space
space
space
 
กรกฏาคม 2562
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
19 กรกฏาคม 2562
space
space
space

ความรักประกอบสร้าง: เมื่อสังคมบอกให้ฉันต้องนิยามความรัก
ความรักประกอบสร้าง มันอาจจะเกิดขึ้นจากการ interact ระหว่างฉันและสังคม ฉะนั้นมันอาจจะใช้สำหรับฉันได้เพียงคนเดียว

ในเมื่อเขาคือเหตุผล ฉันก็มักจะเอาเหตุผลมาสนับสนุนอารมณ์ เขาชอบเทคโนโลยี ฉันแสวงหาความคลาสสิก เขาสรรเสริญความสำเร็จ ฉันเลือกเดินตามความฝัน สิ่งที่เรามีเหมือนกันคือความคิดทางการเมือง มันคงไม่แข็งแรงพอที่จะเชื่อมเราเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหัว เวียนไปมา ฉายภาพซ้ำๆ แล้วทำให้เจ็บช้ำใจมันเกิดจากอะไร ทั้งที่หัวสมองสั่งให้หยุดเพราะมันจะทำร้ายตัวเอง มันยังกลับตามมาถึงในฝันพื้นที่ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ฉันลองนั่งวินิจฉัยความรู้สึกนั้น มันคล้ายๆกับตอนที่ถูกจ้างให้ออกจากงาน ตอนนั้นฉันรู้สึกเสียความมั่นใจ ตอนนี้ก็เหมือนกัน

-Background
-กระบวนการสร้าง ความ"รัก"
-คุณลักษณะของความรักประกอบสร้าง
-ปัจจัยกระตุ้นทางสังคม
-ความสำคัญของความรักประกอบสร้าง
-การไม่มีอ้างอิงวรรณกรรมและบทสรุป

Background- การที่มีใครสักคนมาชอบ เขาไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่คนในครอบครัว ฉันมักจะให้ค่ากับความชอบของเขา คงเป็นเพราะเขาคือใครก็ไม่รู้ที่มาชื่นชอบตัวตนของฉันที่ถูกสร้างมาอย่างunique เขาชอบชิ้นงานสูตรสำเร็จที่เรียกว่าตัวฉัน การมาชอบของเขาทำให้ฉันเสพติด ใครๆก็อยากเป็นคนที่ถูกชอบ เพราะนั่นหมายถึงความสำเร็จอย่างหนึ่งของการสร้างตัวตน

กระบวนการสร้างความ "รัก"-ความรักประกอบสร้างเริ่มต้นขึ้นมาจากความรู้สึกชอบที่จะให้คนมารัก เสพติดความรู้สึกที่ว่าฉันได้เป็นที่รักหรือถูกรักจากใครสักคนที่เป็นคนแปลกหน้า เพราะเขาไม่ได้มีส่วนในการสร้างฉันขึ้นมา แต่กลับชอบฉัน ชิ้นงานที่เรียกว่าฉันจึงน่าภาคภูมิใจเหลือเกิน เมื่อเขามาชอบ ฉันจึงเห็นค่าในตัวเอง ตามมาด้วยความภาคภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง ฉันรักที่ให้เขามาชอบ อาจไม่ได้หมายความว่าฉันรักตัวเขา ความสับสนในนิยามของคำว่ารักจึงเกิดขึ้นตรงนี้ ฉันจึงขอเรียกความรักแปลกๆนี้ว่าความรักประกอบสร้าง เพราะสารตั้งต้นที่แท้จริงของมันคือการเห็นคุณค่าในตัวเอง ถูกovervalueให้เป็น "ความรัก" คำสั้นๆที่ไม่ได้มีนัยยะว่าใครคือประธานหรือใครเป็นกรรม 

คุณลักษณะ-ความเข้มข้นของความรักประกอบสร้างจะผันผวนไปตาม 1.ลักษณะของคนแปลกหน้า เขาตรงสเปคเรามากแค่ไหน ตรงมากก็รักมากเช่น ฉันชอบคนฉลาด ชอบคนมีความมั่นคง คนคนนั้นย่อมทำให้ฉันเสพติดมากกว่าคนที่มีความฉลาดและความมั่นคงน้อยกว่า 2.เขาปฏิบัติกับเราถูกใจมากแค่ไหน หากเขาปฏิบัติถูกใจมากเท่ากับว่าเขาเห็นว่าคุณค่าในตัวเรามาก เราก็จะภูมิใจในตัวเองมาก เราก็จะรักมาก

ปัจจัยกระตุ้นทางสังคม-สังคมทำหน้าที่ในหยิบยื่นภาพความรัก และบอกว่ามันสวยงาม ส่วนคนในสังคมก็มีหน้าที่ในการเก็บภาพความรักและนำมันไปตีความในรูปแบบของตัวเอง ฉันเติบโตมาพร้อมกับการ์ตูน Disney ที่นางเอกต้องมีคนมาชอบและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข “รักกันในตอนจบ การมีคนมาชอบจึงเป็นราวกับความใฝ่ฝันและการจบด้วยความรักจึงเป็นชีวิตในอุดมคติ ความรักถูกทำให้ดูสูงส่งและสวยงาม จะดีแค่ไหนหากนำตัวเองเข้าไปอยู่ในความ “รัก” ฉันยังจำได้ว่าตัวเองรู้สึกภาคภูมิใจแค่ไหนที่ในที่สุดก็ได้เดินคู่กับใครสักคน นอนคู่กับใครสักคน ตื่นเช้ามาเห็นหน้าคนที่ดูเหมือนจะชอบฉันราวกับฉากในนิยาย ในที่สุดฉันได้กลายเป็นคน “ปกติ”คนนึง ได้เป็นคนทั่วๆไปที่ได้มาใช้เวลากับคนรักไม่ใช่ใครสักคนที่ไม่มีใครมาชอบหรือไม่ชอบใครสักคน ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้มาจากการที่สังคมโยนภาพความรักมาให้ เพียงแค่ฉันสามารถที่จะมีภาพเหล่านี้ในชีวิตมันคงเท่ากับว่าฉันได้มีความรักแล้ว อย่างนั้นเหรอ? 

ความสำคัญ-เมื่อสังคมพร่ำบอกให้ฉันรัก ฉันจึงประกอบสร้างความรักขึ้นมา และใช้มันกับใครสักคน เมื่อคนคนนั้นหายไป ฉันกลับพบว่าตัวเองการเสียความมั่นใจ ความภาคภูมิใจอันแสนวิเศษมันหายวับไปกับตา เขาเลิกชอบชิ้นงานที่เรียกว่าตัวฉัน แปลว่าชิ้นงานนี้คงบกพร่องอะไรบางอย่างสำหรับเขาสินะ หากนั่งคิดว่าทั้งหมดที่เขียนมามันเกิดขึ้นจากการนิยามความรักในแบบของฉันส่วนหนึ่ง และการกระตุ้นจากสังคมให้มีความรักส่วนนึง ฉันควรทำอย่างไรดีให้อาการที่มันทำร้ายตัวเองนี้ออกไปเสียที เมื่อความรักประกอบสร้างมีประธานคือฉันที่ชอบและเสพติดการมีคนมาชอบ ชอบและเสพติดการมีความหมายกับใครสักคน และกรรมก็คือฉันเองที่เสียความมั่นใจในตัวเอง เสียความภูมิใจในตัวเอง ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือเขา และกระบวนทัศน์ของสังคมที่ให้ค่ากับการมีคู่มากกว่าการอยู่คนเดียว ฉันคงไม่กล้าเสนอแนวทางอะไรเพราะหากต้องการเปลี่ยนตัวแปลที่ควบคุมไม่ได้อย่าง “เขา” มาเป็นตัวแปลที่ควบคุมได้ง่ายกว่าเช่นครอบครัว เพื่อน หรือตัวเอง สุดท้ายฉันจะเติมเต็มตัวเองได้ด้วยตัวเอง การมีคู่รักคงจะไม่สำคัญอีกต่อไป สังคมจะชอบสิ่งนี้มั้ย ฉันเองก็ไม่รู้ 

การไม่มีอ้างอิงวรรณกรรมและบทสรุป-เพราะบทความนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์และการวิเคราะห์ของฉันเอง มันคือความรู้สึกที่พยายามจัดเรียงในรูปแบบของความเป็นเหตุเป็นผล มันอาจจะดูฝืนเพราะความรู้สึกมักไม่มีสูตรตายตัว มันคงไม่มีค่าหากคุณจะโหยหาและเพ่งมองเพียงแต่คำอ้างอิง และผลวิจัย แต่มันแสดงความเป็นตัวตนของฉันผ่านการประนีประนอมระหว่างเหตุผลและความรู้สึก ความเชื่อ และค่านิยมของสังคม บทสรุปของเรื่องนี้คือการไม่มีบทสรุปเพราะฉันไม่หาญกล้าพอที่จะเขียนบทสรุปให้กับความรู้สึกของตัว แน่นอนว่านิยามของความรักมันจะต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และหวังว่าฉันคงจะรู้จักตัวเองมากขึ้นจากการได้มีความรัก


Create Date : 19 กรกฎาคม 2562
Last Update : 20 กรกฎาคม 2562 16:26:51 น. 0 comments
Counter : 720 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 5411898
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 5411898's blog to your web]
space
space
space
space
space