19-21 พฤศจิกายน 2563 ททท.ภูมิภาคภาคกลางสัญจรมาที่จ.สุพรรณบุรีและพระนครศรีอยุธยา



นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ
ผู้อำนวยการนางสาว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลางบางแก้วต
เปิดเผยว่า
จากทริปที่เราได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาร่วมกันของสืิ่อมวลชน
ในการเดินทางมาลงพื้นที่สุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จริงๆ แล้วถือว่าเป็นกิจกรรมที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เราอยากจะให้ทางสื่่อมวลชนได้มารับทราบว่าเส้นทางที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานคร
ในแนวทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ที่ต้องการจะนำเสนอเชิญชวนนี้
ส่วนหนึ่งก็จะเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์กันกับเอกลักษณ์ ความเป็นวิถีชุมชน
แล้วก็แนวทางการส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้
การเดินทางระยะใกล้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เราจะเดินทางท่องเที่ยวในเวลานี้มันเป็นความสำคัญอย่างยิ่งเลยค่ะ

อย่างน้อยที่สุดท่านที่ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพมหานครหรือว่าปริมณฑล รวมทั้งท่านที่อยู่ในภูมิภาคอื่นๆ
เดินทางมาท่องเที่ยวที่ภาคกลางของเราก็จะได้เห็นถึงความแตกต่าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัฒนธรรม หรือว่าการใช้ชีวิตที่มีความหลากหลายแตกต่างไปจากภูมิภาคของท่าน
แต่ข้อใหญ่ใจความเลยของการท่องเที่ยวในภาคกลาง
อย่างที่เรียนแต่แรกแล้วว่าเป็นเรื่องของวิถีชีวิตของชุมชน
และเป็นเรื่องของความเชื่อมโยงร้อยเรียงของวิถีลุ่มน้ำภาคกลาง
อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเห็นถึงความมีจุดเด่นที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ที่สามารถจะนำเสนอได้
แม้ว่าเราจะคิดว่าเวลาเรามาภาคกลางแล้ว
จะเห็นถึงความหลากหลายของสินค้าทางการท่องเที่ยว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชุมชน วัฒนธรรม วิถี ศรัทธา ความเชื่อของคนในพื้นที่
ก็ยังมีแหล่งที่จะสามารถเชิญชวนทุกๆ ท่านให้มาเที่ยวในช่วง Long Weekend
ที่จะถึงในเดือนธันวาคม หรือในช่วงอากากศมีความหนาวเย็น
ท่านก็อาจจะรู้สึกว่าเราจะมาเที่ยวภาคกลางได้หรือ ทั้งๆ ที่ภาคกลางคนอาจจะคิดว่า
วิถีชีวิตลุ่มน้ำ แล้วก็เป็นพื้นที่ราบเป็นส่วนใหญ่
แต่เราก็มีจุดที่ท่านสามารถจะเลือกมารับสัมผัสบรรยากาศความหนาวเย็นได้
ในเส้นทางของสุพรรณบุรี-พระนรศรีอยุธยาได้เชข่นเดียวกันนะคะ
ในเส้นทางที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางมาได้
ที่เราพาสื่อมวลชนทั้งหลายเข้าไปเยี่ยมชมไม่ว่าจะเป็นตลาด
วิถีชีวิตของภาคกลางเราจะเห็นเลยเรื่องของตลาด
สุพรรณบุรีเราก็มี "ตลาดสุ่มปลายักษ์" อันนี้ก็เป็นจุดเด่นอันหนึ่งเหมือนกัน
ที่เขาดึงเอาความเป็นวิถีของลุ่มน้ำภาคกลางมานำเสนอ
หรือว่าแม้แต่ "ศูนย์การเรียนรู้ของนาเฮียใช้" ที่จังหวัดสุพรรณบุรี
อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถจะมองเห็นถึงจุดแห่งความพยายามของคุณนิทัศน์
เจ้าของ "นาเฮียใช้" แห่งนี้
ไม่ว่าจะเป็นการส่งประโยชน์ให้เกิดกับสังคมในกลุ่มของชาวนา
ที่จะสามารถใช้เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณค่าแล้วไปแพร่กระจายและไปขยายผล
ทำให้เกิดข้าวที่มีคุณภาพขึ้นมา
ในอนาคตก็จะเป็นโอกาสในการส่งออกผลิตภัณฑ์ประเภทการเกษตรได้อย่างดีของประเทศไทย
หรือแม้แต่ในเรื่องของการที่เราจะไปเรียนรู้ในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง
ในสิ่งที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราได้ส่งต่อมาให้พวกเรา
อันนี้ก็เป็นโอกาสที่ครอบครัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางนี่แหละมากันได้หมดทุกวัยเลย

ศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมกล้วย สุพรรณบุรี ท่านอาจจะแปลกใจว่าทำไมมาอยู่ที่ภาคกลาง
ภาคกลางเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำเป็นแหล่งที่ผลิต ผลิตผลทางการเกษตรที่ดี
ไม่ว่าจะเป็นข้าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้วยที่นี่ด้วย
เรียรู้ในความแตกต่างหลากหลายของสายพันธ์กล้วย
เป็นอะไรที่สามารถที่จะได้รับความเพลิดเพลินและในขณะเดียวกันก้ได้รับความรู้ไปด้วย

นอกจากนี้ศรัทธาและวิถีความเชื่อที่ท่านจะสามารถเดินทางท่องเที่ยว
มีการไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางสุพรรณบุรี-พระนครศรีอยุธยา
ไม่ว่าจะเป้นวัดป่าเลไลยก์
ตรงนี้ก็เป็นจุดที่สามรถเชื่อมต่อในเรื่องของศรัทธาที่มีของชาวไทย
แล้วก้เดินทางไปจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก้ยังมีวัดอีกหลายวัดด้วย
ในโอกาสที่จะใกล้ปีใหม่ด้วยเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาคภาคกลาง
อากาศหนาวเนย็นสัมผัสได้เลยค่ะที่เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี
แล้วก็นอกจากนี้นะคะท่านก็ยังสามารถที่จะมาสร้างขวัญและกำลังใจให้กับตัวเอง
ก่อนที่ได้ไปเผชิญกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีใหม่ที่จะมาถึง
ก็มาขอพรไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิืทั้งจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ก็จะเป็นการสร้างเสริมกำลังใจและความเป้นสิริมงคลให้กับทุกๆ ท่านในปีใหม่ 2564 ที่จะถึงนะคะ
อยากจะขอเชิญชวนทุกๆ ท่านท่องเที่ยวในเส้นทางที่ใกล้กรุงเทพมหานคร
ไม่ต้องเดินทางไกลแต่ก็สามารถที่จะสัมผัสในความหลากหลายของภาคกลาง
และได้สัมผัสถึงความหนาวเย็นในบรรยากาศดูทะเลหมอกในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

จุดเด่นอย่างหนึ่งของภาคกลางก็คือเรื่องของวิถีชีวิตชุมชน
ที่เราสามารถเข้าไปสัมผัสกับกิจกรรมของชุมชนที่มีความเข้มแข็ง
แล้วในขณะเดียวกันไม่น่าเชื่อเลยค่ะ "อึ้ง..ทึ่ง"
ว่าเขานี่สามารถที่จะนำเอามาตรฐาน SHA ของททท.
หรือ Safety and Health Administration มาประยุกต์ใช้ในชุมชนได้
นักท่องเที่ยวสามารถจะเข้ามาสัมผัสถึงขั้นตอนว่าเขาทำอย่างไรกัน
โดยที่ชุมชนเล็กๆ นี่แต่มีความเข้มแข็งสามารถที่จะนำมาตรฐาน SHA
ให้นักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้ในเรื่องของวิถีชีวิตชุมชนของเขา
เห็นกิจกรรมต่างๆ มากมายที่จะมาสัมผัสกันได้ก็คือ
ชุมชนตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี
ล่องเรือตามลำแม่น้ำน้อยได้เห็นบรรยากาศริมแม่น้ำท่าจีน
แม่น้ำเส้นนี้ไหลผ่านช่วงจังหวัดสุพรรณบุรี เขาจึงใช้ชื่อว่า "แม่น้ำสุพรรณบุรี"
จะเป็นบรรยากาศทีดีมากเลยที่อยากจะเชิญชวนให้มาได้สัมผัสกัน

แล้วก็ในช่วงเวลาใกล้ๆ วันที่ 11-20 ธันวาคม 2563
ปลายปีนี้ถ้าวางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ที่เราได้พาท่านไปท่องเที่ยว
งานที่จะลืมไม่ได้เลยค่ะเป็นงานที่สำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ก็คือ "งานยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก"
หลายท่านค่ะต้องรีบจับจองบัตรเข้าชมงานแสงสีเสียง
เล่าเรื่องราวร้อยเรียงประวัติศาสตร์ของพระนครศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยาที่ก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วก็ 700 กว่าปีของการดำรงไว้ซึ่งพระนครศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยา
ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากจะเชิญชวนทุกท่านให้ได้มาท่องเที่ยวในเส้นทางสุพรรณบุรี-พระนครศรีอยุธยา
ในช่วงวันหยุดยาวและ Long Weekend กันค่ะ



นายไพรัชช์ ทุมเสม
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า
การท่องเที่ยวในภาคกลางของเรานะครับตอนนี้เปิดให้เดินทางโดยสะดวกแล้วนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยชุมชน เดินทางท่องเที่ยวเชิงศาสนา เดินทางท่องเที่ยวในเชิงกีฬา
สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้หมด
เพราะว่าภาคกลางของเราเป็นการเดินทางระยะใกล้ๆ กรุงเทพมหานคร
ถ้ามาจากกรุงเทพฯ แปบเดียวไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสุพรรณบุรีหรือว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เดินทางเพียง 1-2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดให้ท่องเที่ยว 100 %
ที่พักก็มีความสะดวกสบายเปิดหมดแล้ว ร้านอาหารร้านกาแฟสวยๆ งามๆ เปิดหมดแล้ว
สามารถมาเที่ยวชมมาท่องเที่ยวในทุกด้านทุกสไตล์ได้หมด
ขอเชิญชวนมาเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ที่จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1672 เบอร์เดียวทั่วไทยครับ



นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
พร้อมด้วยนายไพรัชช์ ทุมเสม ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะ
นำสื่อมวลชนสัญจรลงพื้นที่ในเส้นทางจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ภาพเมื่อวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2563 เริ่มที่ตลาดสะพานโค้งแห่งนี้เป็นที่แรกค่ะ



ตลาดน้ำสะพานโค้งเป็นจุดเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดใน อ. สองพี่น้อง จ. สุพรรณบุรี
นักท่องเที่ยวสามารถเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวเป็นทางคดโค้งสมชื่อตลาด
โดยสะพานไม้สร้างเชื่อมโยงสองฝั่งคลองสองพี่น้อง
ระหว่างศูนย์หัตถสานบ้านต้นตาล กับสะพานโค้ง 100 ปี วัดทองประดิษฐ์



ประติมากรรมกลางทุ่ง “สุ่มปลายักษ์” นับเป็นหัตถสานบ้านต้นตาล
ที่ตั้งอยู่ในอำเภอสองพี่น้อง ถือว่าเป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดสุพรรณบุรี
โดยสุ่มปลายักษ์ขนาดใหญ่นั้นถูกสร้างมาจากไม้ไผ่
เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชน ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนริมฝั่งคลอง
นอกจากจะได้ชื่นชมความงามตามธรรมชาติแล้ว
บรรยากาศของที่นี่ยังเป็นทิวทัศน์บ้านทุ่งที่ต้องพลาดมาช้อป แชะ ชิมกันนะคะ



โดยสุ่มปลายักษ์นั้นจะถูกตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลำคลอง
มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวเป็นทางเดิน
ซึ่งสะพานไม้ไผ่นี้จะเชื่อมต่อยาวไปจนถึง ตลาดน้ำสะพานโค้ง วัดทองประดิษฐ์
ให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปเที่ยวชมไหว้พระได้ และภายในตลาดสองข้างทาง
ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย มีทั้งที่สามารถนั่งทานที่ร้านชมบรรยากาศริมฝั่งคลองได้
หรือจะซื้อกลับไปเป็นของฝากก็มีให้เลือกซื้อกัน
ตลาดสุ่มปลายักษ์นี้เป็นตลาดที่สามารถถ่ายทอดวิถีชุมชมริมฝั่งคลองแบบ้านบ้าน
ได้อย่างสวยงามและลงตัวเป็นอย่างยิ่งค่ะ นับอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมา ไม่งั้น OUT นะคะพี่น้องชาวไทย



อาจกล่าวได้ว่าสุ่มปลายักษ์เป็นสุ่มปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ค่ะ
เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ช่วยกันสร้างขึ้นจากไม้ไผ่หลายพันลำจนสูงใหญ่อลังการ
สามารถเดินขึ้นไปชมวิวที่สวยงามจากข้างบนได้แบบ 360 องศา อุ้มสีปีนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

สุ่มปลายักษ์ หัตถสานบ้านต้นตาล ตลาดน้ำสะพานโค้ง
ตั้งอยู่เยื้องวัดทองประดิษฐ์ ต.ต้นตาล อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 18.00 น
โทร. 035-525863-4, 035-525867, 035-525880



ออกจากสุ่มปลายักษ์ก็ไปต่อที่ "นาเฮียใช้" เรียกว่าจังหวัดสุพรรณบุรีต้องแวะค่ะ



ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
ตั้งอยู่ที่ 150/2 หมู่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
โทร : 092-6261515 FAX : 035-446954 เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.

สนใจเยี่ยมชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ดูงานเป็นหมู่คณะ โทร. : 092-6261515
E-mail : H.chai_riceseed@hotmail.com
https://www.herechai.com



นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
มอบของที่ระลึกให้แก่คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา บุตรชายของเฮียใช้

คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา บุตรชายของเฮียใช้
ได้ริเริ่มก่อตั้งศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทยเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับผู้ที่มีความสนใจหาความรู้เรื่องข้าว



ใกล้วันที่ 5 ธันวาคม วันพ่อ อุ้มจะนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 เสมอ



นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง (คนกลาง)
ถ่ายภาพหมู่กับนายนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา บุตรชายของเฮียใช้ (คนแรกนับจากซ้ายมือ)



นายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย



เรือนศูนย์รวมดวงใจไทยทั้งชาติ
เป็นเรือนแห่งคุณค่าจากความตั้งใจในการแสดงความจงรักภักดีต่อพ่อหลวงของแผ่นดิน
เรือนหลังนี้ได้สร้างสรรค์รูปแบบที่มีความโดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ
ภายในมีการจัดแสดงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9
เมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ตลอดจนพระบรมฉายาลักษณ์ในพระราชกรณียกิจต่างๆ
จัดแสดงพระบรมรูป
และพระบรมสาทิสลักษณ์ราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 9
และยังมีรูปบุคคลสำคัญๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาวงการข้าวไทย
การสร้างศูนย์การเรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
ตลอดทั้งภาพข้าราชการและประชาชนซึ่งเป็นบุคคลสำคัญยิ่งเรือนหลังนี้ นับเป็นเรือนแห่งคุณค่าทางจิตใจ



เรือนพระแม่โพสพ องค์พระแม่โพสพทำมาจากไม้สักผ่านฝีมือการแกะสลักอย่างประณีตงดงาม
เป็นองค์พระแม่โพสพประคองรวงข้าวอันเป็นการสื่อความหมายถึงการทะนุถนอมประดุจแม่ประคองลูกอย่างอบอุ่น
ภายในเรือนยังมีรูปหล่อพระแม่โพสพในยุคต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
พระแม่โพสพหล่อในปี 2500 โดยได้จัดพิธีพุทธาภิเษกที่ท้องสนามหลวงโดยเรียกองค์พระแม่โพสพในยุคนี้ว่า “รุ่น 25 ศตวรรษ”
ที่เรือนแห่งนี้จัดแสดงพระแม่โพสพและพิธีกรรมต่างๆ ครั้งในอดีตในช่วงการทำนา
เพื่อให้ชาวนาและคนรุ่นหลังเข้าใจในวัฒนธรรมที่ได้สืบต่อกันมาและอนุรักษ์ให้คงอยู่คู่จังหวัดสุพรรณบุรี



ภายใน "นาเฮียใช้" แปลงนาสาธิต เป็นการสาธิตชนิดพันธุ์ข้าวนาปรังทุกชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบัน
สาธิตการอนุรักษ์การพัฒนาพันธุ์ข้าวเพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เยี่ยมชมและชาวนาได้มีความรู้ในการเลือกพันธุ์ข้าวได้อย่างเหมาะสม
โดยแปลงนาสาธิตนี้จะทำการปักดำทุกวันที่ 1 ของเดือน
ด้วยกล้าเพียงต้นเดียว /1กอ เพื่อให้เห็นการแตกกอของต้นข้าวและชาวนาได้ศึกษาในทุกระยะการเติบโตของข้าว
(จะเห็นภาพของหอเตือนภัยชาวนา)



นายไพรัชช์ ทุมเสม ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และนายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนายการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี

ถ่ายที่ด้านของบนหอเตือนภัยชาวนา ก่อสร้างเป็นหอคอยสูง 3 ชั้น ความสูง 14.5 เมตร
ก่อสร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง ออกแบบด้วยความประณีตเป็นเอกลักษณ์ มีความมั่นคงแข็งแรง
สามารถรับน้ำหนักผู้เข้าชมจำนวนมากได้อย่างปลอดภัย
และยังเป็นจุดชมทัศนียภาพที่สวยงามจุดหนึ่ง ผู้เข้าชม สามารถมองภาพมุมสูงได้อย่างแจ่มเลยค่ะ
เรียกว่าต้องขึ้นมาชมวิวจะมองเห็นภาพ "คิดถึงพ่อ" ในภาพถัดไปนี่ค่ะ



นาเฮียใช้ หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
นอกจากจะนำเสนอถึงบ้านเรือนไทยแล้ว
ยังเป็นแหล่งที่รวบรวมเรื่องราวและองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรรม
ที่นี่จะรวบรวมเรื่องราวภาพวิถีแห่งท้องทุ่ง ยุ้งฉาง ไอ้ทุยควายไทย และเครื่องมือในการดำรงชีวิติของผู้คนในถิ่นนี้
เรียกว่านึกถึงข้าวนึกคนทำนานึกถึงควายต้องนึกถึงจังหวัดสุพรรณบุรี
และต้องนึกถึงที่นี่ ต้องพลาดเข้ามาแวะเยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นจิตวิญญาณของชาวนาไทย



เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต
การก่อสร้างเรือนไทยด้วยความประณีตวิจิตรบรรจง การออกแบบที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย
ด้วยรูปทรงประกอบด้วยเรือนไทย 3 หลัง คือ เรือนไทยหลังใหญ่ เรือนลูกซ้าย เรือนลูกขวา และครัวไฟ
อันเป็นสถานที่ประกอบอาหารในอดีต
เรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต เป็นเรือนไทยยกพื้นสูง ใต้ถุนเป็นสถานที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ในอดีต
เช่น อุปกรณ์หีบอ้อย ซึ่งรวบรวมไว้หลายแบบ แสดงถึงภูมิปัญญาไทยในการออกแบบ



จากนั้นนั่งรถชมบรรยากาศภายในนาเฮียใช้
ที่นำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ได้อย่างลงตัวค่ะ



ร้านโชห่วยหรือร้านขายของในอดีต
ที่นาเฮียใช้ได้จำลองร้านค้าในอดีตซึ่งได้เก็บรวบรวมส่วนประกอบต่างๆของร้านค้าในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางสินค้า โต๊ะและ เก้าอี้ รวมทั้งสินค้าที่เคยจำหน่ายในครั้งอดีตซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน



จากนั้นถ่ายภาพหมู่แล้วไปต่อที่ชุมชนตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี



ชุมชนตำบลบ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เป็นชุมชนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ชุมชนต้นแบบจากชุมชนทั่วประเทศ
ในโครงการ Village Tourism 4.0 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย





ณ ชุมชนตำบลบ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
นับเป็นการร่วมมือของชุมชนที่ได้พัฒนาถิ่นที่อยู่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น
ผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาที่สืบต่อมายาวนาน
เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ สร้างรายได้ และความเข้มแข็งของคนในชนบทได้อย่างยั่งยืน



ชุมชนตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นชุมชนเก่าแก่ริมน้ำท่าจีน



ในขณะะที่เรือพาเที่ยวทางน้ำจะเห็นว่าตลอดสองฝั่งลำน้ำเรียงรายไปด้วยบ้านทรงไทยโบราณ
และวัดเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนาน วิถีชีวิตดั้งเดิมเมื่อเกือบร้อยปี ยังมีอยู่ให้เห็น



เรื่องความอร่อยจังหวัดสุพรรณบุรีก็ไม่ยิ่งหย่อนในเรื่องของอาหารเด็ดไม่แพ้จังหวัดไหน
เมนูอาหารการกินต้องบอกได้ว่าอร่อยเด็ดไม่แพ้ย่านใด
นับเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยี่ยมเยื่อนชุมชนบ้านแหลม
ต้องล่องเรือไหว้พระ ตามรอยเสด็จประพาสต้นรัชกาลที่ 5
ย้อนรอยนิราศสุพรรณ สุนทรภู่ พร้อมอิ่มตาอิ่มใจกับการรับประทานอาหารบนเรือ
ชมความงามของสองฝั่งลำน้ำท่าจีน มาเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลมกันค่ะ



นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์
ผู้อำนายการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี
เปิดเผยว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี ขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวที่จังหวัดสุพรรณบุรี
ใกล้กรุงเทพมหานครแค่นี้เอง มาง่ายสะดวกการจราจรเดินทางถึงและมีรถบัสรถโดยสารเดินทางอย่างคล่อง
หรือจะมาโดยรถยนต์ส่วนตัวใกล้ๆ แค่นี้ก็สามารถมาได้นะครับ
จังหวัดสุพรรณบุรีมีกิจกรรมหลากหลายให้ท่านได้เลือกไม่ว่าท่านจะมาไหว้พระเพื่อความสุขกายสุขใจ
หรือจะมารับประทานอาหาร อาหารท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ เช่น ต้มยำปลาม้า
เป็นอาหารพื้นถิ่นของจังหวัดสุพรรณบุรีที่ท่านไม่ควรพลาด
หรือท่านจะมาร่วมกิจกรรมสนุกสนานมาเรียนรู้ในศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน หรือเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนาไทยที่นาเฮียใช้
มาทำกิจกรรม DIY เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ในระหว่างครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำไข่เค็มใบเตย ทำไข่ครกนกกระทา
หรือท่านจะมาร่วมกิจกรรมที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ไปเรียนรู้ว่าควายในสมัยก่อนเลี้ยงกันอย่างไร มีวิถีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร
มาชมการแสดงแสนรู้ของควายที่ใครๆ เขาว่าควายไม่ฉลาด แต่มาที่นี่ท่านจะพบว่าควายสามารถเรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง
ในปี พ.ศ.2564 นี้นะครับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็มีกิจกรรมมากมายตอบสนองเพื่อเชิญชวนทุกท่าน
ตามกิจกรรมของ ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี 3 วิถีของบ้านฉัน
เรื่องของอาหาร เรื่องของสุขภาพกายสุขภาพใจ แล้วก็เรื่องกิจกรรมเรียนรู้ระหว่างครอบครัว
ขอเชิญชวนทุกท่านอย่าลืมอย่าพลาดต้องใช้เวลาครั้งงหนึ่งในชีวิต
มาเที่ยว มาชม มาสัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานที่จังหวัดสุพรรณบุรีนะครับ



เขื่อนกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
เขื่อนกระเสียว นับเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุด ของจังหวัดสุพรรณบุรี
ยิ่งในช่วงหน้าหนาวแบบนี้แสงสีที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ภาพดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตที่ค่อยๆเลื่อนลงเหนือยอดเขา
และแสงเงาที่กระทบลงผืนน้ำในช่วงบรรยากาศอากาศที่หนาวเย็นยามเย็น
เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายและมีความสุขที่ได้มาสัมผัสกับธรรมชาติอย่างสวยงามที่ใกล้ กทม.



เขื่อนกระเสียวสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523
เป็นเขื่อนดินกักเก็บน้ำสร้างกั้นลำห้วยกระเสียว ยาว 4,250 เมตร สูง 32.5 เมตร
มีพื้นที่กักเก็บน้ำ 28,750 ไร่ ปริมาณน้ำที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูงสุด 240 ล้านลูกบาศก์เมตร
เป็นเขื่อนดินที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทิวทัศน์สวยงาม
ในเวลากลางวันอากาศค่อนข้างร้อนแต่พอตกเข้าช่วงเวลาเย็นอากาศดีมาก
โดยเฉพาะจุดตั้งแค้มป์ริมเขื่อนเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามในเวลา 17.30 น.



สำหรับประวัติความเป็นมาของเขื่อนกระเสียวนั้น
เขื่อนกระเสียวอยู่ที่ตำบลด่านช้างในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยกระเสียวของกรมชลประทาน
เดิมพื้นที่อำเภอสองพี่น้องมีน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี
จนเมื่อปี พ.ศ.2523 สมัย ฯพณฯบรรหาร ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ
ได้พิจารณาเห็นว่าเขื่อนกระเสียวรับน้ำไม่ได้มาก
จึงให้กรมชลประทานสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เขื่อนกระเสียวเพื่อป้องกันน้ำท่วม
และที่นี่นักท่องเที่ยวที่ต้องการขึ้นไปชมทิวทัศน์บริเวณสันเขื่อนต้องเดินขึ้นบันไดจากลานจอดรถด้านล่าง
เมื่อขึ้นไปถึงจะมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกลสุดสายตาถึงเขาพุเตย

อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่การเดินทางแบบแอคเวนเจอร์
เพราะมีทรัพยากรที่หลากหลายเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์
เขื่อนกระเสียวเป็นเสมือนโอเอซิสที่เป็นแหล่งอาหารแหล่งเสบียง
ที่อุดมสมบูรณ์ในเขื่อนเต็มไปด้ายปลานานาชนิดที่เพาะเลี้ยงและอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ
ทั้งปลานิล ปลาม้า ปลาบึก และกุ้งจากเขื่อนกระเสียวที่หลายคนออกปากว่ารสชาดดี
ช่วงปลายฝนราวเดือนตุลาก็จะมีพืชพันธุ์จากป่าเข้ามาขายเป็นจำนวนมาก
มีทั้งเห็ดโคน หน่อไม้ ผักหวานป่า น้ำผึ้ง
ที่นี่ ณ อำเภอด่านช้างจังหวัดสุพรรณบุรีจึงเป็นคำตอบที่นักเดินทางมักมาแสวงหาความสุขได้อย่างครบวงจร
เพราะเป็นดินแดนแห่งป่าเขา ดินแดนแห่งสายหมอก และภูเขาชนภูเขาที่รอให้คุณมาสัมผัส



จากนั้นเข้าที่พักที่โรงแรมจันทร์ธาราวิลล่า โรงแรมแอนด์รีสอร์ท
ตั้งอยู่ที่ 97 ม.21 ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี 72180
โทร: 035-595-955 แฟกซ์: 035-595-995
E-mail: jantharavilla@gmail.com และ https://www.jantharavilla.com
ภายในห้องพักถูกออกแบบได้อย่างสวยงาม
หลากหลายสไตล์และพรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทันสมัย
นับเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
อุ้มสีชอบตรงที่มีบาร์กาแฟอยู่ตรงล้อบบี้เลยค่ะ จะมาดึกขนาดไหนมีกาแฟให้กินแน่นอน ชอบจังเลย



ตื่นเช้ามา ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พามากินข้าวมันไก่ที่รสชาติอร่อยและถูกข้างหอนาฬิกาสุพรรณบุรี
ชื่อร้านข้าวมันไก่หลานลุงบัว โทร.06-1535-5982 (อุ้มจำหอนาฬิกาได้ครั้งหนึ่งพี่อ่ำเคยพามากิน)
ข้าวมันไก่และข้าวมันไก่ทอด ธรรมดา 35 บาท พิเศษ 40 บาท
แต่ถ้าเป็นข้าวมันไก่รวม ธรรมดา 40 บาท พิเศษ 50 บาท ดูจากจานอุ้มได้ค่ะพิเศษ 50 บาท เยอะมาก



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี
ตั้งอยู่ที่ : 91 ถนนพระพันวษา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี 72000
โทร. : 035 525 880



นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
พาคณะเจ้าหน้าที่ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง และสื่อมวลชนมาเยือน ททท.สำนักงานสุพรรณบุรี



นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์
ผู้อำนายการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานสุพรรณบุรี
เปิดเผยว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี
ขอเชิญชวนทุกท่านในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มาไหว้พระมารับพรมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดสุพรรณบุรี
ในช่วงเทศกาลปีใหม่นะครับ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวท่านและครอบครัว
วันที่ 31 ธันวาคม 2563 - 1 มกราคม 2564 ก็ขอเชิญชวนทุกท่านมาไหว้พระแก่ตัวท่านและครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นไหว้พระที่หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ฯ
หรือจะไปไหว้พระหลวงพ่ออู่ทองที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ
แล้วก็วัดต่างๆ เรามีเส้นทางไหว้พระ 9 วัดในวันเดียว
ท่านที่มาเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีก็ขอเชิญทุกท่านมาไหว้เรามีวัดต่างๆ ที่มีชื่อเสียง
หรือท่านจะมาไหว้พระเกจิอาจารย์ตามวัดต่างๆ เราก็ยินดีต้อนรับ
ท่านที่ต้องการข้อมูลสามารถติดต่อได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี
โทร.035 525 880 เรายินดีให้บริการทุกท่านครับ
และเนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่นี้นะครับ ในนามของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี
ขออำนาจคุณพระศรีรันตรัยช่วยดลบันดาลสิ่งที่เป็นสิริมงคล ความสุข ความเจริญ
แก่ทุกท่านที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีแก่ทุกท่านด้วยครับ



วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
กล่าวกันว่าถ้ามาเมืองสุพรรณแล้วไม่ได้แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ถือว่ามาไม่ถึงเมืองสุพรรณ
เพราะวัดป่าเลไลยก์เป็นวัดสำคัญที่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุพรรณบุรีมาตั้งแต่โบราณกาล
อีกทั้งเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
ยิ่งในช่วงวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีผู้คนมากมายมากราบไหว้ขอพร
เรียกว่าเป็นวัดอันดับ 1 ของชาวสุพรรณบุรีและเป็นหนึ่งในใจของชาวพุทธ
แวะชมความงดงามขอหลวงพ่อโตและกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวอุ้มเองด้วยค่ะ
ทุกปีจะมีเทศกาลสมโภชและนมัสการหลวงพ่อวัดป่าเลไลยก์ 2 ครั้ง คือ ในวันขึ้น 5-9 ค่ำ เดือน 5 และเดือน 12

หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 23.47 เมตร
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า
“พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่นลักษณะทันสมัยอู่ทอง
และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์
มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง
ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์
เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์"



ประวัติของวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุราว 1200 ปี
ตั้งอยู่ริมถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าวัดป่า
ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต ปางป่าเลไลยก์

ในพงศาวดารเหนือกล่าวว่า ...
"ขณะนั้นพระเจ้ากาแต เป็นเชื้อมาแต่นเรศน์ หงษาวดี ได้มาเสวยราชสมบัติ
แล้วมาบูรณะวัดโปรดสัตววัดหนึ่ง วัดภูเขาทองวัดหนึ่ง วัดใหญ่วัดหนึ่ง สามวัดนี้แล้ว
จึงให้มอญน้อยเป็นเชื้อมาแต่พระองค์ ออกไปสร้างวัดสนามไชย
แล้วมาบูรณะวัดพระป่าเลไลยในวัดลานมะขวิด แขวงเมืองพันธุมบุรีนั้น
ข้าราชการบูรณะวัดแล้วก็ชวนกันบวชเสียสิ้นสองพันคน จึงขนานนามเมืองใหม่ชื่อว่า "เมืองสองพันบุรี"
แล้วพระองค์จึงยกนาเป็นส่วนสัดวัดไว้ พระองค์อยู่ในสิริราชสมบัติ 40 ปี
จึงได้เสด็จสวรรคตในปีจุลศักราช 565 (พ.ศ.1724) ขาลเบญจศก"

หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะสมัยอู่ทอง สุพรรณภูมิ (คือประทับนั่งห้อยพระบาท)
มีนักปราชญ์หลายท่านกล่าวว่า
"เดิมคงเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาสร้างไว้กลางแจ้งอย่างพระพนัญเชิงสมัยแรก
ต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่และทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ภายในองค์พระพุทธรูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ 36 องค์ ที่ได้มาจากพระมหาเถรไลยลาย
วัดป่าเลไลยก์มีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีอันลือชื่อของไทย คือ เสภาขุนช้างขุนแผน นิราศเมืองสุพรรณของสุนทรภู่
ปัจจุบันวัดป่าเลไลยก์มีสถานะเป็น พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร



ประวัติวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร (อีกทางหนึ่งกล่าวไว้ว่า)
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน)
ห่างจากฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีเนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน
มีโบราณสถานอันเป็นประธานของวัด คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งเรียกกันว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์”

ตามหลักฐานเดิมสันนิษฐานกันว่ามีอายุในราวสมัยอู่ทอง เนื่องด้วยขณะนั้นยังไม่ได้มีการศึกษาค้นคว้า
จึงเชื่อกันอย่างนั้นเรื่อยมา
เมื่อมีการศึกษาค้นคว้าในระยะหลังๆ ทำให้ทราบได้ว่าวัดป่าเลไลยก์น่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 1000 ปีขึ้นไป
โดยมีหลักฐานต่างๆ จากโบราณวัตถุเป็นข้อสนับสนุน อ้างอิง เพียงพอที่จะตั้งเป็นสมมติฐานใหม่ขึ้นได้

หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 23.47 เมตร
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีลายพระหัตถ์ถึงศาสตราจารย์หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรว่า

“พระพุทธรูปป่าเลไลยก์ เป็นของเก่าก่อนวัตถุอื่น ลักษณะทันสมัยอู่ทอง
และสร้างเป็นพระพุทธรูปปางแสดงพระธรรมจักรเหมือนอย่างพระประทานที่พระปฐมเจดีย์
มีกุฏิครอบเฉพาะองค์พระ
มาร้างวิหารต่อชั้นหลัง ส่วนองค์พระนั้นเคยชำรุดถึงพระกรหักหาย คนชั้นหลังปฏิสังขรณ์
เมื่อมีความรู้เรื่องพระแสดงปฐมเทศนาสูญเสียแล้วจึงทำเป็นปางป่าเลไลยก์
ความกล่าวในข้อนี้ยังมีข้อสังเกตด้วยพระกรเล็กกว่ากันเกือบข้างหนึ่งและซุ้มเดิมที่สร้างวิหารก็ยังปรากฏอยู่ “



รอบวิหารของหลวงพ่อโต จะมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน
ตั้งแต่เริ่มเรื่องจนถึงตอนสุดท้าย
วัดป่าเลไลย์ตามในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนได้กล่าวไว้ว่า
วัดป่าเลไลย์เป็นวัดที่ขุนแผนเมื่อครั้งยังเป็นเณรแก้วได้มาอาศัยบวชเรียนกับ "สมภารมี" ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้
จนขุนแผนเทศน์ได้เก่งทั้งที่อายุยังน้อยเมื่อถึงเทศกาลสำคัญจะมีชาวบ้านมาทำบุญที่วัดป่าเลไลยก์เป็นจำนวนมาก



ณ วัดป่าเลไลย์ยังได้ชื่อว่ามีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามมากที่ควรต้องมาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งจิตรกรรมฝาผนังนั้นจะอยู่บริเวณระเบียงคด หรือที่ดูเอเซียเข้าใจเอาเองว่าเป็นบริเวณกำแพงรั้วด้านนอกวิหาร
เป็นเรื่องราวจากวรรณคดีขุนช้างขุนแผน ซึ่งต้องบอกเลยว่าสวยงามมาก
เป็นการร้อยเรียงเรื่องราวในวรรณคดีขุนช้างขุนแผนได้อย่างครบถถ้วน มีตั้งหลายตอน
อาทิ ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี ขุนช้างตามนางวันทอง ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นกบฏ ขุนแผนติดคุก กำเนิดพลายงาม ฯลฯ



ขุนช้างขุนแผนก่อเกิดจากนิทานพื้นบ้านปรัมปราที่มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ที่อิงเหตุการณ์และสถานที่สำคัญในยุคนั้นได้อย่างสนุกสนาน
มีการเล่าต่อแล้วนำเรื่องราวมาผูกเป็นกลอนเพื่อใช้ขับเสภา ภายหลังการเสียกรุงครั้งที่ 2 บทเสภาดั้งเดิมสูญหายไปมาก
ครั้นสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จึงมีการรวบรวมของเก่าและแต่งขึ้นใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระราชนิพนธ์
ร่วมกับกวีแห่งราชสำนักหลายคน รวมกวีเอกด้วยนั่นคือสุนทรภู่



สุนทรภู่ตัวเอกของเรื่องมี 3 คน คือ ขุนช้าง ขุนแผน และนางพิมพิลาไลย
ทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนเล่นที่เติบโตมาในละแวกเดียวกัน
ขุนช้างเป็นลูกของขุนศรีวิชัย และนางเทพทอง อยู่บ้านรั้วใหญ่
ส่วนขุนแผนเป็นลูกขุนไกรกับนางทองประศรี พื้นเพเป็นคนกาญจนบุรี แต่มารับราชการที่สุพรรณบุรี









จากนั้น ททท.ภูมิภาคภาคกลางที่นำโดยนายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
พามาที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี ที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดป่าเลไลยก์ (ใกล้ๆสถานีรถไฟมาลัยแมน)
8/3 ถนนสถานีรถไฟ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี โทร. 065 619 4622



ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี เป็นวิสาหกิจชุมชนเกษตรพอเพียงที่อนุรักษ์พันธุ์กล้วยหายากในประเทศไทย
โดยได้รวมสายพันธุ์กล้วยมากมายถึง 108 ชนิด บนเนื้อที่ 18 ไร่
เปิดให้บริการนักท่องเที่ยว เวลา 08.00-19.00 น. เป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่มาช้อป มาแชะ มาชิม
โดยที่พระเดชพระคุณพระธรรมพุทธมงคล (หลวงพ่อสอิ้ง) วัดป่าเลไลยก์ ได้มีดำริจากสถานที่เทขยะ
พลิกฟื้นพื้นดินก่อเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนให้แก่ชุมชนวัดป่าเลไลยก์











ซื้อของฝากกันแล้ว ททท.สำนักงานสุพรรณบุรีก็พามากินข้าวที่ร้านขนาบน้ำ จังหวัดสุพรรณบุรี



ร้านขนาบน้ำ ตั้งอยู่ที่ 124/1 หมู่2 ตำบลไผ่ขวาง เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี 72000
คนละฝั่งถนนสาย 340 กับตัวเมืองสุพรรณบุรีนะคะ
จะตั้งอยู่ที่บ้านไผ่ขวาง เส้นทางหลวงที่จะไปอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
ร้านตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองชลประทาน ที่ตั้งร้านสมกับชื่อร้านขนาบน้ำเพราะอยู่ใกล้น้ำ
มาไม่ถูกโทร.035 412 580



ร้านกาแฟสุดชิคน่ารักๆ จะอยู่ในร้านอาหารขนาบน้ำสุพรรณบุรี and mellow ค่ะ



ททท.ภูมิภาคภาคกลาง จัดให้พักที่โรงแรมอโยธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาลสาย 2 ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา







วัดบึงลัฏฐิวัน เป็นวัด Unseen in Ayuttaya ตั้งอยู่ภายในอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดบึงลัฏฐิวัน สร้างขึ้นในราว พ.ศ. 2350 สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมากลายสภาพเป็นวัดร้างกระทั่ง
ปี พ.ศ.2510 พระทวี ฐานทินฺโน ได้ดำเนินการบูรณะวัดขึ้นอีกครั้งโดยให้นามว่า “วัดบึง”
ต่อมาหลวงปู่ชาให้นามตามสภาพแวดล้อมของวัดที่มีต้นตาลอยู่มากจึงให้เรียกชื่อต่อท้ายว่า “วัดบึงลัฏฐิวัน”



ททท.ภูมิภาคภาคกลาง มาชมความงามของพระมหาเจดีย์ศรีอยุธยาสัมมาสัมโพธิญาณของหลวงพ่อชา สุภัทโท สีขาวล้วน
เป็นสาขาที่ 20
ภายในมีพระพุทธไสยาสน์ปางพระพุทธปรินิพพาน
ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พามาสักการะพระบรมสารีริกธาตุเพื่อเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตสร้างความรุ่งโรจน์



ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี
เพลง : เที่ยวเมืองไทยกันเหอะ...ดีกว่าเยอะ / อิน บูโดกัน
BG : ลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : lozocat / Banner : oranuch_sri
ของแต่ง BLOG : ป้ามด + ดอกหญ้าเมืองเลย + ชมพร + ญามี่ + เนยสีฟ้า

 



Create Date : 23 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2564 3:32:40 น. 17 comments
Counter : 2595 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณทนายอ้วน, คุณตะลีกีปัส, คุณtoor36, คุณSai Eeuu, คุณSleepless Sea, คุณThe Kop Civil, คุณสองแผ่นดิน, คุณKavanich96, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณกะว่าก๋า, คุณเนินน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเริงฤดีนะ, คุณTui Laksi, คุณnewyorknurse


 
ตามไปเที่ยวด้วยคนคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:14:06:38 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

เที่ยวไทยวิถีชาวบ้านสนุกดีค่ะ อยากให้ยืนนาน ไม่ฉาบฉวยแค่สนองโครงการอะไรๆเท่านั้นค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:15:52:37 น.  

 
มีโอกาสก็ควรช่วยเหลือกัน เที่ยวในประเทศ (ตอนนี้ถึงอยากออกนอกประเทศไปเที่ยวก็ทำได้ลำบาก) คิดว่าช่วงหยุด 4 วัน ที่ข้าราชการได้หยุด แต่เอกชนบางที่ไม่ได้หยุด น่าจะมีคนไปเที่ยวกันเยอะ น่าจะกระจายเงินช่วยเหลือชาวบ้านกันได้ระดับหนึ่ง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:16:04:42 น.  

 
น่าเที่ยวค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:16:34:34 น.  

 
ชาวอยุธยายินดีต้อนรับค่ะ...มาเที่ยวอีกนะคะ^^



โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:19:47:51 น.  

 

ถ่ายรูปมาสวยๆทั้งนั้นเลยครับ
ตากล้องระดับ ททท. จริงๆ


โดย: พายุสุริยะ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:46:17 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนครับพี่


โดย: The Kop Civil วันที่: 23 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:53:22 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:1:58:19 น.  

 
ททท.คงต้องทำงานหนักมากเป็นพิเศษเลยนะครับพี่อุ้มในช่วงนี้
เป็นเครื่องยนตร์เดียวที่ยังเหลือของประเทศแล้ว
การท่องเที่ยวในประเทศยังพอทำรายได้อยู่อย่างเดียวจริงๆ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:11:43:44 น.  

 
ตามเพลงประกอบบล็อกเลยค่ะ
เที่ยวเมืองไทยกันเยอะ ๆ ค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:12:06:40 น.  

 
เที่ยวแบบนี้สนุกดีค่ะ
ได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านด้วย



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:12:53:51 น.  

 


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:14:54:16 น.  

 
สุดยอดเลยคร้าเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้
ของสุพรรณ-ยุดยาเลยคร้า
น่าสนใจ มีโอกาสจะตามรอยคุณอุ้มแนะนำคร้า


โดย: Tui Laksi วันที่: 24 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:23:59 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 พฤศจิกายน 2563 เวลา:5:27:54 น.  

 
จากบล็อกที่ไปคุย
ดีแล้วครับที่ไม่เจอฝน เจอฝนเที่ยวไม่ค่อยสนุกหรอกครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2563 เวลา:18:41:41 น.  

 
สถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ กทม. น่าสนใจทั้งนั้นเลยครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา:14:42:54 น.  

 

มาเที่ยวด้วยค่ะ
บรรยากาศดีจัง
ชอบบึงบัว


โดย: newyorknurse วันที่: 29 พฤศจิกายน 2563 เวลา:0:41:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ้มสี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 118 คน [?]






ผล BlogGang Popular Award #16
จากวันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี


ผล BlogGang Popular Award #15
จากวันที่ 1 ม.ค. 62 - 31 ธ.ค. 62
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี



ขอบคุณหัวใจ 266 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.60





ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 12
ปี พ.ศ.2560


ขอบคุณหัวใจ 499 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.59


ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 11
5 มีนาคม 2559



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2558
กราบขอบพระคุณทุกท่าน
แปะหัวใจให้ถึง 351 ดวง


ปี พ.ศ. 2558
BlogGang Popular Award # 10


ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2557
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

คลิกที่นี่:: Interview .. the Blogger :: ~ อุ้มสี ~



ปี พ.ศ.2557
BlogGang Popular Award # 9
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




ปี พ.ศ.2556
BlogGang Popular Award # 8
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
23 พฤศจิกายน 2563
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อุ้มสี's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.