Group Blog
 
All blogs
 
เกาหลี ทริปนี้มีมึน Part 1

ก่อนอื่น ขอออกตัวว่าไม่ได้ไปเที่ยวเกาหลีเพราะกระแสฟีเวอร์นะคะ แต่เพราะว่ามีเพื่อนคนหนึ่งที่สนิทกันตั้งแต่สมัย ป.ตรี ชื่อกิ๊ฟท์ ซึ่งเธอคนนี้แหละแฟนเกาหลีตัวยง ชี้วงบอยแบนด์หรือเกิร์ลแบนด์วงไหน เจ๊บอกชื่อและค่ายได้หมด เผลอๆจะร้องเพลงให้ฟังด้วย ทีนี้เพื่อนกิ๊ฟท์เคยไปเกาหลีตอนฤดูร้อนปีที่แล้ว และปีนี้อยากไปอีกช่วงฤดูหนาว พอส่งเมสเสจถามเพื่อนๆ กลุ่มที่สนิทกันตั้งแต่ตอนเรียน ป.ตรีว่ามีใครอยากไปด้วย ก็ปรากฏว่ามีคนสนใจจะไปด้วยตั้ง 5 คน!! เราที่ตอนแรกไม่ได้สนใจก็เลยรู้สึกว่าถ้าตูไม่ไป สงสัยชาตินี้คงอีกหลายปีกว่าจะได้เที่ยวต่างประเทศกับเพื่อนสนิทแบบเกือบครบทั้งกลุ่มขนาดนี้ หลังจากคิดสะระตะ คำนวนเงินค่าใช้จ่ายแล้ว ก็เลยคิดว่า...เอาฟะ อย่างน้อยก็เป็นประเทศที่ไม่เคยไป ส่วนทริปญี่ปุ่นที่อยากไปเบิ้ลคงต้องขอผลัดไปจนกว่าจะได้งานใหญ่ๆ ที่เงินตู้มๆ เข้ามาก่อน (ชีวิตฟรีแลนซ์แต่รักเที่ยวน่ะค่ะ จนไม่เจียมนะเนี่ย ฮา)

หลังจากไถ่ถามจำนวนคนและเช็ควันที่จะไปแน่นอนซึ่งก็คือ 17-21 พย. 2010 จองตั๋วและที่พักแล้ว ก็ได้จำนวนคนเบ็ดเสร็จทั้งสิ้นในทริปนี้ 10 ชีวิต ประกอบด้วย 1. เราเอง 2. กิ๊ฟท์ (ตัวตั้งตัวตีและหัวหน้าทัวร์) 3. พี่เอ และ 4. อรรถซึ่งเป็นเพื่อนที่ออฟฟิศของกิ๊ฟท์ 5. เอื้อง 6. โย 7. ยุ้ย และ 8.สามีชาวอเมริกันของยุ้ยชื่อจัสติน 9. แอน และสุดท้ายคือ 10.โบว์ ซึ่งคนหลังนี้เชี่ยวชาญทั้งภาษาเกาหลีและญี่ปุ่น แถมมีแฟนเป็นคนเกาหลีที่กรุงโซลอยู่แล้วด้วย แต่พอไปถึงแล้วโบว์จะแยกไปอาศัยที่บ้านครอบครัวของแฟนแล้วปลีกตัวมาหาพวกเราแค่วันละช่วงสั้นๆ ค่ะ

เนื่องจากเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเกาหลีนัก ช่วงก่อนที่จะไปก็เลยไม่ได้หาข้อมูลอะไรไว้เลย ยกทุกอย่างให้เจ้าแม่จัดการทั้งหมด (เพื่อนกิ๊ฟท์นั่นเอง) ก็ไม่ค่อยมีอะไรขลุกขลักเพราะกิ๊ฟท์เคยมาเมื่อปีที่แล้ว แถมหลังจากนั้นก็ไปลงเรียนภาษาเกาหลีไว้ด้วย บวกกับสถานที่ที่พวกเราไปกันส่วนใหญ่วนเวียนในโซล วันหลังๆ ของการเที่ยวก็เลยต่างคนต่างไปได้แบบไม่ต้องคอยเกาะกลุ่มกันตลอดนัก เพราะหากใครที่เคยไปเที่ยวกลุ่มใหญ่ๆ คงจะรู้ว่าการจะควบคุมทุกอย่างให้ได้ตามตารางเวลานี่ลำบากจริงๆ ค่ะ

เกริ่นมายาวแล้วเนอะ ไปดูประมวลภาพกันเลยดีกว่า ถ้าหากใครอินเตอร์เน็ตช้าอาจโหลดรูปนานหน่อยเน้อ

เช้าวันที่ 17 พย. ถึงสนามบินอินชอนที่โซล ผ่าน ตม. ได้อย่างไร้ปัญหาใดๆ ทั้งที่เคยมีคนบอกว่า ตม. ที่นี่หินมาก แต่อย่างว่าตอนนี้เขาสนับสนุนการท่องเที่ยวอยู่ และเมื่อไปถึง ต้องบอกว่า "หนาวม้ากค่ะ" คืออุณหภูมิต่ำเกือบศูนย์องศา แถมออกมานอกสนามบินแล้วมีลมพัดอีก เราที่เป็นคนแพ้ความหนาวขั้นรุนแรงเลยต้องรีบงัดแจ๊คเกตมาใส่แทบไม่ทัน ดีว่าได้ตัวนี้มาจากละลายทรัพย์เอาตอนเย็นวันที่จะบินนั่นละ (โปรดมองข้ามความซกมก) และตลอดทริปก็ใช้มันอยู่ตัวเดียว ถ้าไม่มีตัวนี้คง suffer น่าดูกว่าจะได้ไปเดินหาซื้อที่ตลาดในเมือง



ตอนออกมาจากสนามบินและจัดแจงเรียกแท็กซี่เสร็จ เพื่อนกิ๊ฟท์ก็หันมาเห็นเรายืนตัวแข็งด้วยความหนาวอยู่ (ขนาดใส่แจ็คเกตแล้วนะ) จากนั้นเพื่อนก็แสยะยิ้มสะใจ หันมาตบไหล่เราปั้บๆ บอกว่า "โถ...เพื่อนฉัน ปกติแกต้องไฮเปอร์ อเลิร์ตๆ นะ พอมาเจออากาศหนาวซึมไปเลยเว้ย" คือ...ต้องบอกก่อนว่าเพื่อนเราคนนี้เนี่ยเพิ่งจะเจอเกาหลีฟีเวอร์ไปเมื่อราวๆ สองสามปีก่อน แต่หลังจากนั้นคุณเธอจะชอบพูดทำนองว่าตัวเองเกิดมาผิดประเทศ พอได้มาเกาหลีแล้วเหมือนได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนประมาณนั้น (ช่างเอ็งเฮอะ!) เราเลยได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้เพื่อนไป แบบว่าเถียงไม่ออกอะ ก็คนมันแพ้อากาศหนาวๆ จริงๆ นิ (ตอนไปเป็นเด็กแลกเปลี่ยน AFS ที่อเมริกาก็แพ้อากาศแบบนี้เหมือนกัน -_-")

หลังจากนั่งแท็กซี่จากสนามบินประมาณเกือบชั่วโมง ลุงคนขับหลงทางเล็กน้อย (แบ่งกันขึ้นมาสองคัน) ก็ถึงที่พักชื่อ Hongdae Guesthouse อยู่ในย่านมหาวิทยาลัย หน้าทางเข้ารถใต้ดินสถานี Hongik University เลย ก็ขนข้าวของขึ้นไปเช็คอินกันโดยแบ่งนอนสองห้อง ห้องหนึ่งห้าคน อีกห้องสี่คน ของเราได้ห้องที่ชั้น 13 เตียงเป็นแบบดับเบิ้ลหนึ่งเตียง อีกเตียงเป็นแบบสไลด์ชั้นล่างออกมาได้ มีตู้เย็นกับคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตให้ แต่ไม่มีโทรทัศน์ (แปลกๆ เหมือนกันนะ) คนดูแลพูดภาษาอังกฤษคล่องดี แนะนำสำหรับคนที่สนใจจะหาที่พักที่โซลแบบประหยัดและคุณภาพโอเคค่ะ



เก็บของเรียบร้อยแล้วก็ออกไปเที่ยวกันเลย ด้านล่างนี้เป็นสภาพรถไฟใต้ดินกับแผนที่เส้นทางในโซล ก็สะอาดสะอ้านดี เส้นทางก็ไม่ค่อยน่างงเหมือนที่โตเกียว แต่ว่าบันไดเลื่อนแต่ละสถานีน้อยมาก เลยคิดว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยเห็นคนเกาหลีอ้วน เพราะต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงและวิ่งข้ามสถานีเพื่อต่อรถใต้ดินกันตลอดเวลา แถมคนที่นี่มีพฤติกรรมแบบหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นข้อแตกต่างกับคนชาติอื่นที่ทำให้แอบหงุดหงิดได้เหมือนกัน (อาจยกเว้นจีน บังเอิญยังไม่เคยไปจีนแต่ได้ยินคนอื่นบอกมา) คือเนื่องจากคนเกาหลีเป็นชนชาติที่รีบมาก ดังนั้นการผลักคนอื่นเพื่อแย่งเข้ารถไฟฟ้าหรือแม้แต่เวลาเดินบนถนนเลยเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะจากบรรดาอาจุมม่า (หญิงวัยกลางคน) ทั้งหลาย เรากับเพื่อนก็โดนผลักแบบตั้งใจผลักให้ออกไปพ้นทางเลยค่ะ หรือถ้าหากเจอที่นั่งว่างในรถ พวกเธอก็จะปรี่เข้าไปนั่งทันทีทั้งที่ position มันไม่ได้อยู่ในรัศมีของพวกเธอเลย ก็เลยทำเอาอึ้งๆ ไปเหมือนกัน แต่ก็เอามาคุยกับเพื่อนกันทีหลังแบบขำๆ ซะมากกว่า ว่านี่ถ้ามาแล้วไม่โดนอาจุมม่าผลักคงเหมือนกับมาไม่ถึงเกาหลี แต่ให้โดนแบบนี้ประจำก็คงไม่ไหวเหมือนกัน



ก่อนจะเข้าไปจุดหมายแรก พวกเราก็เข้าร้านอาหารทานมื้อแรกของวันกันก่อน (ก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว แถมสายการบิน Asiana เสิร์ฟแต่อาหารก่อนนอน แต่ไม่เสิร์ฟตอนเช้า) ก็สั่งอาหารประจำชาติพวกข้าวยำบิบิมบับ ผัดกิมจิ ราเมน ซุปเกี๊ยวใส่ต๊อก ซึ่งต๊อกคือแป้งข้าวเหนียวเป็นท่อนรูปร่างคล้ายแท่งตังเม แต่จะหนึบกว่าโมจิญี่ปุ่น คนเกาหลีชอบเอามาประกอบอาหาร เพื่อนๆ คนอื่นไม่ค่อยชอบ แต่เราชอบค่ะ พอดีเป็นคนชอบเคี้ยวอะไรเหนียวๆ พวกกัมมี่ โมจิ หมากฝรั่ง แต่ไม่ชอบกินของกรอบๆ จำพวกถั่วหรือมันฝรั่งทอดน่ะ และเนื่องจากอาหารเกาหลีมักมาในปริมาณเยอะ ไม่รวมเครื่องเคียงที่เติมฟรีอีก กว่าจะได้ออกจากร้านกันก็แทบจะกลิ้งเลยล่ะ แถมกินไม่หมดอีกต่างหาก (ปล. พวกของแถมนี่คนเกาหลีเขาไม่ใช้คำว่า "ฟรี" แต่ใช้คำว่า "เซอร์วิส" ตอนแรกก็งงกันอยู่นานเวลาแม่ค้าหยิบอะไรที่ไม่ได้สั่งมาให้ สุดท้ายถึงค่อยเก็ตว่าอ้อ ป้าเขาแถม)



กินเสร็จ...ก็ออกเดินย่อยเสียหน่อย อากาศเย็นๆ ก็เลยเดินสบายค่ะ ได้ดูต้นไม้เปลี่ยนสีด้วย แต่ต้นไม้ในเมืองเขาก็ไม่ได้มีเยอะหรอกนะ ในกลางเมืองก็เป็นพวกตึกๆ ใหญ่ๆ เหมือนเมืองหลวงทั่วไป หลายต้นใบร่วงไปหมดเลยเหลือแต่กิ่งโกร๋นเชียว



ข้างล่างนี้ เอ่อ...กษัตริย์สักองค์? (ขออภัยไม่ทราบจริงๆ) ซึ่งอนุสาวรีย์นี้อยู่ใกล้พระราชวังที่พวกเราไม่ได้เข้าไป เนื่องจากหัวหน้าทัวร์บอกว่าค่อนข้างกินเวลา เดี๋ยวไม่ได้ไปดูที่อื่นๆ ก็เลยต้องไปกันต่อค่ะ



ที่แรกที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมแบบเต็มๆ ก็คือ Namsangol Traditional Korean Village เป็นการจำลองหมู่บ้านเกาหลีแบบโบราณ ตอนที่ไปมีคุณครูพาเด็กๆ ประถมมาทัศนศึกษาด้วยค่ะ แต่ละคนใส่ชุดประจำชาติมาด้วย น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู



ด้านในหมู่บ้านเกาหลีโบราณค่ะ สังเกตว่าเขาทำยกพื้นสูงขึ้นมา เพราะเวลาหน้าหนาวจะจุดไฟด้านล่างให้พื้นอุ่น มีระบบระบายควันที่ทำให้ไฟไม่ไหม้บ้าน เสียดายพวกเราพักกันในเกสต์เฮ้าส์ที่เป็นตึกเช่า ก็เลยได้ใช้ระบบ central heater แทนที่จะได้ลองสัมผัสว่าพื้นอุ่นมันเป็นยังไง



รวมภาพส่วนอื่นๆ ของหมู่บ้านโบราณ ด้านหน้ามีการละเล่นประจำชาติให้นักท่องเที่ยวลองเล่นด้วย ประมาณปั่นลูกข่าง โยนลูกดอกลงห่วง อะไรเทือกๆ นี้ล่ะค่ะ เรากับเพื่อนๆ ก็มีไปลองเล่นกันด้วยนิดหน่อย



ตอนเย็นหน้าหนาวพระอาทิตย์ตกเร็วมาก ยังไม่หกโมงก็มืดแล้ว พวกเราขึ้นรถ Seoul City Bus นั่งวนรอบเมืองรอบหนึ่ง ได้ขึ้นไปถึงฐานของ Seoul Tower แต่ยังไม่ได้แวะเพราะจะไปวันหลัง พอค่ำๆ ก็ไปนั่งพักที่ร้านกาแฟแป๊บนึง จากนั้นไปเดินเล่นย่าน Insadong เป็นคล้ายๆ ตลาดขายของที่ระลึกแล้วก็พวกของ art & craft ประมาณนั้น ถนนเส้นค่อนข้างยาวเลยเดินกันนานเหมือนกัน ต้นถนนด้านหนึ่งมี digital board ให้นักท่องเที่ยวใช้นิ้วเขียนข้อความแล้วก็ถ่ายรูปหรือคลิปวิดีโอสั้นๆ แล้วกดส่งอีเมล์ได้ด้วย พวกเราก็เลยเล่นกันอยู่นานเหมือนกัน เพราะแต่ละคนก็อยากถ่ายของตัวเองกันน่ะนะ XD



พอเล่นกันครบทุกคนแล้ว ตกดึกขึ้นหน่อยก็ไปเจอโบว์ซึ่งแยกไปพักที่บ้านของแฟน (แฟนชื่อโฮ สมเป็นแฟนกันจริงๆ ^^") โฮก็พาไปกินอาหารค่ำแถวๆ ไม่ไกลจาก Insadong เท่าไหร่ แต่ร้านนี้เน้นขายหมูสามชั้นแบบว่าไขมันหนามากกกกเป็นพิเศษ ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ดีค่ะ ได้ลองโซจูซึ่งเป็นเหล้าขาวของเกาหลีด้วย เราดื่มไปประมาณ 4-5 ช็อตได้ ส่วนตัวชอบมากกว่าสาเกหรือเตกิล่านะ เพราะโซจูกลิ่นมันอ่อนกว่า ตอนขากลับจากแอร์พอร์ตก็เลยซื้อเซ็ทโซจูแบบขวดคู่กลับมาด้วยค่ะ (แอร๊ยย์ ไม่ได้ขี้เมานะ แค่ซื้อมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้ลองมั่งเองง่ะ)



หลังจากอิ่มหนำกันแล้ว ครึ่งหนึ่งของกลุ่มตามไปกรึ๊บกับพวกเพื่อนๆ ของโฮกันต่อ คนเกาหลีดื่มกันหนักมากและแทบจะทุกวันเป็นเรื่องปกติค่ะ ร้านเหล้าก็เปิดกันยันตีสี่ห้า พอๆ กับบ้านเราเมื่อสมัยเกือบสิบปีก่อนที่ยังไม่ค่อยกวดขันเวลาเปิด-ปิดผับ (สมัยเรายังเรียนมหา'ลัยนั่นเอง แว้กกก บอกอายุ) แต่เรากับเพื่อนบางคนไม่ได้ไป อารมณ์ว่าเหนื่อยอยากกลับไปพักมากกว่า ที่สำคัญห้องน้ำของที่พักเป็นห้องน้ำในตัว สองห้องนอนก็เท่ากับห้องน้ำสองห้อง คิดดูแล้วกันว่าจัดคิวกันมันส์แค่ไหน ดังนั้นเลยรีบกลับไปนอนพักเอาแรงดีกว่า เพราะถ้าดึกมากๆ ต้องนั่งแท็กซี่กลับเนื่องจากรถใต้ดินหมดตอนเที่ยงคืน

ก็จบกันไปสำหรับทริปวันแรกค่ะ (ยาวจัง ขนาดตอนไปญี่ปุ่นหลายวันกว่านี้ยังไม่เขียนบรรยายยาวขนาดนี้เลยแฮะ) ทริปนี้ยังมีต่อนะคะ แล้วจะเอา part ต่อไปมาลงให้เร็วๆนี้ค่ะ


Create Date : 24 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2553 6:45:42 น. 11 comments
Counter : 2005 Pageviews.

 
สนุกจังค่ะ..เราก็จะได้ไปเดือนหน้า เลยแวะมาเก็บข้อมูล อิอิ มีสถานที่แนะนำ มาอัพเดทบ้างนะ รอติดตามคร้า :)


โดย: jeon jee IP: 223.205.235.82 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:35:25 น.  

 
อาหารอร่อยมั้ยครับ (สนเรื่องกินอย่างเดียว)


โดย: billabong11 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:1:40:05 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ เคยไปเมื่อเมษาที่แล้วนู้นนน...เจอแต่อากาศเย็น ๆ อยากเจอหิมะบ้างจังน่ะ เมื่อคืนนั่งดูข่าว พี่เกาเหนือฮึ่ม ๆ กับพี่เกาใต้แล้ว..แม่เราถึงกับบอกว่า..สงสัยถ้าจะไปเที่ยวตอนนี้น่าจะยากอ่ะเนอะ อื้ม..


โดย: i'm not superman วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:38:21 น.  

 
ที่พักน่าสนใจมากเลยค่ะ ไว้จะมาแอบขอข้อมูลบ้างนะค่ะ


อยากกลับไปเกาหลีอีกจัง


โดย: koy_onair วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:41:18 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ...น่าสนุกจังได้ไปเที่ยวกันกลุ่มใหญ่


โดย: ดอกโสนบานเช้า IP: 223.206.19.151 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:33:46 น.  

 
อยากลองกิน โซจู เหอๆๆๆๆๆ


โดย: aew IP: 125.27.82.203 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:10:59 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ


โดย: auraball วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:32:26 น.  

 
อนุสาวรีย์ลุงกษัตริย์ชื่อ กษัตริย์เซจงจ้า เป็นคนริเริ่มให้มีตัวอักษรเกาหลี มีรูปหน้าตามแบงค์หมื่นวอนจ้า


โดย: Youknowwho IP: 58.8.83.77 วันที่: 1 ธันวาคม 2553 เวลา:14:13:03 น.  

 
Youknowho << ผู้รู้จริงมาตอบเอง ขอบคุณนะเพื่อน หุหุ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 1 ธันวาคม 2553 เวลา:20:55:48 น.  

 
แบ่บว่าเพื่อนก็ขายเพื่อนเก่้งนะคะ


โดย: ํYouknowwho IP: 115.87.209.137 วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:9:21:59 น.  

 
Youknowho << เก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีไงคะ เดี๋ยวเพื่อนๆ จะลืมกัน


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 7 ธันวาคม 2553 เวลา:10:19:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.