|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
My Rose My Love บทที่ ๑
บทที่ ๑
ไม่ว่าเคยสูงส่งมากศักดิ์แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องก้มหัวกราบกราน ขอคนที่เกิดจากตมอย่างเขามอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้ ก็ดูชายแก่ผู้นี้สิ ทำราวกับเขาเป็นพระเจ้าที่สามารถประทานพรตายแล้วเกิดใหม่ให้ได้อย่างนั้น นี่ถ้ารู้ว่าเขาเป็นแค่อดีตเด็กกำพร้าที่ถูกอุปการะมาด้วยความบังเอิญ ไม่ได้เป็นทายาทแท้จริงทางสายเลือดของมหาเศรษฐีละก็ ยังจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนเหมือนอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้หรือ “คุณทีเค ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะ ยังมีบางส่วนของโรงแรมที่พอฟื้นฟูได้อยู่ ขอผมได้ลองสู้อีกสักตั้ง ได้โปรดเถอะคุณทีเค” ต่อให้พร่ำคำวิงวอนเป็นร้อยเป็นพัน ก็เปลี่ยนใจเขาไม่ได้ “ผมไม่มีสิทธิ์มอบโอกาสให้ใครหรอกครับ ที่ผมทำก็แค่ประเมินตัวเลขในงบการเงินของคุณแล้วตัดสินว่าคุณว่าหมดหนทางที่คุณจะจ่ายหนี้คืนมิลเลอร์โฮลดิ้งก่อนสัญญาสิ้นสุดลง “แต่คุณทีเคต้องเข้าใจสิว่า เหตุการ์ณพวกนี้เป็นเรื่องเหนือการควบคุม ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งพายุหิมะจะซัดถล่มโรงแรมบนเขาจนวินาศ” ทว่าชายแก่ไม่จำนน ยังคงก้มหัวจนหน้าผากแนบผืนพรม อ้อนวอนร้องขอโอกาส ดูน่าสมเพชจนเขาเบือนหน้าหันไปมองกุหลาบสีแดงสดชูช่อเด่นในแจกันที่วางบนเปียโนโบราณเคียงข้างรูปถ่ายวงศ์ตระกูล “ไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้หรอกครับ วันหนึ่งเราอาจตายไม่รู้ตัว มิลเลอร์ถึงให้คุณวางแผนรองรับการสูญเสียกรณีไม่คาดคิดสำหรับครอบครัวคุณไว้” เมื่อสิ้นประโยค ดวงตาของชายชราก็เบิกกว้าง “มะ... มันถึงขั้นนั้นแล้วจริงหรือ...” “ขึ้นอยู่กับคุณ ถ้าคุณคิดว่าซากปรักหักพักนั่นไม่ควรค่าที่จะชุบชีวิตแล้ว คุณก็ยังพอมีทุนสำรองต่อชีวิตให้ครอบครัวที่คุณรัก แต่ถ้าคุณยังยืนกรานต่อไป คุณก็รู้ดีใช่ไหมว่าคนที่ลำบากต่อจากนี้จะเป็นครอบครัวของคุณเอง” ทีเคกล่าวพลางลุกขึ้นยืนจากโซฟาหนัง ก้าวขาเดินตรงไปยังเปียโนหลังใหญ่ แล้วยื่นมือไปหยิบสิ่งที่วางประดับอยู่บนนั้น “ไม่ ผมไม่เลือก แต่เป็นคุณที่ต้องเลือก!” ฉับพลัน เสียงกรรโชกของชายชราแผดดัง เหล่าคนในชุดสูทสีดำทั้งหลายก็รีบชักปืนขึ้นเล็งไปด้านหลัง แต่ร่างสูงที่หันหน้าเข้าหาเปียโนหาได้สนใจอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัว เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปปลดรูปคู่ของชายแก่กับเด็กชายวัยประถมลงจากผนังแล้วหันกลับไปเอ่ยคำถามพร้อมรอยยิ้มที่คนมองไม่อาจบอกความหมาย “นี่หลานชายคุณหรือครับ ดูเขายิ้มมีความสุขมากทีเดียว” “วางรูปลงเดี๋ยวนี้!” เจ้าของรูปถ่ายลั่นเสียง แต่มือที่จับกระบอกปืนสั่นราวกับเป็นไข้ “โตขึ้นเขาอยากเป็นอะไรหรือครับ” “เขาอยากจะเป็นอะไร มันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” “นั่นสิ เขาอยากเป็นอะไรไม่เกี่ยวกับผม เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณตาของเขาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาอยากเป็นกำลังกลายเป็นจะเรื่องไร้สาระของเด็กที่ฝันสูงเกินตัว” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ หมุนตัวหันไปวางรูปถ่ายคืนที่เดิม แล้วหยิบกุหลาบหนึ่งก้านจากแจกันก่อนเน้นย้ำการตัดสินใจของชายชรา “คิดดูให้ดี มิลเลอร์ให้โอกาสคุณมามากแล้ว แต่ครั้งนี้ คนที่จะให้โอกาสคือตัวคุณเอง โดยที่พวกเขาจะช่วยคุณทำจนสำเร็จ รับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่มีใครสงสัย” เขากล่าวน้ำด้วยเสียงเรียบเฉยราวกับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แล้วโน้มศีรษะทำความเคารพเจ้าบ้าน จากนั้นก้าวขาเดินออกจากคฤหาสน์ของคนที่กำลังกลายเป็นอดีตนักธุรกิจรีสอร์ต หรูกลางหุบเขา ก้าวขายาวผ่านแนวกำแพงกุหลาบเลื้อยที่สร้างเป็นทางยาวขนาบสองข้างของถนนหินแกรนิตแผ่นใหญ่ ตรงไปขึ้นรถลีมูซีนสีดำมันวาวที่จอดรออยู่นอกรั้วเหล็กดัดลายเถากุหลาบ “ครั้งต่อไป คุณอาจตายก่อนพ้นประตูบ้านของลูกหนี้ ผมเคยเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าหันหลังให้หมาจนตรอก” เจ้าของคำเตือนคือเคย์แมน บอดี้การ์ดประจำตัวที่ตามมาทำหน้าที่สารถีเพื่อขับเคลื่อนรถออกจากคฤหาสน์ด้วยความเร็ว “จะพูดอะไร ก็ให้เกียรติเขาบ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นลูกค้าเงินกู้ชั้นดี” “ก็แค่เคย แต่สุดท้ายพอหมดสิ้นหนทางก็แว้งกัดคุณอย่างที่มันทำ แล้วก็เป็นคุณที่แสดงความอ่อนแอให้มันเห็น มันถึงได้กล้าชักปืนออกมานั่นไง หรือว่าเป็นคุณเองที่ต้องการให้เป็นแบบนั้น” เจ้านายหนุ่มแค่นหัวเราะ จ้องผู้ใต้บังคับบัญชาผ่านกระจกมองหลังด้วยดวงตาคมเข้มสีน้ำผึ้งป่า “ถ้าผมอยากให้เป็นแบบนั้นจริงก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ ยังมีงานสำคัญที่ผมต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อน” เพราะรู้ว่าผู้เป็นนายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เคย์แมนจึงพ่นลมหายใจแล้วเล่าความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมาย “เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของมาเฟียรัสเซียในพัทยาสนใจอยากเข้าโครงการเงินทุนหมุนเวียนกับมิลเลอร์โฮลดิ้ง แต่อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์จะขอพบคุณทีเค เพื่อต่อรองเพิ่มเงื่อนไขผลประโยชน์ ผมเลยบอกพวกเขาว่าทีเค มิลเลอร์จะไปพบพวกเขาหลังเสร็จสิ้นงานศพของท่านโธมัส” “แล้วเจ้านั่นล่ะ” “มันยังไม่รู้ว่ากำลังถูกเราตีท้ายครัว” แต่ผู้ใต้บังคับบัญชายังไม่ทันพูดจบ ก็มีเสียงข้อความเข้าขัดจังหวะ จึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสูทเพื่ออ่านข้อความด่วนที่เพิ่งส่งเข้ามาแล้วรายงานต่อผู้เป็นนายว่า “ปิดเคสเศรษฐีผู้ดีเก่าเรียบร้อย” วินาทีนั้น กุหลาบในมือเขาก็ปลิดกลีบตัวเองทิ้งลงบนหน้าตัก ราวกับรับรู้ถึงการจากไปของเจ้าของเก่า คล้ายหญิงสาวที่หลั่งน้ำตาโศกเศร้าอาดูรใจให้คนรักที่จากไปตลอดกาล “เดดลิสต์คนต่อไปนักธุรกิจต่อเรือยอร์ช เจ้านี่มันลื่นเหมือนปลาไหล คุณต้องระวังตัวหน่อย” เจ้านายหนุ่มฟังโดยไร้เสียงตอบ ไม่ใช่เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่น แต่รู้อยู่แล้วว่าจะจัดการปลาไหลตัวนั้นอย่างไร หากแต่ในตอนนี้ เขาอยากพักใจและวางทุกความคิดไว้ก่อนเริ่มงานครั้งใหม่ “ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนไปพบเบนที่โบสถ์เย็นนี้ คุณจะให้ผมพากลับมิลเลอร์โฮลดิ้งก่อนหรือเปล่า” “ไม่ ผมจะไปสวนเอเดนระหว่างรอเบนไปถึงโบสถ์” เขาออกคำสั่งแล้ววางดอกกุหลาบไว้ข้างกาย หันไปมองยอดคฤหาสน์ที่กำลังถูกกลุ่มเมฆสีเทาเรี่ยต่ำลงมากลืนกินจนจางหายไปจากสายตา กระทั่งผู้รับใช้พามาส่งยังที่หมาย เจ้านายหนุ่มก็ก้าวขาลงจากรถ เดินอ้อมไปที่กระโปรงหลังซึ่งถูกเปิดรอไว้ราวกับรู้หน้าที่ “คนของเบนส่งข่าวมาบอกว่าเบนกับครอบครัวจะมาถึงโบสถ์ก่อนเวลา เห็นว่าการประชุมข้อตกลงระหว่างมิลเลอร์โฮลดิ้งกับนักลงทุนฝั่งอเมริกาไม่ได้ข้อสรุปที่เบนพอใจนัก” เคย์แมนเดินตามมาบอกขณะที่ผู้เป็นนายหยิบกีตาร์โปร่งออกจากกระโปรงรถ “ผมว่าวันนี้เบนอารมณ์ไม่ดีแน่นอน” ความสำคัญอยู่ที่ประโยคหลัง เขาจึงพยักหน้ารับรู้แล้วเดินผ่านไหล่บอดี้การ์ดผมทองเข้าสู่ประตูซุ้มกุหลาบเลื้อยสีแดงก่ำที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง โดยไม่ลืมหยุดมองส่งยิ้มให้เป็นการทักทาย แล้วเดินเข้าสู่ใจกลางสวนอันมีน้ำพุประติมากรรมปูนปั้นเทพสวรรค์ผู้เฝ้าสวนเอเดนประดับอยู่ ณ ใจกลาง แม้ฟ้าวันนี้ไม่ใสกระจ่าง แต่ลมอ่อนที่พัดพากลิ่นดอกไม้หอมก็สร้างความสดชื่นให้แก่หัวใจชายหนุ่ม เขาทรุดตัวลงนั่งบนผืนหญ้า จับกีตาร์ให้ถนัดมือแล้วเริ่มพรมนิ้วเรียวบนเส้นสายสร้างเสียงเพลงตามตัวโน้ตที่บันทึกในหัวใจ จากนั้นเปล่งเสียงร้องเพลงแสนหวานให้ก้องกังวานไปทั่วสวน “คุณอาทีเคขา” แต่เสียงเรียกหวานใสปานระฆังแก้วหยุดบทเพลงได้ชะงักงัน คนธรรพ์จำแลงจึงหันไปทางเด็กหญิงผมสีทองดั่งรวงข้าววัยแปดขวบที่วิ่งตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ว่าไงครับหนูโรซี่ คุณพ่อให้มาตามผมแล้วหรือครับ” เขาวางกีตาร์ลงข้างกาย แล้วอ้าแขนรับร่างเล็กที่โผเข้ากอด “เปล่าค่ะ โรซี่จะเล่นซ่อนหากับพี่แมกซ์เวลในสวนเอเดนค่ะ คุณอาช่วยหาที่ซ่อนให้โรซี่หน่อยได้ไหม” แม่หนูเล่าความเสียงเจื้อยแจ้วน่าเอ็นดู คนเป็นอาจึงช้อนตัวหลานสาวตัวผอมบางขึ้นอุ้มตามคำขอ แล้วกวาดตาหามุมเหมาะๆ สำหรับเป็นที่ซ่อนกายเจ้าตัวน้อย “ผมว่า ใต้พุ่มการ์ดเดียนแอนเจิลนั่นเหมาะทีเดียว พี่แมกซ์เวลไม่มีทางหาหนูโรซี่เจอแน่” เด็กหญิงยิ้มร่า ขอลงพื้นวิ่งไปมุดเข้าใต้พุ่มกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์เพื่อหลบซ่อนพี่ชายตามคำบอก เขาเห็นแล้วก็ยิ้มขันในความไร้เดียงสา “คุณเบนเรียกพบแล้วครับ” เสียงนั้นบอกว่าเวลาส่วนตัวของเขาได้หมดลง ชายหนุ่มจึงหันไปพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามเคย์แมนเข้าสู่โบสถ์ที่ใช้เป็นสถานประกอบพิธีส่งความอาลัยแด่ดวงวิญญาณของโธมัส มิลเลอร์ ผู้อุปการะเขาเป็นลูกบุญธรรม ส่วนทายาทที่แท้จริงนั้นคือชายหนุ่มผมทองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าอย่างสุขุมหน้าโลงศพประดับดอกกุหลาบจากสวนเอเดน “ว่าไง ทีเคน้องรัก” เสียงทักทายของเบนเรียบนิ่งแต่ก้องกังวาน “ได้ยินว่านายเกือบมีปัญหากับเดดลิสต์เคสล่าสุด” น่าชื่นชมความฉับไวของเคย์แมนที่รายงานทุกสิ่งให้แก่นายใหญ่ได้รวดเร็วเสมอ การพยักหน้าจึงเป็นคำตอบที่เพียงพอพอแล้ว “นายควรระวังตัวให้มากกว่านี้” “ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่เมื่อผมรับปากว่าจะทำเคสไหน นั่นหมายถึงผมรู้ว่าต้องเสี่ยงกับอะไร แล้วผมก็รู้ว่าจะยังเป็นอะไรไปไม่ได้จนกว่างานใหญ่เสร็จสมบูรณ์” ทว่าในนาทีนั้น พี่ชายบุญธรรมยกนิ้วแตะที่ปากตัวเอง ส่งสัญญาณบอกให้เขาหยุดสนทนาเหตุเพราะโรซี่ ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาพร้อมกุหลาบสีขาวหมดจดในมือ “กุหลาบในสวนเอเดนค่ะคุณพ่อ หนูเอามาฝาก” เพราะยังอยู่ในวัยไร้เดียงสา แม่หนูจึงไม่รู้ว่าไม่ควรเข้ามาขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ “พ่อสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปเล่นในสวนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงขัดคำสั่ง” “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพ่อ พี่แมกซ์เวลก็อยู่ด้วย แล้วคุณอาทีเคเคยสอนหนูว่าถ้าถูกผึ้งต่อยต้องทำยังไง” “หนูจะไม่ถูกผึ้งต่อย นี่คือความต้องการของพ่อ” แต่เสียงเข้มของบิดาทำให้เด็กหญิงหน้าเจื่อน แล้วเดินคอตกออกไปโดยในมือยังมีกุหลาบที่ตั้งใจเก็บมาฝาก “ถ้าวันหนึ่งฉันทำลายสวนเอเดนนั่น ก็อยากให้นายเข้าใจเหตุผล” เบนละสายตาจากร่างเล็กที่หายลับไปจากประตูโบสถ์ หันมาบอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ “เสร็จงานศพของพ่อแล้ว ฉันคงไม่ได้เห็นหน้านายอีกนาน แต่พอนายทำงานสำเร็จ ฉันจะเตรียมตำแหน่งรองประธานมิลเลอร์โฮลดิ้งไว้พร้อมเงินทองมากมายนอกเหนือจากมรดกที่พ่อมอบให้ในโกดัง” “ผมไม่รับตำแหน่ง” “นายต้องรับตำแหน่ง!” แม้เสียงของนายใหญ่แห่งมิลเลอร์สะท้อนก้องไปทั่วโบสถ์ แต่ทีเคยังไม่แสดงสีหน้ายินดียินร้าย เขาหันไปโค้งตัวคำนับศพมหาเศรษฐีที่กรุณาอุปการะเขาเป็นบุตรบุญธรรม แล้วก้าวเดินออกจากโบสถ์ ทว่าประโยคถัดมาของเบนทำให้เขาหยุดขาชะงัก “เคย์แมนได้บอกนายเรื่องบริษัทลูกหนี้ของมิลเลอร์โฮลดิ้งในเมืองไทยหรือยัง” “ยังครับ” “ถ้าอย่างนั้น ก็ฟังจากฉันตอนนี้เลย ฉันกำลังส่งบริษัทนี้ไปอยู่ในเดดลิสต์ของนาย” หมายความว่ามิลเลอร์กำลังจ้องจะเชือดลูกกวางบาดเจ็บตัวใหม่ แล้วผู้รับหน้าที่นำลูกกวางหมดหนทางเยียวยามาสังเวยก็คือเขา “ผมจะรอรับคำสั่ง” เพราะรู้หน้าที่ดีแล้วก็จึงค้อมศีรษะรับทราบ จากนั้นหมุนตัวเดินกลับเข้าสู่สวนเอเดน หยิบกีตาร์โปร่งคู่ใจที่วางทิ้งไว้ขึ้นแล้วมองมันอย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนเงยหน้ากวาดตาไปทั่วสวนที่เขาใช้เงินส่วนตัวสร้างขึ้นมาเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตสองคน ที่หนึ่งในนั้นจากเขาไปแล้วตลอดกาล บทเพลงรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงขับร้องของชายหนุ่มสุดหม่นเศร้า ไม่ต่างกันเลยกับความทึมเทาของท้องฟ้าที่เริ่มโปรยสายฝนเย็นเฉียบลงมา
Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2566 |
Last Update : 22 มีนาคม 2566 20:35:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 324 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]
|
เป็นนัก(หัด)เขียนนิยายพาร์ทไทม์ เป็นคุณแม่ทำงานที่ชอบฝันกลางวันแบบฟูลไทม์ด้วย
บล็อกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เข้ามาค้นหาสิ่งที่อยากรู้ได้ตามสบาย
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ สำหรับนักอ่านที่ติดตามนิยายของ จขบ สามารถอานได้ทั้งทางเวบ
Hongsamut : https://hongsamut.com/writerdetail.php?writerid=3992
และทางเว็บ Dek D ค่ะ https://my.dek-d.com/redapplels/
เนื้อหา ภาพถ่าย ในบล็อกนี้ ได้รับความคุ้มครอง ตามกฏหมายพ.ร.บ. สิขสิทธิ์พ.ศ. 2537 ห้าม นำไปใช้ คัดลอก ดัดแปลง แก้ไขส่วนหนึ่งส่วนใดโดย เด็ดขาดนะจ๊ะ
คนดี...
|
|
|
|
|
|
|
|