BlogGang.com : : อาทิมา : เช่ารถขับเที่ยวกันเถอะ

จำนวนผู้โดยสาร : ขนาดของรถควรให้เหมาะกับจำนวนผู้โดยสาร เพราะการนั่งเบียดกันทำให้เที่ยวไม่สนุก ถ้ามีคนเยอะ อาจเช่ามากกว่า 1 คัน หรือถ้าขับรถตู้เป็นอาจเช่ารถตู้เลยค่ะ สำหรับผู้เขียนกล้าแค่รถแวนค่ะ นอกจากจำนวนผู้โดยสารแล้วควรคำนึงถึงสัมภาระที่จะนำไปด้วย เช่น ขนาดของกระเป๋าเดินทาง อาจต้องมีการจำกัดขนาดของกระเป๋าเพื่อให้สะดวกต่อการจัดวางในพื้นที่ท้ายรถ และอย่าลืมเผื่อสิ่งของที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อเพิ่มเติมด้วย
ราคา : ราคาของรถ ผันแปรจากหลายปัจจัย ปัจจัยแรกได้แก่ ขนาดของรถ ต่อมาคือจังหวัดหรือประเทศที่เช่ารถ ในประเทศไทย จังหวัดใหญ่ที่มีผู้ให้เช่ามากราย การแข่งขันสูง ค่าเช่ารถจะถูกกว่าจังหวัดที่มีผู้แข่งขันน้อยราย รุ่นของรถถ้าเป็นรถรุ่นใหม่ราคาจะแพงกว่ารถที่ตกรุ่น (รถตกรุ่นสภาพดี ราคาค่าเช่าจะถูกมากประหยัดได้เยอะ) ในต่างประเทศก็ผันแปรตามประเทศที่ไปและ option เพิ่มเติมด้วย เช่น รถลุยหิมะ รถลุยทะเลทราย เป็นต้น
สิ่งที่ต้องเตรียมไป : ที่สำคัญคือใบขับขี่ และบัตรประชาชน (กรณีเช่ารถในประเทศ) ใบขับชี่ระหว่างประเทศ และพาสปอร์ต (กรณีเช่ารถในต่างประเทศ) โดยทั่วไปบริษัทจะให้กรอกเอกสารสัญญา และถ่ายสำเนาบัตรต่างๆ ไว้ประกอบการเช่า (การทำเอกสารเหล่านี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที- 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกค้า จึงควรเผื่อเวลาไว้ด้วย)
การคิดราคา โดยทั่วไปจะคิดจากเวลาคือ 24 ชั่วโมงเป็น 1 วัน เช่น เราเช่ารถ 9.00 น. วันที่ 30 พ.ย. ถ้าคืนภายใน 9.00 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม จะคิดราคา 1 วัน ก่อนการเช่าสอบถามราคาและวิธีการคิดเงินให้ชัดเจนเสียก่อน เดี๋ยวจะเป็นปัญหาทีหลัง ถ้าเป็นบริษัทรถขนาดใหญ่ (มีเครือข่ายหลายจังหวัด หรือหลายประเทศ) จะกันวงเงินบัตรเครดิตไว้จำนวนหนึ่งเป็นหลักประกัน (แต่ละสถานที่จะไม่เท่ากัน ในประเทศอยู่ระหว่าง 3,000-10,000 บาทขึ้นอยู่กับประเภทของรถ) บริษัทขนาดเล็ก จะยึดเงินสดเป็นประกันไว้จำนวนหนึ่ง (แต่ละที่ไม่เท่ากัน) เมื่อนำรถกลับมาคืนจะคืนวงเงินบัตรเครดิต หรือคืนเงินสดที่ยึดไว้เป็นประกันให้ ดังนั้นอย่าลืมคิดวงเงินในบัตรเครดิต หรือพกเงินสดเผื่อไว้ด้วย มิฉะนั้นอาจไม่มีเงินใช้ได้
การประกันภัย : รถยนต์ให้เช่าจะมีประกันตัวรถ และ พรบ. (ไม่รวมคนขับ) เอาไว้เป็นมาตรฐาน ถ้าผู้เช่าต้องการประกันชีวิตตนเองและผู้โดยสารเพิ่ม ก็จะต้องชำระเงินส่วนเกินเพิ่ม ขึ้นอยู่กับวงเงินประกันและจำนวนวันที่ต้องการ โดยทั่วไปก็หลักร้อย
ความรับผิดชอบต่อรถ : ผู้ขับมีความรับผิดชอบแค่ คืนกุญแจ และเติมน้ำม้นให้เต็มถังตอนนำมาคืนเท่านั้น (ถ้าไม่เต็มจะถูกปรับ) ไม่ว่ารถจะเกิดอุบัติเหตุแค่ไหน อย่างไร รถมีประกันอยู่แล้วเราไม่ต้องเสียเพิ่มแต่อย่างใด แต่เพื่อความสบายใจส่วนใหญ่ผู้ให้เช่าจะชี้ให้เราดูรอยตำหนิที่มีมาก่อน และไม่ค่อยสนใจอย่างอื่นนอกจากตอนนำมาคืนน้ำมันเต็มถังหรือไม่
เมื่อได้รับรถ : ควรตรวจสอบว่าน้ำมันเต็มถังหรือไม่ (ต้องเต็มถังตอนส่งมอบให้เรา) ตรวจสอบวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ (เผื่อใช้ไม่เป็น) เช่น GPS (บางที่คิดค่าเช่าเพิ่ม ในญี่ปุ่นเป็น option มากับรถ แต่ใช้งานยากเพราะหาภาษาอังกฤษไม่ค่อยเจอ) เข็มขัดนิรภัย การเลื่อนเบาะ เปิดฝากระโปรง ฝาถังน้ำมัน ฯลฯ ส่วนใหญ่จะมีคู่มือการใช้รถมาให้ด้วย รวมถึงคู่มือกฎจราจรเพื่อให้ทราบสัญลักษณ์ต่างๆ (กรณีต่างประเทศ) นอกจากนี้ควรตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ เช่น ไฟหน้า ไฟหลัง ไฟเบรค ไฟเลี้ยว แตร เป็นต้น บางประเทศการเช่ารถจะเหมาการ์ดทางด่วนมาด้วยในตัว (คล้ายๆ กับ easy pass) บ้านเรา และมีช่องเสียบจึงควรตรวจดูให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง เพราะถ้าออกเดินทางไปแล้วอาจไม่สะดวกในการสอบถาม
พึงระวังไว้เสมอว่า กฎจราจร มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการเดินทางร่วมกัน จึงควรศึกษากฎจราจร สัญลักษณ์จราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศ เพราะบางแห่งมีสัญลักษณ์บางอย่างที่มีความเฉพาะ และหลายประเทศจะใช้กล้องในการตรวจสอบผู้กระทำความผิด ความผิดเหล่านี้จะส่งตรวไปยังผู้ให้เช่า และตัดบัตรเครดิตเราทันที (ในประเทศที่ตัดวงเงินบัตรเครดิตเราไว้)

เท่านี้เราก็เช่ารถเที่ยวกันได้สนุกแล้วค่ะ อย่าลืมใบขับขี่และกฎจราจรนะคะ