ความบกพร่องในหน้าที่...บทเรียนราคาแพง และ เมื่องานเลี้ยงต้องเลิกเร็วก่อนกำหนด
ความบกพร่องในหน้าที่...บทเรียนราคาแพง
วันนี้ ผมกลับมานั่งทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านไป ถ้าหากสิ่งที่ผมเจอคือความฝัน นี่ก็คงจะเป็นฝันร้ายสุดๆเท่าที่ผมเคยประสบมา
แต่ นี่ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง ความจริงที่จะต้องตามหลอกหลอนผมไปอีกนาน ทุกๆอย่างเป็นความผิดที่ผมเป็นผู้ที่ก่อมันขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
วันนี้เป็นวันแรกในช่วงสองสัปดาห์ ที่ผมเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ต เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผม เป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่รับอาชีพราชการ เป็นบทเรียนที่มีราคาแพงมากๆ และนี่คือความบกพร่องในหน้าที่ ครั้งแรก และผมจะต้องจดจำเหตุการณ์นี้ไปตราบจนวันตาย ถึงแม้ว่าไม่อยากที่จะจดจำเลยก็ตาม
เรื่องมีอยู่ว่า ในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2552 ที่ทำงานได้รับจดหมายจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินว่าจะเข้ามาตรวจงานในส่วนของงานจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นงานในความรับผิดชอบของผมในฐานะหัวหน้าฝ่ายงานดังกล่าว โดยมีระยะเวลาเข้าตรวจตั้งแต่วันที่ 13 23 มกราคม พ.ศ.2552 ที่ทำงานรู้สึกจะตกใจพอสมควร เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นการตรวจครั้งแรกในสายงานช่าง ในส่วนของผมไม่ได้ถึงกับตกใจมากนัก เพียงแค่รู้สึกกังวลนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่ามีโครงการไหนบ้างที่จะต้องถูกตรวจสอบ แต่ก็คิดว่าถึงคงจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ได้ตรวจสอบเอกสารและกำชับการปฏิบัติงานค่อนข้างจะเรียบร้อย ถึงแม้บางอย่างจะไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถชี้แจงที่มาที่ไปกับเจ้าหน้าที่ได้
แต่ว่าสิ่งที่ผมมั่นใจว่างานในส่วนของผมจะไม่มีปัญหานั้น มันกลับกลายเป็นตรงกันข้ามและเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต
เรื่องมีอยู่ว่า....มีอยู่โครงการหนึ่ง เป็นโครงการขุดสระกักเก็บน้ำ งบประมาณเกือบสองล้านบาท ซึ่งโครงการนี้มีปัญหามาตั้งแต่ในขั้นตอนการขออนุมัติงบประมาณ ซึ่งทางสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่อนุมัติให้ก่อสร้างโครงการ ตามที่ผู้บริหารเสนอขอให้สร้าง ทำให้กลุ่มชาวบ้านนับร้อย มาประท้วงขับไล่สภาให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่าสภาไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ชาวบ้านจะได้รับ สุดท้ายเรื่องราวจึงไปถึงอำเภอต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย และก็ได้มีการอนุมัติโครงการในอีกไม่กี่วันต่อมา
หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติงานไปได้สักพัก ผมก็ได้รับแจ้งปัญหาจากน้องที่เป็นผู้ควบคุมงานว่า ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในราคากลางและสัญญาจ้าง ในส่วนของงานขนดินทิ้ง ซึ่งถ้าหากไม่นำดินไปทิ้งในที่ๆกำหนด ค่างานจะมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 400,000 บาท และเราต้องเป็นฝ่ายเรียกเงินจำนวนดังกล่าวนี้คืนให้กับรัฐเมื่อสิ้นสุดโครงการ
เมื่อรับทราบถึงปัญหา ผมเองก็นัดประชุมคณะกรรมการตรวจการจ้าง ตามหน้าที่ของหัวหน้าผู้ควบคุมงาน รวมไปถึงแจ้งผู้บริหารได้รับทราบถึงปัญหาในเรื่องนี้ สิ่งที่ผมพลาดก็คือ ผมในฐานะของหัวหน้าผู้ควบคุมงาน ไม่ได้บอกให้น้องที่ควบคุมงานแจ้งคณะกรรมการตรวจการจ้างทราบเป็นลายลักษณ์อักษร
คณะกรรมการตรวจการจ้างทั้งหมด 5 คน สามคนแรกเป็นข้าราชการในหน่วยงานของผมเอง อีกสองคนเป็นชาวบ้านที่เราขอตัวมาร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของโครงการ ซึ่งคณะกรรมการทั้งหมดไม่ได้มีความรู้ในด้านช่างเลยแม้แต่คนเดียว ผมได้บอกน้องผู้ควบคุมงานไปว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นโดยส่วนงานของเรา ถ้าหากเราผลักปัญหาไปให้กับผู้อื่น แล้วเราเอาตัวรอด แบบนั้นเราก็จะไม่มีทางเป็นข้าราชการที่ดีได้อย่างแน่นอน
จริงๆแล้ว สาเหตุหลักๆที่ผมไม่อยากให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรนอกจากไม่อยากให้ผลักภาระไปให้กับผู้อื่น นั่นก็คือ ความปลอดภัยในชีวิตของตัวผู้ควบคุมงานและคณะกรรมการตรวจการจ้างนั่นเอง สถานที่บางแห่ง การทำงานยังคงมีบางสิ่งที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ เรื่องบางเรื่องถึงเรารู้ว่าผิด แต่บางครั้งเราก็เลี่ยงในความผิดนั้นไม่ได้ แต่ว่าเราจะมีทางออกทางไหน ที่จะไม่ทำให้เราทุจริต โดยที่ไม่ทำให้ทั้งเราและผู้อื่นต้องได้รับความเดือดร้อนไปด้วย
ในตอนนั้น ผมได้ย้อนกลับมาดูที่ราคากลาง ที่มีผมเป็นประธาน และก็มีน้องในหน่วยงานอีกสองคนร่วมเป็นคณะกรรมการ อย่างที่ทราบว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่มีปัญหามาตั้งแต่ต้น ผมคิดว่าจะต้องมีการตรวจสอบจากหลายๆส่วนอย่างแน่นอน และเพื่อเป็นการป้องกันทั้งตัวเองและน้องๆในสำนักงาน ในการคำนวณราคากลาง มีหลายขั้นตอนที่ผมไม่ได้ประมาณราคาเข้าไป เพราะถ้าหากในกรณีที่การทำงานจริงๆเกิดปัญหา และมีการปฏิบัติที่คลาดเคลื่อนไปจากการควบคุมงาน เราจะสามารถนำรายการอื่นๆมาหักลบได้ ผมกลับมานั่งคำนวณราคากลางอีกครั้งอย่างละเอียด และเทียบกับส่วนต่างที่ถ้าหากผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามแล้ว รัฐจะเกิดความเสียหายหรือไม่ และก็พบว่า รัฐยังได้ประโยชน์จากการคำนวณราคากลางที่ต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่พอสมควร
ผมได้แจ้งกลับไปที่น้องผู้ควบคุมงานว่า ขอให้ควบคุมการปฏิบัติงานในส่วนอื่นๆ ให้ถูกต้องตามแบบรายการ สำหรับเรื่องขนดินทิ้ง เราคงจะทำอะไรไม่ได้ แต่ว่าถ้าหากมีการตรวจสอบ เราคงจะใช้ราคาเปรียบเทียบกับราคาก่อสร้างจริงๆได้
แต่...ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ผมคิดเอาไว้ เมื่อมีการตรวจสอบในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2552 ราคากลางที่ได้ตั้งขึ้นมานั้น ถูกพิจารณาเฉพาะรายการที่มีการคำนวณเอาไว้ รายการอื่นที่ไม่ได้คำนวณ แม้ว่าจะมีการปฏิบัติงานจริงๆ และทำให้รัฐได้รับผลประโยชน์ ไม่ถูกนำมาพิจารณาด้วย แม้ว่าจะพยายามชี้แจงลักษณะของการคำนวณ แต่ว่าก็ได้รับคำตอบว่า ในสิ่งที่เราไม่ได้คำนวณให้นั้น แสดงว่าผู้รับจ้างได้รับทราบก่อนหน้าที่จะมีการปฏิบัติงานอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีขั้นตอนก่อสร้างที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ในราคากลาง แต่ผู้รับจ้างก็ต้องทำตามสัญญาจ้างอยู่ดี
ถึงตรงนี้ ผมรู้ได้ทันทีว่า ผมได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เพราะคนที่จะถูกลงโทษเป็นคนแรกก็คือ ช่างผู้ควบคุมงาน ที่ไม่สามารถควบคุมการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างให้เป็นไปตามที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งโทษคงจะหนักพอสมควร นอกจากจะต้องคืนเงินแล้ว ยังจะต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย ในฐานะผู้ควบคุมงาน อาจจะถูกตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น คงจะป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากที่สุด เพราะข้าราชการซีสองซีสาม เงินเดือนเจ็ดถึงแปดพันเอง ถ้าต้องมาถูกลดขั้นเงินเดือนอีก คงจะทำให้กำลังใจแย่ลงไปกว่านี้อีกแน่ๆ
ถัดมาที่จะถูกพิจารณาลงโทษ ก็จะเป็นผมในฐานะหัวหน้าผู้ควบคุมงาน ซึ่งบทลงโทษอาจจะไม่แตกต่างจากผู้ควบคุมงาน หรือโชคดี ถ้าหากการตรวจสอบ ถูกพิจารณาว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ก็อาจจะไม่ถึงขั้นต้องตัดเงินเดือน หรือลดขั้นเงินเดือนก็ได้
หลังจากที่ผ่านพ้นการตรวจ ผมนั่งอ่านข้อสังเกตจากการตรวจพบในส่วนของข้อที่ต้องตอบ มีอยู่ข้อหนึ่งที่ระบุเอาไว้เกี่ยวกับราคากลางว่า ราคากลางงานขนทิ้งขัดกับบันทึกของผู้ควบคุมงาน ซึ่งการตั้งราคากลางกำหนดระยะทางไกลกว่าระยะทางที่ตรวจพบจากข้อสังเกต ผมจึงตัดสินใจเลือกตอบเพื่อที่จะให้ความผิดพลาดในครั้งนี้อยู่ในขั้นตอนกำหนดราคากลาง โดยที่ไม่ให้กระทบไปถึงการควบคุมงานของผู้ควบคุมงาน
เหตุผลที่ผมเลือกทำแบบนี้ ก็เพราะเมื่อกลับไปคิดถึงตอนที่งานมีปัญหา ผมเองเป็นคนบอกตัวผู้ควบคุมงานเองว่า ไม่ต้องแจ้งคณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรก็ได้ เพราะคิดว่าข้อชี้แจงและเจตนาในการกำหนดราคากลางที่ทำไว้จะสามารถหักลบค่างานที่ผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามได้ และอีกอย่าง ผมเองเป็นผู้บังคับบัญชาในสายงาน ถ้าหากโยนความรับผิดชอบให้กับน้องๆ ในอนาคตผมก็คงจะเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดีไม่ได้ และก็คงจะถูกมองว่าเป็นพวกที่เห็นแก่ตัว ถึงอย่างไรตัวผมเองก็หนีไม่พ้นที่จะต้องโดนสอบอยู่แล้ว สู้ทำให้ตัวเองโดนเพียงคนเดียว คงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้
จริงๆแล้ว ถ้าหากมีการแจ้งคณะกรรมการตรวจการจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรถึงปัญหาในการควบคุมงาน ผมและผู้ควบคุมงานก็คงจะลอยตัวไปแล้ว แต่ว่าคนที่จะต้องถูกลงโทษอย่างหนักเลยก็คือ คณะกรรมการตรวจการจ้างทั้ง 5 คน ซึ่งถ้าหากผมเลือกทำแบบนั้นจริงๆในตอนนั้น ถึงวันนี้ผมเองก็คงมองหน้าทุกคนไม่ติด
แม้ว่าสิ่งที่ผมเลือกทำในวันนั้น จะผิดระเบียบของทางราชการ และทำอาจทำให้ผมถูกลงโทษทางวินัย แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เลือกใช้วิธีดังกล่าว วันนี้ผมได้ตอบข้อสังเกตที่ได้รับจากข้อตรวจพบไปแล้ว และจากการคำนวณเปรียบเทียบเงินที่ต้องคืนให้กับรัฐ เป็นเงินจำนวนประมาณ 400,000 บาท ซึ่งผู้ที่ต้องคืนเงินจำนวนนี้ นั่นก็คือตัวผมนั่นเอง
ตอนนี้ผมมีเวลา 45 วัน ในการหาเงินจำนวนดังกล่าว มาคืน ตามหลักเกณฑ์ของราชการ ซึ่งผู้บริหารรวมถึงข้าราชการทุกๆคนในหน่วยงานได้รับทราบจำนวนเงินที่ผมจะต้องคืนแล้ว ผู้บริหารเข้ามาคุยกับผมและบอกว่าจะหางทางช่วยให้ได้แม้ว่าอาจจะไม่ได้ทั้งหมดก็ตาม ก็รู้สึกดีที่มีผู้บริหารที่เข้าใจว่าเราไม่เคยมีความคิดที่จะทุจริตต่อหน้าที่ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหน ถ้าหากเงินที่ได้รับ จะต้องไปเกี่ยวพันกับโครงการอื่นๆที่กำลังจะสอบราคา ผมเองก็คงจะไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงจะขอบคุณในความหวังดีและเจตนาที่ดีของผู้บริหารที่ต้องการช่วยเหลือเรา แต่ถ้าขืนผมทำแบบนั้น ในวันข้างหน้า เมื่อมีการตรวจสอบ ผมเองก็จะถูกลงโทษทางวินัยอีก และคราวนี้อาจจะถึงขั้นไล่ออกจากราชการ
ช่วยไม่ได้ ผมเลือกที่จะทำแบบนี้ ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา ในเบื้องต้นทางหน่วยงานได้ชิงตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เรื่องจบที่เรา เพราะทุกคนรู้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากเจตนาที่ต้องการให้รัฐได้รับความเสียหาย หรือการทุจริตในหน้าที่ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน จะเห็นด้วยกับบทลงโทษที่ทางเราเสนอไปหรือไม่ หากเห็นด้วย เรื่องก็คงจะยุติ แต่ว่าถ้าหาก พิจารณาแล้วเห็นว่า บทลงโทษไม่สมเหตุผล ถึงตอนนั้น ก็จะถูกตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัย โดยจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ และเมื่อถึงตอนนั้น บทลงโทษที่ผมจะต้องได้รับ จะต้องมากกว่าที่ทางเราได้เสนอขึ้นไปอย่างแน่นอน
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ผมไม่สามารถที่จะทำตัวให้ร่าเริงเหมือนเดิมได้ตามปกติ แม้จะพยายามปลอบกับตัวเองว่า เอาน่า...วันนี้ถึงแม้ว่าเราจะเจอแต่เรื่องเลวร้าย แม้ว่าวันนี้มันจะไม่เป็นวันของเราก็ตาม แต่ว่า พอผ่านพ้นคืนนี้ไป พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว และสิ่งดีดีจะต้องเกิดขึ้นกับเรา และคงจะเป็นวันที่ดีสำหรับเราบ้าง
แต่ไม่ว่าจะพยายามพูดให้กำลังใจกับตัวเอง หรือแม้จะได้รับกำลังใจจากครอบครัว ญาติพี่น้อง รวมไปถึงกำลังใจจากเพื่อนร่วมงาน แต่ต้องยอมรับว่า มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ผมกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้อีกครั้ง สิ่งนั้นก็คือเวลา ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่า มันจะอีกนานแค่ไหน จะต้องใช้ระยะเวลา อีกกี่วัน กี่เดือนกันแน่ หรือถ้าหากในการตั้งคณะกรรมการสอบในครั้งนี้ โทษทางวินัยมันมากเกินกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ บางทีผมอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นกว่าที่จะทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมได้
มีเรื่องที่ผมกังวลอยู่ในตอนนี้ก็คือ ในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ.2552 ผมจะต้องรับการสอบประเมินเพื่อเลื่อนระดับเป็น ซี7 ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า ถ้าหากมีการตั้งคณะกรรมการสอบในช่วงที่ผมกำลังจะเข้ารับการประเมิน จะมีผลกระทบกับตัวผมหรือไม่ ผมจะยังคงมีสิทธิ์ในตรงนี้หรือไม่ ถ้าหากผมต้องพลาดในการประเมินครั้งนี้ ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอีกครั้ง
จริงๆแล้ว ผมเองมีสิทธิ์ที่จะรับการสอบประเมินเพื่อเลื่อนระดับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ว่า ผมกลับได้รับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องจากผู้บังคับบัญชา ซึ่งนั่นก็คือ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคนเก่า(ตอนนี้ย้ายไปแล้ว) สาเหตุก็คือ การที่ไม่อยากเห็นผู้ใต้บังคับบัญชา เลื่อนระดับพร้อมตนเอง ซึ่งถ้าทำตั้งแต่เดือนกันยายน ทั้งตัวของผมและปลัด ก็จะซี7 เท่ากัน
ผมไม่ได้เสียใจ แต่ผมผิดหวัง และรังเกียจกับการกระทำแบบนั้น ไม่เคยคิดเลยว่า หน่วยงานเล็กๆซึ่งอยู่ด้วยกันไม่กี่คน จะยังมีคนที่มีความคิดคับแคบที่ไม่ต้องการเห็นผู้อื่นได้รับความก้าวหน้าเสมอตนเอง และที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่านั้นก็คือ คนที่มีความคิดแบบนี้ คือปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในส่วนของข้าราชการ ผมต้องเสียโอกาสในการเลื่อนระดับในครั้งนั้น มาจนถึงในการสอบประเมินครั้งนี้ 6 เดือน อาจจะดูว่าไม่นาน แต่สำหรับข้าราชการแล้ว ระยะเวลาเพียงแค่ 1 วัน มีค่าอย่างมาก ในการสอบประเมินหรือการเลื่อนระดับ เพราะนั่นเป็นความสำคัญลำดับแรกในเกณฑ์การพิจารณา
ผมจริงจังและให้ความสำคัญกับทุกๆสิ่งที่ทำ อาชีพรับราชการ แม้ว่าจะไม่ใช่ความใฝ่ฝันในวัยเด็ก แต่เมื่อต้องก้าวเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ผมเองก็ตั้งใจที่จะทำงานอย่างเต็มความสามารถ ผมพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของชาวบ้าน ที่มักจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องไปติดต่องาน ผมมองว่าชาวบ้านคือนายจ้าง และตัวของผมคือลูกจ้าง ลูกจ้างที่ต้องบริการนายจ้างอย่างเต็มที่ ให้สมกับเม็ดเงินที่ได้รับจากนายจ้าง เพราะฉะนั้น ผมจึงมักจะบอกกับน้องๆในสำนักงานอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อชาวบ้านเข้ามาติดต่องาน ขอให้ยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดจาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ให้ถือว่าพวกเขาคือนายจ้างคนหนึ่งของเรา และขอให้ทำด้วยความจริงใจ ไม่เสแสร้งว่าจะต้องทำเพียงเพราะเป็นหน้าที่เท่านั้น และที่สำคัญอย่าได้คิดว่าตัวเองคือข้าราชการที่มีศักดิ์ศรีและความรู้สูงกว่า เพราะเมื่อใดก็ตามที่เรามีความคิดแบบนั้น เราก็ไม่ใช่ข้าราชการที่ดีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลย
ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร สำหรับผมแล้ว ผมก็ยังภูมิใจในการทำหน้าที่เป็นข้าราชการที่ดี และไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอีกสักกี่ครั้งก็ตาม สำนึกแห่งการเป็นข้าราชการที่ดีจะยังคงอยู่กับผมตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เมื่องานเลี้ยงต้องเลิกเร็วก่อนกำหนด
ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้ชมเกมฟุตบอลเลย ไม่รู้ว่าใครแพ้ ใครชนะ สิ่งที่ทำเพียงอย่างเดียวเมื่อกลับมาถึงบ้านก็คือ ทานยาพาราเซตามอล มีเพื่อนคนหนึ่งในห้องศุภฯ เคยบ่นให้ผมฟังบ่อยครั้งว่า มักจะปวดหัวข้างเดียว ที่เรียกว่า ไมเกรน ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่า อาการจริงๆเป็นอย่างไร แต่ว่าตอนนี้ผมรู้แล้ว และยาพารา ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย ผมปวดหัวทั้งตอนเช้าไปจนถึงตอนเย็น มีไม่ปวดเพียงช่วงเวลาเดียว ก็คือ ตอนที่หลับ แต่ก็ไม่รู้ว่า ในแต่ละคืน จะได้หลับสนิทจริงๆ ถึงชั่วโมงหรือเปล่า เพิ่งจะรู้ว่า ความเครียดสุดๆ มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ในเดิมทีคิดเอาไว้ว่า ปีนี้อาจจะเป็นปีสุดท้ายที่จะรายงานผลฟุตบอล เนื่องจากความรับผิดชอบที่มีมากขึ้น รวมทั้งช่องทางในการรับชมฟุตบอลมีเยอะกว่าแต่ก่อนที่เริ่มรายงาน โดยเฉพาะเมื่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงมีบทบาทมากขึ้น ทำให้เราสามารถรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกต่างๆได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่จำเป็นต้องสมัครเป็นสมาชิกเคเบิลทีวี เหมือนในอดีตถึงจะได้ชมเกมเหล่านั้น
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงเวลานั้น ผมจะทำตามความคิดของตัวเองได้หรือไม่ ฟุตบอลคือส่วนหนึ่งในการเติมเต็มชีวิตของผมให้สมบูรณ์ และผมเองก็รู้สึกสนุกและก็รักในการรายงานผลฟุตบอล
ผมเข้ามาในพันทิปครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ด้วยอยากจะลบล้างความคิดผิดๆของกลุ่มคนส่วนใหญ่ในอดีตที่มักจะพูดกันว่า โลกอินเตอร์เน็ต มันก็แค่โลกของการโกหกหลอกหลวง สวมหน้ากากเข้าหากัน ซึ่งผมไม่เห็นด้วยและมักจะแย้งเสมอว่า ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความเป็นจริง หรือในโลกอินเตอร์เน็ต มันก็ไม่แตกต่างกัน ถ้าหากเรามีความจริงใจให้แก่กัน เราก็สามารถที่จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันได้ผมจึงมีความคิดว่าผมพอจะทำอะไรได้บ้างที่พอจะลบล้างความเชื่อผิดๆนี้ได้
ด้วยความที่ตัวเองเป็นแฟนฟุตบอลอังกฤษตัวยงและติดตามเกมถ่ายทอดสดตลอดทุกๆเกม ผมจึงเลือกที่จะตั้งกระทู้รายงานผลฟุตบอลประกอบกับรูปภาพ เพราะว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ผมถนัดมากที่สุด โดยหวังว่ากระทู้รายงานผลฟุตบอล จะทำให้ทุกๆคนที่ชื่นชอบเกมการแข่งขันฟุตบอล ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ช่วยกันเชียร์และรายงาน และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป ความคุ้นเคยในการทำกิจกรรมที่ชื่นชอบเหมือนกัน จะทำให้เกิดมิตรภาพที่ดีขึ้นมาได้
อีกเหตุผลที่ทำให้ผมเลือกที่จะรายงานผลฟุตบอล เพราะว่าในช่วงเวลานั้น การติดตามชมเกมฟุตบอลก็ไม่ง่ายเหมือนกับปัจจุบัน ถ้าหากเราไม่เป็นสมาชิกเคเบิลทีวี ก็ต้องรอชมเกมที่มีถ่ายทอดสดทางฟรีทีวี และการสมัครสมาชิกเคเบิลทีวี ก็แพงเอาเรื่อง เมื่อเทียบกับค่าเงินในเวลานั้น ผมเองจำได้ว่าเมื่อก่อนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเคเบิลทีวี การที่จะได้ดูเกมฟุตบอลในแต่ละนัดนั้น ต้องพึ่งร้านอาหารเพียงอย่างเดียว และร้านอาหารในตัวเมืองกับบ้านผมก็ห่างกันไม่ต่ำกว่าสิบกิโลเมตร ตอนนั้นต้องซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปกับลูกพี่ลูกน้อง ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็ต้องไปดูทีมรักให้ได้ เกมไหนที่ไม่ได้ดูจะรู้สึกกระวนกระวายใจ
และด้วยความที่ตัวเองไม่ดื่มพวกแอลกอฮอล์ ก็เลยต้องซื้อแต่พวกน้ำอัดลมขวดเล็ก จากราคาที่ขายกันปกติทั่วไป 7 บาท แต่ว่าราคาในร้านขายกันที่ขวดละ 25 บาท ไปดูบอลในร้านร่วมสองชั่วโมง จะซื้อแค่น้ำอัดลมคนละขวดก็กลัวจะถูกเจ้าของร้านตะเพิดออกร้าน ก็เลยต้องสั่งอาหารจานเดียว พร้อมกับน้ำอัดลมคนละสองขวด ก็พอจะสู้หน้าเจ้าของร้านได้หน่อย
ทำแบบนี้มาหลายเดือน จึงคิดได้ว่าเงินที่ผมเสียให้กับร้านในแต่ละเดือนมันใกล้เคียงกับการสมัครเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีเอง ก็เลยตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกแทนนับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยากจะดูการถ่ายทอดสดแต่หาที่จะดูไม่ได้ ว่าจะมีความรู้สึกอย่างไร แม้ว่ากระทู้รายงานอาจจะไม่สนุกเท่ากับการได้ชมเกมสดๆ แต่ว่าอย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการต้องมาฟังผลในวิทยุแต่เพียงอย่างเดียว
ถึงแม้ว่าในตอนนี้การดูฟุตบอลผ่านเน็ตจะทำให้กระทู้รายงานผลฟุตบอลลดบทบาทลงไป แต่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ สิ่งที่ผมทำ ผมทำไปด้วยความสนุกและมีความสุขในสิ่งที่ผมรัก ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลคู่ใหญ่ที่มีคนเข้ามาเป็นร้อย หรือเกมคู่เล็กๆที่อาจจะไม่มีใครเลยสักคนอยู่เป็นเพื่อน หรือแม้ว่าเกมนั้นจะทำการแข่งขันกันดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม ผมก็ให้ความสำคัญกับทุกๆเกมเท่าๆกัน การทำให้คนๆหนึ่งมีความสุข กับการทำให้คนร้อยคนมีความสุข สำหรับผมมีค่าเท่ากัน
ผมมักจะยิ้มอย่างมีความสุขเสมอ เมื่อมีเพื่อนๆน้องๆเข้ามาทักทายในกระทู้ เข้ามาเชียร์และรายงานผลฟุตบอลไปด้วยกัน คำกล่าวขอบคุณหลังจากจบเกมการแข่งขัน คือกำลังใจที่ดีสำหรับผมในการทำสิ่งที่ผมรักและทำให้ผมผูกพันกับสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ผมให้ไปมีเพียงน้อยนิด แต่ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมา มันคือความสุขที่ผมได้รับอย่างมหาศาล ผมให้ใจไปเพียงดวงเดียว แต่ว่าผมกลับได้ใจของทุกๆคนเป็นจำนวนมาก มากเกินกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ซะอีก
เวลานี้ ผมได้พิสูจน์แล้วว่า ในโลกอินเตอร์เน็ต ไม่ได้เป็นโลกแห่งการโกหกหลอกลวง หรือสวมหน้ากากเข้าหากัน เหมือนความเชื่อผิดๆแบบในอดีตอีกแล้ว แฟนคลับต่างๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย มีสมาชิกในแต่ละกลุ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีการตั้งกระทู้รายงานสำหรับแต่ละทีมเกิดขึ้น และยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกคุ้นเคยกันมากยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่าจะชื่นชอบในสิ่งที่แตกต่างกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา สำหรับมิตรภาพที่ดี กับสิ่งที่เราเรียกกันว่า เพื่อน แม้กระทู้รายงานผลฟุตบอลจะไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ แต่อย่างน้อย ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมได้ทำไปนั้น เป็นจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องราวดีๆเหล่านี้ขึ้นมาได้
ผมรู้สึกผูกพันกับเวปไซต์แห่งนี้ เพราะว่าที่นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อนๆและน้องๆที่น่ารัก ทั้งจากในห้องศุภชลาศัย และจากในบล็อกแก็งค์ ผมมักจะย้อนกลับไปอ่านแท็กและข้อความทักทายในบล็อก รวมทั้งกระทู้รายงานผลเก่าๆเสมอ และก็นึกขำตัวเอง คนที่พิมพ์อะไรเพี้ยนๆแบบนั้นลงไป ใช่ตัวผมจริงๆหรือเปล่า
นี่คือความทรงจำดีๆกับสิ่งที่ทุกคนให้กับผม และผมจะเก็บเอาเรื่องราวดีๆเหล่านี้เอาไว้ตลอดไป ต้องขอโทษเพื่อนๆน้องๆในห้องศุภฯ และในห้องพักนักกีฬา ที่ผมไม่ได้เข้าไปตั้งกระทู้กล่าวคำร่ำลา เนื่องจากไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสำคัญอะไร แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เพื่อนๆน้องๆแวะเวียนเข้ามาที่ตรงนี้ อยากจะบอกว่า ผมจะไม่ลืมทุกๆล็อคอินที่รู้จัก และมีโอกาสผมคงจะได้กลับไปทำในสิ่งที่ผมรักอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น เราจะยังไม่ลืมเลือนกันไปนะครับ
ผมมักจะพูดให้กำลังใจกับทุกๆคนที่พบกับปัญหาว่า หลังฝนตก ท้องฟ้าจะแจ่มใส และในวันนี้ก็ถึงเวลาที่ผมต้องพูดกับตัวเองบ้าง แม้จะยังไม่รู้เลยว่า ฟ้าหลังฝนสำหรับผมแล้ว มันจะยาวนานสักเพียงไหน กว่าที่ ผมจะได้สัมผัสกับอากาศที่สดชื่นแจ่มใสอีกครั้ง แต่... เมื่อไหร่ก็ตามที่เหตุการณ์ร้ายๆผ่านไป และผมรู้สึกว่ามีกำลังใจที่เข้มแข็งและกลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิม ผมจะกลับมาทำในสิ่งที่ผมรัก และเมื่อถึงเวลานั้น งานเลี้ยงของผม จะเริ่มต้นอีกครั้ง...ถึงตรงนี้ ผมคงต้องกล่าวคำลากับทุกๆคนแล้วนะครับ แต่ผมสัญญาว่า ผมจะไม่กล่าวคำว่า ลาก่อน อย่างแน่นอน
จากกันด้วยรอยยิ้มดีกว่านะครับ จริงๆแล้ว ที่เห็นผมบอกว่าจะทำเรื่องเพื่อปรับระดับ ซี 7 นั้น อยากบอกว่า ยังไม่แก่ถึงขนาดต้องเรียกลุงหรอกนะครับ วัยแบบผมต้องเรียกว่า ชายวัยฉกรรจ์ ไม่บอกหรอกว่าอายุเท่าไหร่ ใครอยากทราบก็ลองเข้าห้องพักนักกีฬา ไปสอบถามน้องๆในห้องพูดคุยเอาเองนะครับ ได้อายุแล้วก็ลองเอาไปแทงหวยดูนะครับ เผื่อจะมีโชค
อ้อ...ผมยังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแรกที่เรียกผมว่าลุง อย่าให้รู้ว่าเป็นใคร จับได้ล่ะ....มีเรื่อง
ลืมเรื่องสำคัญ.....ใครพอจะมีเงินซักสี่ซ้าห้าแสนให้ผมยื้มๆๆมั่งครับ
มีโอกาสคงได้เจอกับทุกๆคนอีกนะครับ....จะคิดถึงทุกๆคน สวัสดีครับ
Create Date : 26 มกราคม 2552 |
|
41 comments |
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 16:34:22 น. |
Counter : 9926 Pageviews. |
|
|
|