space
space
space
<<
มกราคม 2568
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
18 มกราคม 2568
space
space
space

3.วิคทอเรีย จักรพรรดินีไร้บัลลังก์แห่งรัสเซีย


Michael John Sullivan : เขียน
จิตพะงา วาระศิริ : แปล

🍂เรื่องย่ออย่างละเอียด🍂

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของจักรพรรดินีไร้บัลลังก์แห่งรัสเซีย ผู้มีนามว่า เจ้าหญิงวิคทอเรีย เมลิต้า หรือเจ้าหญิงดั๊กกี้

ทรงมีพระมารดาเป็นเจ้าหญิงรัสเซีย(เจ้าหญิงมารี)ในราชวงศ์โรมานอฟ(ที่สายเลือดในกายเป็นเยอรมันแท้)มีพระบิดาเป็นเจ้าชายอังกฤษ(เจ้าชายอัฟฟี)ซึ่งเป็นพระโอรสของพระราชินีนาถวิคทอเรียแห่งอังกฤษสตรีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป(ความจริงพระนางทรงสืบสายเลือดมาจากเยอรมันเช่นกัน) และทรงมีสมเด็จตา(อเล็กซานเดอร์ที่ 2)เป็นจักรพรรดิรัสเซียที่หลงรักในบทกวี,วรรณคดี,ศิลปะและดนตรี(ตายเพราะถูกลอบปลงพระชนม์)

เจ้าหญิงดั๊กกี้เป็นหลานย่าที่ถูกตั้งชื่อเหมือนกับผู้เป็นย่า(วิคทอเรีย) และผู้เป็นพ่อก็แต่งงานกับแม่ของเจ้าหญิงเพราะแม่รวยมาก ส่วนแม่แต่งกับพ่อเพราะพ่อรูปงาม(หลงรูป?) ตกลงไม่ได้แต่งเพราะความรัก  ชีวิตสมรสของพ่อแม่เจ้าหญิงดั๊กกี้จึงล้มเหลวในเวลาเพียงสามปี(ที่อ่านมาแต่งเพราะรักแทบไม่มีคู่ไหนเลยยกเว้นพระราชินีนาถวิคทอเรียกับพระสวามี)---แต่กว่าเจ้าชายอัฟฟีกับเจ้าหญิงมารีจะได้แต่งงานกันก็ถูกต่อต้านจากทั้งสองฝ่ายเพราะแต่ละฝ่ายไม่เห็นด้วยกับงานแต่งข้ามจักรวรรดิครั้งนี้เลย จนสุดท้ายต่างยอมแพ้ต่อการประสิทธิ์ประสาทของพระเป็นเจ้า ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกันในที่สุด 

ชีวิตหลังแต่งงานไม่ง่ายเพราะคนหนึ่งเป็นเจ้าชายเย็นชา ส่วนอีกคนเป็นเจ้าหญิงที่มีความคิดเป็นตัวของตัวเองและยังเกลียดทุกอย่างที่เป็นอังกฤษ(แล้วมันจะไปกันได้ไหม ที่ยอมแต่งงานกับฝ่ายชายเพื่ออะไรกัน ไม่เข้าใจเลยคือถ้ารักก็ว่าไปอย่าง)---นิยามแม่ผัวลูกสะใภ้ของจริง


[เจ้าหญิงดั๊กกี้]

หลังเจ้าหญิงดั๊กกี้ถือกำเนิด ก็ได้ย้ายจากเกาะมอลตาไปอีสต์เวลล์(เป็นช่วงสิบปีที่ดีที่สุดในชีวิตของเจ้าหญิง) ทรงมีพี่ชายหนึ่งองค์(เจ้าชายอัลเฟรด)และพี่สาวหนึ่งองค์(เจ้าหญิงมารี-มิสซี่ ชื่อเหมือนแม่และอนาคตจะกลายเป็นราชินีมารีแห่งโรมาเนีย) มีน้องสาวสองคน(อเล็กซานดรา-แซนดราและบีทริซ-เบบี้บี)

เจ้าหญิงดั๊กกี้เป็นความหวังของพระมารดาไม่ใช่เพื่อความเป็นใหญ่ในราชสำนักแต่ปรารถนาจะให้ลูกสาวเป็นอัจริยะทางด้านดนตรี ทว่านั้นไม่ใช่ชะตาที่ถูกกำหนดมาของเจ้าหญิง

นอกจากนี้ในชีวิตของพระมารดาเจ้าหญิงดั๊กกี้ที่เจ็บช้ำน้ำใจมากที่สุดคงเป็นตอนที่กลับไปเยี่ยมแม่ที่รัสเซียซึ่งป่วยติดเตียงแล้วพ่อที่เป็นจักรพรรดิรัสเซียถึงกับนำนางบำเรอกับลูกนอกสมรสเข้ามาอยู่ในวังแถมให้อยู่ห้องเหนือห้องบรรทมของผู้เป็นแม่ด้วย ตั้งแต่นั้นมาความรู้สึกระหว่างพ่อกับลูกก็ไม่เหมือนเดิมอีกตลอดกาล(อ่านถึงตอนนี้สงสารสมเด็จยายของเจ้าหญิงดั๊กกี้มากเลย)

หลังจากที่เจ้าหญิงดั๊กกี้อายุได้สิบกว่าขวบครอบครัวของเจ้าหญิงได้ย้ายไปอยู่ที่โคเบิร์กแห่งราชรัฐเยอรมันเนื่องจากราชวงศ์อังกฤษในอนาคตต้องมาสืบทอดบัลลังก์แห่งราชรัฐนี้

ก่อนที่เจ้าหญิงดั๊กกี้จะได้อภิเษกสมรสกับเออร์นี ทรงตกหลุมรักเจ้าชายเจ้าคิริลแห่งรัสเซีย(ต่อมาเป็นพระสวามีองค์ที่สอง)แต่ถูกขัดขวางจากสมเด็จย่าเพราะทรงหมายตาเออร์นีให้หลานสาว สุดท้ายเจ้าหญิงดั๊กกี้จึงได้อภิเษกสมรสกับแกรนด์ดยุคเออร์เนสต์ ลุดวิกแห่งเฮสและไรน์ (เออร์นี---พระสวามีองค์แรก)แห่งเยอรมัน(หลานสุดที่รักของสมเด็จพระราชินีนาถวิคทอเรีย ทรงเก่งทางด้านอักษรศาสตร์และศิลปะทุกแขนงชื่นชอบการปกครองแต่ไม่ชอบทางด้านการทหารและพอใจผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ไม่ได้อยากแต่งงานกับดั๊กกี้แต่ขัดพระประสงค์ของย่าไม่ได้) 

ที่ผ่านทั้งสองมาต่างผจญกับความทรมานของชีวิตคู่ที่ถูกคลุมถุงชนและส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตกันแบบพี่น้องมากกว่าเป็นสามีภรรยา พวกเขามีพระธิดาด้วยกันหนึ่งองค์(อลิซาเบธ)

ต่อมาวิคทอเรียได้รับรู้รสนิยมทางเพศของผู้เป็นสวามี จนกระทั่งถึงจุดที่ทั้งสองต้องการหย่าขาดจากกันแต่สมเด็จย่ากลับไม่ยินยอม(เวรกรรมจับพวกเขาคลุมถุงชนแล้วยังจะให้ต้องมาอดทนกับชีวิตแบบนี้อีก ทัศนคติของพระนางเรื่องครอบครัวคือถ้าแต่งงานกันแล้วไม่ควรให้มีเรื่องหย่าร้างเกิดขึ้นไม่ว่าจะทุกข์กับชีวิตหลังแต่งงานมากแค่ไหนก็ต้องอดทน)


[เจ้าชายเออร์นี สวามีองค์แรกของเจ้าหญิง]

หลังจากพระราชินีนาถวิคทอเรียสิ้นพระชนม์  ดั๊กกี้ที่มีพระชนมายุได้ยี่สิบห้าชันษาจึงทำการหย่าขาดกับพระสวามี โดยมีข้อตกลงที่ว่าที่เจ้าหญิงอลิซาเบธ พระธิดาวัยหกขวบจะอยู่กับพ่อและแม่คนละครึ่งปีไปจนครบอายุสิบแปดถึงจะกลับมาอยู่กับผู้เป็นพ่อถาวร ทว่าเจ้าหญิงน้อยได้สิ้นพระชนม์ขณะเสด็จเยือนรัสเซียด้วยโรคไทฟอยด์ไปเสียก่อน

หลังจากรัสเซียพ่ายสงครามต่อญี่ปุ่นเจ้าหญิง
วิคทอเรียได้เสกสมรสกับเจ้าชายคิริล ผู้ชายที่เป็นรักแรกและเป็นรักเดียวของพระนาง(กว่าจะได้แต่งงานอยู่ด้วยกันหืดขึ้นคอมาก แถมแต่งแบบจัดการกันเอง เพราะที่ผ่านมาทั้งสองต้องฝ่าฟันกับกฎมณเฑียรบาลทางฝั่งรัสเซียที่ไม่ให้พระญาติชั้นแรกเสกสมรสกัน รวมถึงพระญาติฝ่ายต่างๆที่ไม่เห็นด้วย เจ้าชายยังต้องทำหน้าที่อยู่บนเรือเดินทางเป็นปีๆ  เผชิญสงครามที่พอร์ทอาเธอร์ เรือที่ทรงประทับถูกทุ่นระเบิดที่ญี่ปุ่นวางไว้จนเรือจม เจ็ดร้อยกว่าชีวิตรอดมาแปดสิบคนหนึ่งในนั้นคือพระองค์)

[รู้สึกประทับใจข้อความที่เจ้าชายคิริลเขียนบันทึกถึงเจ้าหญิงวิคทอเรียว่า..มีน้อยคนที่เป็นเจ้าของส่วนผสมของทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดในวิญญาณ ความคิดและร่างกายอยู่ในตัวคนเดียว เธอมีทุกสิ่งและยิ่งกว่านั้นอีก น้อยคนที่โชคดีพอจะได้สตรีเช่นนั้นไว้เป็นคู่ชีวิต ฉันเป็นหนึ่งในน้อยคนนั้น]

แต่การแต่งงานครั้งนี้ส่งผลให้เจ้าชายคิริลถูกเนรเทศให้ออกไปจากประเทศรัสเซียด้วยคำสั่งขององค์จักรพรรดิ(ซาร์นิโคลัส) ทำให้ทั้งสองพระองค์ตัดสินใจไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองปารีสในฝรั่งเศส(พ่อแม่ของทั้งสององค์รวยมาก จึงไม่ต้องทำงานใช้ชีวิตชิวๆ กิน เที่ยว ตีกอล์ฟสนุกไปวันๆ--เสียดายความรู้ความสามารถของเจ้าชายคิริลคือเก่งมากหลายด้าน แต่พอถูกเนรเทศก็เหมือนคนตกงาน) 


[เจ้าชายคิริลแห่งรัสเซีย สวามีองค์ที่สองของเจ้าหญิง]

ทั้งสองพระองค์มีพระธิดาสององค์และโอรสหนึ่งองค์ องค์แรกคือมารี(ชามา)(ดั๊กกี้ตั้งชื่อลูกสาวเหมือนกับชื่อของพระมารดา) อีกองค์คือคิรา(เธอเกิดหลังจากเจ้าชายคิริลได้คืนฐานันดร) พระโอรสนาม...วลาดิมีร์

ทางด้านซาร์นิโคลัสเริ่มหวั่นวิตกถึงสถานการณ์ผู้สืบทอดบัลลังก์ เพราะพระโอรสเพียงหนึ่งเดียวเป็นโรคฮีโมฟีเลียมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ส่วนน้องชายของพระองค์ก็ละทิ้งฐานันดรออกนอกประเทศไปแต่งงานกับหญิงหม้ายที่รัก ดังนั้นจึงเหลือเจ้าชายคิริลที่จะสืบทอดบัลลังก์ซาร์ต่อจากพระองค์ได้ เพราะเหตุนี้ทรงได้คืนฐานันดรให้กับเจ้าชายคิริลและให้เข้ารับราชการทหารเรือดังเดิม ทำให้ทั้งสองพระองค์ย้ายกลับมาอยู่ที่รัสเซีย แต่ฝันร้ายจากสงครามในอดีตตามหลอกหลอนเจ้าชายคิริลทำให้ต่อมาต้องยุติหน้าที่นี้ไป

รัสปูตินเข้ามามีบทบาทต่อจักรพรรดิรัสเซียเมื่อเขาสามารถหยุดอาการเลือดไหลจากโรคที่เจ้าชายอเล็กซิสเป็นมาแต่กำเนิดได้อย่างอัศจรรย์(พระโอรสเพียงองค์เดียวของซาร์นิโคลัส) รัสปูตินถึงขั้นครอบงำองค์จักรพรรดินีและองค์จักรพรรดิได้ในที่สุด(เป็นไปได้ขนาดนั้นเลย😱อ่านมาถึงตรงนี้การที่รัสเซียล่มสลายเพราะรัสปูตินเป็นชนวนหลักเลยแหละ แล้วก็จักรพรรดิแต่งเมียผิดนี่พาประเทศล่มจมได้เลย คล้อยตามเมียทุกอย่าง เมียคือศรัทธารัสปูตินอย่างหน้ามืดตามัวใครแตะไม่ได้นะเป็นโดนเด้ง ขณะที่ประชาชนชาวรัสเซียเกลียดและต่อต้านพฤติกรรมเลวทรามของนายรัสคนนี้มาก)

ความเลวร้ายกำลังตามมาติดๆ เมื่อเยอรมันประกาศสงครามกับรัสเซีย(เป็นเหมือนสงครามระหว่างเครือญาติขนาดใหญ่ เพราะทั่วยุโรปเหล่าราชวงศ์แต่งงานพัวพันกันไปหมด--อังกฤษเข้าร่วมกับรัสเซีย ส่วนเยอรมันมีฮังการี ออสเตรียและอิตาลีเข้าร่วม)

ระหว่างสงครามดั๊กกี้มีบทบาทในเรื่องการจัดตั้งหน่วยกาชาดเพื่อบริการรถพยาบาลและองค์กรบรรเทาทุกข์เกือบทั้งหมดในรัสเซีย(เงินที่ใช้มาจากการระดมของเชื้อพระวงศ์กับบรรดาขุนนางในรัสเซีย) พึ่งจะเห็นความสามารถของเจ้าหญิงก็ตอนนี้แหละ คือแบบแมนมาก ไปเยี่ยมทหารที่สนามรบแบบไม่ได้กลัวตายเลยนะ 

สงครามครั้งนี้รัสเซียขาดความพร้อมแทบจะทุกด้านจนข้าศึกรุกรานเข้ามาบนแผ่นดินใหญ่ ส่วนเจ้าหญิงที่เป็นฝ่ายรัสเซียเต็มหัวใจก็ขมขื่นกับที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เป็นฝ่ายเยอรมันเต็มตัว(พ่อเป็นเจ้าชายอังกฤษ แม่เป็นเจ้าหญิงรัสเซีย แต่ทั้งคู่หัวใจเยอรมัน😂) ขณะที่มิสซี่พี่สาวของเธอที่แต่งไปอยู่โรมาเนียก็เป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายใด

ทางด้านรัสปูตินได้เข้ามามีอำนาจในรัสเซียเต็มตัวด้วยการที่พระจักรพรรดินีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะที่องค์จักรพรรดิไปออกรบ จนถึงจุดที่เชื้อพระวงศ์ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป(ยุคนั้นเชื้อพระวงศ์เป็นทั้งทหารและเป็นทั้งรัฐบาลดูแลประเทศ) จึงจัดการสังหารรัสปูตินลงได้ในที่สุด(แต่ก่อนตายรัสปูตินที่รู้ตัวว่ายังไงไม่รอดแน่ได้เขียนจดหมายยุแหย่ไว้ด้วย เท่าที่อ่านในเล่มคล้ายจดหมายสาปแช่งอยู่เหมือนกันนะ)

หลังรัสปูตินตายก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเพราะจักรพรรดินียังคงเข้ามายุ่งการเมืองโดยมีจักรพรรดิคอยสนับสนุน ราชวงศ์โรมานอฟจึงแบ่งเป็นสองฝักฝ่าย(มองยังไงฝ่ายองค์จักรพรรดิหัวเดียวกระเทียมลีบจริงๆ ไม่รอดหรอก) เหล่าเชื้อราชวงศ์ที่เกลียดพระจักรพรรดินีและไม่พอใจความอ่อนแอของซาร์นิโคลัสตัดสินใจวางแผนจะก่อการปฏิวัติ แต่ว่าถูกกองทัพประชาชนตัดหน้าชิงลงมือไปเสียก่อน(เรามีงงเพราะเหมือนมีหลายกลุ่ม ทั้งประชาชนต่อสู้กันเองด้วย สู้กับทหารด้วย ปล้นชิงทุกอย่าง วังถูกปล้นถูกเผา และมีทหารเข้าร่วมกับฝูงชนด้วย เป็นการก่อจลาจลเต็มรูปแบบดูมั่วซั่วมาก) ส่วนองค์จักรพรรดิปิดหูปิดตาออกจากเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปใช้ชีวิตในแนวรบแทน

เจ้าหญิงดั๊กกี้กับคิริลเองติดอยู่ในวังส่วนพระองค์ที่เมืองหลวงโดยยังไม่คิดจะทรงหนีไปไหน กระทั่งนิโคลัสได้สละราชบัลลังก์ดื้อๆแบบไม่มีพิธีรีตองอะไรในตู้รถไฟส่วนพระองค์ ระบบกษัตริย์จึงสิ้นสุดลงเพราะรัฐสภาดูมา(เราอ่านแล้วยังจับใจความไม่ได้ว่าเป็นกลุ่มไหนมีความเป็นมายังไง)ไม่ต้องการระบบกษัตริย์อีกต่อไป พวกเขาต้องการสาธารณรัฐ

ดังนั้นเจ้าชายคิริลกับดั๊กกี้ที่ทรงกลายเป็นรัชทายาทผู้มีสิทธิ์ครองราชย์อย่างถูกต้องของรัสเซีย จึงต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ เช่นเดียวกับสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟต่างเสาะหาหนทางออกนอกประเทศ(เหมือนเหตุการณ์ในประเทศไทยช่วงหนึ่งเลยเนาะ)


[ซาร์นิโคลัสกับอเล็กซานดราและพระโอรสธิดา]

นิโคลัสกับอเล็กซานดรา(อดีตจักรพรรดินี)เตรียมหนีเช่นกันแต่ไม่รอดโดนพรรคโซเวียตจับตัวได้รอตัดสินโทษ ส่วนเชื้อพระวงศ์องค์อื่นหากถูกจับได้ก็ฆ่าทันที (เออแล้วพรรคโซเวียตมันโผล่มาได้ไง งงมาก😂)

คิริลกับดั๊กกี้และพระธิดาอีกสององค์เสด็จลี้ภัยไปยังฟินแลนด์ได้อย่างปลอดภัย ดั๊กกี้ได้กำเนิดพระโอรสหนึ่งองค์นามว่าวลาดิมีร์

ต่อมารัฐบาลโซเวียต(กลายเป็นประเทศโซเวียตแล้วนะตอนนี้) ถูกพวกบอลเซวิค(ผู้นำคือเลนิน)ยึดอำนาจได้อย่างง่ายดาย สงครามระหว่างรัสเซียกับเยอรมันนีได้สิ้นสุดลงหลังจากนี้ด้วยสนธิสัญญาที่โซเวียตต้องสูญเสียดินแดนยุโรปเกือบทั้งหมดภายใต้การปกครองของรัสเซียในอดีต(ยูเครนก็เป็นหนึ่งในนี้)

ในที่สุดเลนินได้ออกคำสั่งสังหารครอบครัวของอดีตซาร์แห่งรัสเซียที่ถูกกักขังไว้อย่างไร้ปรานีรวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ที่หลงเหลืออยู่ในรัสเซีย(หลายองค์ที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ โดนสังหารเกือบหมดเลย) ทางด้านอังกฤษได้ลอยแพรัสเซียอย่างสิ้นเชิง 

ก่อนที่รัฐบาลฟินแลนด์จะสิ้นสุดการอนุญาตให้สองอดีตเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์แห่งรัสเซียลี้ภัย คิริลกับดั๊กกี้ย้ายออกจากฟินแลนด์ไปยังสวิสเซอร์แลนด์(สูงสุดสู่สามัญเป็นเช่นนี้เอง ไม่มีบ้านของตัวเองให้อยู่ ไม่มีงานทำ มีสมบัติไม่กี่ชิ้นที่ลอบนำออกมาได้) ก่อนที่ทั้งสองจะย้ายไปอยู่เยอรมันและจบลงที่ฝรั่งเศล

ส่วนมิสซี่พี่สาวของดั๊กกี้ช่วงเกิดสงครามรัสเซีย-เยอรมัน ทรงทำให้โรมาเนียผงาดขึ้นมาบนโลกจนถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์แห่งราชินีในตำนาน(องค์นี้เขาคงเก่งจริงๆ ส่วนสามีคือไม่ไหว พึ่งพาความรู้ความสามารถของเมียมาโดยตลอดในระหว่างที่ปกครองประเทศเพียงในนาม)

ชีวิตช่วงวัยกลางคนของเจ้าชายคิริลกับเจ้าหญิงดั๊กกี้ยังมีความเชื่อมั่นในพระทัยที่จะฟื้นฟูระบบการปกครองแบบกษัตริย์ในรัสเซีย(บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะความเชื่อนี้ด้วยไหม(อุดมการณ์ในใจ)จึงผลักดันให้ชีวิตของทั้งคู่มีสิ่งที่จะให้ทำมากมายจนไม่ได้ถึงขั้นท้อแท้สิ้นหวังกับหลายๆเหตุการณ์ที่ได้เผชิญในช่วงที่รัสเซียกำลังล่มสลาย) จนสุดท้ายจึงสถาปนาตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น(อ่านถึงตอนนี้แล้วอดขำไม่ได้จริงๆเลย เอ้อเนาะจะยึดติดกับยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรขนาดนั้น)

ชีวิตของเจ้าหญิงดั๊กกี้ดำเนินมาถึงช่วงที่ทรงคาดไม่ถึงว่าจะหัวใจแหลกสลายในวัยใกล้หกสิบ เมื่อได้พบความลับของพระสวามีกับรสนิยมทางเพศที่ไม่แตกต่างจากสวามีองค์ก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นภาวะซึมเศร้าและความเครียดสะสมจนทำให้เส้นเลือดในสมองแตก เจ้าหญิงดั๊กกี้กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีกและไม่อาจตรัสได้ สิบกว่าวันต่อมาทรงจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

🌼หลังอ่าน🌼
เนื้อหาจะเกริ่นตั้งแต่ชีวิตของย่าไปจนถึงพ่อกับแม่ของเจ้าหญิงดั๊กกี้นู้นเลย แต่ก็ดีตรงที่ทำให้ได้เห็นหลายๆชีวิตในอดีต ที่มีเรื่องราวยิ่งกว่าละครหลังข่าว ส่วนในด้านความรู้สึกนึกคิดของบุคคลในเล่ม เราไม่รู้เลยว่าจริงเท็จแค่ไหน

เนื้อหาหลังๆจะเน้นไปที่เรื่องราววุ่นวายยุ่งเหยิงในรัสเซีย ถ้าอ่านจบเล่มนี้เท่ากับอ่านได้เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ของประเทศรัสเซียไปด้วยเลย 

ราชวงศ์โรมานอฟครองบัลลังก์รัสเซียมาสามร้อยกว่าปีจึงสิ้นสุด ปฐมกษัตริย์ได้รับฉายาว่าอีวานผู้ชั่วร้าย (เรายังไม่เคยอ่านประวัติองค์นี้ ถ้าสมมติเป็นอย่างที่ว่ามา จุดจบของพระองค์ก็สมควรแล้ว)

ที่อ่านมาชีวิตของราชวงศ์ยุโรป ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อ ปัญหาในชีวิตจะเป็นปัญหาครอบครัวเพราะการถูกคลุมถุงชน(ทุกองค์ทั่วทั้งยุโรปเลย😱-สมัยนั้นพวกราชวงศ์มีแนวคิดแต่งงานต้องสมควรตามฐานะตามความเหมาะสม แต่งแล้วห้ามมีเรื่องอื้อฉาว เรื่องการหย่าร้างเป็นเรื่องต้องห้ามไม่อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะจะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติของราชวงศ์)

บทบาทของเจ้าหญิงดั๊กกี้จะมีให้เห็นในช่วงสงครามทำให้รู้สึกทึ่งขึ้นมาด้วยไม่คิดว่าการใช้ชีวิตที่ผ่านๆมาของเจ้าหญิงที่แทบจะไม่มีสาระอะไรในสายตาเรา พอเกิดวิฤกตร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองกลับทรงอุทิศตนเพื่อปวงชนได้ขนาดนั้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นขัตติยนารีของสายเลือดโดยแท้

นอกจากนี้ยังรู้ชื่นชมทั้งสงสารเจ้าหญิงมากเกี่ยวกับชีวิตรักของพระองค์  ชื่นชมที่เจ้าหญิงมีความรักต่อพระสวามีคิริลอย่างบริสุทธิ์ใจเรียกว่าไม่เคยทอดทิ้ง ทรงดูแลยามพระสวามีเจ็บป่วย(โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ ป่วยอยู่หลายหนอยู่นะโดยมีเจ้าหญิงดั๊กกี้คอยเยียวยาให้ทรงกลับมาสู่โลกความเป็นจริงให้ได้) ที่เจ้าชายคิริลเขียนถึงเจ้าหญิงดั๊กกี้นั้นไม่มีผิดเลย ทว่าพอเวลาผ่านไปตัวเจ้าชายคงจะลืมไปแล้วว่าเคยเขียนอะไรไว้ถึงได้ทำให้ชีวิตบั้นปลายของดั๊กกี้หัวใจแหลกสลายอย่างสิ้นเชิง

ในเล่มบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ถูกเอ่ยถึงมีเยอะมาก คนเขียนเก่งมากคนแปลก็แปลเก่งเช่นกัน อ่านแล้วนอกจากไม่สับสนยังรู้เรื่อง เดิมไม่คิดว่าจะอ่านรอดด้วยซ้ำ น้ำหนักของเล่มหนักพอสมควร(582หน้า--มีปวดเส้นแขนกันเลยทีเดียว) ตัวหนังสือขนาดหนึ่งมิล ลำบากต่อสายตาสว.ยิ่งนัก😂 กว่าจะอ่านจบนานพอสมควรกับเล่มนี้ เพราะเราหาดูรูปไปด้วยแบบเวลาอ่านก็อยากรู้แต่ละองค์หน้าตาเป็นยังไง

🍁หมายเหตุ🍁
---เจ้าชายอัฟฟี พ่อของวิคทอเรีย เมลิต้า มีนิสัยต่างจากตอนเด็กมาก จุดหักเหเท่าที่อ่านเกิดขึ้นหลังพระบิดาสิ้นพระชนม์(เจ้าชายอัลเบิร์ต)ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรนิสัยถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จะว่าไปแล้วถ้าไม่ใช่มีบุญมาเกิดในตระกูลของกษัตริย์กับหน้าตาดี นอกนั้นไม่ไหวเลยจริงๆ ทั้งติดเหล้า มั่วโลกีย์ ผลิตลูกเป็นอย่างเดียว คุณสมบัติของความเป็นพ่อและสามีที่ดีไม่มีเลย มีเมียไว้ให้ถลุงเงิน บ้านช่องแทบไม่กลับ 

----เจ้าหญิงมารีจากที่อ่านเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเสียดายเลือกแต่งผิดคนเกิดผิดยุคจึงไม่ได้แสดงความสามารถของตัวเองออกมาเต็มที่ ถ้าเป็นยุคปัจจุบันเจ้าหญิงคงมีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนมากแน่ๆ (แต่ก็มีงงตรงที่ทรงต่อต้านสังคมยุคใหม่ทั้งในแง่ความคิด แฟชั่นและการแพทย์ ดูย้อนแย้งเนาะ) ในส่วนของความเป็นแม่ที่เรานับถือเป็นการสั่งสอนเรื่องของระเบียบวินัย(สุดยอดมาก)กับกาลเทศะที่พึงมีกับการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่มีที่บังคับให้ลูกเป็นไปตามอคติที่ตนเองมีอยู่เช่นพยายามให้ลูกละทิ้งความเป็นอังกฤษ ไม่คิดจะให้ลูกไปยุ่งเกี่ยวกับทางรัสเซียมากนัก และอยากให้ลูกอยู่เยอรมันกลายเป็นคนเยอรมัน


[ดัชเชสมารี พระมารดาของเจ้าหญิงผู้ร่ำรวย]

------หนังสือบรรยายสมเด็จย่าในมุมมองของเจ้าหญิงมารีในวัยพระเยาว์ว่าทรงร่างเล็ก แต่ดูจากภาพท่านทรงท้วมนะ แล้วก็ขำที่ว่าเป็นสมเด็จย่าที่ชอบจับคู่อย่างไม่มีทางเยียวยาได้


[พระราชินีนาถวิคทอเรียแห่งอังกฤษ]

---------แกรนด์ดัชเชสอลิซาเบธ เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซีย[องค์นี้เป็นแม่พระที่เจ้าหญิงดั๊กกี้ชอบมากตั้งแต่ได้เจอในวัยเด็กที่รัสเซีย]

[องค์นี้เป็นแม่พระและถูกสังหารโดยคำสั่งของเลนิน]

-------มีความรู้สึกว่าชื่อของสมาชิกในราชวงศ์ทางยุโรปนี่โหลมากจริงๆ ชวนสับสนได้เหมือนกัน อ่านไปต้องค่อยๆนึกด้วยองค์ไหนเป็นองค์ไหน😂


[รูปหมู่แถวหน้าซาร์นิโคลัส,เจ้าชายคิริล
แถวกลางจักรพรรดินี,เจ้าหญิงดั๊กกี้,
ผู้ชายที่ยืนเยื้องไปด้านหลังเจ้าหญิงดั๊กกี้คือเจ้าชายเออร์นี สวามีองค์แรก]

cr.photo
-royalty in colour
-royalty of the past
-the house of romanoff
.
.
.
คนเขียนมีผลงานนิยายชุดออกมาน่าอ่านมากเลย อยากให้มีสนพ.นำมาแปล คงสนุกแน่ๆ เพราะเรื่องนี้เขาก็เขียนสนุก





 


Create Date : 18 มกราคม 2568
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2568 21:30:44 น. 0 comments
Counter : 167 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ


ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 6399378
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพลงที่เลือกมาประกอบโพสต์เป็นแนวที่ชอบ
โดยมากจะเป็นเพลงจีนทั้งประเภทขับร้องและบรรเลง

space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6399378's blog to your web]
space
space
space
space
space