รอยรัก ตำนานเลือด บทนำ
บทนำ ตำนานเจ้าชายกับหญิงสาว

ท้องฟ้าเหนือแผ่นดินประเทศวาเนเซียสดไสไร้เมฆ ไม่ชวนให้รู้สึกหดหู่เหมือนกับตัวเธอในอาทิตย์ก่อน อัญชลีแนบหน้าติดกระจกเครื่องบินที่กำลังจะจอดลงในประเทศที่เธอไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ในแผนที่โลก เบื้องล่างเป็นพื้นที่ราบที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวสด มันช่างดูแปลกตาและแตกต่างจากประเทศไทยที่เธอจากมาเสียเหลือเกิน

สาเหตุที่ทำให้หญิงสาวตีตั๋วเครื่องบินมาประเทศนี้อย่างกะทันหันโดยไม่บอกใคร คงเป็นเพราะเธอต้องการหนีเขาคนนั้น ผู้ชายที่หลอกลวงเธอมานานถึงสี่ปีเต็ม คนที่พร่ำบอกว่าความรักของเขานั้นมีแต่เธอ แต่ความจริงกลับเป็นคนที่มีเจ้าของ ซึ่งเธอเข้ามาแทรกในฐานะมือที่สาม และถ้าภรรยาของเขาไม่ออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง เธอคงเป็นคนโง่งมให้ผู้ชายคนนั้นหลอกต่อไป

อัญชลีถอนหายใจเฮือก พลางรู้สึกขอบคุณสิริรดา เพื่อนเรียนสมัยมัธยมที่โทรศัพท์ข้ามประเทศมาด้วยความคิดถึง และพอได้รู้เรื่องความรักที่คุดกุดของเพื่อนสาวก็เอ่ยปากชวนให้มาเที่ยวย้อมใจที่วาเนเซีย

สิริรดา บุญรัตน์ เป็นลูกสาวของท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศวาเนเซีย เพื่อนสาวของอัญชลีคนนี้เป็นสาวมั่นเกินร้อย จบรัฐศาสตร์การทูตและกำลังเรียนรู้งานจากท่านคมกริช ผู้เป็นบิดา ตรงกันข้ามกับเธอที่เป็นคนเรียบง่าย หน้าตาก็แสนธรรมดา ไม่สวยเด่นเหมือนเพื่อน ถ้าให้คนอื่นมาเปรียบเทียบ สิริรดาก็เป็นแสงสปอตไลท์ ส่วนอัญชลีเป็นเพียงเงามืดของจันทร์เดือนแรม

แม้จะโดนเปรียบเทียบว่าเป็นเงามืดของจันทร์เดือนแรม แต่หญิงสาวกลับชอบมัน และเห็นว่าเข้ากับตัวเองดี พอคิดได้อย่างนั้นเธอก็พอใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง ไม่ขวนขวายเสริมความงามเหมือนผู้หญิงคนอื่น

และเวลาไม่นานอัญชลีก็ลงมายืนเคว้งอยู่ข้างประตูทางออกของสนามบินกรุงรานอฟ หญิงสาวเหลียวซ้ายมองขวาหาเพื่อนสาวที่บอกว่าจะมารับด้วยตนเอง แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่เห็นแม้แต่เงา เธอหันหลังกลับเข้าไปด้านใน เพื่อนั่งรอคนมาสายที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร นิสัยเสียอันนี้ก็ไม่เคยถูกปรับแก้เสียที

กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ถูกลากไปตามแรงดึงของคนแรงน้อยที่ไม่ค่อยออกกำลัง อัญชลีขนของสำคัญมาเกือบหมด เธอเชื่อว่าตัวเองไม่กลับประเทศไทยในเร็ววันนี้แน่ ครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นอุปกรณ์ทำมาหากินที่กว่าจะผ่านด่านตรวจออกมาได้ก็เล่นเอาเหงื่อตก โชคดีที่มีใบรับรองของท่านเอกอัครราชทูตแนบมาพร้อมกับหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่ด่านตรวจจึงยอมปล่อยออกมา

ร่างบอบบางเดินตรงไปนั่งเก้าอี้รอพัก ซึ่งอีกด้านมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งไขว้ห้างอ่านหนังสือพ็อตเก็ตบุ๊คโดยไม่สนใจสิ่งรอบด้าน ดวงหน้าของเขาดูราบเรียบไร้อารมณ์ แต่ดวงตาหลังเลนส์แว่นนั้นทอประกายละมุนจนคนที่คิดว่าจะมองผ่านต้องหยุดชะงัก หญิงสาวเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างแช่มช้า แล้วพินิจเสี้ยวหน้าด้านข้างของหนุ่มแปลกหน้า

ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่สะดุดสายตาของอัญชลีไม่น้อย ทั้งที่ตัวเขาไม่ใช่คนรูปหล่อจนทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ต้องเหลียวมอง ออกจะดุชวนให้ขยาดเสียด้วยซ้ำ แถมหัวใจของหญิงสาวยังบอบช้ำจากความรัก เข็ดกับผู้ชายจนไม่อยากปรายสายตามองใคร แต่ทำไมหนอสายตาเธอจึงทรยศได้

คนหวาดกลัวในความรักถอนหายใจเฮือก ก่อนหยิบสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่ กับดินสอสเก็ตภาพออกมาวาดรูปแก้ความว้าวุ่นในจิตใจ แต่ดูท่าหญิงสาวต้องวุ่นวายใจหนักเข้าไปอีก เมื่อภาพที่ออกมากลับกลายเป็นผู้ชายที่นั่งอยู่อีกด้าน และเมื่อหันกลับไป ต้นแบบในสมุดภาพก็อันตรธานหายไปเสียแล้ว

“อัญ!”

เจ้าของชื่อหันไปมองต้นเสียงที่วิ่งมาแต่ไกล ร่างโปร่งระหงของสิริรดาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ ในมือถือเสื้อนอกที่เดาว่าเจ้าตัวต้องไปทำธุระที่ไหนก่อนมารับเพื่อนเป็นแน่ เพราะปกติลูกสาวท่านเอกอัครราชทูตคนนี้แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดจนแสบลิ้น ไม่นิยมใส่ชุดราบเรียบเป็นพิธีการอย่างที่เห็น

“โทษทีว่ะแก ฉันเพิ่งออกมาจากสถานทูต นี่เครื่องลงนานหรือยัง”

อัญชลียิ้มหวาน ก่อนจัดการเก็บอุปกรณ์ทำมาหากินลงกระเป๋า “ก็นานจนเราวาดรูปเสร็จพอดีเลยล่ะ”

สิริรดายิ้มแหยกับคำกล่าวของเพื่อน แต่จะให้โทษว่าเป็นความผิดของเธอฝ่ายเดียวไม่ได้ มันเป็นเพราะอีตาลูกชายท่านรัฐมนตรีกลาโหมจอมมารยา ที่แอบอ้างเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชวนเธอไปทานข้าว แถมยังขอต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่าย ไฉนเลยลูกสาวท่านเอกอัครราชทูตไทยจะปฏิเสธได้

“ไอ้นิสัยชอบสายนี่เราชินแล้วล่ะ” ประโยคถัดไปของอัญชลีทำให้หญิงสาวนึกสาปส่งจอมมารยาในใจ และมองรอยยิ้มพิมพ์ใจของเพื่อนที่ดูหมองลงไปมาก เธอเลยสาปอีกคนที่อยู่ข้ามทวีปไม่ให้มีความสุขไปตลอดชีวิต ต้องคอยถูกภรรยาระแวงร่ำไปให้สาสมกับที่ทำร้ายเพื่อนแสนดีของเธอ

“เดี๋ยวเราพาทัวร์วาเนเซียไถ่โทษแล้วกันนะ”

คนที่ถูกปล่อยให้รอนานเลิกคิ้วขึ้น พลางยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่นานทีจะมีให้เห็นสักหน “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง เธอชวนมาเที่ยวเองนี่นา”

“ได้ทีเชียวนะแก” สิริรดาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนเดินไปโอบบ่าเพื่อนสมัยเรียน แล้วพาเดินออกไปยังทางเดิมที่ตัวเองมา “จะให้ไถ่โทษเรื่องอะไรก็ว่ามา ส่วนเรื่องเที่ยวฉันจะพาแกไปให้ครบทุกที่เลย อีดามีเวลาว่างเพื่อเพื่อนคนนี้เสมออยู่แล้ว”



กว่าสิริรดาจะพาอัญชลีเที่ยววาเนเซียได้ก็หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ หญิงสาวเปิดประเดิมด้วยกรุงรานอฟอันเป็นเมืองหลวงใหญ่ เมืองนี้พัฒนาความเจริญไปหลายด้าน ตึกสูงเริ่มผุดขึ้นมามากขึ้นในสามถึงสี่ปีที่ผ่านมา แต่กระนั้นยังคงรักษาแหล่งวัฒนธรรมของประเทศ และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง

ภูมิประเทศและวัฒนธรรมที่แตกต่างของวาเนเซีย ทำให้ความหมองหม่นในใจของอัญชลีบรรเทาลงได้บ้าง หญิงสาวสนุกกับการนำเที่ยวของเพื่อนจนลืมวันเวลา พอมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในอามันโร สถานที่เที่ยวเมืองสุดท้ายที่สิริรดาจงใจเก็บไว้หลังสุด

“แกรู้ไหมอัญ กรุงอามันโรถือเป็นธีมหลักของวาเนเซียทีเดียว ถ้ามาประเทศนี้แล้วไม่แวะที่เมืองนี้ ถือว่ามาไม่ถึง” ลูกสาวท่านเอกอัครราชทูตที่เปลี่ยนอาชีพมาเป็นไกด์จำเป็นเริ่มอินกับบทบาท แล้วสาธยายต่อ “ที่นี่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอดีตเมืองหลวงเก่า หรือตำนานของราชากระหายเลือด นั่นไง ปราสาทเลมกินส์ ที่พำนักของจอมโฉด”

นิ้วเรียวชี้ไปยังปราสาทสีขาวหม่นบนยอดเขา โดยมีต้นสนผลัดใบยืนตระหง่านบดบังตัวปราสาทไปครึ่งหนึ่ง ลักษณะของมันเหมือนกับปราสาททรงยุโรปทั่วไป หลังคาปูด้วยกระเบื้องสีน้ำตาลแดง และทางด้านขวามีหอคอยสีดำทะมึนสูงโดดเด่น โดยมีตัวตึกสีเทาเชื่อมต่อกับปราสาทหลัก

มินิคูปเปอร์คันสีขาวหลังคาดำขับตรงไปตามเส้นทางที่ทอดตรงไปยังปราสาทใหญ่บนเนินเขา ก่อนจอดในลานจอดรถที่มีทั้งรถส่วนตัวและรถทัวร์สองชั้น นักท่องเที่ยวมากมายเดินผ่านไปมาจนดูวุ่นวาย ทำเอาคนไม่ชอบที่พลุกพล่านอยากกลับให้รู้แล้วรู้รอด

“เมื่อก่อนวาเนเซียไม่ได้เป็นประเทศแบบนี้หรอกนะ มันก็คล้ายบ้านเราในสมัยอยุธยานั่นแหละ แต่ละเมืองจะมีผู้ปกครองของตัวเอง ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขจนกระทั่งสนมของกษัตริย์แห่งอามันโรให้กำเนิดปีศาจร้ายออกมา”

“ปีศาจร้ายเชียวหรือ” อัญชลีย้อนถามอย่างไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรนัก ขนาดฮิตเลอร์ที่ว่าร้ายแล้วยังไม่เคยได้รับเกียรติว่าเป็นปีศาจเลย

“แกเอ๋ย ไม่รู้อะไร” สิริรดาจุ๊ปากกับท่าทางของเพื่อน แล้วสวมวิญญาณไกด์ต่อ “จอมโฉดคนนี้น่ะขึ้นปกครองโดยการสังหารราชินี และน้องชายต่างมารดาที่เป็นเจ้าของอันชอบธรรม แล้วหลังจากนั้นพี่แกก็บุกตะลุยตีเมืองรอบด้าน ชนิดที่ว่าพอแกย่างเท้าไปที่ไหน ที่นั่นมีแต่เลือดกับไฟ แถมยังปกครองด้วยวิธีโหดเหี้ยม ใครไม่ภักดีพ่อเล่นตัดหัวเสียบประจาน เด็กยังไม่เว้น”

ไกด์จำเป็นพาลูกทัวร์ของตัวเองไปซื้อบัตรเข้าปราสาท แล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างคนรู้ที่ทาง อัญชลีมองดูการตกแต่งภายในและโทนสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยนผิดกับประวัติเจ้าของปราสาท ยิ่งสิริรดาพาเดินเที่ยวไปทั่ว แล้วได้เห็นสวนกว้างเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ ตรงกลางมีโดมสีชมพูอ่อนหลังใหญ่เป็นศาลาพัก ลานน้ำพุมีการแกะสลักบนขอบบ่อเป็นรูปเทพยดาอย่างประณีต หญิงสาวจึงยิ่งสงสัยว่าคนโหดร้ายในตำนานพักอยู่ที่ปราสาทหลังนี้จริงหรือ

“ที่นี่สวยจังเลย” อัญชลีครางแผ่วเบากับความงดงามที่บรรจงสร้าง และก็ดังพอให้คนด้านข้างได้ยิน

“รัฐบาลพยายามรักษาปราสาทหลังนี้ไว้ให้คงรูปแบบเดิมมากที่สุด โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากเศรษฐีหนุ่มหน้าใหม่เชื้อสายวาเนเซีย มีคนลือว่าเขาเป็นเชื้อสายของจอมโฉดที่ลี้ภัยไปพำนักอยู่นอกประเทศเมื่อหลายร้อยปีก่อน”

“แล้วเขาจะโหดร้ายแบบบรรพบุรุษหรือเปล่านะ” หญิงสาวรำพึงกับตัวเอง พลางทอดสายตามองผืนป่าสนเมื่อเพื่อนพาขึ้นมายังชั้นสูงสุดของหอคอยดำ

“อันนี้ฉันไม่รู้ว่ะ แต่ได้ยินมาว่าในแวดวงนักธุรกิจให้ฉายาเขาว่าวลาดที่ 2 นะ”

“วลาด...”

“เจ้าชายวลาด บรานส์ หรือต่อมาคือผู้ปกครองอามันโรที่ผู้คนเล่าขานว่าเขาเป็นราชากระหายเลือด” สิริรดาพูดพลางพาเพื่อนลงชั้นล่าง เพื่อไปยังร้านขายของที่ระลึกซึ่งเป็นตึกสร้างใหม่อยู่ใกล้ลานจอดรถ

“แต่มันไม่เข้ากันเลยนะ” อัญชลีเดินจับมือเพื่อนที่หันมาเลิกคิ้วถาม แล้วเอ่ยต่อ “คนโหดร้ายแบบนั้น แต่ดันมาอยู่ในปราสาทที่ให้บรรยากาศอบอุ่น มันใช่นิสัยของเขาแน่หรือ”

สิริรดาร้องอ้อขึ้นมาทันทีเมื่อเข้าใจคำถาม หญิงสาวหัวเราะในลำคอกับอารมณ์ศิลปินของเพื่อน เจ้าหล่อนคงรู้สึกขัดกับตำนานกระหายเลือดของวลาด บรานส์ที่ไม่น่าเป็นเจ้าของปราสาทอันงดงามหลังนี้ได้

“ความสวยงามนี้ต้องยกให้ท่านหญิงเซซิล ในประวัติศาสตร์เขียนเล่าว่าท่านถูกเจ้าชายวลาดฉุดมาอยู่ในอามันโรระหว่างเดินทางไปแต่งงานกับผู้ปกครองแห่งวินเดล คิดดูสิ เลวถึงขนาดแย่งว่าที่เมียชาวบ้าน ฉันล่ะเกลียดผู้ชายแบบนี้จริงเชียว”

หัวใจของอัญชลีเจ็บแปลบกับคำพูดของเพื่อน หญิงสาวมีประสบการณ์คล้ายกันนี้ และยังเป็นแผลสด พอเจอเรื่องทำนองเดียวกันกระทบ ลำคอก็จุกตันขึ้นมาจนพูดไม่ออก สิริรดาได้เห็นอาหารผิดปกติของคนข้างกายก็หน้าเจื่อน ดูเหมือนเธอจะพูดโดนแผลในใจของอีกฝ่ายจนเลือดไหลซิบเสียแล้ว

“โทษทีว่ะแก ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้เข้าเรื่องนั้น”

อัญชลีหันไปยิ้มเนือย พลางกระชับมือที่บีบย้ำแน่นอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไรหรอก เราคิดว่าโชคดีแล้วที่ได้รู้ความจริง รู้ก่อนที่จะจมปลักอยู่ในบ่อโคลนตัณหาของเขา” พูดได้แค่นั้น น้ำตาที่เคยสะกดกลั้นได้ทุกคราก็เอ่อออกมา “ดีแล้วที่ไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ผู้ชายคนนั้น”

“ถือว่าใช้กรรมเก่าแล้วกันนะแก บางทีฟ้าข้างบนอาจจะให้แกได้เจอคู่แท้ที่รอมานานก็ได้”

คำปลอบห้าวห้วนตามสไตล์ของสิริรดาเรียกเสียงหัวเราะจากคนอารมณ์ซึมเศร้า จนบรรยากาศหดหู่รอบกายกระเจิงหาย สองสาวมองสบตากันอย่างเพื่อนรู้ใจ แล้วเดินตรงไปยังร้านขายของที่ระลึกก่อนกลับบ้าน



อัญชลีกลับมาจากกรุงอามันโรได้สองวัน โดยพักอยู่ในบ้านรับรองของท่านเอกอัครราชทูตไทย ทุกคนที่นี่ต้อนรับเธออย่างอบอุ่นเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วยังให้ห้องว่างห้องหนึ่งไว้ใช้เป็นห้องวาดรูปสำหรับเธออีกด้วย แต่ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังหมกมุ่นอยู่กับของที่ระลึกจากอามันโร

หนังสือพ็อตเก็ตบุ๊คเล่มเล็กถูกพลิกอ่านเป็นรอบที่สี่ เนื้อหาข้างในบรรยายถึงประวัติที่เคยรุ่งเรืองของอามันโร ตำนานอันน่าหวาดหวั่นของวลาด บรานส์ และจุดสิ้นสุดความชั่วร้ายของราชากระหายเลือด

ร่างบอบบางทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่ม พลางมองหนังสือเล่มเล็กที่บอกรายละเอียดขัดแย้งกับความรู้สึกในใจของเธอ หากวลาด บรานส์ชั่วร้ายอย่างที่หนังสือว่า คนรอบข้างจะทนอยู่กับพระองค์ได้หรือ พวกเขาคงต้องอยู่อย่างหวาดหวั่น เมื่อไม่รู้ว่าตัวเองจะกลายเป็นที่รองรับความโหดร้ายของผู้ปกครองตอนไหน และยิ่งตัวท่านหญิงเซซิล ธิดาของเสนาบดีกลาโหมแห่งรานอฟ เธอคงทุกข์ทรมานมากที่ต้องอยู่กับคนแบบนั้น

แต่สิ่งที่อัญชลีเห็น มันดูผิดที่ผิดทางอย่างไรชอบกล

ปราสาทเลมกินส์อันเป็นที่พำนักของผู้ปกครองแห่งอามันโร ถ้ามองจากภายนอกในตอนกลางคืนอาจดูทะมึนน่ากลัว แต่หากลองเข้าไปดูภายในแล้วจะต้องแย้งทันทีว่าทำไมถึงช่างแตกต่างกันนัก ทุกอย่างในปราสาทหลังใหญ่ยังคงรูปแบบเดิมในอดีต ทั้งการจัดวางและการเลือกใช้โทนสี ซึ่งไกด์จำเป็นอย่างสิริรดากับหนังสือในมือของอัญชลี บอกเป็นเสียงเดียวว่ามาจากฝีมือของท่านหญิงเซซิล

ถ้าให้พวกศิลปินอารมณ์อ่อนไหวมาดูการตกแต่งของท่านหญิงเซซิล ร้อยทั้งร้อยต้องบอกว่ามันเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่มีความรัก แต่ละจุดในปราสาทมีจิตวิญญาณอันอบอุ่นของผู้สรรสร้าง มันช่างขัดแย้งกับประวัติศาสตร์ที่บอกว่าท่านหญิงอยู่อย่างทุกข์ระทม

อัญชลีถอนหายใจเฮือกอย่างไม่เข้าใจ ทำไมเธอต้องมาสนใจเรื่องนี้ด้วย แต่มันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าวลาด บรานส์เป็นคนอย่างไร ผู้ชายที่ทำให้ท่านหญิงเซซิลตกแต่งปราสาทเลมกินส์ด้วยความรักความโหยหา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ถูกทรมาน

เธออยากรู้นักว่า หัวใจอันดำมืดของพระองค์เคยมีพื้นที่ว่างสำหรับสิ่งอื่นบ้างไหม เคยมีสิ่งใดที่ทำให้ความกระหายเลือดอันบ้าคลั่งของพระองค์บรรเทาลง




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 20 มกราคม 2557 15:47:36 น.
Counter : 391 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฌา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
All Blog