10. ถนนของมอสโค
วันที่ 10 กันยายน 2554
ฝนตก
กรุงมอสโค ประเทศรัสเซีย
มีโบสถ์แห่งหนึ่งเข้าตรงหัวมุมถนน เราตัดสินใจเดินเข้าไปดู... ด้านในมีควันและกลิ่นธูปหอมและความขลังของผู้นับถือคริสนิกายออร์โธดอกซ์อยู่เต็มไปหมดไม่แพ้ต่อกลิ่นควันธูป แล้วเราก็หันไปสบตากับคุณยายหลายคนที่หันมามองเรา มันไม่ใช่สายตาแสดงความรักเกียจหรือกีดกัน มันไม่ใช่สายตาที่ขับไล่หรือเชิญชวน มันเป็นสายตาปนไปด้วยความประหลาดใจกับงุนงง มันเป็นความรู้สึกตรึงเครียดแบบแปลกๆ ความรู้สึกที่ว่าเราทำอะไรผิดไปรึเปล่าเกิดขึนอยู่ข้างในเต็มไปหมด เราจึงรีบหนีออกมา หลังว่าจะไม่มีใครซักคนเดินมามาเพื่อบอกว่าเราทำอะไรซักอย่างผิด
จากนั้นเราเดินตามสีทองของยอดโบสถ์แห่งนึง ที่เห็นอยู่ลับตา เดินมาซักพัก
ก็โบสถ์ ที่มีชื่อว่าThe cathedral of Christ the Savior เต็มไปด้วยงานวาดศิลปะ เรื่องราวก็เกี่ยวพันกับศาสดาและศาสนาคริสต เดินอยู่ข้างในซักพัก ก็มีผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง คงจะเป็นชาวรัสเซีย เค้าพูดกับเราเป็นภาษารัสเซีย เราฟังไม่ออกสักคำ แต่ถ้าให้เดาจากน้ำเสียงและเหตุการณ์แล้ว คิดว่าน่าจะมาขออะไรซักอย่างจากเรา
ซักพักใหญ่ๆฝนก็ตกลงมา จากเม็ดเล็กๆ หนักขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเดินต่อไปไม่ได้ เราเลยหบลบเข้ามุม มุมหนึ่งของจตุรัสแดง มองเข้าไปก็พบว่าภายในถ้ำมีเจ้าสาวเจ้าบ่าวอยู่สองคู่ที่น่าจะมาถ่ายพรีเวทดิ่ง กำลังหลบฝนอยู่เหมือนกัน
ฝนตกมาได้สักพักค่ะ แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แอบเหลือบเหลือบมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดแต่งงาน ทั้งขาวสะอาดและสวยเลิศ พวกเค้าดูไม่มีท่าทีจะหงุดหงิดหรือโมโหต่อฝนที่อยู่ๆก็ตกลงมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลัยดูสดชื่นรื่นรมย์ไปพร้อมกับสายฝน แล้วอยู่ๆก็มีใครคนหนึ่งร้องเพลงขึ้นมาเป็นภาษารัสเซีย แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่หนึ่งก็เริ่มเต้นรำกัน แล้วชวนให้อีกคู่นึงร้องรำทำเพลงเต้นรำไปกับพวกเข้าด้วย แล้วอีกเพียงคู่เดียว ก็มีใครซักคนเปิดแชมแปนเพื่อเฉลิมฉลองที่พวกเราติดฝนอยู่ด้วยกัน ลองกลับมาคิดดูแล้ว มันรู้สึกเหมือนกับว่า เราได้เข้าไปร่วมฉลองงานแต่งงานกับพวกเขาด้วยเลย
พอฟ้าเริ่มสว่างขึ้นผู้คนทั้งหมดรวมทั้งเราด้วยก็เริ่มทยอยเดินออกมาไป รวมทั้งเราด้วย แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นไปกับเราคือรอยยิ้มและทัศนคติที่ว่า "ความสุขมันอยู่ที่ใจ ถึงฝนฟ้าอากาศจะไม่เป็นใจ แต่ถ้าลองคิดดูแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้ความสุขในวันพิเศษลดน้อยลงเลย"