สุดท้ายแล้ว เรื่องที่เราเล่าก็คือเรื่องของตัวเอง
|
||||
1 เมื่อออกเดินทางจากปักกิ่ง วันที31 สิงหาคา2554 หมอกจัด ฝนตกปลอยๆ รถไฟ ประเทศจีน เรื่องที่เราไม่เคยสัมผัสหรือไม่เคยคิดว่าจะมี ไม่ได้แปลว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ความเงียบบนรถไฟในประเทศจีนเป็นต้น ท้าวความกลับไปนึด เมื่อคืนเรานัดเจอเพื่อน เพื่อกินอาหารเย็นและล่ำลาก่อนที่เราจะออกเดินทาง หลังจากนั้นก็พบว่าเป็นเวลาตีหนึ่งครึ่ง พวกเราจึงตกลงกันว่าจะไม่นอนจนถึงเช้าเพราะเข้าใจถึงความทรมานในการตื่นนอนในระยะเวลาสั้นๆ พอถึงเวลาเราก็เดินทางไปสถานีรถไฟและเมื่อเราก้าวเท้าข้ามเข้าไปยังตัวรถไฟเท่านั้นแหละ ความเหงาหงอยก็แล่นเข้าจับหัวใจ สักครู่เดียวรถไฟก็แล่นผ่านหุบเขา ทำให้เรามองไม่เห็นอะไรนอกจากความดำมืด และเงาสะท้อนของตัวเอง ความรู้สึกโดดเดี่ยวโถมเข้าใส่ในทันที เหมือนติดอยู่ในคุก มันช่างอัดอั้นจนอยากร้องไห้ออกมา ตอนนั้นเรากำลังประสบกับสถานการณ์สุดขั้วอยู่ เหมือนอย่างที่ว่าถ้าไม่เคยจนมาก่อนคงจะไม่เข้าใจความรวย ถ้าไม่เคยเห็นแสงสว่างแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามืด หรือเมื่อได้มีเวลาเล่นสนุก ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย มีบทสนทนาดีๆ ได้หัวเราะ ร้องเพลงร่วมกันกับเพื่อน คงจะเข้าใจความเหงาถ้าต้องได้อยู่คนเดียว ซึ่งเราก็ทนไม่ได้กับการต้องอยู่คนเดียวในความมืดจริงๆ ตอนนั้นเราคิดว่าคงจะได้มีเวลาอยู่กับตัวเองอีกพักใหญ่ๆ ซักพักเราก็ผลอยหลับไป เมื่อได้เวลาเกือบสิบเอ็ดโมงพนักงานก็เอาตั๋วอาหารกลางวันและเย็นมาให้สองมื้อ อ้อ!ที่ราคานักท่องเที่ยวแพงกว่ามากคงเป็นเพราะจับพวกเราขายรวมทุกอย่างนี่เอง ตั๋วรถไฟสายTrans-Mongolian หรือ Trans-Siberian จะไม่สามารถหาซื้อได้โดยตรงในปักกิ่ง ต้องซื้อผ่านเอเจ้นท์เท่านั้น และถ้าได้ยินมาว่ามีคนสามารถซื้อได้ด้วยตัวเอง ลองตรวจถามดูว่าเป็นคนมองโกเลียนหรือรัสเซียหรือเปล่า เนื่องจากรถไฟสายK3หรือK23เป็นรถไฟระหว่างประเทศจึงมีเรื่องการผ่านด่านต.ม.เข้ามาเกี่ยวด้วย รัฐบาลจีนจึงบังคับขายผ่านเอเจ้นท์เท่านั้น (หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อตัวได้ที่เวปไซด์ seat61.com) และแน่นอนว่าราคาตั๋วที่ซื้อด้วยตัวเองและราคาที่โดนบังคับซื้อผ่านเอเจ้นท์นั้นต่างกันอยู่มาก เราเดินเข้าไปในห้องอาหารบนรถไฟเพื่อกินข้าวกลางวัน อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประกอบอยู่ในหนังเรื่องbefore sunrise ฉากที่พระเอกนางเอกนั่งคุยกันในห้องอาหารบนรถไฟ โรแมนติกดี แหมทำไมเราไม่เจอแบบนี้บ้างทว่าเด็ดกว่านั้นเพราะเราได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับสามหนุ่มที่ทะเลาะกันว่า แคงการู (จิงโจ้) สะกดขึ้นต้นด้วยตัว เคK หรือตัวซีC แต่เพราะเรายังทำตัวดราม่าเป็นนางเองหนังเกาหลี ยังเศร้าและจ๋อยกับประสบการณ์สุดขั้วไม่หาย เลยไม่ได้เข้าไปร่วมทะเลาะด้วยแต่อย่างใด เรากลับไปนั่งๆนอนๆ ฟังเพลงและอ่านหนังสือ เวลาประมาณสองทุ่มรถไฟก็จอดที่สถานีเออร์เหลียง Er-liang ซึ่งเท่าที่ศึกษาเส้นทางสถานนีนี้เป็นสถานีสุดท้ายก่อนเดินทางผ่านเข้ามองโกเลีย ซักพักเจ้าหน้าที่ตรวจคนออกจากเมืองก็เดินขึ้นมาบนรถไฟ เรายื่นพาสปอร์ตให้ ซึ่งตอนนั้นเรากำลังคุยโทรศัพท์กับแม่อยู่ พอเจ้าหน้าที่เห็น ก็มองหน้าแล้วพูดด้วยเสียงอันดังและเข้มกว่าการสนทนาทั่วไปให้วางโทรศัพท์ลง จนท.พลิกดูหนังสือเดินทางสี่ห้ารอบ เหมือนหาอะไรไม่เจอแล้วเดินถือหนังสือเดินทางลงไปจากรถไฟ แล้วเราค่อยนึกได้ว่าไม่ได้เขียนใบตม.ขาออกนี่เอง เราเลยเดินตามออกไปเพื่อและเพื่อยืดเส้นยืดสายซื้อของกินเล่นด้วย อากาศยามค่ำคืนที่นี่สดชื่นมากจนบางครั้งก็กลายเป็นว่าหนาวเกินไปแล้วสำหรับสาวไทยอย่างเรา ครั้นพอจะกลับขึ้นรถไฟก็ได้ยินประกาศบอกว่า รถไฟจะเปลี่ยนหัวขบวนจากสัญชาติจีนให้เป็นมองโกเลีย โปรดอย่าอยู่ในตัวรถ เราเดินกลับเข้าไปในชานชาลา แล้วซักพักรถไฟก็วิ่งหายไปในความมืด ซึ่งเราที่ออกมาตัวเปล่าจึงได้แต่คิดถึงของบนรถไฟ (หลักๆแล้วก็คิดเสียดายหนังสือที่ไม่ได้เอาติดตัวลงมาด้วย) เพราะว่าเราไม่ได้เอาหนังสือลงมาอ่านด้วย เลยมีเวลามากมายคอยสังเกตผู้โดนสารกลุ่มอื่นๆในชานชาลา บ้างก็นั่งอ่านหนังสือ นั่งกินขนม หรือแม้แต่จับกลุ่มตั้งวงเล่นไพ่กันก็มี พอห้าทุ่มกว่ารถไฟก็กลับมา เรากลับขึ้นรถไฟและหลับไป จนกระทั่งเวลาตีหนึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมองโกเลียก็เดินเข้ามาตรวจหนังสือเดินทาง ตอนนนั้นเราง่วงหัวทิ่มบ่อแต่ก็ต้องถ่างตาให้ตื่นไว้จนกว่าจะได้รับหนังสือเดินทางคืนมา ขณะนั่งรออยู่ก็มีเจ้าหน้าที่รถไฟนายหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยด้วย (เป็นภาษาจีน) เราก็ออกตัวว่า พูดจีนไม่ได้ แต่เค้าก็ยังคุยต่อเป็นภาษาจีน เราเลยคุยๆไปเดาไป ไม่สนุกเลยและง่วงนอนมาก (เจ้าหน้าที่อ่านภาษากายไม่ออก) แล้วซักพักเจ้าหน้าที่รถไฟนายนั้นก็ถือวิสาสะนั่งเบาะตรงข้ามเราซะเลย แล้วก็ถามว่ามีเงินไทยไหม ขอดูหน่อย (แน่นอนว่าเขารู้ว่าเรามีเพราะเราเขียนไว้ในใบดีแคลย์) เราเลยจำใจยื่นแบงค์หนึ่งร้อยให้ไปดู แล้วอยู่ดีๆเค้าก็ขอเงินเราไปซะดื้อๆ ตอนแรกพยายามอย่างหนักที่จะทำเป็นฟังไม่ออก แต่เค้าก็ยังพยายามอธิบายด้วยภาษาและพยายามอธิบายด้วยภาษากาย แต่เราก็บอกว่าไม่ได้เรามีอยู่ใบเดียวเท่านั้น เค้าก็ยังพยายามขออยู่นั่งแหละ (ในระหว่างการดื้อดึงเราก็ได้รับหนังสือเดินทางคืนมา) ขออยู่สักพัก เราเริ่มมั่นใจแล้วว่าเจ้าหน้าที่นายนี้จะไม่ออกไปถ้าเราไม่ยอมให้เงินไป เราเลยจำให้ไปโดยหวังว่าเขาจะออกไปเสียที แต่เขาก็ยังไม่ออกไปซักที ถามต่อว่าภาพที่อยู่ในธนบัตรคือใคร เราผู้ที่ได้ออกตัวตั่งแต่แรกว่าพูดจีนไม่ได้เริ่มโมโห เขาก็หยิบธนบัตรจีนขึ้นมาและชี้ว่า เหมาเจ๋อตุง เหมาเจ๋อตุง เจ้าหน้าที่อีกคนได้ยินเข้าเลยเดินเข้ามา พูดประมาณว่า เหมาเจ๋อตุงอะไร ไปทำงานไป๊ แล้วลากพนักงานคนแรกออกไป เราดีในรีบล็อคห้องปิดไฟและนอนเลย เฮ้ออออ ตามมาจากพันทิบค่ะ ชอบมากเลยอ่ะ เส้นทางในฝัน ขอบคุณที่รีวิว สร้างแรงบันดาลใจค่ะ(ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้นะ เส้นทางนี้) แอบกลัวเพราะไปในที่เราไม่มีคนรู้จักกะ ภาษาที่เราได้แต่อังกฤษ ไปก็ไม่ได้ใช้มั้งนะ 555555+
โดย: Jeab IP: 58.10.84.7 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:34:22 น.
ตามมาจากพันทิปเหมือนกันค่ะ
โดย: ลิน IP: 202.90.6.36 วันที่: 13 ธันวาคม 2554 เวลา:12:03:51 น.
อยากทราบว่าติดต่อซื้อตั๋วรถไฟจากปักกิ่งไปอุลานบาตอกับเอเจนไหนคะ ตอนนี้ดูในInternet มีแต่ราคาประมา USD374 สำหรับ soft sleeper
โดย: Interesting IP: 210.1.18.138 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:13:09:52 น.
//packmybag.run/destination/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%9B-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99/
โดย: bow (อย่าลังเล ) วันที่: 3 กันยายน 2558 เวลา:17:37:00 น.
|
อย่าลังเล
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |