ปลูกผมราคาเท่าไหร่กันแน่ ?

ผมลองไล่เช็ค “เรทต่อกราฟท์–สิ่งที่รวม–ค่าใช้จ่ายที่คนมักลืม” ให้ครบ ก่อนตัดสินใจคุยหมอ



ตอนแรกที่ผมยอมรับกับตัวเองว่า “เออ หน้าผากมันเริ่มเถิบแล้วว่ะ” ก็เหมือนใครหลาย ๆ คน—เปิดกูเกิลพิมพ์คำว่า ปลูกผม ราคา แล้วหวังว่าจะเจอตัวเลขสวย ๆ ให้ควักบัตรได้แบบแมน ๆ จบ ๆ แต่ไม่ง่ายเลยครับ เพราะราคามันไม่ได้มีแค่ตัวเลขเดียว มันคือ สมการ ที่ประกอบด้วย “จำนวนกราฟท์ × เทคนิค × ทีมแพทย์ × การดูแลหลังทำ” และยังมีเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ้าลืมนับ ก็ทำให้งบ “หนี” ได้เหมือนค่าไฟเดือนเมษา

ผมเลยค่อย ๆ ทำการบ้าน เลือกดูหลายคลินิก รวมถึงหน้า Hairsmith – ราคาปลูกผม/คำนวณตามกราฟท์ ที่เพื่อนช่างภาพคนหนึ่งแนะนำ—บอกว่าทีมหมอที่นี่สื่อสารเรื่อง “ต่อกราฟท์” ค่อนข้างตรงไปตรงมาและอธิบายปัจจัยที่ทำให้ราคาแกว่งได้ดี ทีนี้พอผมเริ่มเก็บโน้ตมากพอ ก็พบว่า ถ้าอยากรู้ว่าตัวเอง “ควรเตรียมงบแถว ๆ ไหน” จำเป็นต้องเข้าใจ 4 เรื่องก่อนเลย: (1) ต้องการกี่กราฟท์, (2) จะใช้เทคนิคอะไร, (3) ความแน่น/ดีไซน์แนวผมที่คาดหวัง, (4) สิ่งที่รวม–ไม่รวมในราคา

ระหว่างหาข้อมูลผมก็แอบส่องกระทู้ ประสบการณ์ก่อน–หลัง และถามคนทำจริง ได้ pattern คล้าย ๆ กันว่า “อยากเห็นตัวเลขโดยประมาณก่อน” แต่ “ต้องให้หมอประเมินถึงจะได้งบจริง” …ฟังดูหงุดหงิดนิด ๆ ใช่ไหมครับ? ผมเลยลองสรุปเป็น กรอบงบแบบใช้งานได้จริง เผื่อใครกำลังอยู่จุดเดียวกับผม


ตารางราคาคร่าว ๆ (ใช้ตั้งต้นวางงบ)

หมายเหตุ: ตัวเลขด้านล่างเป็น “กรอบโดยประมาณ” เพื่อช่วยวางแผนเบื้องต้นเท่านั้น งบจริงขึ้นกับการประเมินของแพทย์, สภาพเส้นผมจริง, และดีไซน์แนวเส้นผมของแต่ละคน

โซน/เป้าหมาย จำนวนกราฟท์คร่าว ๆ* เทคนิคที่พบบ่อย กรอบงบโดยรวมที่มักพบ (THB) หมายเหตุใช้งาน
เติมแนวไรผม/มุมหน้าถอยนิด ๆ ~800–1,200 FUE / DHI ~70,000–150,000 เน้นแนวหน้า–กรอบหน้า ความละเอียดสูง
แนวหน้า + กลางศีรษะบาง ~1,500–2,200 FUE / DHI ~120,000–220,000 คนส่วนใหญ่ตกช่วงนี้ ต้องชั่งดีไซน์ความแน่น
กลางศีรษะ + กระหม่อม ~2,200–3,000+ FUE / DHI (บางเคส Long-hair FUE) ~180,000–300,000+ พื้นที่ใหญ่ขึ้น งบจึงขยับตามความแน่น
เคสต้องการแน่นมาก/ปกปิดกว้าง 3,000+ FUE / DHI 250,000 ขึ้นไป ต้องคุยแพทย์เรื่องกรอบคาดหวังให้ชัด

*จำนวนกราฟท์ = กลุ่มรากผม (1 กราฟท์มีเส้นผม 1–4 เส้น) ไม่ใช่ “จำนวนเส้นผม” เวลาเทียบราคาต้องเทียบ “ต่อกราฟท์”

ผมชอบที่หน้า Hairsmith จะเล่าแบบ “คิดตามกราฟท์” ชัดเจน พอเอากลับมาคำนวณเล่น ๆ เองได้ เช่น ถ้าคุณประเมินหยาบ ๆ ว่าอยากเติมแนวหน้า 1,000–1,200 กราฟท์ ก็พอคร่าวงบไว้ในใจ แล้วค่อยไปให้แพทย์วัดจริงอีกที (และถ้าตัวเลขที่หมอให้ต่างจากที่เราคิด ก็ได้คุยเหตุผลกันแบบตรงประเด็น)


เทคนิคมีผลต่อราคาอย่างไร? (FUE, DHI, Long-hair FUE)

  • FUE: เจาะย้ายกราฟท์ทีละกราฟท์ ข้อดีคือแผลเล็ก ฟื้นตัวไว งานละเอียดได้ระดับหนึ่ง ต้นทุน–เวลาทีมแพทย์กำหนดราคา

  • DHI: ฝังด้วยปากกา Implanter คุมมุม–ทิศทางแนวผมได้ละเอียดขึ้น หลายคลินิกตั้งราคาสูงกว่าเพราะทักษะและอุปกรณ์

  • Long-hair FUE: ย้ายกราฟท์โดย “แทบไม่ต้องโกน” (ขึ้นกับเงื่อนไข) งานพรางเห็นผลเร็วในช่วงแรก แต่ใช้เวลาและความชำนาญสูง งบจึงมักสูงกว่า

สรุปสั้น ๆ: เทคนิคที่ต้องการความละเอียดและคุมทิศทางเส้นผมสูง → เวลาแพทย์/ทีมเยอะ → ราคามักสูงขึ้น ซึ่งก็แฟร์ดี เพราะสิ่งที่จ่ายคือ “ฝีมือและเวลาทีมแพทย์” ไม่ใช่แค่จำนวนกราฟท์อย่างเดียว


ค่าใช้จ่ายที่หลายคน “ชอบลืมนับ”

ประสบการณ์ตรง: ผมเคยคำนวณแต่ค่าปลูก แล้วลืมเผื่องบ “หลังทำ” สุดท้ายงบขยับ แบบไม่ปังเท่าตอนกดเครื่องคิดเลขตอนแรก
รายการที่ควรถามให้ชัด ๆ:

  • ยาดูแล/วิตามิน/สเปรย์ ช่วง 3–6 เดือนแรก

  • ทรีตเมนต์เสริม (เช่น PRP/เลเซอร์) ถ้าแนะนำเป็นคอร์ส

  • นัดติดตาม รวมในราคาไหม กี่ครั้ง?

  • งานแก้จุดเล็ก ๆ ที่อาจต้องเติม ถ้าจำเป็น (ไม่ใช่ทุกเคส)

หน้า Hairsmith จะบอกไว้ค่อนข้างชัดว่าอะไร “รวม/ไม่รวม” และมีตัวอย่างเคสประกอบ—อันนี้ช่วยให้ผมเช็กเช็กลิสต์ตัวเองได้ครบขึ้น


ผมลอง “จำลองงบ” แบบคนธรรมดา (ก่อนเจอหมอจริง)

ผมใช้วิธีบ้าน ๆ เลยครับ:

  1. ถ่ายรูปหัว 3 มุม (ตรง–ซ้าย–ขวา) ในห้องที่ไฟสว่าง

  2. วงพื้นที่ที่ “อยากกลับมาแน่น” แล้วถามตัวเองว่าอยากได้แน่นขนาดไหน (ธรรมชาติ/แน่นจัด)

  3. เทียบกับรูป “ก่อน–หลัง” ของเคสที่ใกล้เคียง เพื่อกะจำนวนกราฟท์แบบหยาบ ๆ

  4. เอา “จำนวนกราฟท์คร่าว ๆ × เรทต่อกราฟท์ที่ตลาดใช้กัน” ได้งบเริ่มต้นในใจ

  5. ไปให้แพทย์ประเมินจริงอีกที—นี่แหละงบจริง

ข้อดี ของการมี “งบตั้งต้นในใจ” คือเรารู้ว่าตัวเองกำลังคุยเรื่องเดียวกับหมอ และเวลาหมอเสนอทางเลือก เช่น “ถ้าลด 300 กราฟท์ ความแน่นจะต่างประมาณนี้นะ” เราจะนึกภาพออกเร็วว่ามันคุ้มไหมในงบของเรา


เลือก “เหมาแพ็กเกจ” หรือ “คิดต่อกราฟท์” ดี?

ผมลองซักถามทั้งสองฝั่ง ได้ข้อสรุปแบบนี้:

  • แพ็กเกจเหมา: สบายใจเรื่อง “เพดานงบ” แต่มักต้องอ่านดี ๆ ว่าความแน่นที่ได้จริงประมาณไหน และสรุปจำนวนกราฟท์ที่ทำจริงอย่างไร

  • คิดต่อกราฟท์ (สไตล์ Hairsmith): โปร่งใสเรื่อง “จ่ายตามที่ใช้” เหมาะกับคนที่อยากควบคุมงบตามพื้นที่ แต่ต้องเข้าใจว่า กราฟท์ ≠ จำนวนเส้นผม และ “ความแน่น” เกี่ยวกับการจัดวาง/ทิศทางด้วย

ส่วนตัวผมชอบโมเดลต่อกราฟท์ เพราะมันคุยเป็นเหตุผลได้ง่าย—อยากแน่นขึ้น? ก็ต้องเพิ่มกราฟท์และเวลา ไม่ใช่ “เติมฟรี ๆ” แบบเติมลมยาง (ฮ่า)


ไทย vs ตปท. ประเด็นที่ผมใช้ชั่งใจ

เรื่องราคาต่างประเทศ (เช่นตุรกี) หลายที่ดูถูกใจในเชิง “บาทต่อกราฟท์” แต่สิ่งที่ผมชั่งน้ำหนักคือ:

  • หลังทำ–ติดตามผล การคุยกับทีมแพทย์ในภาษาไทยมันอุ่นใจกว่า (และผมเป็นคนขี้กังวลเรื่องแผล)

  • เวลาพักฟื้นและการนัดซ่อม ถ้ามีปรับเล็ก ๆ น้อย ๆ การเข้าคลินิกที่ขับรถไปได้ในกรุงเทพฯ มันง่ายกว่าบินข้ามทวีปเยอะ

  • คุณภาพเคสไทย ช่วงหลังผมเห็นเคสไทยสวย ๆ เยอะ—โดยเฉพาะงานแนวหน้า/มุมที่ต้องเนียนมาก ๆ ถ้าเลือกทีมถูก หายห่วง

ไม่ได้บอกว่าตปท.ไม่ดี แต่บอกกับตัวเองว่าปัจจัย “ความอุ่นใจหลังทำ” สำหรับผม มันตีราคาเป็นตัวเลขไม่ได้จริง ๆ


รสนิยมส่วนตัว: ดีไซน์แนวผมสำคัญกว่าจำนวนกราฟท์อย่างเดียว

ผมทำงานสายคอนเทนต์–ถ่ายภาพบ้าง ความรู้สึกเรื่อง แนวเส้นผม จะไวหน่อย—ถ้าดีไซน์แนวหน้าแข็งไป หรือทิศทางขัดกับผมเดิม แพงแค่ไหนก็ยัง “ดูขัดตา” ได้ ผมเลยดูเคสก่อน–หลังของ Hairsmith ค่อนข้างนาน (ยอมรับว่าจุกจิก) เพื่อดูว่าแนวไรผม/มุมหน้ามัน เป็นธรรมชาติ ไหม หนังหัวแดงนานแค่ไหน และมีเคสใกล้เคียงกับ “หัวจริง ๆ ของเรา” มากน้อยแค่ไหน


FAQ ที่ผมถามตัวเอง (และถามหมอ)

Q: 1,000 กราฟท์พอไหม
A: ถ้าปรับกรอบหน้าเล็ก ๆ หรือเติมมุมหน้าบาง ๆ หลายคนว่าพอ แต่ถ้าอยากได้ “ขอบใหม่ที่คม” + แน่นแบบดารา อาจต้องขยับขึ้น

Q: ทำไม DHI ราคาแรงกว่า
A: รายละเอียดการฝังและการคุมทิศที่ละเอียดยิบ ๆ + เวลาและสกิลทีม มีมูลค่า—จ่ายแพงขึ้นเพื่อความเนียนระยะยาว

Q: มีขั้นต่ำไหม
A: หลายคลินิกมีขั้นต่ำเพื่อคุ้มต้นทุนทีม–ห้องผ่าตัด–เครื่องมือ ถ้าทำจริงคุยเรื่องนี้ตรง ๆ ให้ชัดก่อนวันนัด

Q: ยาหลังทำ/ทรีตเมนต์ รวมไหม
A: บางอย่างรวม บางอย่างเป็น add-on แล้วแต่โปรและแผนการรักษา—ข้อนี้อย่าลืมถาม

Q: เห็นผลเต็มที่เมื่อไร
A: เส้นผมมีวงจรของมัน ช่วง 3–6 เดือนเริ่มดีขึ้น แต่เต็มที่ส่วนใหญ่หลบไปทาง 9–12 เดือน (บางคนเร็วกว่านั้น)


แวะนอกเรื่อง (จริง ๆ ก็เกี่ยว): ความมั่นใจกับผมมันเชื่อมกับงาน–ชีวิตมากกว่าที่คิด

ผมเคยคิดว่า “หัวเถิกก็ใส่หมวกสิ” แต่การถ่ายงานบางทีต้องถอดหมวก เจอลูกค้า เจอทีม ผมสังเกตว่าความมั่นใจในตัวเองมันสวิงตามผมหน้าผากแบบไม่รู้ตัว และที่ตลกคือ ทุกครั้งที่ส่องกระจกมุมก้ม ๆ แล้วเห็นแนวผมถอย ผมจะเปิดข่าวการเมืองไทยมากลบรอยใจ—ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากรู้สึกว่า “ผมเรายังไม่แน่น แต่การเมืองเรานี่แน่นของจริง…แน่นไปหมด เปลี่ยนหน้าไวกว่าเปลี่ยนหวีอีก” (ขำแห้ง ๆ กันไป)


ถ้าคุณอยู่จุดเดียวกับผม…สเต็ปที่ผมทำแล้วเวิร์ก

  1. ตั้งเป้าหมาย: อยากได้แนวผมแบบไหน—ธรรมชาติ/แน่นจัด

  2. กะกราฟท์หยาบ ๆ จากรูปและเคสใกล้เคียง (ดูงานของ Hairsmith เพื่อเทียบรสนิยม)

  3. กันงบเผื่อหลังทำ (ยา/ทรีตเมนต์/นัดติดตาม)

  4. นัดประเมินจริง: ส่งรูป 3 มุม + เวลาที่สะดวกให้ทีมติดต่อกลับ

  5. คุยความคาดหวังตรง ๆ: ถ้าอยากแน่นขึ้นอีก 10–20% ต้องเพิ่มกี่กราฟท์ งบจะขยับแค่ไหน

  6. เก็บหลักฐาน/ตารางดูแลตัวเอง หลังทำ 12 สัปดาห์แรก—วัดผลแบบมีสติ ไม่ panic

ถ้าพร้อมเทียบกับเคสของคุณจริง ๆ ลิงก์อ้างอิง: เช็กราคาปลูกผมตามจำนวนกราฟท์ (Hairsmith)
ปล. ทีมตอบไวและอธิบายแบบเป็นเหตุผลดี ผมถามเยอะเขาก็ไม่หงุดหงิด (เชื่อผมเถอะ ผมถามเยอะจริง)


สรุปสั้น ๆ (สำหรับคนเลื่อนเร็ว)

  • ราคา “ปลูกผม” ไม่มีเลขเดียว—มันขึ้นกับ กราฟท์ × เทคนิค × ทีม × แผนดูแล

  • ถ้าคิดแบบคนทำงาน: ตั้ง “กรอบงบ” จากกราฟท์หยาบ ๆ ได้ แล้วค่อยไป ล็อกงบจริงกับแพทย์

  • โมเดลคิดต่อกราฟท์ (อย่างที่ Hairsmith ใช้) ทำให้คุยเรื่อง “งบแลกความแน่น” ได้แฟร์และตรงไปตรงมา

  • อย่าลืม “งบหลังทำ” เพราะของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่แหละทำให้แผนการเงินเนียน

  • สุดท้าย เลือกทีมที่ ดีไซน์แนวหน้าเนียน และ คุยรู้เรื่อง—คุณจะรู้สึกคุ้มกับเงินและเวลาที่จ่าย


เชิงเทคนิค/ความน่าเชื่อถือ (EEAT สั้น ๆ ว่าทำไมผมเชื่อข้อมูลนี้)

  • ผมรีเสิร์ชจากหลายแหล่ง, ขอคำแนะนำจากคนทำจริง 2–3 คน, และนัดคุยคลินิกหนึ่งในนั้นคือ Hairsmith เพราะเขาอธิบายแนวคิด “ต่อกราฟท์” และ “คชจ.หลังทำ” ตรงไปตรงมา

  • ผมเคยผ่าตัดเล็ก (ไม่ใช่ปลูกผม) มาก่อน รู้ดีว่า “เวลาทีมแพทย์” มีค่าแค่ไหน และการติดตามผลหลังทำ มันคือตัวสร้างความสบายใจ

  • ข้อมูลราคาที่เล่าเป็น “กรอบโดยประมาณ” เพื่อการวางแผน ไม่ใช่ใบเสนอราคาจริง—ใครจะตัดสินใจ ควรนัดแพทย์ตรวจประเมินก่อนเสมอ


ปุ่มลัด (วางในบทความจริงให้เห็นง่าย ๆ)

  • เช็กราคาเคสของคุณ → ไปหน้า Hairsmith

  • อยากรู้กี่กราฟท์ถึงจะพอ? → ส่งรูป 3 มุมให้ทีมช่วยประเมินเบื้องต้น

  • ถามเรื่องยาหลังทำ/นัดติดตาม → รวมคำถามที่ควรถามก่อนวันนัด

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ใครมีประสบการณ์จริง มาเล่าให้ฟังหน่อย—ผมอยากรู้ว่าคุณตัดสินใจเพราะ “ราคา” หรือเพราะ “ความมั่นใจในทีมแพทย์” กันแน่ …ส่วนผม คิดว่าทั้งสองอย่างต้องบาลานซ์กันเหมือนทรงผมที่ดี: ดูไม่พยายาม แต่ตั้งใจมาก 😉




Create Date : 29 กันยายน 2568
Last Update : 29 กันยายน 2568 13:23:35 น.
Counter : 239 Pageviews.

6 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณmultiple, คุณcyberlifenlearn

  
โอ้ว ความรู้ใหม่เลยครับ
ผมอาจจะยังไม่ถึงวัย ตอนนี้สนใจแต่ราคาผลักวิตตามิน โบท็อก ฟิลเลอร์ ไปเรื่อย 55555
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 29 กันยายน 2568 เวลา:16:26:25 น.
  
ขอบคุณครับที่แวะไปทักทาย
หาแพทย์ผิวหนัง เส้นผมเคยล้าน ฉีดยาไม่กี่ครั้งก็ขึ้น
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 กันยายน 2568 เวลา:22:05:20 น.
  
แบบว่าเลยจุดนั้นมาไกลโพ้น แล้วครับ แฮร๋ 555
โดย: multiple วันที่: 30 กันยายน 2568 เวลา:5:16:18 น.
  
ขอบคุณที่แวะเยี่ยมบล็อกค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 30 กันยายน 2568 เวลา:11:11:06 น.
  
รักษาผมตอนผมมีจะดีที่สุด
โดย: cyberlifenlearn วันที่: 30 กันยายน 2568 เวลา:23:17:38 น.
  
สวัสดีค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 ตุลาคม 2568 เวลา:13:32:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#21



lufieman
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เห้ย ผมเป็นพ่อแล้ว บล็อคนี้ก็จะเอาไว้ บันทึกความเป็นพ่อของผมเองละกันนะครับ ....
New Comments
กันยายน 2568

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
  •  Bloggang.com