- ตลุยบูร์โกญ ๔ - จิบไวน์แบบมาราธอน

ตลุยบูร์โกญ ๔ - จิบไวน์แบบมาราธอน

คลิกตามไปอ่านความเดิมตอนที่แล้ว --> - ทำความรู้จักไวน์บูร์โกญ กับ Domaine Leflaive





     หลังจากฟังคำบรรยายทั้งนอกและในร่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับเข้าอาคารที่ทำการของ Table (โต๊ะอาหาร) และ Maison (บ้านพัก) ของ โดเมน Olivier Leflaive ที่จตุรัสโมนูมองต์ (Momument)กลางหมู่บ้านปูลิญนี มงต์ทราเชต์ เพื่อเข้าร่วมรับประสบการณ์กับกิจกรรมชิมไวน์อันเลื่องลือของที่นี่

     การจิบไวน์จัดขึ้นในห้องที่ตั้งโต๊ะอาหารหน้าตาคล้ายๆร้านอาหารทั่วไป เมื่อเราไปถึงมีคนนั่งตามโต๊ะแล้วครึ่งห้อง บนโต๊ะอาหารหน้าเก้าอี้ของแต่ละคนจะมีแก้วไวน์วางอยู่คนละ 3 ใบ พร้อมแก้วป้อมๆแบบแก้วบรั่นดีอีกหนึ่งใบ (แก้วรูปร่างแบบนี้ ที่แคว้นบูร์โกญเขาเอาไว้ใส่น้ำดื่ม) มีจานพิมพ์ลายเป็นรูปจุกค๊อกประทับชื่อ Olivier Leflaive รอบๆเป็นชื่อโดแมนและพันธุ์ไวน์ต่างๆในบูร์โกญด้วยสีน้ำเงิน

     นอกจากนั้นก็มีแผ่นกระดาษขนาดเอสี่หนึ่งใบวางอยู่เพื่อแจ้งรายการเมนูอาหาร และรายการไวน์ที่จะเสิร์ฟให้ชิมกันในมื้อนี้จำนวน 14 รายการ ไวน์ทั้งหมดเป็นไวน์ที่คุณโอลิวิเยร์ผลิตทั้งสิ้น ส่วนใหญ่เป็นไวน์ขาว (11 ชนิด) ส่วนไวน์แดงมีแค่ 3 ชนิด

     อุ่นเครื่อง เริ่มต้นด้วยไวน์ขาวสามชนิด อะลิโกเต้ (Bourgogne Aligoté)ออกเปรี้ยวๆสำหรับผสมกับครีมผลไม้เป็นเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย ต่อด้วยชาบลิส (Chablis) ไวน์ขาวที่ให้รสหวานสดชื่นแบบตรงๆไม่ซับซ้อนมาก ให้เปรียบเทียบกับ แซ็งต์โตแบ็ง (Saint Aubin)ที่มีรสชาติกลมกล่อมซับซ้อนกว่า แต่สำหรับฉัน ฉันชอบความสดชื่นเรียบง่ายของชาบลิสมากกว่า ไวน์สามตัวนี้กินกับขนมอบจืดๆพองๆเหมือนขนมไข่นกกระทาทอดบ้านเรา


     ลำดับต่อไปถ้าจำไม่ผิดเป็น เป็นไวน์ซองต์เนต์ (Santenay) กับรูลยี่ (Rully) ไวน์สำหรับดื่มกับอาหารเรียกน้ำย่อยคอร์สแรก คือ แฮมก้อนใส่เจลลี่แปร์ซิล อาหารประจำแคว้น กับเนื้อบดแตรินที่ทางร้านทำเอง เข้าใจว่าไวน์สองตัวนี้สำหรับให้ชิมเปรียบเทียบไวน์แบบองุ่นเดี่ยวคือซองต์เนต์กับรุลยี่ ไวน์ผสมองุ่นสองชนิด และความแตกต่างเมื่อดื่มกับอาหาร

     ต่อไปเป็นการเปรียบเทียบไวน์ระดับที่ต่างกัน พื้นที่และปีที่ต่างกัน โดยให้ดื่มไวน์มงต์ทราเชต์ Montrachet ประเภทธรรมดาที่เรียกว่าวิลลาจ (Village) ก่อนสามชนิด แต่ละชนิดปลูกในพื้นที่ต่างกันบ้าง ในปีที่ต่างกันบ้าง ดื่มกับไก่อบ กินเคียงกับข้าวสวยที่หุงกับก้อนซุปไก่ รสชาติเลยออกมาคล้ายๆกับข้าวมันไก่

     หลังจากนั้นคือไฮไลท์ของรายการ คือ มงต์ทราเชต์ กรองด์ครู (Grand Cru) สามตัว เพื่อเปรียบเทียบกับแบบวิลลาจ และเปรียบเทียบกันเองในแต่ละชนิดและปีที่แตกต่างกัน

     การจัดระดับกรองครูที่บูร์โกญจะไม่เหมือนกับที่บอร์โดซ์ การจัดกรองด์ครูที่บอร์โดซ์จัดลำดับกันมาตั้งแต่ปี 1855 และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนของบูร์โกญจะมีองค์กรไวน์ในยุคหลังคอยกำหนดแบ่งตามพื้นที่ ส่วนใหญ่กรองด์ครูของบูรโกญจะอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดมากกว่า ซึ่งหมายถึงพื้นที่ที่อยู่ตามลาดเขาที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทำตามข้อกำหนดอื่นๆ ที่ฉันจำไม่ได้แล้ว ..แฮ่

     ระดับไวน์ที่ถัดลงมาจากกรองด์ครูคือ เพรอมิเยร์ครู (Premier Cru) เป็นไวน์ที่จัดว่าดี แต่ยังไม่ดีเท่ากรองด์ครู ลำดับสุดท้ายคือ วิลลาจ อันเป็นไวน์อื่นๆ ที่มีรสชาติเฉพาะตัว


     ตลอดทั้งรายการชิมไวน์นี้จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยแนะนำ อธิบายให้คอยสังเกตความแตกต่างของไวน์แต่ละตัว นอกจากนั้นยังมีการอธิบายถึงพัฒนาการด้านจุกค๊อก ซึ่งนับวันจะมีการเปลี่ยนมาใช้จุกพลาสติกมากขึ้น


     โดเมนเลอเฟรฟ เป็นโดเมนสมัยใหม่ที่ไม่ได้ยึดติดว่าจุกไม้ค๊อกตามธรรมเนียมปฏิบัติเดิมจะต้องดีกว่าจุกพลาสติกแบบไม่ลืมหูลืมตา ในขณะที่พวกโดเมนของไวน์ดังๆจะไม่ยอมเปลี่ยนจุกไม้ค๊อกเด็ดขาดเพื่อรักษาภาพลักษณ์ แม้ว่าจุกไม้ค๊อกที่ดูแลรักษาไม่ดีหรือคุณภาพเลวจะทำให้ไวน์เสียมากกว่าจุกพลาสติกก็ตาม

     อย่างไรก็ดี จุกพลาสติกที่กำลังเป็นที่นิยมในไวน์ของ "โลกใหม่" อย่างออสเตรเลียและอเมริกามีข้อเสียคืออากาศไม่สามารถผ่านได้เลย ไม่เหมาะกับไวน์ที่ต้องเก็บนานเป็นสิบๆปีพอๆกับจุกไม้ค๊อก ดังนั้นจึงมีการคิดค้นจุกลูกผสมระหว่างไม้ก๊อกกับพลาสติกขึ้นมา ที่นี่จะใช้จุกที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของไวน์ ถ้าเป็นไวน์ชั้นดีราคาแพงเก็บนานๆ จะใช้จุกลูกผสมนี้ ถ้าเป็นไวน์แบบดื่มในเร็ววันจะใช้จุกพลาสติกหรือจุกไม้ค๊อกแล้วแต่ชนิดและราคาของไวน์



     กลับมาที่การชิมไวน์มาราธอนของเราต่อ -- เมื่อพระเอกคือไวน์ขาวมงต์ทราเชต์ กรองครู ออกโรงไปแล้ว ก็เหลือพระรองของที่นี่ คือ ไวน์แดง เสิร์ฟให้ดื่มแกล้มเนยแข็งอันเลื่องชื่อประจำแคว้นบูร์โกญ 5 ชนิด วินาทีนั้นจำไม่ได้แน่ชัดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เนยแข็งชื่ออะไรไม่เข้าหัวเลยสักนิด ส่วนไวน์พอจำได้ลางๆ คือ โวลเนย์ (Volnay) นุยต์ส์แซ็ง-จอร์จ (Nuits-Saint-Georges) กับอะไรอีกตัวนะ ป็อมมาร์ด์(Pommard)กระมัง (เดี๋ยวคืนนี้จะเช็คกับหวานใจอีกที)


     ปิดคอร์สด้วยน้ำเชื่อมผลไม้รสหวานจัดผลิตภัณฑ์ประจำแคว้น -- แหะๆ และที่คำบรรยายเรื่องรสชาติของไวน์ละเอียดน้อยลงทุกทีนั้น ก็ไม่ต้องประหลาดใจหรอกนะคะ เพราะปกติแล้วการชิมไวน์เนี่ย เขาจะมีถังรอถุยไวน์เอาไว้ข้างๆ เขาตั้งใจแค่ให้ชิมๆพอรู้รสชาติ พอถึงไวน์ลำดับหลังๆจะได้คงสติสัมปะชัญญะแยกแยะความแตกต่างได้

     แต่ไวน์กับคนอย่างดิฉัน เปรียบเหมือนช้างที่มีอ้อยเข้าปาก เข้าแล้วคายคืนน่ะหรือ



     ฝันไปเถอะฮ่ะ



ป.ล. ภาพประกอบสไลด์ตัวที่สอง เป็นเหตุการณ์หลังจากการชิมไวน์มาราธอน บ่ายนั้นอากาศดี ฟ้าเป็นสีครามสวยอย่างประหลาด ทั้งที่คืนก่อนฝนตกอากาศห่วยแตก หวานใจกับฉันเลยโดดขึ้นจิ๊บจิ๊บ เปิดหลังคา เปลี่ยนเป็นเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อไต่ไปบนทางดินขึ้นไปบนเนินเขาที่เขาใช้ปลูกองุ่น ก่อนจะเลยไปที่หมู่บ้าน โวลเนย์ (Volnay) เพื่อชิมไวน์ของผู้ผลิตคนอื่นอีกตัวสองตัว


--- กำลังเขียนอย่างขมักเขม้น ---

- เลาะไปในทุ่งไวน์ระดับโลก Domaine de la Romanée-Conti






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 22 เมษายน 2551
Last Update : 25 มกราคม 2552 14:51:08 น. 1 comments
Counter : 807 Pageviews.

 
ติดใจเรื่องภาพลักษณ์ของไวน์ในสายตาคนทั่วไปจังค่ะ ทั้งเรื่องสีของไวน์และจุกขวดไวน์ การเปลี่ยนแปลงภาพที่คนมีกับอะไรสักอย่างมักมีต้นทุนสูงและต้องใช้เวลาในการยอมรับยาวนาน เคยคิดจะทำอะไรกับไวน์มังคุดที่ระยองแต่พอนึกถึงการลงทุนในเรื่องโฆษณาประชาสัมพันธ์แล้ว ก็ถอดใจ สายป่านสั้นและบางเหลือเกิน
อยากไปชิมไวน์ด้วยจัง กลับมาเดินทางสายกลางแล้วนะคะ วันไหนผิดศีลไปข้อนึงก็เลยจัดการข้อที่เหลือไปด้วย วันนี้ก็อีกฆ่ามดไปเป็นร้อย เฮ้อ


โดย: Natpatcha IP: 125.24.85.114 วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:13:31:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.