระโสดาบันส่วนใหญ่เน้นที่ศีล พระอนาคามีเน้นที่สมาธิ ทุกส่วนจะมีศีล สมาธิ ปัญญา อยู่แล้ว แต่เน้นหนักที่ตรงไหน ถ้าสมาธิน้อย ปัญญาน้อย กำลังในการตัดได้น้อย ก็เป็นพระโสดาบันเพราะท่านเน้นที่ศีล ศีลดี สมาธิดี ปัญญายังไม่เพียงพอก็เป็นพระอนาคามี ถ้าศีลดี สมาธิดี ปัญญาในการตัดดี ละได้หมดจริง ๆ ก็จบเลย สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่มา : https://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3952&page=4 ถาม : ต้องวางกำลังใจอย่างไรครับ พระนิพพานก็อยากได้ เงินก็อยากได้ ? ตอบ : หาเงินก่อน ถ้าตายแล้วไปพระนิพพานไม่ต้องใช้ ทุกคนก็ทำอย่างนั้นกันทั้งนั้นแหละ ถึงบอกว่าทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุด จบแล้วก็จบกัน ต้องบอกว่าเงินเป็นสิ่งสมมติ สร้างขึ้นมาแล้วก็สร้างความเดือดร้อนให้กับเรา
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ณ บ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖
ที่มา : https://www.watthakhanun.com/webboard...?t=3952&page=3 ...
...
...
Create Date : 27 เมษายน 2561 |
Last Update : 27 เมษายน 2561 7:22:22 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3220 Pageviews. |
|
|