รีวิวตอนที่ 2 อุ้มสีตะลอนมาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
คลิกที่นี่ย้อนไปอ่านตอนที่ 1 รีวิวมาเที่ยวปราสาทเมืองต่ำแล้วแวะนอนที่โรงแรมนางรอง บัดเจ็ท แอนด์ บูติค โฮเทล เข้าสู่ตอนที่ 2 ของการมาตะลอนเที่ยวจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นภาพเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 คุณนายอุ้มสีตื่นมาเวลา 06.00 น. นางชอบไปเดินตลาดตอนเช้าในทุกที่ที่นางไป โปรดสังเกตว่าตลาดติดกับวัดร่องมันเทศด้วยนะคะ อย่างเช้าวันนี้ดีหน่อยที่ตลาดอยู่ข้างโรงแรมนางรอง บัดเจ็ท แอนด์ บูติค โฮเทล อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้านขายข้าวสารในตลาดยามเช้าค่ะ เม็ดมะขามคั่วถุงละ 5 บาทค่ะ อุ้มเป็นตัวเสาะแสวงหาของกินที่เป็นท้องถิ่นกินเสมอค่ะ แบบตลกบริโภคมาเอง ตามสโลแกนอิ่มตายดีกว่าอดตาย ข้าวกระยาสาทและขนมที่นิยมนำมาไหว้พระต่างๆ อุ้มชอบกินถั่วดินถุงละ 10 บาท ป.ล.ชอบตลาดนี้แปะบอกราคาทุกอย่าง แหล่มเลย เห็นมะขามเจ้านี้แล้วเปรี้ยวปากเข็ดฟันอยากกินขึ้นมาในบัดดล มะพร้าวยกทั้งทะลายมาขายเลย แปลกใจขนมไข่หงส์มาขายคู่กับข้าวเหนียวไก่ย่าง มื้อเช้าอุ้มฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ ข้าวเหนียว 10 บาท ตับย่างไม้ 20 บาท แถมแจ่วบองฟรี แซ่บหลายค่ะ ร้านนี้อยู่ติดกับที่จอดรถของโรงแรมนางรอง บัดเจ็ท แอนด์ บูติค โฮเทล ล้อหมุนออกจากโรงแรมนางรอง บัดเจ็ท แอนด์ บูติค โฮเทล เวลา 08.00 น. ลงมาเร็วกกว่าชาวบ้านเขาก็เลยถ่ายภาพคำขวัญของอ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ที่แปะไว้ที่ผนังของโรงแรม อำเภอนางรองมีภาษาเป็นของตัวเอง เรียกว่า "ภาษานางรอง" ดังคำขวัญของอำเภอนางรองที่ว่า "เมืองโบราณนานเนา มะพร้าวเผา น้ำตาลหวาน ศาลหลักเมืองศักดิ์สิทธิ์ เศรษฐกิจก้าวหน้า ขาหมูรสดี มีภาษานางรอง" ผนังของโรงแรมเล่นยกคำขวัญของอำเภอนางรองมาให้ได้รู้เนาะ เป็นการสำนึกรักษ์บ้านเกิดที่แหล่มเลยนะคะออเจ้า ไอเดียเริ่ดมาก-ขอชม อุ้มสีตะลอนทัวร์ทริปนี้เดินทางด้วยรถสองแถวเล็กเหมาะสำหรับทริปนี้เลยนะออเจ้า เพราะเราต้องขึ้นเขาพนมรุ้งและสะดวกในการแวะตามรายทางบอกคนขับได้ การเดินทางมาปราสาทพนมรุ้ง จะใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ทางหลวงหมายเลข 217 ระยะทาง 44 กิโลเมตร เมื่อมาถึงอำเภอประโคนชัย มีทางแยกไปพนมรุ้ง ระยะทางอีก 21 กิโลเมตรนั่นแหละค่ะ ถนนหนทางสะดวกมากเลยค่ะ มีป้ายบอกเส้นทางมาตลอดทางไม่มีหลงทางแน่นอนนะออเจ้า เห็นป้ายนี้แปลว่าถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งแล้วค่ะเลี้ยวขวาหาที่จอดรถได้เลย ขอชื่นชมที่นี่มีระบบจัดการเกี่ยวกับร้านค้าได้อย่างลงตัว ไม่มีวางขายของเกะกะ หากอยากกินข้าวร้านอาหารตามสั่งเดินมากินข้าวที่บริเวณด้านหน้าบริเวณนี้เลยนะคะ สงสัยอย่างที่อุ้มสงสัยไหมคะ? ป้ายแผนที่การท่องเที่ยวบุรีรัมย์แตกต่างจากที่อื่น ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ตรงนี้มีก้อนหินตั้งด้วยนะคะ ??? ส่วนป้ายนี้อยู่บริเวณที่จอดรถน่ะค่ะ ทางเดินจากลานจอดรถจะไปขึ้นเขาพนมรุ้งค่ะ นับถือในการจัดวางของขายมากเลยนะคะเรียกว่าทุกอณูของพื้นที่เลย เรียกว่าอธิบายคำว่าแออัดได้เลยนะคะ คนขายต้องชำนาญในการหยิบแน่ๆ อุ้มขอชื่นชมคนบุรีรัมย์ในฐานะที่สำนึกรักษ์บ้านเกิด ไปไหนในจังหวัดบุรีรัมย์จะต้องเห็นตั้งแต่เด็กเล็กยันแม่เฒ่าใส่เสื้อบุรีรัมย์เสมอ อุ้มยังเคยได้เสื้อบุรีรัมย์สีเทาฟรี 1 ตัว เมื่อสัก 2 ปีที่แล้ว มาจากพี่สาวคนหนึ่งที่เพิ่งเจอกันแค่พูดคุยกันแค่ 10 นาที เธอให้เสื้อมาตัวหนึ่งเลยค่ะ น่ารักค่ะพี่...ลืมชื่อไปล่ะ คริคริ คุณป้าทำมะยมเชื่อมมาขายเองค่ะ มีราคา 20-30-50 บาท รสชาติโอนะคะไม่หวานมาก จะซื้อเครื่องดนตรี "พิณ" ก็ลองเล่นพิณกันสดสดให้เห็นเลยค่ะ เห็นไหมพี่เขายังใส่เสื้อทีมสายฟ้า บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเลยนะคะ ทางเดินขึ้นอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เก็บตกรายทางไปเรื่อยๆ บอกแล้วว่านางถ่ายภาพน้อยๆ ไม่เป็น ก่อนจะไปชมความงามของปราสาทพนมรุ้งอุ้มอยากให้แวะที่นี่ก่อนอยู่ซ้ายมือค่ะ เพราะยังไงเราต้องเดินผ่านแวะเข้าไปสักหน่อย เป็นศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งจะได้ทราบที่มาที่ไปที่ดีมากค่ะ เข้าชมฟรีนะคะที่ศูนย์บริการฯ แห่งนี้ เข้ามาแล้วแวะโต๊ะขวามือก่อนเลยค่ะมีสมุดเยี่ยมชมและเอกสารแจกฟรี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือปราสาทหินพนมรุ้ง นับเป็นหนึ่งในปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคา เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนเขาพนมรุ้ง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เปิดทุกวันเวลา 06.00 18.00 น. โดยไม่เว้นวันหยุดราชการหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท หากต้องการเข้าชมปราสาทเมืองต่ำและปราสาทพนมรุ้งสองที่ในวันเดียวแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะ เพราะสามารถซื้อแพ็คเก็จคู่ราคาคนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท สอบถามได้ที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โทร. 0-4466-6251-2 FAX 0-4466-6252 โมเดลองค์รวมของปราสาทพนมรุ้ง คำว่า พนมรุ้ง หรือ วนํรุง เป็นภาษาเขมรแปลว่า ภูเขาใหญ่ ภายในศูนย์บริการฯ ก็จะมีการจำลองทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ เป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากเรียกว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่ค่ะ เชื่อว่าถูกโจรกรรมไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2503 ในช่วงสงครามเวียดนาม และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา ตอนยังไม่ Up Blog อุ้มคิดว่าจะใส่เพลง "ทับหลัง ของวงคาราบาว" แต่ใจจริงส่วนลึกจะชอบเพลงกันตรึมมาก จริงๆ ติดใจเพลง "อังกอรวัด" ของพี่นุภาพจากอัลบั้มนุภาพ เป็นเพลงบรรเลง กับเพลง สุริยันจันทรา ของน้าหงา วงคาราวาน แต่ใส่ก็คงจะผิดที่ผิดทาง ก็เลยมาเข้า YOUTUBE นั่งไล่เพลงไปเรื่อยๆ เอาความชอบของอุ้มเป็นหลัก นี่เป็นสาเหตุที่ Up Blog ช้าเพราะถ้าเพลงไม่โดนใจนาง...นางยัง บางเอนทรี่นางถ่ายภาพไปนางมีเพลงประกอบ BLOG ตั้งแต่เห็นภาพ ดังนั้นจึงมาเป็นเพลงนี้....ชอบถูกใจคุณนายอุ้มสีนางยิ่งนักอย่างแหล่ม เข้ามา ณ ศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์ปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ จะได้รู้เรื่องราวของโบราณสถานเกี่ยวเนื่องกันไป เป็นการต่อยอดเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้ดี ขอชื่นชม ศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งแห่งนี้ มีการจัดแสดงได้งดงามลงตัวดีมาก ชอบค่ะ อุ้มเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเข้าพิพิธภัณฑ์ฯ เรียกว่าในทุกจังหวัดถ้านางสามารถไปได้ นางจะแวะทุกพิพิธภัณฑ์ในแต่ละจังหวัดที่ไป เพราะจะได้รู้เรื่องเก่าๆ ที่เป็นรากเหง้าของเราตลอดทั้งโบราณสถาน-โบราณวัตถุ ว่าแล้วต้องห้ามพลาดมาที่ศูนย์บริการข้อมูลอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งนะคะ มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นบรรยากาศด้านนอกของศูนย์บริการฯ สวยเนาะ บรรยากาศแห้งแล้งแต่สวยงามและเปี่ยมล้นด้วยมิตรภาพที่ดีงาม ติดป้ายบอกค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท อย่างชัดเจนค่ะ หากต้องการเข้าชมปราสาทเมืองต่ำและปราสาทพนมรุ้งสองที่ในวันเดียวแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะ เพราะสามารถซื้อแพ็คเก็จคู่ราคาคนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท เริ่ดค่ะ เรียกว่าเอนทรี่นี้คุณนายอุ้มสีนางเก็บตกทุกเม็ดเลยค่ะ แผนผังของอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งมีให้ดูก่อนที่จะจ่ายเงินค่าเข้าชมค่ะ ศาลาซื้อบัตรเข้าชมปราสาทพนมรุ้งอุ้มถ่ายจากด้านในน่ะค่ะ เนื่องจากที่นี่เป็นโบราณสถาน & เทวสถาน เพราะฉะนั้นอุ้มจึงมาเรียนบอกสาวๆ งดใส่กางเกงขาสั้น-เสื้อแขนกุด-เสื้อเกาะอก แต่ถ้าเผลอใส่มา ก็จะมีเจ้าหน้าที่มีผ้าถุงหรือผ้าให้สวมทับค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่วางด้วยบัตรประชาชน จะมีงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งจัดขึ้นทุกปี ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยจะจัดในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายนของทุกปีนะคะ แผนผังบริเวณปราสาทพนมรุ้ง ส่วนมากมักจะยกทั้งครอบครัวมาเที่ยวเห็นภาพแบบนี้ตลอดทริปน่ารักดีค่ะ ภาพนี้ที่บันไดต้นทาง ตามแผนผังหมายเลข 1 บันไดต้นทางจะตั้งอยู่บริเวณตระพักเขาด้านล่างทางทิศตะวันออก ก่อด้วยศิลาแลงเป็นชั้นๆ 3 ระดับ ที่ใดมีก้อนหินที่นั่นมักจะมีภาพฉะนี้ การเรียงอิฐเป็นเจดีย์ สังเกตภาพพลับพลาตามแผนผังหมายเลข 2 จะอยู่เยื้องชานชาลากากบาทไปทางทิศเหนือ เป็นอาคารโถงรูปสี่เหลี่ยนผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศใต้ บนฐานพลับพลามีเสาหิน 8 ต้น ด้านข้างของอาคารมีระเบียงลักษณะเป็นห้องแคบยาวต่อเนื่องกัน มีมุขยื่นออกมา มีชาลาสำหรับขึ้นลงอยู่หน้ามุขรอบอาคาร 3 ด้าน อาคารนี้เดิมเรียกว่า โรงช้างเผือก แต่ในปัจจุบันเรียกว่า พลับพลา สันนิษฐานว่าเป็นพลับพลาเปลื้องเครื่องสำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูง ที่เป็นสถานที่ชะล้างทำความบริสุทธิ์ให้แก่ตนเองก่อนเข้าสู่ภายในปราสาทประธานที่อยู่บนเขา ปราสาทพนมรุ้งตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว คำว่า พนมรุ้ง ซึ่งเป็นนามเรียกขานภูเขาไฟและตัวปราสาทนี้เป็นนามที่มีมานานแล้ว ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีอายุการก่อสร้างและใช้เป็นเทวสถานต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ลงมาถึงพุทธศตวรรษที่ 17 จนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 ทางเดินตามแผนผังหมายเลข 3 สังเกตว่าที่ทางเดินตามแผนผังหมายเลข 3 เป็นทางเดินที่ต่อลงมาจากชาลารูปกากบาททอดไปยังสะพานนาคราช ปูพื้นด้วยศิลาแลง ขอบเป็นหินทราย ทั้งสองข้างประดับด้วยเสาหินทรายมียอดคล้ายดอกบัวตูมเรียกว่าเสานางเรียง จำนวนข้างละ 35 ต้น รวม 70 ต้น องค์ประกอบและแผนผังของปราสาทพนมรุ้งได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็นแนวเส้นตรง และเน้นความสำคัญเข้าหาจุดศูนย์กลาง นั่นคือปราสาทประธานซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม หันมานับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงคงได้รับการดัดแปลงเป็นพุทธศาสนาลัทธิมหายานในช่วงนั้น ปราสาทหินพนมรุ้งสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาฮินดูลัทธิไศวะ ซึ่งนับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด ดังนั้นเขาพนมรุ้งจึงเปรียบเสมือนเขาไกรลาสที่ประทับของพระศิวะ สะพานนาคราชชั้นที่ 1 ตามแผนผังหมายเลข 4 เป็นจุดเชื่อมทางเดินกับบันไดทางขึ้นปราสาทและทางลงสู่สระน้ำปากปล่องภูเขาไฟ ก่อด้วยหินทรายซึ่งผังเป็นรูปกากบาทยกพื้นสูงจากถนน 1.50 เมตร ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาค 5 เศียร หันหน้าออกแผ่พังพานทั้ง 4 ทิศ พญานาคมีรัศมีเป็นแผ่นสลักลายในแนวนอนอันเป็นลักษณะศิลปกรรมแบบนครวัด สะพานนาคราชนี้ ตามความเชื่อเป็นทางที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับเทพเจ้า โดยพญานาคเป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งกำหนดอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 สิ่งที่น่าสนใจคือ จุดกึ่งกลางสะพาน มีภาพจำหลักรูปดอกบัว 8 กลีบ หมายถึงทิศทั้ง 8 แห่งจักรวาล และเทพประจำทิศทั้ง 8 ในศาสนาฮินดู หรือเป็นยันต์สำหรับบวงสรวง สะพานนาคราชมีความหมายเชิงสัญลักษณ์เปรียบเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ หรือเป็นจุดกำหนดที่ผู้มาทำการบูชาเทพเจ้าตั้งจิตอธิษฐานขอความคุ้มครองจากเทพเจ้า หรือขอพรอันศักดิ์สิทธิ์ จากสะพานนาคราชชั้นที่ 1 มีบันไดจำนวน 52 ขั้นขึ้นไปยังลานบนยอดเขา มีชานพัก 5 ชั้น ทั้งสองข้างของชานพักมีเสาหินทรายเจาะรูตรงกลาง สันนิษฐานว่าใช้สำหรับปักเสาธงในเวลาที่มีเทศกาลในพิธีกรรมต่างๆ หรืออาจเป็นเสาโคมไฟ สะพานนาคราชชั้นที่ 1 ตามแผนผังหมายเลข 4 เป็นจุดเชื่อมทางดำเนินกับบันไดทางขึ้นปราสาทและทางลงสู่สระน้ำปากปล่องภูเขาไฟ ก่อด้วยหินทรายผังเป็นรูปกากบาท ราวสะพานทำเป็นลำตัวพญานาคห้าเศียร หันหน้าออกแผ่พังพานทั้ง 4 ทิศ พญานาคมีรัศมีเป็นแผ่นสลักลายในแนวนอน เพราะในความเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลของฮินดู เพราะสะพานคือการเชื่อมระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า เป็นความเชื่อของเอเชียตะวันออกและอินเดียมักจะเปรียบสายรุ้งกับงู(นาค) หลากสี ที่ชูหัวไปยังท้องฟ้าหรือกำลังดื่มน้ำจากทะเล อันเป็นลักษณะศิลปกรรมแบบนครวัด อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 ปราสาทหินพนมรุ้ง ประกอบไปด้วยโบราณสถานสำคัญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ 200 เมตรจากพื้นราบ หรือประมาณ 350 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางค่ะ ปัจจุบันปราสาทหินพนมรุ้งกำลังอยู่ในเกณฑ์กำลังพิจารณาเป็นมรดกโลก เฉกเช่นเดียวกับ ปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคา ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นหนึ่งในปราสาทหินขอมของไทยที่มีชื่อเสียงมากที่สุด นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ ตลอดทั้งยังเป็นภาพพื้นหลังตราสัญลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลานด้านหน้าปราสาทตามแผนผังหมายเลข 6 จากชานบันไดชั้นที่ 5 เป็นลานโล่งกว้างอยู่ด้านหน้าระเบียงคด ลานดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานซึ่งเกิดจากการถมปรับระดับพื้นที่ภูเขาเพื่อประโยชน์ใช้สอย ลักษณะเป็นยกพื้นเตี้ยๆ เป็นรูปกากบาทก่อด้วยศิลาแลง แผนผังรูปกากบาทนี้ทำให้เกิดช่องทางและช่องสี่เหลี่ยมคล้ายสระเล็กๆ 4 ช่อง จากจารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลและรวบรวมมาได้ความว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวสถานถวายพระศิวะที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรกๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิธรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด ก็ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง สะพานนาคราชชั้นที่ 2 ตามแผนผังหมายเลข 7 จะเป็นสะพานนาคราช โดยช่วงนี้มีผังและรูปแบบเหมือนกับสะพานนาคราชชั้นที่ 1 แต่มีลักษณะขนาดเล็กย่อมกว่า แต่ว่าตรงกลางของสะพานมีภาพสลักรูปดอกบัวบาน 8 กลีบเช่นเดียวกัน ภาพสลักหน้าบันซุ้มประตูทิศตะวันออก "โยคะทักษิณามูรติ" อ่านจากป้ายที่ฐานของหน้าบันเขียนกำกับไว้ว่า โยคะทักษิณามูรติ หมายถึง พระศิวะในภาคของมหาโยคีผู้ยิ่งใหญ่ถือประคำในพระหัตถ์ขวา ประทับนั่งลลิตาสนะ (ห้อยพระบาท) แวดล้อมด้วยบริวาร พระองค์สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยเวทมนต์คาถา สำหรับความเป็นมา และลำดับสมัยแห่งการก่อสร้างปราสาทนี้ เมื่อศึกษาจากรูปแบบทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมตามแนวทางของวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ ประกอบกับการศึกษา วิเคราะห์ ตีความ ข้อความที่ปรากฎในศิลาจารึกซึ่งพบบริเวณปราสาทพนมรุ้ง ในเบื้องต้นพบว่า บรรดาสิ่งก่อสร้าง ที่ปรากฏเรียงรายอยู่บนเขาพนมรุ้ง มิได้สร้างขึ้นในสมัยเดียวกันทั้งหมด และจากรูปแบบลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม อาจกำหนดอายุ ปราสาท สิ่งก่อสร้างหลักแรกได้ว่า อยู่ในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 15 แต่ไม่ว่าปราสาทหลังใหญ่บนเขาพนมรุ้งจะมีการวางรากฐาน หรือริเริ่มก่อสร้างในสมัยก่อนหน้านี้หรือไม่ก็ตาม ส่วนสำคัญของปราสาทหรือการสร้างปราสาทให้สมบูรณ์พอที่จะสถาปานาขึ้นเป็นเทวสถานได้นั้น น่าจะอยู่ในรัชสมัยของนเรนทราทิตย์แห่งราชวงศ์มิธรปุระ ผู้เป็นที่รักนับถือในหมู่ชนและวงศ์ญาติ ซุ้มประตูและระเบียงชั้นใน ตามแผนผังหมายเลข 9 ซึ่งจะก่อนถึงตัวปราสาทประธาน มีระเบียงคดล้อมเป็นกำแพงชั้นในก่อเป็นห้องยาวต่อเนื่องกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ไม่สามารถเดินทะลุถึงกันได้เพราะมีผนังกั้นเป็นช่วงๆ กึ่งกลางระเบียงคด มีซุ้มประตูหรือโคปุระทั้ง 4 ด้าน ผนังด้านนอกมีหน้าต่างหลอกทั้ง 4 ด้าน หน้าบันของระเบียงคดด้านทิศตะวันออกเป็นภาพฤาษี สันนิษฐานว่า หมายถึงพระศิวะในปางผู้รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาจหมายรวมถึง นเรนทราทิตย์ผู้สร้างปราสาทพนมรุ้งแห่งนี้ด้วยนะคะ สะพานนาคราชชั้นที่ 3 ตามแผนผังหมายเลข 10 สะพานนาคราชชั้นนี้เชื่อมระหว่างซุ้มประตูกลางของระเบียงคดชั้นในกับวิหารหน้าปราสาทประธาน มีลักษณะเหมือนกับสะพานนาคราชชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 แต่เล็กกว่า นี่คือปราสาทประธาน ตามหมายเลข 11 ตั้งอยู่เป็นศูนย์กลางศาสนสถาน สร้างด้วยศิลาทรายสีชมพูมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อเก็จ มีมุขยื่นออกมา 3 ด้าน ทางด้านหน้าทิศตะวันออกมีห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียกว่า วิหาร มีฉนวนเชื่อมระหว่างปราสาทประธานกับวิหาร ปราสาทประธานองค์นี้เชื่อกันว่าสร้างโดยท่านนเรนทราทิตย์ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในเรือนธาตุมีห้อง "ครรภคฤหะ" เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุด เชื่อว่าน่าจะเป็นศิวลึงค์ ซึ่งแทนองค์พระศิวะ แผนผังของปราสาทประธานเหมือนกันกับแผนผังของปราสาทพิมาย เฉพาะองค์ปราสาท ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน กล่าวคือ ส่วนฐาน เรือนธาตุ และส่วนยอด ส่วนฐาน ประกอบด้วยฐานเขียงและฐานปัทม์ หรือฐานบัวเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นสลักลวดลายต่างๆ เช่น ลายกลีบบัว ลายประจำยาม เรือนธาตุ คือส่วนที่อยู่ถัดขึ้นไปจากฐาน เป็นบริเวณที่เข้าไปภายในได้ ห้องภายในนี้ถือเป็นห้องที่สำคัญที่สุด เรียกว่าห้อง ครรภคฤหะ (garbhagrha) เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุดของศาสนสถาน ส่วนยอดหรือเรือนยอดทำเป็นชั้นๆ ( ชั้นเชิงบาตร ) ลดหลั่นกันขึ้นไป 5 ชั้น ส่วนยอดสลักเป็นรูปดอกบัวรองรับนภศูลที่ชั้นเชิงบาตรแต่ละชั้น ประกอบด้วยซุ้มและกลีบขนุน จำหลักเป็นรูปเศียรนาคฤษี (โยคี ) เทพสตรี และเทพประจำทิศต่างๆ ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงท่อโสมสูตร คือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวลึงค์ และท่อโสมสูตรเป็นร่องน้ำมนต์ที่ไหลออกไปยังด้านหลังทางทิศใต้ของปราสาทประธาน เพื่อให้ผู้คนนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปใช้ต่อไป โคนนทิ เป็นประติมากรรมวัว ตั้งอยู่บริเวณศูนย์กลางของปราสาทประธาน เคียงข้างกับศิวลึงค์ โคนนทิ คือ พาหนะของพระศิวะ โคนนทิเป็นบุตรของพระกัศยปกับโคสุรภี พระศิวะเห็นโคสุรภีก็อยากจะได้เป็นบริวารแต่รังเกียจว่าเป็นเพศเมีย พระกัศยปจึงอาสาผสมพันธุ์กับโคสุรภี จึงให้กำเนิดเป็นวัวเพศผู้ชื่อว่า "นนทิ" แล้วถวายเป็นบริวารของพระศิวะ ทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้าประตูวิมานบนเขาไกรลาสด้านทิศตะวันออกคู่กับมหากาล และทำหน้าที่เป็นเทพพาหนะเมื่อพระศิวะเสด็จออกภายนอก กรมศิลปากรได้ทำการซ่อมแซมและบูรณะปราสาทหินพนมรุ้ง โดยวิธีอนัสติโลซิส (ANASTYLOSIS) กล่าวคือ เป็นการรื้อของเดิมลงมาโดยทำรหัสไว้จากนั้นทำฐานใหม่ให้แข็งแรง แล้วนำชิ้นส่วนที่รื้อรวมทั้งที่พังลงมากลับไปก่อใหม่ที่เดิมโดยใช้วิธีการสมัยใหม่ช่วย สุดยอดเลยค่ะ ที่ปราสาทพนมรุ้งนี้มีการจำหลักภาพฤษี หรือนักบวช ประดับตามส่วนต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยมีอิริยาบถที่หลากหลายแสดงถึงการให้ความสำคัญกับฤๅษีเป็นพิเศษ เช่นภาพสลักฤๅษีท่าโยคะอาสนะประครองอัญชลี บุคคลถวายสิ่งของแก่ฤๅษี การศึกษาคัมภีร์บนหน้าชั้น คำว่า "ทับหลัง" หมายถึงแผ่นศิลา หรือแผ่นหินที่วางทับอยู่บริเวณเหนือกรอบประตู จึงเรียกว่าทับหลัง ส่วนมากจะมีการสลัก หรือจำหลักเป็นรูปภาพ หรือลวดลายต่างๆตามคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่วางอยู่เหนือประตูปราสาทประธานนั้นจะมี 3 ชิ้น เจอแล้ว 2 ชิ้น ยังขาดอยู่อีก 1 ชิ้น ภาพจึงยังไม่สมบูรณ์ สำหรับทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ นั่นคือภาพจำหลักพระนารายณ์บรรทมตะแคงขวา เหนือพระยาอนันตนาคราช ซึ่งทอดตัวอยู่เหนือมังกรอีกต่อหนึ่ง ท่ามกลางเกษียรสมุทร มีก้านดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภีของพระองค์ มีพระพรหมประอยู่เหนือดอก การบรรทมสินธุ์ของพระนารายณ์แต่ละครั้งนั้นจะเกี่ยวกับยุคเวลาในแต่ละกัลป์ เมื่อสิ้นกัลป์พระพรหมจะบังเกิดบนดอกบัวที่ออกมาจากพระนาภีของพระนารายณ์ พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์ และสิ่งต่าง ๆ ต่อไป ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ อยู่ที่บริเวณหน้าบันด้านทิศตะวันออกของมณฑปปราสาทประธาน เป็นภาพจำหลักพระศิวะฟ้อนรำ เป็นพระศิวะเศียรเดียว 10 กร อยู่ในท่าฟ้อนรำ แวดล้อมด้วย พระคเณศ พระวิษณุ พระพรหม และเทวสตรี 2 องค์ ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู จังหวะการ่ายรำของพระศิวะอาจะบันดาลให้เกิดผลดีและผลร้ายแก่โลกได้ ดังนั้น จึงจำต้องสวดอ้อนวอนให้พระองค์ฟ้อนรำในจังหวะที่พอดีโลกจึงจะสงบ หากพระองค์โกรธกริ้วฟ้อนรำในจังหวะที่รุนแรงจะนำมาซึ่งภัยพิบัติต่าง ๆ ต้องขอขอบคุณน้องเดือน ชยาณิษฐ์ ธนโชคสิริธานนท์ เจ้าหน้าที่นำชมอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งจ.บุรีรัมย์ อธิบายได้อย่างละเอียดค่ะ ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง นับเป็นโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ได้ถูกโจรกรรมไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2503 และถูกนำไปจัดแสดงอยู่ที่สถาบันศิลปะชิคาโก สหรัฐอเมริกา แต่ในที่สุดชาวไทยนำโดยรัฐบาลและหม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ก็ได้ทับหลังชิ้นนี้กลับคืนมาทันวันพิธีเปิดอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งพอดี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 ภาพในวรรณคดีอินเดียเรื่องรามายณะ (รามเกียรติ์) มหาภารตะ ภาพพิธีกรรมต่างๆ ตลอดทั้งภาพฤาษี ภาพฤาษีโยคีห้าตน (Five Yogis) ภาพโยคีห้าตนทีทับหลังชิ้นนี้เป็นภาพสลักเกี่ยวกับพระศิวะในนิกายปศุปตะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิไศวนิกาย โยคีคนกลางน่าจะหมายถึงพระศิวะอวตารมาเป็นนาคุลิสะผู้ก่อตั้งนิกายปศุปตะ เข้าใจกันว่าหมายถึง ท่านนเรนทราทิพย์ผู้สร้างปราสาทพนมรุ้ง ส่วนโยคี 4 คนที่เหลือคือลูกศิษย์ทั้งสี่ในนิกายปศุปตะ จุดเด่นของปราสาทแพนมรุ้งแห่งนี้เป็นที่รู้จักอย่างมากมาย ก็เพราะที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกับช่องประตู 15 ช่อง และส่องลำแสงเข้าไปตามทางยาว 75 เมตร กระทบกับศิวลึงค์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางทำให้ดูเรือง อร่าม อย่างน่าเกรงขาม ที่ต้องห้ามพลาดมาชม เรียกว่าในหนึ่งปีจะมีเพียง 4 ห้วงเวลาเท่านั้น ที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือตก ตรงลอดช่องประตูทั้ง 15 ช่อง ได้ตรงอย่างน่าพิศวง ที่พระอาทิตย์จะขึ้นลอดช่องประตูในวันที่ 3-5 เมษายนและวันที่ิ 8-10 กันยายน และจะเห็นพระอาทิตย์ตกลอดช่องประตูในวันที่ 6-8 มีนาคมและวันที่ 6-8 ตุลาคมค่ะ ปราสาทอิฐ 2 หลัง ตามแผนผังหมายเลข 12 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีฐานอาคารก่ออิฐอยู่ 2 หลัง สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 15 นับเป็นสถาปัตยกรรมที่มีอายุที่เก่าที่สุดบนปราสาทพนมรุ้ง ปรางค์น้อย ปรางค์น้อย ตามแผนผังหมายเลข 13 ทางเดินด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน มีปราสาทอิฐสององค์และปรางค์น้อย จากหลักฐานทาง ด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม กล่าวไว้ว่าปราสาททั้งสามหลังได้สร้างขึ้นก่อนปราสาทประธาน ประมาณราวพุทธศตวรรษที่ 15 และ 16 ตามลำดับ บรรณาลัย ตามแผนผังหมายเลข 14 บรรณาลัย Bannalai (Library) เป็นส่วนหนึ่งของปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าสร้างด้วยศิลาแลง มีประตูทางเข้าเฉพาะด้านหน้าทางเดียว หลังคาทำเป็นรูปประทุนเรือ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทประธาน บรรณาลัย คือห้องสมุดที่เก็บคัมภีร์หรือหนังสือสำคัญทางศาสนา กำหนดอายุสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ตรงกับศิลปะแบบบายน ในรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชองค์สุดท้ายของอาณาจักรกัมพูชา อาคารก่อสร้างด้วยศิลาแดง ตามแผนผังหมายเลข 15 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยนผืนผ้า สร้างด้วยศิลาแลง มีประตูทางเข้าทางด้านทิศใต้ทางเดียว หลังคาชำรุดพังทลายไม่มีหลังคา ได้มาปราสาทพนมรุ้งในคราวนี้อุ้มมีความสุขมากเลยค่ะ ชื่นชอบชื่นชมภูมิปัญญาของคนที่สรรสร้างศรัทธาความเชื่ออันยิ่งใหญ่ กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์ปราสาทพนมรุ้ง โดยประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทพนมรุ้งในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ตอนที่ จค วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2514 2531 ต่อมาได้ประกาศขอบเขตโบราณสถาน เนื้อที่ 451 ไร่ 11 ตารางวา ดอกไม้ประจำจังหวัดบุรีรัมย์คือ : ดอกสุพรรณิการ์ ชื่อสามัญ Yellow Cotton Tree ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cochlospermum regium (Mart. & Schrank) Pilg ดอกสุพรรณิการ์มีชื่อเรียกแตกต่างไปจากภูมิภาค เรียกฝ้ายคำ (ในภาคเหนือ), หรือสุพรรณิการ์ (ในภาคกลาง) ลักษณะทั่วไป : ต้นสูง 715 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดค่อนข้างกลม ใบเดี่ยว รูปหัวใจหรือทรงกลม ใบจักเป็นแฉกแหลมลึก 35 แฉก ก้านใบยาวสีแดงอมน้ำตาล ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง สีเหลือง ออกดอก : ช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด ปักชำ ดินที่เหมาะสม ดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย อากาศเย็น แสงแดดจัด ถิ่นกำเนิด : อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด BLOG หน้า : ตอนที่ 3 ตะลอนไปดูที่มาที่ไปของผ้าภูอัคนี จ.บุรีรัมย์ค่ะVIDEO ขอขอบคุณ โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย BG : คุณเนยสีฟ้า / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า / แบรนเนอร์ : คุณ oranuch_sri ขอขอบคุณ : ข้อมูลหลากหลายเล่มหลากหลายเวป อุ้มกราบขอบพระคุณนะคะ เพลง : กันตรึมตำนานอีสานใต้ อัลบั้ม กันตรึมพันล้าน / แสดง ณ ปราสาทเมืองต่ำ จ.บุรีรัมย์
Create Date : 12 มีนาคม 2561
Last Update : 22 เมษายน 2564 1:01:07 น.
44 comments
Counter : 4863 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96 , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณวลีลักษณา , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณกะว่าก๋า , คุณmambymam , คุณหอมกร , คุณkae+aoe , คุณจารุพิชญ์ , คุณThe Kop Civil , คุณอาคุงกล่อง , คุณSai Eeuu , คุณtuk-tuk@korat , คุณข้ามขอบฟ้า , คุณInsignia_Museum , คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน , คุณทนายอ้วน , คุณเกศสุริยง , คุณนกสีเทา , คุณNoppamas Bee , คุณSertPhoto , คุณเจ้าการะเกด , คุณเจ้าหญิงไอดิน , คุณสองแผ่นดิน , คุณhaiku , คุณtoor36 , คุณพันคม , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณภาวิดา คนบ้านป่า , คุณAppleWi , คุณnewyorknurse , คุณล้งเล้งลัลล้า , คุณALDI , คุณSweet_pills
โดย: Kavanich96 วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:3:11:21 น.
โดย: วลีลักษณา วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:5:38:47 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:6:36:21 น.
โดย: mambymam วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:7:22:03 น.
โดย: หอมกร วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:7:43:27 น.
โดย: หอมกร วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:9:51:54 น.
โดย: จารุพิชญ์ วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:10:06:44 น.
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:11:47:50 น.
โดย: ก้อนเงิน วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:14:09:04 น.
โดย: Sai Eeuu วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:17:19:05 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:9:47:29 น.
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:9:47:39 น.
โดย: นกสีเทา วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:20:14:41 น.
โดย: จันทร์ใส วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:20:22:32 น.
โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:20:25:10 น.
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:20:33:53 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:22:56:04 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:23:07:11 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 มีนาคม 2561 เวลา:23:15:37 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:6:37:51 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:8:23:47 น.
โดย: ก้อนเงิน วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:9:40:36 น.
โดย: พันคม วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:15:09:35 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:19:56:34 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:21:28:41 น.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 14 มีนาคม 2561 เวลา:23:03:06 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:7:10:50 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:9:52:47 น.
โดย: mambymam วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:10:17:56 น.
โดย: หอมกร วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:10:44:13 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:11:46:54 น.
โดย: วลีลักษณา วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:19:14:04 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:21:41:25 น.
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 15 มีนาคม 2561 เวลา:21:53:18 น.
โดย: ON THE WAY with (MyEos50 ) วันที่: 17 เมษายน 2561 เวลา:12:09:30 น.