เขียนไว้อ่านเรื่อยๆ ครับ

 
สิงหาคม 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 สิงหาคม 2567
 

... คือรัก ... บทที่ 3

.. บทที่ 3 ..
.. เพื่อนดีและเพื่อนบ้า ..


                “ป๊อก ๆๆ”


               “ทำอะไรน่ะตี๋?” แม่ร้องถามจากหลังบ้าน

               “ตี๋ไม่ได้ทำครับ..” ผมเดินเข้าหลังบ้านพร้อมป๋องที่มีกระบอกข้าวหลามในมือ “ป๋องเพื่อนผมซื้อข้าวหลามมาฝาก เรากำลังเคาะให้มันล่อนออกมา..” ส่งกระบอกที่ข้าวเหนียวโผล่ออกมาแล้ว “นี่ไงแม่ อร่อยดี”

               “ซื้อมาจากไหน..” แม่หักส่วนบนเข้าปาก “หวานมัน..อร่อยมาก”

               “แล้วเหลือข้างล่างให้ตี๋นี่นะ ! ..” ผมยื่นมือไปที่กระบอกข้าวหลามในมือแม่ “จะอร่อยเท่าหน้ามันไหม”

               “ก้นกระบอกแม่ก็ไม่ให้” แม่จับเนื้อข้าวเหนียวไว้แน่น ผมจึงได้แต่กระบอกเปล่า ๆ

               “โห ! แม่”

               “ถ้าที่นี่ชอบทานกัน..” ป๋องละจากการเคาะกระบอกข้าวหลาม “กลับบ้านคราวหน้าผมจะนำมาฝากอีกครับ..” ส่งกระบอกที่ถืออยู่ใส่มือผม “แย่งแม่ทำไม..ฮะ ๆ” แม่หัวเราะ

               “บ้านป๋องอยู่ที่ไหนหรือ..เอ..เพื่อนตี๋คนนี้แม่ไม่คุ้นหน้า” แม่เดินออกมานั่งที่โซฟาหวายพร้อมผมและป๋องเพื่อทำความรู้จัก..แม่รู้จักที่ไปที่มาของเพื่อนผมแทบทุกคน

               “คือผมเป็น..” ป๋องหยุดพูดเพราะถูกผมเหยียบเท้า

                “ป๋องเป็นคนจังหวัดนครปฐมครับ” ผมรู้ว่าป๋องจะบอกแม่ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนที่โรงเรียน เพราะถ้าบอกไปแม่ก็จะถามต่อจนหายข้องใจ และแม่ก็จะจ้องดูพฤติกรรมการคบกันของเราสองคนไม่วางตา..แม่หวงลูกชายมาก

               “เย็นมากแล้ว..” ป๋องพอจะเข้าใจ “ผมขอตัวกลับหอพักก่อนเดี๋ยวค่ำมืดแล้วจะลำบาก”

               “หอพัก ! ..” แม่ทำหน้าสงสัย “อ้อ..เด็กต่างจังหวัดก็ต้องอยู่หอพักสินะ เรียนหรือทำงานล่ะ?”

               “ป๋องเรียนหมอครับ” ผมเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง

               “หมอรักษาส่วนไหน?” เห็นไหม..เพื่อนจะเป็นคุณหมอในวันข้างหน้าแม่ก็ยังไม่เว้น

               “กำลังจะแยกไปเรียนเป็นหมอฟันปีนี้แหละครับ” ผมชิงตอบเสียงเองเพราะเห็นท่าทางอึดอัดของป๋อง

               “ดีจัง..” แม่พูดตรงใจ “อีกหน่อยทำฟันให้แม่ด้วยนะ ปวด ๆ อยู่หลายซี่”

               “ครับ..” ป๋องเลิ่กลั่ก “ผมกลับก่อนนะครับคุณแม่”



จากวันที่ถูกแม่ซักฟอก ผู้ต้องหาป๋องหายไปเป็นปี..

ป๋องคนนี้เองเป็นคนทำฟันสวยให้แม่ใส่..ไม่ใช่ถูกบังคับหรือจำยอม..แต่ด้วยใจ

ปีต่อมา ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้อย่างเดิม..โชคดีที่แม่และผมทำใจได้ คิดว่าการไม่ได้เข้าเรียนขั้นอุดมศึกษาไม่ใช่ชีวิตจะพบทางตัน ยังมีอีกหลายทางที่จะดำรงชีวิตได้แม้จะไม่สวยหรูอย่างคนอื่น ที่จริงผมไม่ใช่คนสู้ชีวิตและใฝ่ดีสักเท่าไหร่แต่ไม่เห็นผิดเป็นชอบ มีเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้นและไม่หยุดทำมาหากิน..แหะ ! มีบ้างเหมือนกันที่นอกลู่นอกทางเวลาขี้เกียจและงอแง ( กับตัวเอง )

สังคมที่ผมอยู่ค่อนข้างจอแจเพราะอยู่ข้างตลาด ผู้คน ขวักไขว่แต่ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น อาจเพราะเป็นสังคมที่ส่วนมากเป็นคนจีนซึ่งขยันทำมาหากิน เด็กผู้ชายส่วนมากไปทำงานโรงงานในตัวเมืองและกรุงเทพฯ เด็กผู้หญิงเฝ้าบ้านเย็บผ้าโหลหรือค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตลาด มีบ้างเหมือนกันที่ขี้เกียจและงอแงเหมือนผม ฮุก..เอ็ง..น้อย..เล็ก..เล็กเช็ง คือรายชื่อเด็กหญิง ( วัยรุ่น ) ที่ขี้เกียจบ่อย ๆ..ไม่ใช่ผมหรอกที่เป็นหัวโจก..ตามน้ำอะ..ทำอะไรกันหรือ...มีของเล่นชนิดหนึ่งเป็นแผงกระดาษ มีรูปการ์ตูนสวย ๆ พิมพ์อยู่ รูปการ์ตูนอยู่ในกรอบสีเหลี่ยมเล็กขนาด 2 x 3 นิ้ว มีเลขกำกับสองมุมบนล่างเยื้องกัน 1 – 10 แถมด้วย A, B, C อีกสามใบ..อ่า..ใช้ทั้งหมด 4 แผงกระดาษ ตัดออกตามกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก รวมทั้งหมด 52 แผ่น..

ใช่แล้ว ผมและสาวที่เอ่ยถึงตั้งวงเล่นไพ่กันหลังบ้าน แม้จะเป็นการพนันเล็กน้อยถ้าหากทำเป็นกิจวัตรและหลงใหลมันแล้วความวิบัติอาจเกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว..ผมไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็เกือบถ้าไม่เป็นเพราะ “ตู้ม้า” ที่ทำให้ผมเลิกเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด..อย่างไรน่ะหรือ?

ความที่แม่เชื่อใจผมมากว่าเป็นคนดีจึงให้ผมถือพวงกุญแจตู้..วันหนึ่งผมตามสาว ๆ เข้าร้านตู้ม้าที่อยู่หลังร้านก๋วยเตี๋ยวของเตี่ยสาวเอ็ง..ไม่ยากที่จะเรียนรู้ และความท้าทายก็ตามมา..ผมโยก ดึง กระแทกตู้อย่างเมามันบังคับให้ลูกเหล็กตกหลุมที่ต้องการหวังให้เหรียญเช๊าะ ๆ ออกมาจากช่องหน้าตู้ แต่มันไม่เป็นไปตามนั้น ผมเดินกลับบ้านเที่ยวแล้วเที่ยวเล่าไขตู้นำเงินมาเพื่อเอาชนะ...ในที่สุดเงินจำนวนไม่มากที่บ้านเรามีอยู่ก็หายไปหมด..ผมร้องไห้อย่างไม่เคยร้องมาก่อน สงสารแม่ นึกรังเกียจตัวเอง..แล้วจะทำอย่างไร จะมองหน้าแม่ได้อีกไหม หนีออกจากบ้านคือทางออกโง่ ๆ ของผม..เก็บของใช้และเสื้อผ้าสองสามชุดใส่เป้..ไม่รู้จะไปไหน แต่ผมอยู่สู้หน้าแม่ไม่ได้ ต้องไปก่อนที่แม่จะกลับจากทำงาน ทั้ง ๆ ตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ผมกลับนั่งน้ำตาไหลพรากบนโซฟาหวายหน้าบ้าน

               “ฮือ..ฮือ..โฮ..โฮ..”

             
 “เป็นอะไร ! ..” จู่ ๆ คนที่หายไปเป็นปีโผล่มาตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน “ตี๋ร้องไห้ทำไม?”

               “เปล่า !” ผมรีบป้ายน้ำตา

               “อะไรเปล่า..ฮะ ๆ หน้ายังกับแมว ฮะ” ป๋องอำหวังให้ผมคลายทุกข์ใจ

               “ไม่ขำ ผมกำลังเครียดอยู่” นึกอย่างไรไม่รู้คว้าเป้กอดแน่นเหมือนพยายามปิดบังความชั่วร้ายของตัวเอง

               “ไหนดูซิ !” ป๋องดึงเป้ไปเปิดดูเพราะสังหรณ์ใจ

                “อย่า !” ผมร้องห้าม

                “เสื้อผ้า แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว..” จ้องหน้าผมค้นหาคำตอบ “จะไปไหน..คงไม่ใช่ไปเที่ยว..ร้องไห้..จะหนีออกจากบ้านใช่ไหม?”

               “เรื่องของผม..” ดึงเป้กลับ “อย่ามายุ่ง”

               “ไม่ !..ผมจะยุ่ง” ป๋องแย่งเป้กลับไปอีก

               “ไอ้เพื่อนบ้า !”

               “บ้าก็บ้าสิวะ” ป๋องโต้กลับ ผมและป๋องยื้อกันไปมาสักพักผมสู้แรงไม่ได้ถูกป๋องกระชากเป้ครั้งสุดท้าย ผมเซเข้าวงแขน

               “ฮือ..ฮือ..” น้ำตาของความพ่ายแพ้พรั่งพรู ยิ่งป๋องลูบหลังลูบหัวผมยิ่งสะอึกสะอื้น

               “เล่ามา ! ..” กึ่งออกคำสั่ง..ป๋องโอบผมไว้ “คับแค้นใจอะไรเล่ามา”


               “ผม..ผม..” และแล้วความเลวทั้งหมดก็ถูกสาธยายออกมากับอกของป๋อง




Create Date : 30 สิงหาคม 2567
Last Update : 30 สิงหาคม 2567 8:02:29 น. 0 comments
Counter : 230 Pageviews.  
(โหวต blog นี้) 
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

BlogGang Popular Award#20


 
สมาชิกหมายเลข 2607062
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add สมาชิกหมายเลข 2607062's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com