Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2561
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 มิถุนายน 2561
 
All Blogs
 
หนังสือดีที่อยากบอกต่อ



สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนังสือที่เราได้อ่านแล้วคิดว่ามันดีและประทับใจมาก ก็เลยอยากแนะนำให้เพื่อนๆได้หามาอ่านกันบ้างหากเห็นว่ามันน่าสนใจดีเหมือนกัน เริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ



เล่มแรก Little Women

หลังจากที่เราได้อ่านหนังสือเล่มนี้บอกตามตรงว่า เข้าใจคำว่า“วรรณกรรมอมตะ” จริงๆเพราะไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านมานานเป็นร้อยปีแต่เรื่องราวของสี่สาวตระกลูมาร์ชกลับทำให้เราหลงใหลและคิดภาพตามได้ทุกหน้า หนังสือเรื่องนี้เขียนจากเค้าโครงชีวิตจริงของเธอและน้องสาว เล่าเรื่องแบบเรียบง่าย เป็นธรรมชาติของหญิงสาวสี่คนคือ เม็ก –พี่สาวคนโตที่รักความงามและคอยดูแลน้องๆ โจ – ผู้รักการอ่านและเขียน เป็นชีวิตจิตใจ ชอบทำตัวเหมือนเด็กผู้ชาย เบธ – สาวน้อยขี้อายผู้น่ารักและเป็นที่รักของทุกคนเพราะเธอช่างแสนดี และเอมี่ – น้องสุดท้องผู้ชื่นชอบในศิลปะ ความงาม  ครอบครัวมาร์ชใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ช่วยกันทำงานต่างๆเพื่อเลี้ยงครอบครัวระหว่างที่พ่อของพวกเธอต้องไปร่วมรบกับกองทัพ โดยมีแม่และสาวใช้คนหนึ่งดูแลเท่านั้น เรื่องราวต่างๆถูกเขียนได้อย่างน่าประทับใจ สะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ในสมัยก่อน โดยเล่าเรื่องตั้งแต่พวกเธอยังเป็นเด็กสาวซึ่งแต่ละคนก็มีหน้าที่ต้องทำ และต่างต้องพบเจอกับปัญหาการงาน การใช้ชีวิต และบางครั้งก็อยากมีเหมือนคนอื่น แต่ถึงแม้ครอบครัวจะไม่ร่ำรวยแต่พวกเธอมีกันและกัน ต่างจากเด็กหนุ่มข้างบ้านที่แม้มีบ้านใหญ่โตแต่ก็ดูหงอยเหงา วันๆอยู่แต่ในบ้านไม่มีเพื่อน จนพวกเธออดที่จะเห็นใจไม่ได้และต้อนรับเขามาเป็นเพื่อน พอสาวๆเริ่มมีความรักก็มีปัญหาหัวใจให้ต้องแก้ จนกระทั่งแต่งงาน สาวน้อยทั้งสี่ต้องเจอกับเรื่องราวท้าทายจิตใจต่างๆนาๆซึ่งเธอสามารถผ่านมาได้เพราะคำสอนของพ่อ แม่ ความเข้มแข็งและความดีในตัวเอง ซึ่งแม่ของพวกเธอก็จะมีวิธีสอนลูกได้ดีมากบางครั้งเป็นการพูดให้คำปรึกษา บางทีก็ปล่อยให้ไปพบเจอด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้ประสบการณ์และได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง ทำให้พวกเธอสามารถผ่านเหตุการณ์ต่างๆไปได้เพราะมีครอบครัวที่คอยดูแล อบรมสั่งสอน และแสนอบอุ่น เรื่องนี้ยังทำให้เราเห็นความรัก ความผูกพัน และการให้อภัยของพี่น้อง

เราชอบหนังสือเรื่องนี้ตรงที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจมากจริงๆ ได้ร่วมลุ้นไปกับทุกตัวละครลุ้นกับการตัดสินใจของพวกเขาทุกคน เพราะแต่ละคนก็มีเรื่องราวและบุคลิกที่แตกต่างกันคนละแนว มีทั้งยิ้มได้และเสียน้ำตา ได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจ พออ่านจบเรารู้สึกเหมือนได้รับการอบรม ขัดเกลาจิตใจไปกับพวกเขาด้วย เป็นหนังสือที่ทำให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และอยากลุกขึ้นมาทำตัวขยันขันแข็งอย่างสี่สาว


ขอบอกนิดนึงว่านี่เป็น1ใน4เล่มของชุด Best of the World ซึ่งเราสนใจแค่เรื่องเดียวเลยเอามาเรื่องเดียวไม่ซื้อยกชุด(เผื่อใครมีลูกหลานอยากจะซื้อให้อ่านยกชุด) และตอนนี้มีของสนพ.นานมีออกมาด้วยเล่มบางกว่ามากเป็นปกอ่อน ใช้ชื่อไทยว่า "สี่ดรุณี" ใจเราก็อยากซื้อมาอ่านอีกดูว่าจะชอบสำนวนการแปลคนไหนมากกว่า และสำหรับใครที่เห็นว่าเล่มหนามากคงใช้เวลาอ่านนาน ต้องบอกว่าเพราะตัวหนังสือใหญ่ค่ะ  เล่มเลยหนา ด้านในมีภาพประกอบสวยๆด้วยSmiley เรื่องนี้มีภาคต่อเมื่อสาวๆโตขึ้นด้วยนะ แต่ว่าที่แปลเป็นไทยไม่มีค่ะ

*มีหนังให้ดูด้วยนะ ทำออกมาหลายรอบอยู่ และเร็วๆนี้เห็นว่ามีการทำอีก! แต่ทำให้เหมือนยุคสมัยนี้ เรานี่อดใจแทบไม่ไหวอยากดูว่าถ้าสาวๆอยู่ยุคนี้จะเป็นแบบไหนกันนะ แค่เห็นเบื้องหลังที่เขาปล่อยก็น่าสนใจแล้ว*





The Glass Castle ปราสาทของพ่อ

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวครอบครัววอลล์ส ที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ลูกสาว 3 คน และชาย 1 คน ผ่านการเล่าเรื่องโดยลูกสาวคนที่สองคือ จีนแน็ตต์ ซึ่งเล่าจากความทรงจำในชีวิตจริง โดยเธอมีพ่อเป็นชายผู้ที่ชาญฉลาด เคยทำงานในกองทัพมาก่อน มีความรู้มากมายหลายด้านที่สอนเธอเสมอ สอนให้เธอกล้าหาญ ไม่กลัวสิ่งใด แต่เขาติดเหล้าและไม่เคยทำงานที่ไหนได้นาน ส่วนแม่ของเธอก็เป็นศิลปินที่ชอบวาดภาพ รักอิสระ ไม่มีระเบียบใดๆในชีวิต ครอบครัวของเธอจะขับรถหาที่อาศัยใหม่ไปเรื่อยๆ เพราะรักการผจญภัย และข้อสำคัญไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ครอบครัวนี้ต้องรีบโกยของเท่าที่จำเป็นและหนีกลางดึกเสมอ แม้แต่รพ.ก็เช่นกัน เมื่อน้องสาวสุดท้องของเธอคลอด ครอบครัวนี้ก็เผ่นหนีตามแบบของเรกซ์ วอลล์ส ชีวิตวัยเด็กของเธอจึงเป็นเต็มไปด้วยเรื่องราวตื่นเต้น เร้าใจ เธอชอบการได้อยู่ที่ทะเลทรายที่สุด รู้จักสัตว์ทุกชนิด ได้หาหินสวยๆมาสะสม ได้จับจองดวงดาวบนฟ้าเป็นของขวัญจากพ่อ เธอคือคนเดียวที่รัก และเชื่อมั่นในตัวพ่อของเธอเสมอ วันหนึ่งระหว่างการเดินทางไปยังที่อยู่ใหม่พ่อเธอขับรถแรงมากและประตูฝั่งเธอก็ดันเปิดออกและตัวเธอพลัดตกลงมาจากรถและเกลือกกลิ้งไปอีกหลายเมตรบนผืนทราย เนื้อตัวมีแต่ทราย เลือดไหลไปทั่ว เธอเห็นเจ้ารถเคลื่อนตัวออกไปเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะกลับมารับเธอ ตอนแรกเธอคิดว่าพ่อต้องกลับมารับเธอแน่ แต่เมื่อรอนานมากๆก็คิดว่าพ่ออาจจะทิ้งเธอแล้ว ทันใดนั้นเธอก็เห็นเจ้ารถนั่นวิ่งกลับมาทางเดิม พ่อบอกว่าเพราะไบรอันเจ้าน้องชายเอาแต่ร้องไห้พูดไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น กว่าพ่อจะฟังออกก็ขับไปไกล และมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องขำขันจนเธอหัวเราะงอหงายไปด้วย 

เนื่องจากครอบครัวนี้ไม่ค่อยมีเงิน บางทีก็ต้องไปอยู่กับยายซึ่งยายของเธอเป็นคนรวยและใจดี จะเป็นช่วงเวลาที่จีนแน็ตต์มีความสุขมาก เพราะเธอได้มีบ้านที่อบอุ่น มีอาหารดีๆให้กินทุกมื้อ ได้รับความรักความอบอุ่นจากยาย ยายรักเธอเสมอ แต่พ่อเธอไม่ถูกกับยาย เพราะยายไม่ชอบหน้าพ่อและเห็นว่าเป็นคนไม่เอางานเอาการ สองคนนี้จึงร่วมบ้านกันได้ไม่นานเสมอ แล้ววันนึงเธอก็ได้รู้ว่ายายจากไปแล้ว เธอไม่มีที่พึ่งอีก แต่แม่ก็ได้รับมรดกเป็นบ้านหลังนั้น รวมถึงที่ดินมากมายแต่เธอยืนยันว่าจะไม่ขายมันเป็นมรดกที่สืบทอดกันมา(แม้ว่าจะไม่มีกินเลยก็ตาม) และเพราะพ่อเธอไม่สามารถทนงานทำได้นาน เงินต่างๆที่มีทั้งจากมรดก และจากงานจึงค่อยๆหมดลง เรื่องอดมื้อกินมื้อพวกพี่น้องรู้กันดีอยู่แล้ว วันหนึ่งก็ต้องย้ายบ้านอีกครั้งไปอยู่กับย่าที่เมืองเวลช ซึ่งย่าเกลียดพวกเธอมาก แล้ววันนึงก็โดนไล่ออกจากบ้านและต้องหาที่อยู่ใหม่ซึ่งเป็นที่ๆแย่ที่สุดบ้านแทบจะพังมิพังแหล่ และเล็กมาก ในขณะที่สมบัติของแม่เธอเยอะมาก บ้านอัดแน่นไปด้วยภาพวาด กองข้าวของที่ไม่ประโยชน์ต่างๆ และเยอะขึ้นเรื่อยๆจนบ้านแทบไม่มีทางเดิน พอไปเรียนเธอก็ถููกคนอื่นรังแก และโดนว่าเรื่องเนื้อตัวที่สกปรกเพราะเธอมักไม่ได้อาบน้ำ ที่เมืองนี้เธอต้องพบปัญหามากมาย เธอเริ่มคิดว่าที่นี่ไม่น่าอยู่เธออยากออกไปจากที่นี่ เพราะเธอเริ่มโตขึ้นและเข้าใจสิ่งต่างๆมากขึ้น หลุมที่พ่อให้เธอขุดด้วยความเหนื่อยยากว่าจะลงเสาปราสาทแก้ว กลายเป็นหลุมใส่ขยะ ที่วันนึงก็มากเกินกว่าหลุมที่ขุดก็กองๆไว้เต็ม แม่ที่เอาแต่วาดภาพ  มีอารมณ์แปรปรวน และไม่เคยสนใจเรื่องอาหาร การกิน หรือสิ่งต่างๆในชีวิตของลูก ที่ตลอดมาผลักภาระต่างๆมาให้พวกเธอทำตั้งแต่ยังเด็ก อาที่ลวนลามเธอ พ่อที่ไม่มีทีท่าว่าจะสร้างปราสาทแก้วจริงๆ เอาแต่เมาไปวันๆ บ้านที่หลังคารั่ว บันได และพื้นผุพัง ชีวิตที่ต้องเก็บอาหารจากถังขยะมากิน พวกเขาจึงช่วยกันหางานทำและเก็บเงินเพื่อเดินทางออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด

วันนึงพี่น้องของเธอก็สามารถเดินทางสู่มหานครนิวยอร์คได้ทีละคน ทำตามความฝันของตัวเอง พี่น้องของเธอต่างก็มีหน้าที่การงาน และชีวิตที่ดีกว่าเดิมในแบบตัวเอง วันหนึ่งพ่อและแม่ก็ตามมาที่นี่ เพราะเรกซ์ วอลล์ส ต้องการให้พวกเขาเป็นครอบครัวอีกครั้ง ที่นี่ทั้งสองใช้ชีวิตเป็นคนเร่ร่อนเช่นเคย  แม้ว่าครอบครัวของเธอจะเป็นเช่นนี้แต่พวกเขาก็ยังรักกันเหมือนเดิม 

เราชอบหนังสือเรื่องนี้มากๆ ทุกหน้าที่อ่านมันคือเรื่องราวที่สะกดใจ อ่านหน้าไหนก็ต้องมนต์ ทั้งสนุก ตื่นเต้น ผจญภัย หดหู่ เศร้า มันครบรสมาก เราประทับใจกับการสอนของพ่อ แม่ ตระกูลนี้มากเขาสอนลูกดี แต่การกระทำเขาค่อนข้างไม่เอาไหนอย่างมาก จีนแนตต์เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง และแกร่งมาก ถ้าเราต้องเจอเรื่องราวอะไรแบบนี้คงรับไว้ไม่ไหวแบบเธอแน่ 



สี่แผ่นดิน

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องราวชีวิตของแม่พลอยในสี่รัชกาลด้วยกันตั้งแต่รัชกาลที่5 ที่มีความรุ่งเรือง บ้านเมืองและผู้คนสงบอบอุ่น เป็นช่วงที่แม่พลอยได้อาศัยอยู่ในวัง รัชกาลที่ 6 ที่ปราสาท ราชวังเริ่มไม่ได้รับการดูแลเพราะร้างเจ้านายจะมาอยู่ดังเดิมเพราะท่านหันไปสร้างวังที่ด้านนอกทำให้หัวใจของแม่พลอยต้องโศกเศร้าเพราะแต่ก่อนที่แห่งนี้ล้วนมีชีวิตชีวามาตอนนี้มีแต่คนเก่าแก่ ตึกต่างๆก็ร้างผุพัง และเริ่มมีการให้แต่งตัวแบบใหม่ๆให้วุ่นวายในสายตาแม่พลอยเพราะไม่ถนัดจะใส่ ทั้งกระโปรง และหมวก รัชกาลที่ 7ที่บ้านเมืองมีปัญหาประชาชนต้องการประชาธิปไตย และทำให้พระเจ้าอยู่หัวต้องเดินทางไปนอกประเทศยังความเศร้าโศกในหัวใจแม่พลอยยิ่งนักที่ต้องเห็นทั้งประชาชนมาสู้รบด้วยกันเองลูกของตนยังอยู่กันคนละฝ่าย และพระเจ้าอยู่หัวที่พลอยคิดแต่เพียงว่าท่านไม่ควรต้องทำถึงเพียงนี้เลยแต่เพราะท่านรักประชาชน จนรัชกาลที่ 8 ที่ยังความสดใสเพราะพระชันษายังน้อย เป็นที่รักของทุกคนเพราะท่านยังเล็กนัก และแม่พลอยก็อดสงสารไม่ได้เพราะคิดว่ายังเล็กนักจนวันที่เกิดเหตุร้ายขึ้น

ในส่วนชีวิต แม่พลอยต้องเข้ามาอยู่ในวังตั้งแต่ยังเล็กเพราะแม่พามาถวายตัวกับเสด็จ โดยมีคุณอาสายซึ่งแม่ของพลอยรู้จักตั้งแต่เคยอยู่วังคอยดูแล และมีช้อยหลานแม่สายเป็นเพื่อนคลายเหงาและแนะนำให้พลอยได้รู้จักการใช้ชีวิตในวังว่าต้องทำอย่างไรบ้าง และช่วยให้คลายการคิดถึงแม่จนกลายเป็นเพื่อนรักกันในที่สุด และเมื่อโตเป็นสาวต้องตัดจุกก็ได้ไปทำพิธีโกนจุกที่บ้านของช้อย ทำให้ได้เจอกับพี่เนื่องเป็นรักแรกของพลอยในเวลาต่อมา และเป็นช่วงที่แม่พลอยมีความสุขกับชีวิตได้รับใช้เสด็จ ที่รักและเอ็นดูพลอยยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าพ่อเพิ่มไปมีเมียแล้วทิ้งให้พลอยคอยเก้อ เสด็จก็ทรงปลอบใจและเรียกใช้คนอื่นแทนให้พลอยได้ทำใจ จนได้พบกับคุณเปรมซึ่งเป็นมหาดเล็กในวังคอยมอง คอยจีบผ่านพ่อเพิ่มพี่ชายแท้ๆของพลอย จนในที่สุดพลอยก็ตัดสินใจแต่งงานด้วยตามที่บิดาและผู้ใหญ่เห็นชอบ จนเมื่อย้ายออกจากวังมาบ้านคุณเปรม พลอยจึงได้รู้ว่าคุณเปรมมีลูกแล้ว 1 คน ซึ่งพลอยมิได้ว่ากล่าวอะไรคุณเปรมเลย กลับรักเด็กคนนั้นเหมือนลูกแท้ๆและตั้งชื่อให้ว่า"ตาอ้น" และมีลูกอีกสามคนคือ อั้น อ๊อด และประไพ ลูกสาวเพียงคนเดียว 

ชีวิตของพลอยต้องพบกับความผิดหวัง ความเศร้าครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งจากการที่แม่ทิ้งตนไว้ในวังลำพัง ก่อนจะมาจากไปภายหลังไม่นาน คุณอุ่นพี่สาวคนโตต่างมารดาที่เกลียดพลอยยิ่งกว่าอะไร แต่พลอยกลับให้อภัยและให้คุณอุ่นได้มาอาศัยกับตนเมื่อเจ้าคุณพ่อสิ้นใจและคุณชิดน้องคุณอุ่นชอบพาแต่นักเลงเข้าบ้านจนอยู่ไม่ได้ ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงและความโศกเศร้าเมื่อเปลี่ยนแผ่นดิน การต้องรับมือกับคุณเปรมที่เปลี่ยนไปทีละน้อยให้ทันยุค และคอยจะบังคับให้พลอยทำตัวให้ทันสมัยกับเขาไปด้วย ในขณะที่พลอยชอบแต่อะไรเดิมๆยึดติดเมื่อครั้งเคยอยู่ในวัง แต่มีช้อยเพื่อนรักที่แวะเวียนมาหา พูดคุยและเล่าบรรยากาศอันเงียบเหงา วังเวงไปทีละน้อยเมื่อวังเริ่มไร้ผู้คนเหลือเพียงแต่คนแก่ไปเรื่อยๆ แต่ช้อยเป็นคนที่ร่าเริงและหาทางคิดเรื่องต่างๆให้สนุกสนานได้เสมอ และเห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสนุก มีพ่อเพิ่มคอยมาเยี่ยมเยียนหาข่าวต่างๆมาเล่าให้แม่พลอยฟัง นอกจากการเปลี่ยนรัชกาลที่พลอยต้องเสียใจ ยังเรื่องลูกชายคนโตที่ต้องไปรบ คนที่สองฝักใฝ่การเมืองและอยากเห็นประชาธิปไตย และมีความเห็นทางการเมืองขัดแย้งกับคนโต เพราะคิดและมองสิ่งต่างๆแบบคนจบนอก ลูกชายคนที่สามที่พลอยรักนักหนาเพราะติดแม่แต่ก็ไม่ค่อยเอาการเอางานมากนักแม้จะจบนอกมาเช่นเดียวกัน และลูกสาวคนเล็กที่เห็นดีเห็นงามกับตาอั้น พี่ชายของตนไปทุกเรื่อง พลอยต้องเจอกับความขัดแย้งในครอบครัวเมื่อลูกของตนบางคนมองว่าตาอั้น มิใช่ลูกที่แท้ของแม่พลอย และต้องพบเจอทั้งสงครามกลางเมือง สงครามโลก

หนังสือเรื่องนี้เล่าเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในวังของคนสมัยก่อนได้ชัดเจนมาก รวมถึงวิถีชีวิตทั่วไป เช่นคำพูด กิริยาท่าทาง การแต่งกาย และเล่าเรื่องราวชีวิตของแม่พลอยในแต่ละยุคที่เปลี่ยนไป การปรับตัวให้ยุคเข้าสมัย ความคิดและการกระทำต่างๆของแม่พลอยทำให้แม่พลอยเป็นที่รักของทุกคน 

เราชอบหนังสือเล่มนี้มาก เพราะเหมือนเราได้ย้อนเวลาไปอยู่ยุคนั้นด้วย เขียนได้เห็นภาพมาก และได้เจอกับเรื่องราวที่บอกตัวเองว่าถ้าเราเป็นแม่พลอยทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน แม่พลอยช่างดีเสียเหลือเกิน เหมือนที่ช้อยว่าจริงๆ ได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไปในตัวอีกด้วย ยิ่งช่วงที่รัชกาลที่7 เราอ่านแล้วเสียใจมากตามไปด้วยจริงๆ ตอนเรียนเราก็จำได้ว่า 2475 เป็นปีที่เปลี่ยนการปกครองแต่พออ่านเป็นเรื่องราวแบบนี้มันยิ่งสะเทือนอารมณ์ ในหลวงท่านเสียสละยิ่งใหญ่มาก และยิ่งอ่านๆไปก็รู้สึกอยากเป็นคนดี สงบ นิ่ง ให้ได้เหมือนแม่พลอย แล้วก็อยากร่าเริง มองโลกตามความเป็นจริง และเป็นไป ปรับตัวได้เก่งเหมือนแม่ช้อย

ต้องบอกว่ากว่าเราจะอ่านจบช่วงแผ่นดินที่ 1 ใช้เวลาประมาณ 2 ปี เนื่องจากตัวเล่มที่เราซื้อได้เล่มเดียวจบมา! (ไม่รู้ว่าเขามี 2 เล่มจบด้วยเห็นวางขายเล่มนี้ก็ซื้อมา) เสร็จแล้วพออ่านก็เจอเรื่องสีสไบจับเข้าคู่สีตามฉบับคนในวัง เลยวาง เลิกอ่านเลย งงไปหมดสีอะไรคู่อะไรอธิบายเยอะมาก เบื่อไปก่อนแล้วก็วางแช่บนโต๊ะบ้างว่าจะอ่าน เอาไปเก็บเข้าตู้บ้างเมื่อคิดว่าขี้เกียจ พอเริ่มติดลมก็เลยอ่านมาเรื่อย ซึ่งใช้เวลาไป..สองแผ่นดิน...




WONDER - ชีวิตมหัศจรรย์ของออกัส 

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายที่มีหน้าตาผิดปกติ ตาที่อยู่ต่ำกว่าปกติ และเอียงเป็นแนวทแยง ดวงตาโปนออกมา ไม่มีคิ้วและขนตา ถุงใต้ตาหย่อน ปากที่ปิดไม่สนิททำให้เวลาเคี้ยวอาหารจะเลอะเทอะออกมา หูที่มีปัญหากับการได้ยินเสียง แต่เขามีครอบครัวที่อบอุ่นและคอยเคียงข้างเสมอ หนังสือจะแยกตอนเหมือนให้ตัวละครแต่ละตัวออกมาเล่าในมุมของตัวเอง ซึ่งเรื่องของแต่ละคนคือจะมีออกัสต์, เวีย-พี่สาว, แจ็ก-เพื่อนออกัสต์,ซัมเมอร์-เพื่อนออกัสต์,จัสติน-แฟนเวีย, มิแรนด้า-เพื่อนเวีย

ออกัสต์ก็เล่าเรื่องที่เขาต้องเข้าโรงเรียนเพราะว่าแม่เห็นว่าเขาควรไปเรียนได้แล้วหลังจากเรียนหนังสือที่บ้านมานาน และเขาจะได้ไปพบเจอคนอื่นๆบ้าง เนื่องจากเขาเป็นคนเก็บตัวเงียบ เวลาจะออกจากบ้านก็มักจะใส่หมวกนักบินอวกาศที่มิแรนด้าซื้อให้เขาเสมอ เพราะเขาชอบสตาร์วอร์มาก พอไปเรียนเขาก็มีเพื่อนชื่อแจ๊ก ซึ่งไปไหนมาไหนกับเขาเสมอ ตอนหลังมารู้ว่าแจ๊กทำไปเพราะครูใหญ่ขอให้เขาช่วย เขาจึงเสียใจมากเพราะเชื่อว่าแจ๊กเป็นเพื่อนรักที่เขาสนิทสนม และแจ๊กยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็นได้จริงๆ

ในมุมของเวียเธอรักออกัสต์ เพราะน้องต้องเข้าออกโรงพยาบาลเสมอ เธอคอยดูและปกป้องออกัสต์ทุกครั้ง แต่เมื่อเริ่มโตขึ้นเข้าเรียนที่ใหม่เธอกลับไม่บอกใครว่ามีน้องชายอย่างเขา เธออยากมีชีวิตที่เป็นปกติบ้าง ตั้งแต่ออกัสต์เกิดมาชีวิตเวียต้องดูแลตัวเอง ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นยังไง มีแค่ยายที่เคยบอกว่ารักเธอมากที่สุด แต่แล้วยายก็จากไป เธอไม่สามารถเล่าเรื่องราวให้ใครฟังได้ และทุกคนเอาแต่สนใจออกัสต์ เพื่อนสาวคนสนิทอย่างมิแรนด้าก็เปลี่ยนไปเริ่มตีตัวออกห่าง ไม่เล่าเรื่องราวอะไรให้เธอฟังอีก

แจ๊กเด็กชายที่ไม่ได้ร่ำรวยนักซึ่งครูใหญ่ขอให้มาช่วยพาออกัสต์ชมโรงเรียนและคอยเป็นเพื่อนเขา แจ๊กตกปากรับคำเพราะแม่ของเขาขอให้ทำ เพราะแจ๊คเคยเห็นหน้าออกัสต์มาก่อนและก็กลัวๆเหมือนกัน แต่เพราะน้องชายเขาเล่าว่าร้อง "อ๊า" ต่อหน้าออกัสต์เพราะตกใจ เขาก็อดสงสารไม่ได้ เพราะขนาดน้องเขาที่เป็นเด็กนิสัยดียังทำแบบนี้ ออกัสต์ต้องลำบากแน่เมื่อต้องอยู่ที่โรงเรียน จึงตอบตกลง ทีแรกเขาก็เป็นเพื่อนเพราะครูใหญ่ แต่เมื่อเขาได้ใกล้ชิดกับออกัสต์ เขาก็ได้รู้ว่าออกัสต์เป็นเด็กดี นิสัยดี สนุกสนาน และเรียนเก่ง เขาอยากเป็นเพื่อนกับออกัสต์จริงๆ

ซัมเมอร์ หลังจากที่ออกัสต์มีเรื่องผิดใจกับแจ๊ก ก็มีซัมเมอร์เป็นเพื่อนตอนแรกเพราะสงสาร แต่สุดท้ายเธอก็เห็นถึงความน่ารักในตัวออกัสต์ และเป็นเพื่อนกับเขาอย่างจริงใจ เธอไม่เคยพูดจาสนุกสนาน เออออไปกับคนอื่นเมื่อมีใครพูดไม่ดีถึงออกัสต์ แต่เธอจะอยู่ข้างเขาเสมอ

จัสติน แฟนหนุ่มของเวียที่ต้องมาพบออกัสต์ถึงบ้านซึ่งเขายอมรับกับตัวเองว่าออกัสต์ทำให้เขาตกใจกว่าที่คิด แต่ครอบครัวของเวียน่ารักและอบอุ่น และพูดถึงเรื่องการแสดงละครเวทีที่เขาต้องซ้อมบทกับเวียซึ่งเป็นตัวแทนนางเอกของเรื่อง ซึ่งนางเอกคือมิแรนด้าอดีตเพื่อนสนิทเธอนั่นเอง

ส่วนมิแรนด้า เธอเองเสียใจที่เวียไม่สนใจเธอ ไม่พูดจาด้วยแต่เธอก็โทรศัพท์หาเวียที่บ้าน และได้คุยกับออกัสต์ ซึ่งเธอรักออกัสต์มากและเป็นเธอที่ทำให้จัสตินรู้ว่าเวียมีน้องชายที่ไม่ยอมบอก และพูดถึงสาเหตุที่เธอต้องเปลียนไปในช่วงนั้นว่าเกิดจากอะไร และเธอเองก็รักครอบครัวนี้มากๆ

เราชอบหนังสือเล่มนี้ตรงที่เราได้เห็นถึงมุมมองของแต่ละคนแยกออกมา ทำให้เราเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขาและเข้าใจเหตุผลว่าทำไมแต่ละคนถึงทำแบบนั้น เขาคิดอะไรอยู่และเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เพราะตอนเริ่มเรื่องเราจะได้อ่านในมุมของออกัสต์ เราก็จะคิดว่าเอ๊ะ! ทำไมคนนี้ทำแบบนี้ล่ะ แต่พอเราได้อ่านในมุมของคนๆนั้นเราเลยเข้าใจเขา มันก็ทำให้เราได้คิดเราไม่ควรไปตัดสินคนอื่นจากการที่เรามองเขาแค่มุมเดียว หรือจากการที่ใครเล่าให้ฟัง เพราะเขาก็มีเหตุผล พบเจอเรื่องราวต่างๆและต้องตัดสินใจแบบนั้น เป็นหนังสือที่ทำให้เราเห็นถึงความรักของครอบครัว และเพื่อนๆ คือตอนท้ายเรื่องพวกเพื่อนๆก็รักและปกป้องออกัสต์ ทุกคนมองข้ามเรื่องหน้าตาและยอมรับมันประทับใจเรามาก เพราะท้ายที่สุดเราก็ไม่ได้ให้ค่าคนที่หน้าตา แต่เพราะจิตใจและความดีของเขาต่างหากที่ชนะใจ 



สองฝั่งคลอง

หนังสือเล่มนี้พูดถึงชีวิตในสมัยรัชกาลปลายรัชกาลที่ 6 จนถึงรัชกาลที่ 8  นางเอกของเรื่องคือ ทับทิม ซึ่งแม่เสียตั้งแต่เธอคลอด และพ่อเธอเสียใจมากจนรับไม่ได้ยกลูกสาวของตัวเองให้พ่อและแม่ตัวเองดูแลแทน ทับทิมจึงโตมากับปู่และย่า ภายในเรือนไม้ริมคลองสาน ชีวิตของทับทิมไม่ได้สุขสบายมากนัก ในยุคนั้นการที่ผู้หญิงไปเรียนหนังสือ ถือเป็นเรื่องใหม่และคนส่วนใหญ่ไม่เห็นความสำคัญ โชคดีที่เจ้าคุณปู่ของเธอเป็นคนมองการณ์ไกล จึงส่งเสียให้เธอและญาติๆได้เรียน แต่คนอื่นๆพากันเรียนไม่ถึงไหน แต่หลังจากที่ปู่จากไป เธอก็ต้องพบกับความลำบากอย่างมาก เนื่องจากญาติๆของเธอไม่มีใครที่สนใจเธอมากนัก และส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบหน้าเธอ ออกจะเกลียดด้วยซ้ำ ป้าแท้ๆของเธอที่เคยเป็นคนดีพอตัว ซึ่งปู่สั่งเสียไว้เพราะไว้ใจว่าจะต้องให้ค่าใช้จ่ายต่างๆแก่ทับทิมจนกว่าเธอจะเรียนจบ แต่ป้าแท้ๆของเธอกลับจะให้แต่ค่าเล่าเรียน ไม่จ่ายค่าอื่นๆให้ เหมือนเป็นการบีบบังคับให้เธอออกจากมหาวิทยาลัย จนทับทิมต้องเอาของเก่าๆที่มีของแม่ไปขายกับบ้านของคนที่เธอรู้จัก เพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย แม้ว่าเธอจะอับอายแต่ก็ไม่มีทางเลือก โชคดีที่บ้านคุณหญิงมีเมตตาต่อเธอมาก และตัวทับทิมเองได้รับการเลี้ยงดู และสั่งสองจากปู่ ย่ามาอย่างดี รวมถึงมีพี่เลี้ยงอย่างยายเสม ที่ดูแลและอยู่เคียงข้างเธอ แม้ตอนแรกจะดูเหมือนคอยขัด แต่ยายเสมคือคนเพียงคนเดียวที่เหลือในบ้านหลังนี้ที่รัก และดูแลเธอ ลำบาก ลำบนไปด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนเมื่อเรียนจบ และได้แต่งงานกับคุณลาน ผู้ชายนิสัยดี สงบ เยือกเย็น ที่แม้จะพูดน้อย ไม่โรแมนติก แต่ทุกคำพูดทุกการกระทำก็ทำให้ทับทิมซาบซึ้งใจเสมอ แต่หลังจากออกเรือนก็ใช่จะมีชีวิตที่สุขสบาย เพราะบ้านคุณลานก็มีแม่เลี้ยงที่จู้จี้จุกจิก นิสัยไม่ดี ทับทิมเองก็ต้องอดทนเอา และคอยดูแลพ่อของคุณลานที่มีเมตตาต่อเธอ แต่เพราะท่านไม่เคยออกปากว่าคุณหญิงจึงทำให้คุณหญิงสำคัญตัวว่าใหญ่โต แม้แต่คุณลานก็โดนสารพัด และไม่นานก็เกิดสงครามโลก บ้านเมืองไม่สงบ ข้าวยากหมากแพง แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันทำมาหากินและต่างก็เป็นคนดี ทำให้สุดท้ายก็มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ต่างจากญาติพี่น้องของครอบครัวทับทิมที่หลังจากผ่านเวลาไปชีวิตก็มีแต่ปัญหา ลูกๆในครอบครัวแย่งชิงสมบัติกัน มีแต่เรื่อง

เราชอบหนังสือเล่มนี้มาก เป็นหนังสือย้อนยุคเรื่องแรกที่เคยอ่าน และเหตุผลคือไปงานหนังสือแล้วเห็นคนข้างๆดูปลาบปลื้มกับหนังสือเล่มนี้มาก จนเรารู้สึกว่าเฮ้ย! ต้องเอามาอ่านบ้างแล้วว่ะ แล้วพอได้อ่านมันดีมาก เนื้อเรื่องเล่ารายละเอียดของการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในสมัยก่อนจนรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ไปด้วยเลย แล้วเราประทับใจที่ทับทิมเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก วางตัวดี แล้วคนที่เรารักมากอีกคนคือยายเสมคนที่อยู่เคียงข้างอดมื้อกินมื้อไปด้วยกันกับทับทิม อ่านเรื่องนี้แล้วเราได้เรียนรู้เรื่องราวการใช้ชีวิตในสมัยก่อน มันเรียบง่าย ละมุนใจ ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ด้วย

*เราซื้อมาพร้อมเรื่อง ทานตะวัน เล่มนั้นเราและเพื่อน(ให้เขายืมอ่าน ซึ่งอ่านไม่จบด้วยมันบอกไม่ไหว ยืดเยื้อ ตอนนี้ก็บริจาคแล้ว)อ่านแล้วไม่ไหวเลย อธิบายละเอียดเยอะเวอร์มาก จนเรื่องราวเนื้อเรื่องจริงๆแทบไม่ไปไหน มันวนเวียนอยู่กับการอธิบายสิ่งต่างๆมากจนเรื่องแทบไม่เดิน แล้วเราดันอ่านเล่มนั้นก่อนไง กว่าจะจบ ไม่สนุกเอาซะเลย เล่มนี้เลยขยาดกลัวจะเจออย่างเก่า กว่าจะทำใจเอามาอ่านได้ ที่ไหนได้สนุกเวอร์ค่ะเล่มนี้ คนละเรื่องเลย แล้วเราให้เล่มนี้กับใครอ่านก็ประทับใจ จนตอนนี้น้องเยินนิดหน่อย *


หมดไปแล้วกับหนังสือแนะนำลอตแรกไว้เราจะมาเล่าต่อนะว่ามีเล่มไหนอีกบ้าง หนังสือที่ซื้อมาอ่านก็มีชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง เล่มไหนไม่ชอบก็เอาไปบริจาคเด็กต่างจังหวัด รอบแรกก็เสียดายเงินนะ แต่เราก็ไม่อยากให้มันรกตู้ เอาไว้เก็บหนังสือที่เรารักดีกว่า อีกอย่างพอได้บริจาคมันก็เหมือนได้ส่งต่อหนังสือกับเด็กๆคนอื่นไป เขาได้ความรู้เราก็ดีใจ มันก็เลยไม่เสียดายแล้วเดี๋ยวนี้ เพราะเราเองเวลาเข้าห้องสมุดได้เห็น ได้อ่านหนังสือดีๆก็มีความสุข 




Create Date : 10 มิถุนายน 2561
Last Update : 24 มิถุนายน 2561 21:54:58 น. 0 comments
Counter : 743 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3651244
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อารมณ์ติสท์ติดตัว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3651244's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.