Group Blog
เมษายน 2564

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 275 "หนอนหนังสือ"







ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 275 





โจทย์ครั้งนี้ คุณ toor36 เป็นคนกำหนด ไม่จำกัดรูปแบบงานเขียน





 "หนอนหนังสือ"






ตอนเด็กๆ  ไม่คิดว่าตัวเองเป็นหนอนหนังสือ  แต่มีพ่อที่เป็นคนเรียนก่งจึงถูกจับให้เรียนหนังสือตลอดเวลา ตอนเด็กๆ ทีวีที่บ้านเปิดนับเป็นนาทีได้  ไม่มีปิดเทอมอย่างเพื่อนๆคนอื่นๆเค้า  พอปิดเทอมพ่อก็ส่งไปเรียนพิเศษตามที่ต่างๆ  เลยมีนิสัยอย่างนึงที่ติดตัวมาถึงปัจจุบันคือ  เป็นคนไม่ติดทีวี  เปิดทีวีไว้ก็จริงแต่จะไปทำธุระอย่างอื่นก่อน  (ถ้ามี)  เวลาว่างจริงๆค่อยมานั่งดู  และนิสัยที่ชอบถือหนังสือติดตัวไปอ่านทุกๆที่
 
 


เท่าที่จำความได้ ....  ปกติพ่อจะให้ซื้อหนังสือทีละเล่ม  โดยผ่านการพิจารณาจากพ่อก่อน  แต่พ่อจะพาไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  (สมัยก่อนจัดที่คุรุสภา  แถวๆเทเวศน์)  แล้วจะอนุญาตให้เลือกซื้อหนังสือได้มากกว่าหนึ่งเล่ม  โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาใดๆเลย
 


 
คุณอาผู้หญิงน้องคนสุดท้องของพ่อก็เป็นคนรักเรียนมาก  เป็นหนอนหนังสือตัวยง  คุณอาจะให้หนังสือที่คุณอาเลือกให้ว่าเหมาะสมกับวัยในวันเกิดทุกๆปี  ยังจำได้ว่ามีอยู่ปีนึงคุณอาให้หนังสือนิทานสำหรับเด็กโตเป็นเรื่องราวของแม่หมีขาวกับลูกหมีขาว
 


 
คุณอาอยู่กับคุณปู่คุณย่าที่บ้านเก่าของพ่อ  มีห้องหนังสือขนาดย่อมๆ  เต็มไปด้วยนิยายของผู้เขียนชื่อดัง  เวลาไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าชอบแอบเข้าไปอ่านนิยายในห้องหนังสือแล้วไม่ยอมกลับบ้านอยากจะค้างที่บ้านคุณปู่คุณย่าเพราะอยากอ่านนิยาย  หนังสือนิยายสมัยก่อนเป็นหนังสือปกแข็ง  ปกในเป็นปกแข็งสีพื้น  พิมพ์ชื่อเรื่องเป็นตัวหนังสือสีทอง  แล้วมีปกกระดาษวาดรูปตัวเอกของนิยายตามจินตนาการของผู้วาด  (ไม่ได้วาดตามดาราเหมือนสมัยนี้)  หุ้มอีกที  การพิมพ์ก็ยังใช้แท่นพิมพ์  ตัวหนังสือจะเป็นเหลี่ยมๆ  เวลาเปิดหนังสือมาจะมีกลิ่นของกระดาษ  กลิ่นของหมึกพิมพ์  แล้วถ้าเป็นหนังสือเก่าหน่อยๆกระดาษจะออกสีเหลืองๆอีกด้วย  เจ้าของบล็อกได้รู้จักนามปากกาของนักเขียนชื่อดังหลายๆท่าน  เช่น  ทมยันตี  โรสลาเรน  ลักษณาวดี 
 










 
หนังสือที่ออกมาเป็นซีรี่ย์เล่มแรกที่ติดใจต้องหาซื้ออ่านจนครบจำนวนเล่ม  อ่านแล้ววางไม่ค่อยลง  อ่านซ้ำไปซ้ำมา  ก็คือ  “เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก”  เป็นเรื่องราวความเป็นอยู่ของคนไทยและเกร็ดประวัติศาสตร์ในสมัยรัชกาลที่ 5 เรื่อยลงมา









 
 
ใกล้ๆบ้านของเจ้าของบล็อกมีบ้านหลังหนึ่ง  เจ้าของบ้านเป็นนายพลทหารบก  ครอบครัวเราสนิทกัน  (หมายถึงครอบครัวของเจ้าของบล็อกและครอบครัวของป้าพี่สาวของพ่อเจ้าของบล็อก)  เพราะเป็นครอบครัวทหารเหมือนกัน  (ถึงแม้จะเป็นคนละเหล่าทัพ)  ไปมาหาสู่  เข้านอกออกในตลอด  คุณลุงทหารบอกคนนี้มีหนังสือประวัติศาสตร์เยอะมาก  แต่ละเล่มหนาๆทั้งนั้น  เวลาพ่อกับแม่เจ้าของบล็อกไปสนทนากับคุณลุงทหารบกบ้านนี้เจ้าของบล็อกจะติดตามไปด้วยและขออนุญาตคุณลุงเข้าไปอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เป็นประจำ  บ่อยครั้งที่หนังสือเล่มหนามาก  เจ้าของบล็อกยังอ่านไม่ทันจบ  พ่อกับแม่ของเจ้าของบล็อกก็ลาคุณลุงทหารกลับบ้าน  คุณลุงก็เลยอนุญาตให้ยืมหนังสือกลับมาอ่านที่บ้านเป็นประจำ

 

 
เมื่อเจ้าของบล็อกเป็นวัยรุ่นก็ยังไม่ทิ้งการอ่าน  แต่เปลี่ยนจากนวนิยายที่เป็นเล่มๆมาตามอ่านนิตยสาร  แม่เจ้าของบล็อกชอบนิตยสาร 
“แม่บ้าน”  และ  “สายทิพย์”  ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่บ้านในบริเวณเดียวกันชอบอ่านนิตยสาร  “ขวัญเรือน”  ส่วนเจ้าของบล็อกเป็นสมาชิกนิตยสาร  “แพรว”  และ  “แพรวสุดสัปดาห์”  (ตอนโตๆมาเปลี่ยนเป็น  “พลอยแกมเพชร”)  ได้อ่านนวนิยายที่ลงในนิตยสารขวัญเรือน  สายทิพย์  และพลอยแกมเพชรเป็นตอนๆ  รู้สึกว่ามันสด  ใหม่  กว่ารอรวมเล่มมากๆ  ทุกเดือนจะเฝ้ารอนิตยสารออกวางแผงเพื่อจะได้อ่านนวนิยายเรื่องโปรด  เท่าที่จำได้ก็จะมี  แต่ปางก่อน  กฤตยา  ผ้าทอง  ภูตแม่น้ำโขง  ในฝัน  ดอกแก้วการะบุหนิง  มาลัยสามชาย  ฯลฯ







 
 
 
 
 








เมื่อเจ้าของบล็อกเรียนจบปริญญาตรี  ก็ตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลีย  การสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนที่จะไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียใช้ระบบเดียวกับประเทศอังกฤษคือ  การสอบ  IELTS  ซึ่งจะแบ่งทักษะออกเป็น  การฟัง  การพูด  การอ่าน  และการเขียน  อาจารย์สอนภาษาอังกฤษของเจ้าของบล็อกบอกว่าการพัฒนาทักษะต่างๆต้องใช้เวลา  ไม่ใช่ใช้เทคนิคในการทำข้อสอบเหมือนประเทศแถบอเมริกา  ดังนั้นเจ้าของบล็อกจะต้องฟังวิทยุภาษาอังกฤษ  ดูหนังที่ไม่มี  subtitle  ฝึกพูดภาษาอังกฤษยาวๆ  และอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ  และที่ดีที่สุดคือการอ่านนวนิยาย  เพราะจะมีการใช้ภาษาหลายระดับ  และเป็นการฝึกเรื่องคำศัพท์ไปในตัว
 

 
เจ้าของบล็อกก็พุ่งตรงไปที่ร้านหนังสือใหญ่  เดินหานวนิยายภาษาอังกฤษเล่มที่คิดว่าน่าสนใจที่สุด  ....  หยิบได้หนังสือเล่มนึงมาหน้าปกมีรูปโลงศพฟาโรห์  ในใจก็คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอียิปต์แน่ๆ  ........
 


 
เจ้าของบล็อกซื้อกลับมานอนค่อยๆอ่านไปทีละน้อยๆ  เข้าใจบ้าง  ไม่เข้าใจบ้าง  เปิดดิกชั่นนารีหาศัพท์ไป  อาจารย์สอนภาษาอังกฤษบอกว่า  “อ่านครั้งแรกไม่เข้าใจหรอก  ให้พยายามอ่านไปเรื่อยๆ  หาศัพท์ไปเรื่อยๆ  พอจบรอบแรกก็ให้เริ่มอ่านรอบที่สอง ... สาม .... ก็จะเข้าใจเอง .....
 
 
 
เจ้าของบล็อกเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียก่อนที่จะอ่านนวนิยายเล่มนั้นจบรอบแรกเสียอีก !!!!!!!  แต่เจ้าของบล็อกก็นำนวนิยายเล่มนั้นติดตัวไปด้วย
 
 
 
แต่ .........
 
 
 
จุดพีคของหนังสือนวนิยายภาษาอังกฤษเล่มนั้นอยู่ตรงนี้ครับ
 
 

เมื่อเดินทางถึงเมืองเมลเบิร์น  ประเทศออสเตรเลีย  ทางมหาวิทยาลัยได้  (บังคับ)  ให้นักศีกษาต่างชาติลงเรียนภาษาเพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนเข้าเรียนปริญญาโท (นอกจากจะเป็นการปรับพื้นฐานแล้ว  ยังเป็นการเตรียมตัวให้คุ้นชินกับการทำรายงาน  การหาข้อมูลต่างๆ  อีกด้วย) 
 


 
การเรียนภาษาจะเรียนทุกวัน  แล้วมีชั่วโมงว่างในช่วงบ่ายวันศุกร์ให้นักเรียนเลือกทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ  เจ้าของบล็อกเลือกที่จะเข้า  “Book  Club”  หรือชมรมหนังสือ .......  และที่ชมรมหนังสือนี่เองเจ้าของบล็อกได้พบกับคุณครูคนหนึ่งพอได้คุยกันถึงหนังสือนวนิยายที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้  เจ้าของบล็อกบอกว่ากำลังอ่านหนังสือเรื่อง 
“The Seventh Scroll  ของ  Wilbur Smith”  อยู่  คุณครูท่านนั้นเบิกตาโพลง  อุทานออกมาเบาๆแปลเป็นไทยได้ว่า  “หา ...... ยูอ่าน  The Seventh Scroll  เลยเหรอ ....”







 




แล้วคุณครูท่านนั้นก็เฉลยให้ฟังว่า  ท่านเป็นแฟนหนังสือของ  Wilbur Smith  และ  The Seventh Scroll  เป็นนวนิยายที่มีความเกี่ยวข้องกับนวนิยายที่เขียนโดยผู้เขียนเดียวคนกันอีกหลายๆเล่ม  (ประมาณว่าเป็นนวนิยายซีรีย์  ทุกๆเรื่องจะมีความเกี่ยวข้องกัน)  การอ่าน  The Seventh Scroll  ให้เข้าใจดีต้องเริ่มจากการอ่านนวนิยายเล่มอื่นๆด้วย  ฮ่าๆๆๆๆๆ


 
 
ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่เมลเบิร์น  ประเทศออสเตรเลีย  คนต่างชาติเค้าจะมีหนังสือเล่มนึงติดตัว  เวลาว่างๆอย่างเวลานั่งรอรถเมล์  ระหว่างนั่งรถ  หรือไปนั่งเล่นตามสวนสาธารณะ  เค้าจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านตลอดเวลา  เจ้าของบล็อกก็เอาอย่างบ้าง  เจ้าของบล็อกก็เอาเจ้า  The Seventh Scroll   นี่แหละครับมาอ่าน   เจ้าของบล็อกก็ยังทู่ซี๊อ่าน  The Seventh Scroll  ต่อไปจนจบโดยใช้เวลารวมทั้งหมด  5  ปี  ในการอ่าน  (1 ปี ก่อนเดินทางไปเรียนต่อ + 4 ปี ในประเทศออสเตรเลีย)  เจ้าของบล็อกอ่าน  The Seventh Scroll  จนจบไม่กี่วันก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย  ฮ่าๆๆๆๆๆ
 


 
ที่เมลเบิร์น  ประเทศออสเตรเลียเจ้าของบล็อกเห็นร้านหนังสือไม่ได้ครับ  จะต้องเดินเข้าไปดูรอบๆทุกที  หนังสือเล่มโตๆ  พิมพ์กระดาษอาร์ต 4 สี  อย่างดี  ถ้าลดราคาก็ถูกกว่าซื้อที่เมืองไทยอีกครับ  เจ้าของบล็อกก็ซื้อสะสมไปเรื่อยๆ  ตอนเอากลับเมืองไทย  เจ้าของบล็อกส่งหนังสือใส่กล่องมาทางเรือล่วงหน้า  กล่องมาถึงบ้านก่อนที่เจ้าของบล็อกจะกลับถึงบ้าน แม่เปิดกล่องออกดู ....... เห็นมีแต่หนังสือ  “ประวัติศาสตร์กับหนังสือสอนทำกับข้าว”  ไม่เกี่ยวกับวิชากฎหมายเลย  ........ แม่โทรทางไกลข้ามประเทศมา  “ด่า”  เจ้าของบล็อกซะหูชา  แล้วยังขู่ว่า 
“เดี๋ยวกลับมาชั้นจะด่าแกอีก  เอาให้หูดับไปเลย ส่งไปเรียนกฎหมาย ดั้นขนหนังสือทำกับข้าวมาตั้งมากมาย”
 
 


พอกลับมาทำงานในเมืองไทยเจ้าของบล็อกก็ยังมีหนังสือติดมืออยู่ตลอดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  เล่นนั้น  เล่มนี้  แล้วแต่ว่าช่วงไหนสนใจเรื่องอะไร  หนังสือนวนิยายชุดสุดท้ายที่เจ้าของบล็อกเสียเงินซื้ออ่านเป็นนวนิยายซีรี่ย์  “ผ้า”  ของคุณหมอพงศกร  ครับ  มี  สาปภูษา  กี่เพ้า สิเหน่หาส่าหรี เล่ห์ลุนตยา  ลูกไม้ลายสนธยา  บุหงาบาติก 








 
 
หลังจากนั้นความสนใจของเจ้าของบล็อกก็ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นเรื่องประวัติศาสตร์  (เหมือนเมื่อตอนเด็กๆ)  ตอนนี้เจ้าของบล็อกซื้อแต่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์มาอ่านครับ  ส่วนมาจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ล้านนา  สุโขทัย  อยุธยา  มากกว่าสมัยอื่นๆ 




เหตุมันเกิดจากที่เจ้าของบล็อกไปเที่ยวจังหวัดสุโขทัย  ได้ไปถ่ายรูปวัดเก่าๆมามากมายเพื่อจะเอามาทำบล็อก  ทีนี้ก็อยากรู้ประวัติของวัด  รูปแบบศิลปะของโบราณสถานต่างๆ  จึงไปเดินหาหนังสือมาอ่าน  ยิ่งอ่านมันก็ยิ่งอยากรู้ลึกลงไปเรื่อยๆ  เลยเป็นที่มาของการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ศิลปะในช่วงนี้  นอกจากนั้นเจ้าของบล็อกยังไปกดกระดิ่งติดตามช่องยูทู้ปเกี่ยวกับประวัติศาตร์ศิลปะ  เช่น  ของคณะวิจิตรศิลป์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ช่องเสียงสะท้องจากอดีต  เป็นต้น














 
เจ้าของบล็อกไม่รู้ตัวหรอกว่า 
“เป็นหนอนหนังสือ”   หรือเปล่าครับ  ถ้าให้นิยามตัวเองก็คงจะตอบว่า  “ไม่”  เพราะเจ้าของบล็อกมีเรื่องสนใจหลายอย่างมาก  ทั้งทำกับข้าว  ทำขนม  จัดดอกไม้  ทำโน้นทำนี่หลายอย่างครับ   อันนี้ไม่รวมต้องดูแลแม่  ดูแลหลาน  และรับหน้าที่แม่บ้านด้วยนะครับ   ......  ให้ผู้อ่านตัดสินก็แล้วกันนะครับ 
 






134135134



Create Date : 11 เมษายน 2564
Last Update : 11 เมษายน 2564 9:01:29 น.
Counter : 1145 Pageviews.

18 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณเริงฤดีนะ, คุณmariabamboo, คุณkatoy, คุณtoor36, คุณตะลีกีปัส, คุณกะว่าก๋า, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณSweet_pills, คุณThe Kop Civil, คุณnewyorknurse, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku

  
อย่างนี้ไม่ใช่หนอนธรรมดา
แต่เป็นหนอนตัวพ่อจ้าคุณบอล

โดย: หอมกร วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:9:34:24 น.
  
สวัสดีครับคุณบอล

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ

คุณบอลอ่านหนังสือเยอะมากเลย หลายเล่มน่าสนใจ
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กก็ชอบครับ อ่านแล้วเพลิน
ได้ซึมซับบรรยากาศบ้านเมืองสมัยก่อน

ผมเคยได้ไปสัปดาห์หนังสือที่ข้างคุรุสภาด้วยเหมือนกันครับ
สมัยนนั้บู้ทยังไม่เยอะ กฃแต่ก็ได้หนังสือติดมือมาบ้าง
แต่ที่สะดวกสุดก็ศูนย์ประชุมสิริกิติ์นะครับ ว่าไหม

อมยิ้มตามตอนที่คุณบอลส่งของกลับมาที่บ้าน
ที่มีหนังสือประวัติศาสตร์กับหนังสือสอนทำกับข้าว ครับ^^
โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:10:11:04 น.
  
ไม่อยากบอกเลยค่ะ ป้าอิ๋วอ่านเกือบทั้งหมดที่โชว์มา

ท้ายๆ ไม่ค่อยได้อ่าน เพราะค่อนข้างใหม่

และที่ชอบที่สุดคือ เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กด้วยค่ะ ซื้อ 3 ครั้ง เพราะหาย เป็นของที่ต้องมีและอ่านบ่อยด้วย ถึงขนาดอยากจะทำน้ำอบน้ำปรุงเองเลยค่ะ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:12:30:16 น.
  
หนอนหนังสือตัวจริง
เสียงจริงอยู่นี่เอง
แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ค่้ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:13:23:58 น.
  
อยากอ่านศิขริน เทวิตา ไว้หาอ่านบ้าง
โดย: sawkitty วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:16:29:11 น.
  
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก ผมได้อ่านเพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสมัยเรียนมัธยม
กฤตยา ผมไม่ได้อ่านปกนี้ครับ (คนละปกล่ะนะ)

อ่านหนังสือแตกต่างแนวกันเยอะเลยครับ 555 ของผมเป็นพวกแนวจิตวิทยาเสียเยอะ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:16:55:40 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

สุดยอดมากค่ะ อ่านสองภาษา เก่งค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:17:00:39 น.
  
เมื่อคุณตาฯ ผมได้อ่านครับ
อ่านสมัยเรียน
อ่านสนุก ได้เกร็ดความรู้เยอะมาก

ส่วนแนวนิยายนี่ไม่อ่านเลยครับ
เว้นแต่สามเกลออย่างเดียว

แนวประวัติศาสตร์เพิ่งมาอ่านตอนมีลูกครับ
อ่านให้ลูกฟัง เลยได้เรียนรู้ไปกับลูก 555

อ่านจากที่คุณบอลเขียนไว้ในบล็อก
เมืองนอกเค้าวัฒนธรรมการอ่านแข็งแรงมากๆนะครับ
รัฐบาลก็ส่งเสริมด้วย สุดยอดเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:19:29:39 น.
  
สวัสดีค่ะคุณบอล..

ตามมาอีานงานตะพาบด้วยคนคะ..

โดย: อัอมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:21:26:29 น.
  
อยากเห็นโครงการห้องสมุด
เกิดขึ้นในบ้านเราบ้างครับ
แต่เท่าที่มีอยู่ก็น่าอนาถมากๆ
อย่างห้องสมุดประจำจังหวัด
หนังสือน้อยมากครับ
จริงๆบรรณรักษ์สำคัญมาก
ไม่ใช่เอาใครมานั่งก็ได้
แต่ควรเป็นคนที่เลือกหนังสือเป็น
เลือกหนังสือหลากหลาย
และเหมาะกับทุกคนได้ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:21:49:41 น.
  
คุณบอลใช้เวลา 5 ปีกับการอ่าน The Seventh Scroll จนจบ
มีความมุมานะมากๆค่ะ

ภาพผู้คนถือหนังสือติดมือเพื่ออ่านระหว่างนั่งรถโดยสารหรือระหว่างรออะไรก็ตาม
คงหาแทบไม่ได้แล้วนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 11 เมษายน 2564 เวลา:23:38:47 น.
  
สวัสดีครับคุณบอล
หนังสือหลายเล่มเลยครับที่คุณบอลผ่าน ผมได้ดูตอนเป็นละครครับ สนุกมาก ๆ ผมว่าอ่านหนังสือน่าจะสนุก น่าสนใจกว่าในละครเลยนะครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:0:34:38 น.
  

อ่านหนังสือนาๆชนิดเลยนะคะ
ชอบของโรสราเรนเหมือนกันค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:1:27:34 น.
  
555 หัวเราะก่อน แหม.. สะสมตำราอาหารก็ของชอบนี่นา จะให้
สะสม ประมวลรัษฏากร แพ่งพาณิชน์ ฯ ฏีกาได้ไงเนาะ เซ็งตายเลย

หนังสือแปลโดย โรสลาเรน ผมก็ชอบอ่าน
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:6:11:51 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:7:31:01 น.
  
หลากหลายดีจังค่ะ
หลายเล่มผ่านหูผ่านตามาบ้าง ทั้งหนังสือและละคร
แต่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ คงต้องหาเวลาไปทบทวนบ้างแล้ว 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:10:13:46 น.
  
โดย: ความรู้นำชีวิต วันที่: 12 เมษายน 2564 เวลา:14:36:38 น.
  
หนังสือเล่มหนามากค่ะ ดูแล้วถ้าเป็นเราอ่านคงหลับคาหนังสือเป็นแน่แท้


melot.to
โดย: สมาชิกหมายเลข 2395685 วันที่: 18 เมษายน 2564 เวลา:16:21:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]