เบื้องหลังที่ถูกตัดออกไปจาก Prototype (ร่างแรก) ...ความเห็นของ "หมอ+นักกฎหมาย" ผู้ร่วมร่าง พรบ.นี้ ฯ
ถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้ .. แวะไปอ่านก่อนนะครับ จะได้ทราบความเป็นมา เพิ่ม อรรถรส ยิ่งขึ้น ..
ปุจฉาวิสัชนา พรบฯ .. ความเห็นของ "หมอ+นักกฎหมาย" ผู้ร่วมร่าง พรบ.นี้ ตั้งแต่เริ่ม (อ่านแล้วจะ อืมมม) //www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=06-08-2010&group=7&gblog=70
(ภาพประกอบเครดิต หมอแมว นะครับ )
เบื้องหลังที่ถูกตัดออกไปจาก Prototype
มาตรา ๖
ผู้ให้บริการและสถานพยาบาลควรให้บริการสาธารณสุขแก่ผู้รับบริการตามมาตรฐานสาธารณสุข
ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาล ต้องรับผิดต่อผลกระทบก็ต่อเมื่อเป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิของผู้ได้รับผลกระทบที่จะได้รับการเยียวยาตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๗
ผู้ให้บริการและสถานพยาบาลที่สั่งจ่ายยาหรือใช้ผลิตภัณฑ์ทางการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น ย่อมได้รับการคุ้มครองทั้งทางแพ่งและอาญาในกรณีที่เกิดผลกระทบจากการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์นั้น
เว้นแต่เป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิของผู้ได้รับผลกระทบที่จะได้รับการเยียวยาตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
ความผิดอันเนื่องมาจากการให้บริการสาธารณสุขโดยประมาทของผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาล เป็นความผิดอันยอมความได้
มาตรา ๙
ในการให้บริการสาธารณสุข ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลต้องแจ้งข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ผู้รับบริการอย่างเพียงพอที่ผู้รับบริการจำเป็นต้องใช้เพื่อประกอบ การตัดสินใจในการรับหรือไม่รับบริการนั้น และในกรณีที่ผู้รับบริการปฏิเสธไม่รับบริการใด จะให้บริการนั้นมิได้
ในกรณีที่เกิดผลกระทบแก่ผู้รับบริการเพราะเหตุที่ผู้รับบริการแจ้งข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ตนรู้และควรบอกให้ผู้ให้บริการทราบ ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ความในวรรคแรก มิให้ใช้บังคับในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) ผู้รับบริการอยู่ในภาวะที่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและมีความจำเป็นต้องได้รับบริการสาธารณสุขโดยรีบด่วน (๒) ผู้รับบริการไม่อยู่ในฐานะที่จะรับทราบข้อมูลได้ และไม่อาจแจ้งให้บุคคลซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมหรือทายาทตามความเป็นจริงที่มีอุปการะ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของผู้รับบริการแล้วแต่กรณี รับทราบข้อมูลแทนในขณะนั้นได้ (๓) กรณีอื่นตามประกาศของคณะกรรมการภายใต้คำแนะนำของสภาวิชาชีพ
มาตรา ๑๐
ผู้ให้บริการต้องได้รับความยินยอมจากผู้รับบริการหรือญาติของผู้รับบริการก่ อนให้บริการสาธารณสุข เว้นแต่ผู้รับบริการอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน หรือ อยู่ในสภาวะที่ไม่มีสติเพียงพอที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง
การให้บริการในสภาวะฉุกเฉิน หมายความรวมถึง การวินิจฉัยหรือการรักษาพยาบาลในกรณีดังต่อไปนี้ (๑) เพื่อเป็นการช่วยชีวิตผู้รับบริการ หรือ ทารกในครรภ์ของผู้รับบริการ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงชีวิต (๒) เพื่อให้ผู้รับบริการพ้นหรือบรรเทาทุพพลภาพจากสภาวะล้มเหลวหรือความพิการของ ร่างกาย (๓) เพื่อให้ผู้รับบริการพ้นจากสภาวะความทุกข์ทรมานหรือความเจ็บปวดอย่างรุนแรง (๔) กรณีอื่นตามที่สภาวิชาชีพกำหนด
ผลกระทบอันเกิดจากการให้บริการสาธารณสุขในสภาวะฉุกเฉินตามวรรคสอง ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลย่อมได้รับการคุ้มครองทั้งทางแพ่งและอาญา
เว้นแต่เป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิของผู้ได้รับผลกระทบที่จะได้รับการเยียวยาตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๑
ผู้รับบริการหรือญาติของผู้รับบริการ มีสิทธิปฏิเสธการรับบริการได้ โดยการลงลายมือชื่อในหนังสือปฏิเสธการรับบริการที่จัดทำโดยสถานพยาบาล ซึ่งต้องมีรายละเอียดที่บ่งบอกถึงโรคหรือสภาวะที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ วิธีการให้การรักษา ผลเสียของการปฏิเสธการรักษานั้น
การกระทำตามวรรคแรกตามความประสงค์ของผู้รับบริการหรือญาติของผู้รับบริการ ผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลย่อมได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา เว้นแต่เป็นการกระทำโดยเจตนาหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
APOLOGY LAW or I'M SORRY law ถ้าไม่มีมาตรานี้ก็ไม่มีทางพัฒนาระบบอย่างที่พูกกันปาว ๆ ในหน้าจอ มาตรา ๑๓
การแสดงความเสียใจ ความเห็นอกเห็นใจของผู้ให้บริการหรือสถานพยาบาลต่อผู้รับบริการ หรือ การรายงานปัญหาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการให้บริการสาธารณสุข ต่อคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการในกรณีที่เกิดผลกระทบ ทั้งทางวาจาหรือลายลักษณ์อักษร ไม่สามารถนำมาใช้เป็นมูลเหตุหรือพยานหลักฐานในการฟ้องร้องเพื่อให้แสดงความรับผิดชอบทางกฎหมายได้
ถ้าไม่มีสองข้อนี้แล้วจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และให้เรื่องจบอย่างที่กล่าวอ้างในหลักการและเหตุผลได้อย่างไร ? เอะอะก็ รอนสิทธิ์ ตัดสิทธิ์ ....ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เป็นการเพิ่มทางเลือก สิทธิ์เดิมยังมีอยู่ สิทธิ์ใหม่ก็มี แต่ต้องเลือก ..... อย่าเล่นจับปลาสองมือ เหมาเข่ง
มาตรา ๓๓
เงื่อนไขการรับการเยียวยา ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดดังนี้
(๑) ไม่เข้าด้วยข้อยกเว้นตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๔
(๒) คณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้ผู้ได้รับผลกระทบมีสิทธิได้รับการเยียวยา
(๓) ผู้ได้รับผลกระทบ และ ผู้ให้บริการและ/หรือสถานพยาบาล ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการและตกลงที่จะสละสิทธิการฟ้องคดีทางแพ่งเพื่อเรียกสินไหมในมูลคดีเดียวกับที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการได้ไต่สวนและมีคำ วินิจฉัยไปแล้ว
(๔) ผู้ได้รับผลกระทบ และผู้ให้บริการและ/หรือสถานพยาบาล ยอมรับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการและตกลงที่จะสละสิทธิหรือยอมความในคดีอาญาต่อกัน ในมูลคดีเดียวกับที่คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการได้ไต่สวนและมีคำวินิจฉั ยไปแล้ว
มาตรา ๓๔ ข้อยกเว้นในการเยียวยา
(๑) ผลกระทบมิได้เป็นผลโดยตรงอันเนื่องมาจากการรับบริการสาธารณสุข
(๒) เป็นผลกระทบอันหลีกเลี่ยงมิได้จากการให้บริการตามมาตรฐานสาธารณสุข
(๓) เป็นผลกระทบอันเป็นผลโดยตรงจากพยาธิสภาพของโรค
(๔) เป็นผลกระทบซึ่งเกิดจากการที่ผู้รับบริการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ให้บริ การหรือสถานพยาบาลภายใต้มาตรฐานสาธารณสุข
(๕) อื่น ๆ ตามประกาศของคณะกรรมการ
รอคนมาดำเนินการต่อ หมดแรงแล้วตลอดสามสี่ปี ไม่สงวนลิขสิทธิ์ สำหรับกรรมการทั้ง ๘ คนที่เป็นตัวแทนผู้ให้บริการที่จะได้รับการแต่งตั้ง
ส่งโดย: doctorlawyer
ปล. ผมนำความเห็นของคุณหมอ มาจากเวบไทยคลินิก นะครับ .. ผมได้ตอบคุณหมอไป ขอยกมาด้วยเลยนะครับ
ขอชื่นชม ในความมุ่งมั่น ความเสียสละ ที่ได้ทำมา ( และ สิ่งที่จะทำต่อไป ) ช่วยกันไป เท่าที่ได้ครับ .. ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น .. ถือว่า เราทำดีที่สุด เท่าที่จะทำได้แล้ว " ถ้าสุดมือสอย ก็ปล่อยไป "
Create Date : 06 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 6 สิงหาคม 2553 11:49:01 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3049 Pageviews. |
|
|
|
ชอบประโยคนี้จังค่ะ.."ถ้าสุดมือสอย ก็ปล่อยไป"
ทำให้คิดอะไรได้อีกมากมาย..บางครั้งคนเราถ้าพยายามจนถึงที่สุดแล้ว..ถ้ายังไม่ได้อย่างที่คิดก็ควรจะปล่อยไป
และพยายามหาสิ่งใหม่ ๆ หรือ อะไรก็ได้ที่ทำให้เรามุ่งมั่นอยู่กับสิ่งนั้น จะได้ลืม บางเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกแย่ ๆ
พี่อันดา เลือกที่จะอ่านหนังสือ อ่านบางเรื่องเกิดตรงกับชีวิตเราก็หดหู่อีก..ก็เลยมาหัดถักโครเชต์..เพิ่งทำได้ไม่นานค่ะ แต่ก็ช่วยได้เยอะมาก ๆ
ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ แล้วจะแวะมาอีก