Ortho knowledge for all @ Do no harm patient and myself @ สุขภาพดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ ต้องสร้างเอง

รวม 7 วันอันตรายปีใหม่ไทย (สงกรานต์) 2561 เสียชีวิต 418 ราย (เจ็บตายมากกว่าปีที่แล้ว)



สถิติอุบัติเหตุทางถนน “สงกรานต์ 2561" รวม 7 วันเสียชีวิต 418 คน เพิ่มจากปีที่แล้ว

11:20 | 18 เมษายน 2561 | 411

https://news.thaipbs.or.th/content/271713

ตลอด 7วันของการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนรวมทั้งสิ้น 418 คนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุยังเกิดจากการเมาแล้วขับ

วันนี้ (18 เม.ย.2561)ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2561 สรุปสถิติอุบัติเหตุเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.2561)พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 307 ครั้งเสียชีวิต 26 คน และบาดเจ็บอีก 336 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือขับรถเร็ว ร้อยละ 27.69 รองลงมาคือดื่มแล้วขับ ร้อยละ 25.73

ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจากรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.35โดยส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.45 บนถนนกรมทางหลวง

สรุปสถิติอุบัติเหตุตั้งแต่วันที่ 11-17 เมษายน เกิดอุบัติเหตุรวม 3,724 ครั้งเสียชีวิต 418 คน บาดเจ็บ 3,897 คน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.28 ส่วนยาน

พาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังมาจากรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.85

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด คือเชียงใหม่ 133 ครั้ง

จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือนครราชสีมา 20 คน

จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด คือเชียงใหม่ 122 คน

จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มี 4 จังหวัด คือ ระนอง สมุทรสงคราม หนองคาย และหนองบัวลำภู

นายสุธี มากบุญรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าปีนี้มีผู้เสียชีวิตบนถนนสายหลักมากกว่าสายรองที่มีการตั้งด่านชุมชนแสดงให้เห็นว่าด่านชุมชนมีส่วนช่วยในการป้องกันอุบัติเหตุจึงเตรียมที่จะนำเสนอให้กับรัฐบาลต่อไป

ด้านนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวว่าหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมจะนำข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งหมดไปวิเคราะห์และนำเสนอมาตรการที่จะดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุต่อเนื่องนอกจากนี้ในระยะเร่งด่วนจะจัดให้มีผู้รับผิดชอบเดินรถในแต่ละเที่ยวโดยตรง ทั้งรถโดยสารและภาคการขนส่ง

**************************************

สรุป 7วันอันตรายสงกรานต์ปี 2561 ตาย 418 ศพเหตุเมาแล้วขับ 4 จังหวัดยอดเสียชีวิตเป็นศูนย์

https://thestandard.co/accident-statistics-songkran-festival-7-days/

ผ่านช่วง 7วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน ของเทศกาลสงกรานต์ ปี2561 ไปเรียบร้อยแล้วศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล

เฉพาะวันที่ 17 เมษายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ เกิดอุบัติเหตุ 307 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 26 ราย ผู้บาดเจ็บ 336 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด รองลงมาคือดื่มแล้วขับ

โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่นครศรีธรรมราช 15 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่สุพรรณบุรี 5 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่นครศรีธรรมราช 16 คน

ขณะที่สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน เกิดอุบัติเหตุ 3,724 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 418 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,897 คนจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 4 จังหวัดได้แก่ ระนอง, สมุทรสงคราม, หนองคายและหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 133 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 20 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 142 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ รองลงมาคือขับรถเร็วเกินกำหนด

ด้าน นายสุธี มากบุญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์2561 เปิดเผยว่าจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 พบว่า

สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการดื่มแล้วขับและขับรถเร็วรวมถึงผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 79.85ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้ประสานจังหวัดบูรณาการสร้างความปลอดภัยทางถนนและต่อเนื่องตลอดทั้งปีในรูปแบบการประสานพลังประชารัฐวางกลไกการบริหารจัดการอุบัติเหตุครอบคลุมทุกปัจจัยเสี่ยงทั้งคน รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยเฉพาะพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว การไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยและรถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย

อีกทั้งวางแนวทางการสร้างความปลอดภัยทางถนนในระดับพื้นที่ผ่านกลไกของชุมชนและสถาบันครอบครัว โดยผลักดันการจัดทำแผนชุมชนด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นระบบตลอดจนสร้างการรับรู้และความปลอดภัยทางถนนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อปลูกฝังจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ศปถ.ขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วน เครือข่ายอาสาสมัคร กลุ่มจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเดินทางด้วยความทุ่มเทและเสียสละ

**********************************************************************


มาตรการที่ออกมาก่อนหน้าเทศกาลสงกรานต์ เพื่อ " ลด " อุบัติเหตุ

สตช.ใช้มาตรการ 1234ม คุมเข้มสงกรานต์ 2561

https://www.facebook.com/TNN24/photos/a.166581313354909.43765.142621129084261/1905001826179507/?type=3&theater

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)มีคำสั่งด่วนที่สุดให้ทุกหน่วยกำชับมาตรการด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์

โดยจะกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดกฎจราจรโดยใช้มาตรการ"1234ม" ประกอบด้วย

1 ร คือ ห้ามขับรถเร็วเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด

2 ส คือ ห้ามขับรถย้อนศร และฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร

3 ข คือ ห้ามขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ และแซงในที่คับขัน

4 ม คือ ห้ามเมาแล้วขับ การไม่สวมหมวกนิรภัยขับรถจักรยานยนต์ไม่ปลอดภัย และไม่ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ

โดยให้เริ่มดำเนินการในช่วง 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.นี้

**********************************************************************


สงกรานต์ กลับบ้านปลอดภัย เตือน! 7 วันอันตรายไม่ใช่เรื่องไกลตัว

เผยแพร่: 2 เม.ย. 2561 19:53:   โดย: MGR Online

“โอ๊ย.. เราคงไม่ใช่คนหนึ่งในนั้นหรอกมันเป็นเรื่องไกลตัวจะตาย!”

“เราไม่มีวันรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตหรือเกิดอุบัติในช่วง7 วันอันตรายหรอก จะสงกรานต์หรือปีใหม่ เราก็ชิลๆ ของเราไป”

... เชื่อว่า หลายต่อหลายคนมักจะมีความคิดอย่างนี้ ที่เห็นว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องไกลตัวและไม่น่าจะเกิดกับตัวเอง แถมบางคนยังคิดว่า “เอาอยู่”ควบคุมได้

ทั้งที่ตามจริงแล้ว อุบัติเหตุสามารถเกิดได้กับทุกคนเพราะความประมาทเพียงเสี้ยววินาที และที่สำคัญคือการละเลยวินัยจราจร จนนำไปสู่การสูญเสียและบาดเจ็บมาแล้วมากมาย


อย่างเมื่อปีที่ผ่านมา ในช่วงสงกรานต์7 วันอันตราย มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนจำนวนมากถึง3,690 ครั้ง เสียชีวิต 390 ราย บาดเจ็บ3,808 ราย และในจำนวนนี้มีผู้ที่ต้องกลายเป็นคนพิการจำนวนสูงถึง190 ราย

โดยสาเหตุหลักๆ ของการเกิดอุบัติเหตุตามข้อมูลของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ระบุว่าการขับรถเร็วนั้นมาเป็นอันดับแรก รองจากนั้นคือดื่มแล้วขับ และขับรถตัดหน้าแบบกระชั้นชิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การดื่มแล้วขับ” เป็นสาเหตุที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากปีที่ผ่านมา

และเหนืออื่นใดคือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเสียชีวิตแทบทั้งหมดไม่สวมหมวกนิรภัย

ทั้งนี้ พบว่าจุดเกิดเหตุที่ทำให้เสียชีวิตสูงสุด คือ บนถนนกรมทางหลวง รองลงมาคือถนนในหมู่บ้านซึ่งแตกต่างจากกลุ่มผู้บาดเจ็บ ที่มักจะมาจากจุดเกิดเหตุตามถนนในหมู่บ้านมากกว่า

ส่วนเรื่องช่วงเวลาที่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนอุบัติเหตุทั้งหมดก็คือ ช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงสองทุ่ม โดยเฉพาะช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไปถึงสองทุ่มพบว่า เกิดอุบัติเหตุเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งมักจะมีการเสริมบรรยากาศโดยการดื่มและปลุกเร้าความบันเทิงกันอย่างเต็มที่พอตกเย็น แอลกอฮอล์ก็เริ่มปริ่มหรือเมาแปล้กันแล้ว พอดื่มแล้วไปขับ หรือไม่ได้สติก็ขับเร็วทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต เป็นเรื่องจริงที่มีให้เห็นตามข่าวในช่วงเทศกาลทุกวัน

สุดท้ายแล้ว แม้ว่าอุบัติเหตุจะมีแนวโน้มลดลงเพราะการรณรงค์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตระหนักรู้ของประชาชน แต่...จะดีกว่าไหม ถ้าไม่มีอุบัติเหตุหรือความสูญเสียใดๆ เกิดขึ้นเลย ให้ทุกคนกลับบ้านและมีความสุขกับช่วงสงกรานต์วันหยุดยาวได้อย่างแท้จริง

และถ้าอยากจะลดสถิติกันให้เห็นจริงๆ มาเริ่มกันที่ตัวเองกันก่อนไหมใครๆ ก็รู้ว่า การขับขี่รถอย่างมีวินัยจราจรนั้นทำอย่างไร แค่เริ่มทำกันจริงจัง และจะเป็นการดีอย่างยิ่งถ้าชวนให้คนใกล้ตัวตั้งใจขับขี่อย่างมีวินัยจราจร ความปลอดภัยบนท้องถนนก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากซึ่งเราสามารถปฏิบัติได้ ดังต่อไปนี้


ลดเร็ว ลดเสี่ยง
การขับรถเล่นน้ำสงกรานต์ ก็รู้กันอยู่ถนนลื่นรถราก็ขับขี่กันออกมาให้สาดน้ำกันมากมาย หากเกิดอุบัติเหตุความเร็วนี่แหล่ะตัวอันตราย ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนอกจากจะช่วยลดความรุนแรงหากเกิดอุบัติเหตุ โอกาสรอดชีวิตยังสูงมากถึง 80% แต่ถ้าขับเกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความรุนแรงของอุบัติเหตุจะทำให้เสี่ยงเสียชีวิตถึง80%

ดื่มไม่ขับ
ดื่มแล้วขับ เป็นพฤติกรรมเสี่ยงและเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี ทั้งๆ ที่รู้ว่าดื่มแล้วขับอันตรายก็ยังเห็นสถิตินี้กันอยู่บ่อยๆและทั้งๆ ที่รู้ว่าถูกปรับหนัก ถึง 10 เท่า(เทียบกับกรณีไม่ดื่ม) เริ่มจากโทษเบาสุด ในกรณีที่ทำให้ได้รับอันตรายทั้งแก่ร่างกายและจิตใจจำคุก 1-5 ปี และปรับ 20,000-100,000 บาท,รองลงมาก็ ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จำคุก 2-6 ปี และปรับ 40,000-120,000 บาท และสุดท้ายถ้าทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะโดนโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปีและถูกปรับ 60,000-200,000 บาท รู้อย่างนี้แล้วเห็นใครดื่มแล้วก็ช่วยเตือนกันอย่าขับรถเลยนะหรือถ้าไม่ดื่มก็ยังสนุกกับสงกรานต์ได้

สวมหมวกกันน็อก
เราอยากให้คนขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกคนรู้สึกได้ว่าหมวกกันน็อกเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญและจำเป็นทุกครั้งที่ขับขี่เพราะสามารถรักษาชีวิตเราได้ ช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตและบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 43%สำหรับผู้ขับขี่ และ 57% สำหรับผู้โดยสารโดยขอแนะนำให้ใช้หมวกกันน็อกที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก “มอก.” (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

คาดเข็มขัดนิรภัย
รู้ไหมว่า เพียงแค่รถวิ่งไปด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ้าเกิดอุบัติเหตุ จะทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถพุ่งไปข้างหน้าซึ่งถ้ามีการปะทะกับคนหรือวัตถุภายในตัวรถแรงปะทะนั้นจะเทียบเท่ากับการตกตึก 5 ชั้น! ส่งผลให้คนที่ไม่คาดเข็มขัดกระเด็นทะลุกระจกชนเก้าอี้หรือคนที่นั่งอยู่ตอนหน้า ทำให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงได้ แต่...ข่าวดีก็คือถ้าคุณคาดเข็มขัดนิรภัย สามารถช่วยลดความรุนแรงหรือการเสียชีวิตได้สูงถึง 34-40%ดังนั้นแล้ว อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง

ง่วงไม่ขับ
เพราะการวูบหลับเพียงแค่ 3-5 วินาทีก็สามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรฝืนหากเกิดอาการง่วงระหว่างขับรถทางไกล ก็ควรจอดพักเป็นระยะ

...อุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ 7 วันอันตราย ไม่ใช่เรื่องไกลตัว และถ้าเราไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดก็จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และภาคีเครือข่าย ขอชวนทุกคนให้มาร่วมสร้างสถิติใหม่ ให้สงกรานต์ปีนี้เป็นสงกรานต์ที่ทุกคนได้กลับบ้านปลอดภัย เล่นน้ำสงกรานต์ปลอดภัย และทำได้ง่ายด้วยการขับขี่ปลอดภัย มีวินัยจราจร และที่สำคัญคือ “ดื่มไม่ขับ”

ให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดสถิติอุบัติเหตุและความสูญเสียในช่วงเทศกาลกับโครงการ “สงกรานต์ กลับบ้านปลอดภัย” จาก สสส. และภาคีเครือข่าย

**********************************************************************


7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T ( น่าจะต้องหาวิธีคิดแบบอื่นเพื่อแก้ไขปัญหา ? ) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=22-04-2017&group=30&gblog=2

7 วันอันตราย ปีใหม่เทศ 2561 (28ธค.60-3มค.61) มาตรการเพียบรอลุ้นผลว่าจะเป็นอย่างไร https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=26-12-2017&group=30&gblog=4

รวม 7วันอันตรายปีใหม่เทศ 2561 เสียชีวิต 423 คน ลดลงจากปี 60 ร้อยละ 11 ( น่าพอใจ???) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=04-01-2018&group=30&gblog=8

รวม 7วันอันตรายปีใหม่ไทย (สงกรานต์) 2561 เสียชีวิต 418 ราย (เจ็บตายมากกว่าปีที่แล้ว) https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-04-2018&group=30&gblog=9

คนไทยตายจากอุบัติเหตุทางถนนปีละ 1.5 หมื่นราย กระทบเศรษฐกิจปีละ 2 แสนล้าน https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=23-11-2017&group=30&gblog=1

ไทยชนะแล้ว ... ประเทศที่มีการตายจากอุบัติเหตุบนถนน สูงที่สุดในโลก (ตำแหน่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย) https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=15-12-2017&group=30&gblog=3

ล้านแล้วจ้า .. สถิติ มีไว้เพื่อทำลาย ปี๒๕๖๐ ประเทศไทย มีคนเจ็บจากอุบัติเหตุบนถนน ถึง "หนึ่งล้านคน" https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=02-01-2018&group=30&gblog=5

แก้ปัญหาวินัยจราจร ต้องไม่ใช้ตำรวจ ... ByDr.Adune https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=03-01-2018&group=30&gblog=7

อุบัติเหตุไม่ลด เพราะ มัวไปโทษเมาแล้วขับ... เราหลงประเด็นหรือเปล่า By Dr.Adune https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=02-01-2018&group=30&gblog=6


7 วันอันตราย ปีใหม่ไทย-เทศ ตายเจ็บเพียบ T-T จากข้อมูลย้อนหลังจำง่าย ๆ ...ตายสี่ร้อย เจ็บสี่พัน แล้วก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ?

สงกรานต์ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,724 ครั้ง ตาย 418ราย เจ็บ 3,897 ราย

สงกรานต์ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,690 ครั้ง ตาย 390ราย เจ็บ 3,808 ราย

สงกรานต์ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,447 ครั้ง ตาย 442ราย เจ็บ 3,656 คน

สงกรานต์ 2558เกิดอุบัติเหตุ 3,373 ครั้ง ตาย 364ราย เจ็บ 3,559 คน

สงกรานต์ 2557เกิดอุบัติเหตุ 2,992 ครั้ง ตาย 322ราย เจ็บ 3,225 คน

ปีใหม่ 2561เกิดอุบัติเหตุ 3,841 ครั้ง ตาย 423ราย เจ็บ 4,005 ราย

ปีใหม่ 2560เกิดอุบัติเหตุ 3,919 ครั้ง ตาย 478ราย เจ็บ 4,128 ราย

ปีใหม่ 2559เกิดอุบัติเหตุ 3,379 ครั้ง ตาย 380ราย เจ็บ 3,505 ราย

ปีใหม่ 2558เกิดอุบัติเหตุ 2,997 ครั้ง ตาย 341 คนเจ็บ 3,117 คน

ปีใหม่ 2557 เกิดอุบัติเหตุ3,174 ครั้ง ตาย 367 คน เจ็บ 3,344คน





Create Date : 18 เมษายน 2561
Last Update : 18 เมษายน 2561 15:48:16 น. 0 comments
Counter : 946 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหมู
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 762 คน [?]




ผมเป็น ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ หรือ อาจเรียกว่า หมอกระดูกและข้อ หมอกระดูก หมอข้อ หมอออร์โธ หมอผ่าตัดกระดูก ฯลฯ สะดวกจะเรียกแบบไหน ก็ได้ครับ

ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปี ( เรียกว่า แพทย์ทั่วไป ) แล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ออร์โธปิดิกส์ อีก 4 ปี เมื่อสอบผ่านแล้วจึงจะถือว่าเป็น แพทย์ออร์โธปิดิกส์ โดยสมบูรณ์ ( รวมเวลาเรียนก็ ๑๐ ปี นานเหมือนกันนะครับ )

หน้าที่ของหมอกระดูกและข้อ จะเกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วย ของ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น กระดูก ข้อ และ เส้นประสาท โรคที่พบได้บ่อย ๆ เช่น กระดูกหัก ข้อเคล็ด กล้ามเนื้อฉีกขาด กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม กระดูกพรุน เป็นต้น

สำหรับกระดูกก็จะเกี่ยวข้องกับกระดูกต้นคอ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกข้อไหล่ จนถึงปลายนิ้วมือ กระดูกข้อสะโพกจนถึงปลายนิ้วเท้า ( ถ้าเป็นกระดูกศีรษะ กระดูกหน้า และ กระดูกทรวงอก จะเป็นหน้าที่ของศัลยแพทย์ทั่วไป )

นอกจากรักษาด้วยการให้คำแนะนำ และ ยา แล้วยังรักษาด้วย วิธีผ่าตัด รวมไปถึง การทำกายภาพบำบัด บริหารกล้ามเนื้อ อีกด้วย นะครับ

ตอนนี้ผม ลาออกจากราชการ มาเปิด คลินิกส่วนตัว อยู่ที่ จังหวัดกำแพงเพชร .. ใช้เวลาว่าง มาเป็นหมอทางเนต ตอบปัญหาสุขภาพ และ เขียนบทความลงเวบ บ้าง ถ้ามีอะไรที่อยากจะแนะนำ หรือ อยากจะปรึกษา สอบถาม ก็ยินดี ครับ

นพ. พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ( หมอหมู )

ปล.

ถ้าอยากจะถามปัญหาสุขภาพ แนะนำตั้งกระทู้ถามที่ .. เวบไทยคลินิก ... ห้องสวนลุม พันทิบ ... เวบราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ หรือ ทางอีเมล์ ... phanomgon@yahoo.com

ไม่แนะนำ ให้ถามที่หน้าบล๊อก เพราะอาจไม่เห็น นะครับ ..




New Comments
[Add หมอหมู's blog to your web]