A balanced state of mind is YOGA 
 
เที่ยวรัสเซียด้วยตนเอง สบาย ๆ สไตร์ครูหยี



รัสเซียเป็นประเทศที่ไม่เคยอยู่ในความคิดว่าอยากไป ด้วยได้เคยได้ยินได้ฟังถึงความน่ากลัวหลาย ๆ อย่าง แต่หลังจากที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวมาหลาย ๆ ปี ก็มีความอยากจะแหวกม่านเหล็กดูสักนิด คิดแล้วก็วางแผนเดินทางแบบง่าย ๆ 2 อาทิตย์เที่ยวสองเมืองใหญ่คือ St Peterburg และ Moscow. ก่อนไปก็ได้ทำการบ้านโดยอาศัยน้อง ๆ จาก Pantip ค่ะ น้อง ๆ แต่ละคนทำได้ละเอียดจนถึงกับใช้เป็นคู่มือ ในการเดินทางเลย จึงขอขอบคุณน้อง ๆ มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

Image result for รูปเมือง มอสโก

ก่อนไปเที่ยวประเทศใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยไปก็ต้องหาดูประวัติและวัฒนธรรมสักนิดค่ะ จะได้เที่ยวไป ชมไป อย่างเข้าใจและมีความรู้ไปด้วยจ้า

แล้วรัสเซียอยู่แห่งไหนในแผนที่โลก ก็ที่แถบสีเหลือง ๆ นั้นแหละค่ะ
Image result for แผนที่โลก

ประเทศรัสเซียถือเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่มีประชากรอยู่เป็นอันดับ 9 ของโลกประมาณ 143 ล้านคน โดยมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชียตามเกณฑ์ทางภูมิศาสตร์ แต่โดยทั่วไปถือว่าเป็นประเทศในทวีปยุโรป เนื่องจากดินแดนในเขตยุโรปเป็นที่ตั้งเมืองหลวง(กรุงมอสโก)และมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่า ส่วนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ทางด้านตอนเหนือของเอเชียมีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง อีกทั้งประเทศรัสเซียมีความสัมพันธ์กับประเทศในทวีปยุโรปมากกว่าประเทศในทวีปเอเชีย ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมี เชื้อชาติสายพันธ์แบบคอเคซอยด์(คือมีผมสีทอง ในตาสีฟ้า และน้ำตาล)

นอกจากเป็นประเทศที่ใหญ่แล้ว ยังเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่ยุดสมัยที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์จนถึงสมัยที่เป็นปบบคอมมิวนิสต์ และปัจจุบันเป็นแบบ สหพันธรัฐซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นประมุข และ นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ภาษาประจำชาติ คือ ภาษารัสเซีย ภาษาราชการ คือ ภาษารัสเซีย ศาสนา ส่วนใหญ่นับถือคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกซ์รัสเซีย
จึงไม่แปลกใจที่เห็นบ้านเมืองสวยงามด้วยตึกทรงแปลกตาสวยงาม สง่า ถนนหนทางที่เป็นระเบียบ พระราชวังตามหัวมือที่ยังคงความยิ่งใหญ่ และโบสถ์ทรงวิจิตรตาการตาให้เห็นทั่วไป



คนรัสเซียล่ะเป็นอย่างไง ก่อนไปก็โดนเตือนมาค่ะให้ระวังตัวด้วยเพราะรู้มาว่าคนรัสเซียดุจ้า ก็พอศึกษามาบ้างเหมือนกันว่าด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างจึงส่งเสริมให้รัสเซียเป็นคนที่มีระเบียบ อดทน หน้าตานิ่งและเฉย จึงทำให้คนรัสเซียดูไม่รับแขก หน้าตาเย็นชา บึ้งๆเป็นปกติๆ และจะซีเรียสๆหน่อย ไม่มียิ้มแย้ม (น้้นเป็นภาพพจน์ที่ถูกเตือนมาค่ะ) ความจริงที่ประสบมาก็จริงอย่างว่า แต่นะคะ เบื้องหลังของสิ่งเหล่านั้นคือ ทำงานมีประสิทธิภาพ จิตใจดี มีระเบียบสุด ๆ Smiley




และขอบอกว่าสาวๆ หนุ่ม ๆ รัสเซียส่วนใหญ่จะหน้าตาดูดีค่ะ (ถึงแม้จะหน้าเฉยไปนิด) แต่พออายุสัก 30 ขึ้นหรือพอมีครอบครัวก็จะปล่อยตัวอ้วนและก็ไม่สวยเท่าไหรแล้วล่ะ Smiley คิดว่าไงล่ะ

---------------------------------------Smiley---------------------------------------------------

ทริปนี้หยีขอเพียงแบ่งปันประสบการณ์การเล็ก ๆ ที่ประสบพบเจอระหว่างการเดินทางตลอด2 อาทิตย์นะคะ (คงไม่ได้ทำเป็นรีวิวการเดินทาง เพราะน้อง ๆ ใน pantip ทำไว้ดีแล้ว ท้าย ๆ จะแนบ link ให้จ้า)

หยีเดินทางคนเดียวแบบสบายๆ พัก hostel กิน local (แบบว่างบน้อยแต่อยากเที่ยว Smiley) เลือกเดินทางช่วงเดือนกรกฏาคม ซึ่งเข้าหน้าร้อนของรัสเซีย (เดินทาง 1-15 ก.ค 60) อากาศกำลังสบายประมาณ 20-30 องศา และกลางวันจะยาวมากเลย พระอาทิตย์ตกประมาณ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน (จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น) อ้อ แล้วขึ้นเร็วด้วยค่ะประมาณตี 4 ก็สว่างแล้วคะ



หยีเลือกบินกับสายการบินของรัสเซีย Aeroflot บินตรงกรงุเทพ -มอสโคว์ 10 ชั่วโมง ราคาไปกลับประมาณสองหมืื่นกว่า ๆ ใช้เครื่อง Airbus ที่นั่งใหญ่เลย อาหารเครื่องดื่มเสริฟตลอด แอร์หน้าดุแต่ใจดีอยู่นะ ขออะไรก็ให้หมด พูดภาษาอังกฤษได้ดี้ด้วยล่ะ  สนามบินที่มอสโคว์มีหลายแห่งหากต้องต่อครั้งต้องเช็คให้ดี ๆ ด้วยนะคะ เพราะแต่ล่ะแห่งห่างกันมากอยู่ ของ Aeroflot ลงที่ Sheremet

Image result for aeroflot airlines pictures


เรื่องวีซ่า อย่างที่รู้กันว่าคนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศรัสเซีย เมื่อก่อนเห็นว่าต้องกรอกใบเข้าประเทศ แต่ตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรค่ะ ไปถึงก็ยื่น passport เจ้าหน้าที่จะพิมพ์เอกสารเป็นภาษารัสเซียโดยแปลชื่อและรายละเอียดเราเป็นภาษารัสเซียและยื่นมาให้เราเซ็นต์ชื่อ เราต้องเก็บเอกสารนี้ให้ดี ๆ เพราะจะออกประเทศเค้าไม่ได้ถ้าไม่มีเอกสารยื่นตอนกลับจ้า

----------------------------------------------Smiley------------------------------------------------


การเข้าเมืองเอาแบบง่าย ๆ และแพงนิด ๆ ก็เลือกใช้ aeroexpress รถไฟแบบด่วน 45 นาทีถึงกลางเมืองในราคาตอนนี้เป็น 500 รูเบิลแล้วค่ะ สถานีก็อยู่ในสนามบินนั้นแหละแต่เดินไกลอยู่หาง่าย แต่ถ้าใครอยากจะประหยัดแบบไม่รีบก็มีรถเมล และรถตู้ให้เลือกในราคา 60-80 รูเบิลเองนะ ส่งถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุด (หยีเลือกใช้รถประจำทางนี้ตอนกลับ ขึ้นทีปลายทางของรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินใช้เวลา ประมาณ 1.30 ชั่วโมงราคา 55 รูเบิล สะดวกมาก)

Image result for aeroexpress moscow sheremetyevo pictures



หยีเลือกเป็นนั่งรถไฟกลางคืนไปที่ St Peterburg ซื้อตั๋วจากเมืองไทยผ่าน //rzd.ru  
ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนอะไรค่ะ จ่ายเงินผ่านบัตรเดรดิต ตั๋วเป็น e-ticket ขึ้นรถได้เลย  หยีซื้อเป็นตั๋วนอนชั้นสาม (แบบนอนรวมนะคะ ไม่ได้แยกเป็นห้อง) ราคาก็ประมาณ 1650 รูเบิล

Train 2, the Rossiya, from Moscow to Vladivostok

ในสถานีรถไฟแทบหาภาษาอังกฤษไม่เจอ และไม่มีเบอร์รถที่ชัดเจนว่าคันไหนไปไหน เพราะฉนั้นวางแผนไปถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (เพื่อหารถไฟของตนให้เจอ) และเดินหาโบกี้ของตนเอง ไม่มีเจ้าหน้าอยู่ให้ถามด้วยนะ จนกว่าใกล้ถึงเวลารถไฟจะออกถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาประจำหน้าโบกี้แต่ล่ะแห่ง ให้ยื่นเฉพาะ passport ถ้ามาถูกทีก็ขึ้นได้ หากไม่ถูกก็แฮะ ๆ ต้องวิ่งหาแล้วจ้า เพราะรถไฟ้ออกตรงเวลาเสียด้วย



3rd class
นี้เลยค่ะ สภาพของรถไฟชั้นสาม อ้อ ลืมบอกว่า คนรัสเซียเป็นคนแข็งแรงและอดทนจริงๆ กระเป๋าต้องขนขึ้นเอง หาที่นั่งด้วยตนเอง และ....จัดเตียงนอนด้วยตนเองอีก สำหรับแม้วอย่างเราก็ต้องแอบมองคนอื่นก่อน เพราะพูดกันบ่ฮู้เรื่องเจ้า ที่นอนอย่างที่เห็นก็นอนโชว์เลยค่ะ คนเดินทางแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนรัสเซียชนชั้นกลาง เป็นผู้หญิงและเด็กเสียส่วนใหญ่ (นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนั่งเป็นชั้นสองแบบแยกเป็นห้อง เพราะรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ปลอดภัย) สำหรับหยีเองมองว่าสนุกดี ได้เห็นชีวิตที่แท้จริงของคนท้องถิ่น และรู้สักปลอดภัยดีอีกด้วย คนรัสเซียจะเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่นมาก ๆ คุยกันกันคุยกันเบา ๆ ไม่มีการดื่มเหล้า สูบบุหรีในรถไฟ ไม่ชวนคนแปลกหน้าคุย ไม่สบตาอีกด้วย ต่างคนต่างยุ่งกับกิจกรรมของตนเองไป ก็ดีไปอีกแบบนะคะ รถไฟตรงเวลาค่ะ พอใกล้ถึงทุกคนจะตื่นมาเก็บที่นอน จัดเก้าอี้ให้เข้าที่เข้าทางแบบไม่ต้องมีใครบอกเลย (เราก็ทำตามอีกแหละ)

--------------------------------------------Smiley----------------------------------------------------

ความประทับใจแรกเห็น  St Peterburge Smiley





Image result for st petersburg pictures
St Peterburg  เมืองที่สวยอย่างกับสวรรค์ เป็นบุญอย่างยิ่งที่ได้มาเยี่ยมชมจริง ๆ มองไปทางไหน ก็สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอันวิจิตรแปลกตา ทิวทัศน์ ต้นไม้ ดอกไม้ก็ดูสดชื่น เมือง ถนน คลอง แม่น้ำสอาดตาไปหมด เป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก สถานที่ท้องเที่ยวก็อยู่ใกล้ ๆ กัน ส่วนใหญ่หยีใช้วิธิเดินค่ะ ขอให้มีแผนทีดี ๆ สักอันเป็นใช้ได้

********************************************
สำหรับที่พักที่ราคายอมเยาว์ก็ Hostel เลยค่ะ มีเกือบทุกมุมเมืองทั้ง St peterburg and Moscow หยีเลือกพักที่ Laguna Hostel in St.peterburg และ Hostels Rus-Petrovka in Moscow ค่ะ ก็จองผ่าน booking.com ราคาถูกมาก ๆ ห้องรวมชายหญิงคืนละประมาณ 250-300 บาท มีห้องครัวทำอาหารได้ ห้องน้ำสะอาด และที่สำคัญปลอดภัยค่ะ เท่าที่สังเกตุคนพักส่วนใหญ่เป็นคนรัสเซียเองค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเป็นกรุ๊ปและพักโรงแรมมากกว่า

หยีเลือกพักห้องรวมชายหญิง 12- 16 เตียง ห้องใหญ่เตียงสองชั้น ก็รู้สึกปลอดภัย สะดวก สบายดี เพราะคนรัสเซียเหมือนจะไม่ค่อยสนใจกันอยู่แล้ว ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างนอน

อ้อ....อีกเรื่องของที่พักคือแต่ละแห่งหายากพอสมควร เพราะไม่มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษและป้ายภาษารัสเซียก็เล็กมาก ๆ บางแห่งก็อยู่ในซอยเล็ก ๆ เพราะฉนั้นเตรียมแผนทีให้ชัดเจน และเป็นภาษารัสเซียไว้เผื่อถามทางค่ะ



สำหรับคนไทยถึงแม้ไม่ต้องขอวีซ่าเข้ารัสเซีย แต่ต้องให้ทางที่พักลงทะเบียนให้ค่ะ ที่พักบางแห่งคิดค่าใช้จ่ายประมาณ 250 รูเปิล บางแห่งก็ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ต้องลงทะเบียนนะคะ หากอยู่เกิน 7 วันในแต่ละแห่ง เพื่อความปลอดภัยก็ลงทะเบียนไว้เลยค่ะ หยีเองโดนตรวจแบบตำรวจล้อมหน้าล้อมหลังขอดู Passport ตัวจริงและเห็นโทรเช็คกับทางศูนย์กลางว่าได้ลงทะเบียนไว้หรือเปล่า หากไม่ลงเห็นว่ามีบทลงโทษด้วยค่ะ เช่นปรับหรือจำคุกด้วยSmiley

*************************************************

การเดินทางที่สะดวก็รถไฟใต้ดินนี้แหล่ะค่ะ ถูกมาก ๆ ที่ St peterburg เที่ยวละ 45 รูเปิล ส่วนที่ Moscow เที่ยวละ 55 รูปเปิลเอง และเส้นทางก็หลายสายคลุมทั้งเมืองก็ว่าได้ และที่สำคัญสถานนี รถไฟใต้ดินแต่ละแห่งสวยมาก ๆ หยีแวะชมโดยซื้อตั๋วรอบเดียวแล้ว แวะดูหลาย ๆ ทีโดยไม่ออกจากสถานี (แฮะ ๆ ก็งกจ้า Smiley)





//www.tieweng.com/wp-content/uploads/2015/12/101.jpg
และต้องขอบอกป้ายตรงทางเข้าเล็กมาก ๆ ต้องค่อยสังเกตให้ดี ๆ ไม่งั้นหาทางเข้าสถานีไม่เจอนะ

******************************
อ้อ แล้วสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ ห้องน้ำค่ะ ที่รัสเซียห้องน้ำหายากมาก รถไฟฟ้าใต้ดินไม่มีเลยส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะและต้องจ่ายเงินนะคะ ก็เล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งละ 30-50 รูเปิล ห้องน้ำสะอาดพอใช้ได้ค่ะ




-----------------------------------------------------------------------------------

มาดูอาหารการกินของคนรัสเซียกันนิดค่ะ เท่าที่สังเกตุอาหารจะ Heathy มาก ๆ เน้นผัก ขนมปัง rye และ Buckwheat ชีส นม ของบอกว่าราคาพอๆ กับเมืองไทยเลย หลาย ๆ อย่างก็ถูกมาก ๆ เครื่องดื่มที่แนะนำสำหรับสาว ๆ Kompot น้ำสีแดงๆ นั้นเลยคะ จะดื่มร้อนหรือเย็นก็อร่อย ทำจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี หอมหวานชื่นใจจริง ๆ

ร้านอาหารแบบทานง่าย ๆ ราคาประหยัด ๆ เท่าที่เห็นก็จะเป็น Food court ซึ่งเราสามารถไปเลือกอาหารเองแล้วจ่ายเงินที่ปลายเคาร์เตอร์



ขนมพวกพาย ก็มีให้เลือกมากมาย น่าจะอร่อยค่ะ (ไม่ได้ชิม)



หรือเนื้อกับสลัด ก็น่าลองนะคะ






ผลไม้ในช่วงที่หยีไปจะเห็นมีพวกตระกูลเบอร์รี่ และเชอรี่ ราคายอมเยาว์ค่ะ เชอรี่กิโละ 200 รูเปิล








ของฝากถูกใจก็ช็อคโกแลคค่ะ คุณภาพดีเยี่ยมราคาถูกมาก ๆ แนะนำให้ซื้อตาม Supermarket บางครั้งมีลดราคามากกว่าครึ่ง




***************************************************

Image result for st petersburg

เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กได้รับสมญานามว่าเป็นหน้าต่างแห่งยุโรปเพราะตัวเมืองมีทางออกทะเลบอลติกและสามารถติดต่อไปทางยุโรปและประเทศอื่นๆได้ง่าย  และได้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียเป็นเวลา 206 ปี (หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปที่มอสโก เมื่อ พ.ศ. 2461)


St Peterburg สวยทุกมุม ตึกสวย เมืองถูกล้อมด้วยแม่น้ำทั้งสายใหญ่ สายเล็ก ต้นไม้ ดอกไม้มีทุกมุม สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อสักนิด



Related image






**********************************

ส่วนที่อยู่ไกลนิดก็คงเป็น พระราชวังฤดูร้อน Peterhof แต่ก็แค่นั้งรถตู้ประมาณ 45 นาทีเองค่ะ สวยมาก ๆ ห้ามพลาดนะจ้า









Image result for st petersburg

************************************

สำหรับ Moscow ก็เหมือนกับเมืองหลวงใหญ่ ๆ ทั่วโลกนั้นแหล่ะคะ รถติดคนมาก ของแพง Smiley



************************


หยีพักอยู่ Moscow แค่ 3 วันค่ะ พักใจกลางเมือง แวดล้อมด้วย ห้างขายของยี่ห้อดัง ๆ ห้างสรรพสินค้าหรูหร้า และโรงแรมห้าดาว (แต่ตนเองพัก hostel ที่อยู่ในมุมแคบๆ  คืนละ 300 บาท แฮะ ๆ งกอีกจ้า)

เนื่องจากอยู่ St peterburg ตั้ง 10 วัน ชักเหนื่อยค่ะ ที่ Moscow ก็เลยเที่ยวอยู่แถว ๆ Red square ขอบอกว่าใหญ่มาก รอบ ๆ จะเป็นสวน ดอกไม้สวยมาก ๆ แค่สามวันเหมือนจะน้อยไปอีก เพราะมีห้างสวย ๆ ให้เดินอีกหลายร้าน Smiley





















รัสเซียผู้หญิงเที่ยวคนเดียวก็ไม่น่ากลัวนะคะ แต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องหาข้อมูลการเดินทางให้ดีที่สุด เพราะป้ายเป็นภาษารัสเซียเสียส่วนใหญ่ และคนให้ถามก็ไม่มีด้วยค่ะ

การเดินทางครั้งนี้ หยีถือเป็นการฝึกใจอย่างหนึ่งค่ะ ฝึกการเอาชนะความกลัว ฝึการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฝึกสมองให้เจอในสิ่งใหม่ ๆ และขอบอกว่าสนุกมาก ๆ ได้รู้ ได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ เจอคนแปลก ๆ ทำให้เราเป็นคนเปิดกว้างขึ้น เข้าใจมนุษย์มากขึ้น และที่สำคัญเข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ อย่าให้ความกลัวมาหยุดเราเลยนะคะ โลกนี้ยังมีสิ่งใหม่ ๆ ให้เรียนรู้อีกมาก ไปเถิดจนเดินทางออกจากวงจรแคบ ๆ ของเราที่เราสร้างขึ้นมาขังตนเองไว้ เป็นกำลังให้เสมอค่ะ Smiley

********************************************

แหล่งหาข้อมูลดี ๆ ก็น้อง ๆ จาก pantip เลยค่ะ ก่อนไปก็ทำการบ้านให้ดี ๆ แนะนำของน้องสองคนนี้เลยค่ะ

**เที่ยวรัสเซียด้วยตัวเอง 14 วัน ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด

https://pantip.com/topic/32474513

** จองตั๋วรถไฟรัสเซีย ด้วยตัวเองแบบไม่ง้อเอเจนซี่ Step-By-Step ง่ายจนเจ๊ขายส้มตำหน้าปากซอยทำแทนได้ ฉบับ Update 2017

https://pantip.com/topic/36106146


Smiley



Create Date : 23 กรกฎาคม 2560
Last Update : 13 กันยายน 2560 13:47:39 น. 1 comments
Counter : 1559 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 กันยายน 2560 เวลา:14:59:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

ดอยวาวี
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




ชื่อจริง บุษรา รัตนวาวี ชื่อเล่น ลูกหยี ค่ะ เป็นคนเหนือโดยกำเนิด ศึกษาและทำงานที่เชียงใหม่ จนอายุเกือบ 30 ปี จึงได้ตัดสินใจไปศึกษาปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนที่เรียนที่ประเทศอังกฤษ ได้มีโอกาสรู้จักโยคะเป็นครั้งแรกและได้ฝึกมาตลอด ถึงแม้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาและได้งานประจำที่กรุงเทพ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งโยคะเลย ได้ศึกษโยคะหลาย ๆ แบบ ได้เข้าฝึกกับผู้ฝึกทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ จนค้นพบว่าโยคะที่เหมาะกับตนเองและคิดว่าจะฝึกไปตลอดชีวิตเลยคือ หะฐะโยคะ ซึ่งถือเป็นโยคะดั้งเดิมจากอินเดีย จึงได้ฝึกเฉพาะหะฐะโยคะตั้งแต่นั้นมา และมีโอกาสที่เข้าฝึกเป็นครูโยคะ ที่สุนีย์โยคะ กรุงเทพ เป็นเวลา 100 ชั่วโมง และได้สอนในโอกาสต่าง ๆ ในวันที่ว่างเว้นจากงานประจำ จนกระทั่งสิ้นปี 2009 จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เดินทางไปศึกษาโยคะและอายุรเวทที่อินเดียอย่างจริงจัง เป็นเวลา 3 เดือน (หลักสูตรครูโยคะ 1000 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเวลา 3 เดือนที่ได้ใช้โยคะเป็นวิถีแห่งชีวิต ได้มีโอกาสสอนคนทั้งคนแก่ คนท้อง เด็ก ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และรู้สึกถึงความสุขที่แท้จริง จึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ที่ตนเองได้ประสบมาจากการรู้จักโยคะ และได้ใช้โยคะเป็นวิถึชีวิต กับชาวเชียงใหม่ค่ะ

มารู้จัก บ้านหยีโยคะ ด้วยนะคะ
**ปัจจุบันนี้ ปี 2561 บ้านหยีโยคะ ได้เปิดมาครบ 7 ปีแล้วค่ะ
.....................................................................

บ้านหยีโยคะ ถูกสร้างขึ้นในบริเวณที่แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ในเดือนธันวาคม 2553 ด้วยความรักบวกกับความตั้งใจของครูหยีเพื่อโยคะโดยเฉพาะ และเน้นนโยบายของครูหยีเองว่า เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยใช้ประสบการณ์ ความรู้ของตน พร้อมแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้กับสมาชุก ที่สำคัญสุดรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมาชิกจะใช้เพื่อการกุศล ตลอดเวลา 1 ปีที่ครูหยีได้เปิดสอนมานั้น ได้รับการต้อนรับจากชาวเชียงใหม่หรือแม้แต่คนต่างจังหวัดเป็นอย่างดีมาก ถึงแม้ครูหยีจะเปิดสอนเพียง 3 วันต่ออาทิตย์ก็ตาม รายได้ได้ถูกนำไปสร้างบุญสร้างกุศลอย่างมากมาย ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ จนถึงร่วมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด ช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา ค่าอาหารต่อเด็กยากจน ตลอดจนเป็นปัจจัยสำหรับอาหารสำหรับผู้ปฏิบัตธรรมตามสถานที่ปฏิบัติธรรมต่าง ๆ แต่สิ่งที่ครูหยีประทับใจที่สุดคือสมาชิกหลายท่านมีสุขภาพทั้งกายและใจดีขึ้นมาก มีสติ หันมาศึกษาธรรมะ ดูแลสุขภาพของตนจากภายใน รักตนเองมีความมั่นใจในตนเอง พร้อมสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ครูหยีทำอยู่อาจจะไม่ใช่สิ่งยิ่งใหญ่ แต่ตนเองก็ภูมิใจที่ได้ทำและจะทำไปเรื่อย ๆ เท่าที่เหตุปัจจัยจะนำพาไป ครูหยีขอถือโอกาสนี้กราบขอบคุณสมาชิกทุก ๆ ท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนบ้านหยีโยคะ และให้กำลังใจครูหยีในการทำความดีตลอดมา (ไป) ค่ะ
------------------------------------------------------------
update มกราคม 2556

ผ่านไปอีกปีหนึ่งแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะก็เปิดมาแล้วครบ 2 ปี และกำลังก้าวย่างสู่ปีที่ 3 ในปีที่สองที่ผานมาบ้านหยีโยคะได้มีกิจกรรมทำร่วมกับสมาชิกมากขึ้น ไม่ว่าจะไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน ร่วมออกโรงทาน หรือไปแสวงบุญไกลถึงอินเดียร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมดี ๆ หลายอย่างก็ยังจะทำต่อเนื่องกันไปต่อไปค่ะ และการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างก็คือบ้านหยีโยคะได้เน้นกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนขึ้นคือจะเน้นรับสมาชิกที่เป็นวัยทำงาน ตั้งแต่ 30 ปีขั้นไป และในช่วงเช้าจะเน้นวัยผู้ใหญ่ที่ 40 ปีขึ้นไป เพราะครูหยีเห็นว่าผู้หญิงในแต่ละวัยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจที่ต่างกัน ควรจะได้รับการดูแลที่ถูกต้อง พร้อมกันนี้ ครูหยีได้เพิ่มและเน้นเรื่องของโภชนาการมากขึ้น แบ่งปันความรู้ในด้านของอายุรเวทมากขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนเลยค่ะ คือให้สมาชิกของเรานั้นได้มีความสมบูรณ์ทั้งกายและใจ ฝึกเป็นหมอของตนเองค่ะ สังเกตุการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย ปรับธาตุด้วยอาหาร ด้วยอารมณ์ ซึ่งได้รับความสนใจนำไปปฏิบัติจากสมาชิก เช่น การรับประทานอาหารเช้าที่เป็นประโยชน์มากขึ้น ลดกินแป้ง ลดน้ำตาล ลดชา ลดกาแฟ ล้างพิษ ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างผู้ฉลาด อย่างมีสติเป็นต้น และสมาชิกหลาย ๆ ท่านก็ได้นำความรู้ด้านอื่น ๆ มาแบ่งปันกันในกลุ่มสมาชิกด้วย ซึ่งครูหยีจะเน้นให้สมาชิกให้ดูแลร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กันอย่างเป็นองค์รวม ให้รักตนเองและดูแลตนเองให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้มัพลัง มีแรงที่จะไปรักและดูแลตนอื่นได้ค่ะ

แน่นอนว่าการที่บ้านหยีโยคะได้อยู่จนครบ 2 ปี และยังก้าวต่อไปพร้อมทั้งกิจกรรมมากมายที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นนั้น ได้รับการสนับสนุนและให้กำลังใจจากสมาชิกทุก ๆ ท่านและร่วมถึงครอบครัวของสมาชิกด้วย ครูหยีขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ขอความดีทั้งหลายที่ท่านทั้งหลายได้ทำและสะสมมาจงคุ้มครองให้ท่านได้พบเจอแต่สิ่งดีงามและพบทางพ้นทุกข์ด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเองก็ยังดำเนินชีวิตตามอุดมการณ์เดิมค่ะ ขอใช้ชีวิตอย่างพอเพียง แบ่งปันให้มากที่สุด มีความสุขกับทุกลมหายใจ ปฏิบัติธรรมเพื่อศึกษาจิตตนให้ละเลิกกิเลสให้มากที่สุดและพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้นได้เห็นทุกข์และมีโอากาสได้ออกจากทุกข์ในเร็ววันค่ะ
--------------------------------------------------------------
update มกราคม 2557

ผ่านไปอีกปีแล้วค่ะ บ้านหยีโยคะได้อยู่ครบ 3 ปีแล้ว และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ตลอด 2556 ที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้มีโอกาสต้อนรับพี่ ๆ น้อง ๆ อา ๆ ป้า ๆ กว่าร้อยท่าน หลาย ๆ ท่านอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เปิดครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ได้เห็นถึงสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ๆ ของสมาชิก เป็นความรู้สึกปลาบปลื้มปิติจริง ๆ ค่ะ ขอขอบคุณที่รักตัวท่านเอง ขอขอบคุณที่ท่านได้ให้โอกาสกับบ้านหยีโยคะได้สร้างสิ่งดี ๆ ร่วมกันกับท่าน การพบแล้วจากเป็นธรรมดาของโลก แต่การเจอของเราในครั้งนี้ ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเราได้สร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันและต่างก็เป็นเนื้อนาบุญของกันและกัน ของบุญรักษาท่านด้วยเทอญ

สำหรับตัวครูหยีเอง เป็นปีที่เดินทางบ่อยถึงบ่อยมาก อย่างที่ครูหยีชอบพูดอยู่เสมอว่าการเดินทางเป็นการเรียนรู้ค่ะ ระหว่างทางเราอาจจะเจอคนมากมาย ได้พบและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือเรียนรู้ตนเองค่ะ ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็เรียน เรียนกันมาตลอด เราติดตามข่าว รู้เรื่องชาวบ้าน เพื่อนบ้าน แต่คนที่เรารู้จักน้อยที่สุดกลับเป็นตนเราเอง ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอย่างสงบ โดยเฉพาะช่วงปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้ตนเองมากขึ้นอีกนิดหนึ่งแล้วค่ะ มีชิวิตที่เป็นอิสระ เบา สบายมากขึ้น ทรัพสินภายนอกอาจจะไม่เพิ่ม แต่อริยทรัพย์ภายในเริ่มมีบ้างแล้ว ก็เป็นกำลังใจที่จะเดินเส้นทางนี้ต่อไปอีก ครูหยีซาบซึ้งใจอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งดี ๆ ในชีวิตที่เกิดขึ้นกับครูหยีนั้นต้องขอบคุณครอบครัวที่ประกอบด้วยน้องชายทั้งสอง น้องสาว น้องสะใภ้ทั้งสองและหลาน ๆ ที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ สมาชิกบ้านหยีโยคะทุก ๆ ท่าน และกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่เสมอมา ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

----------------------------------------------------------------
update เมษายน 2558

ผ่านไปแล้วอีก 1 ปี บ้านหยีโยคะอยู่อย่างมั่นคงครบ 4 ปี และกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แล้วค่ะ ตลอดปีที่ผ่านมาบ้านหยีโยคะได้ต้อนรับสมาชิกมากมาย บางท่านอยู่กันหลายเดือน บางท่านก็ฝึกด้วยกันเพียงเดือนเดียว ซึ่งดิฉันเชื่อเสมอค่ะ พวกเราได้มาเจอกันก็ด้วยบุญ -กุศลที่ได้ร่วมสร้างกันมา ทุกคนที่เข้าสู่บ้านหยีโยคะจึงเสมอเหมือนญาติพี่น้องที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง และพวกเราก็หนี้สัจธรรมไม่พ้นค่ะ ทุกอย่างคือความไม่แน่นอน ทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง เมื่อมีพบย่อมมีจากเป็นธรรมดาของโลกจริง ๆ นะคะ อย่างไรก็ตาม ก็ขอขอบพระคุณท่านสมาชิกที่ได้แวะเวียนเข้าสู่ครอบครัวบ้านหยีโยคะ ท่านมาเราดีใจ ท่านจากเราคิดถึงนะคะ

ตลอดปีที่ผ่านมา พวกเราก็ยังมุ่งในการสร้างบุญสร้างกุศลมิได้ขาด โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างมากมาย ปัจจัยส่วนหนึ่งก็ได้แบ่งปันไปยังผู้ประสบภัยเหล่านั้นด้วยค่ะ ยิ่งอยู่นาน คงทำให้ประจักษ์ว่า ชีวิตนี้เหลือน้อยแล้ว ก็จำต้องเร่งสร้างบุญสร้างกุศล ฝึกจิตให้สูงขึ้น ลด ละ เลิก ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ให้ได้มากขึ้น

ขอบุญรักษา
----------------------------------------------------------------
ประวัติโดยย่อ ของครูหยี

ปัจจุบัน
เจ้าของและครูสอนโยคะที่บ้านหยีโยคะเชียงใหม่
ดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง สงบ และมีความสุขกับทุกลมหายใจ
* ศึกษาและปฏิบัติธรรม
* ทำความดี
* นักเดินทาง

**สนใจและศึกษาเกี่ยวกับ

* จิต
* ธรรมชาติบำบัด
* อาหารบำบัดโรด
* สมาธิกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
* เข้าอบรม และศึกษาโยคะอยู่สม่ำเสมอตั้งในประเทศและ
ต่างประทศ


ประวัติด้านโยคะ

- หลักสูตร Yoga Teacher training course จำนวน 1 ,000 ชั่วโมง ณ Yoga Institute, Mumbai อินเดีย (ปี2010)
- หลักสูตร ครูผู้นำโยคะ โดย โรงเรียนสุนีย์ โยคะ กรุงเทพ จำนวน 100 ชั่วโมง
- ฝึกและสอนโยคะมามากกว่า 10 ปี ทั้งในประเทศอินเดีย และไทย

** สำเร็จหลักสูตรครูสมาธิรุ่นที่ 29 กับสถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล ปี 2555

ประวัติการศึกษา
- ปริญญาโท ด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว Bournemouth University ณ ประเทศ อังกฤษ (ปี 2000)
- ปริญญาตรี ด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย พายัพ เชียงใหม่


ประวัติการทำงาน

- ผู้จัดการแผนกการศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ บริษัท Planit Consultants Bangkok กรุงเทพฯ (ปี2001-2009)
- ผู้จัดการฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลราชเวช เชียงใหม่
- หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์โรงพยาบาลราชเวช อุมลราชธานี
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมสุริวงค์เชียงใหม่
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า เชียงใหม่
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่

[Add ดอยวาวี's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com