พิมพ์เสน่หา 3 ตอนที่ ๓ หมาป่าที่ริอยากจะกินลูกแกะ แม่จ๋า เสียงเรียกขานที่คุ้นเคยดังมาจากหนึ่งในสองคนนั้น ปานแก้วก็จำเสียงของลูกสาวได้ เธอจึงถลาไปหาร่างเล็กที่เดินมาหาด้วยท่าทางกะโผลกกะเผลก ลูกจ๋า ร่างบอบบางถลาเข้าไปกอดร่างเล็กที่ส่ายหน้าซุกซบกับอกนุ่มนิ่มอย่างเคยชิน พลางเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือเรียวบางที่สัมผัสไปตามใบหน้าด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบข้อเท้า และเรียวขาเล็กของลูกที่บอกให้รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้น ขาหนูเป็นอะไรจ๊ะ ไอศวราอึกอักไม่ยอมตอบ พลางเหลือบตาไปทางตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอบาดเจ็บ ปานแก้วจึงหันไปมองบุคคลที่สามตามลูกสาว แล้วนี่ใครกันจ๊ะ อ่า...เขา...เขา... เด็กหญิงอ้ำอึ้งตอบไม่ถูก เพราะจนป่านนี้เด็กหญิงยังไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร ศศินครับ ชายหนุ่มแนะนำตัวเองเสียงนุ่ม พลางใช้สายตาสังเกตปานแก้วอย่างรวดเร็ว รูปหน้าของหญิงสาวดูคุ้นตาของเขาอย่างไรพิกล และด้วยความรู้สึกส่วนลึกที่บอกว่าเขาต้องเคยเจออีกฝ่ายมาก่อนแน่ทำให้อดใจเอ่ยปากถามออกไปไม่ได้ เอ่อ...พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าครับ ปานแก้วกะพริบตาไปมา ก่อนคลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่ทำท่าเหมือนจะรู้จักเธอ หากคุณอยู่แถวนี้ น่าจะคุ้นตาดิฉันบ้างหรอกค่ะ เพราะดิฉันนั่งร้อยมาลัยขายอยู่ตรงนี้มาหลายปีแล้ว ศศินขมวดคิ้วและทำท่าไม่อยากเชื่อเท่าไร แต่รอยยิ้มของปานแก้วที่ไม่ได้แสดงพิรุธอะไรออกมาให้เห็น ชายหนุ่มยอมล่าถอยไปอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก งั้นผมคงจำคนผิดไปเอง ต้องขอโทษด้วยนะครับ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หน้าของดิฉันออกจะโหลอยู่เสียหน่อย เลยทำให้ถูกทักผิดบ่อย คำพูดของปานแก้วออกจะเกินจริงไปเสียหน่อย เพราะรูปหน้าของหญิงสาวนั้นโดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์มากเกินกว่าจะมีภาพพิมพ์ซ้ำ อีกทั้งกิริยาวาจาของเธอดูเหมือนคนที่ถูกสอนมารยาทมาอย่างดี ซึ่งหากบอกว่าเธอเป็นลูกผู้ดีที่จับพลัดจับพลูมาตกยากจะน่าเชื่อถือกว่าการจะบอกว่า เธอเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัยมาแต่กำเนิดเสียอีก แล้วผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งด้วยนะครับ ศศินพูดพลางเหลือบสายตาไปยังร่างเล็กที่กอดเอวแม่แน่น ซึ่งพอเด็กหญิงได้สบกับดวงตาของคมวาวที่คล้ายจะส่งแววหยอกแหย่มาให้ เธอก็ย่นจมูกตอบกลับไป ชายหนุ่มจึงกระตุกยิ้มขึ้นมาวูบหนึ่งด้วยความขบขัน บังเอิญว่าผมเห็นลูกสาวคุณหกล้มตอนจะกลับมาที่นี่ และข้อเท้าของเธอบวมช้ำมาก ผมเลยตัดสินใจพาไปหาหมอก่อน โดยไม่มาบอกคุณแม่ให้หายห่วง ผมกลัวว่าแกจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้น่ะครับ ปานแก้วก้มลงมองลูกสาวที่หลบสายตาวูบอย่างคนมีชนักติดอยู่ที่หลัง ก่อนเบนสายตาไปมองศศินที่ยังยิ้มหน้าซื่อ ไม่มีพิรุธอะไรให้จับได้เหมือนลูกสาว หกล้มหน้ารถคุณหรือคะ คำถามของปานแก้วเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าทุกข์ที่เคยโดนไอศวราหลอกเอาเงินไป แต่จะว่าไป เขาก็ให้เงินส่วนนั้นไปด้วยความสนิทเสน่หาจึงไม่สามารถร้องบ่นอะไรได้ เปล่าครับ ล้มไกลกว่านั้นมากทีเดียว อย่างน้อยศศินก็ไม่ได้โกหกล่ะ ชายหนุ่มแค่พูดความจริงออกไปไม่หมดเท่านั้นเองว่า เด็กหญิงล้มลงต่อหน้าเขาถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกคือตอนดักสกัดหน้ารถ เพื่อแลกเงินค่าทำขวัญกับพวงมาลัยส่วนที่เหลือของวันนี้ ส่วนอีกครั้งคือตอนที่กำลังวิ่งหนีเขาด้วยท่าทางที่เดาได้ว่าคงกลัวโดนเอาเรื่อง อา...ถ้าอย่างนั้นก็ขอขอบคุณมากนะคะที่พาลูกสาวของดิฉันไปหาหมอ เอ่อ...แล้วค่ายา... ปานแก้วเริ่มมีท่าทีอึกอักเหมือนลูกสาว เธอรู้อยู่ว่าค่ายาของโรงพยาบาลไม่ได้ถูกเหมือนหมอตำแยที่เธอขอพึ่งพาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งในเรื่องตอนคลอดลูก หรือตอนที่เริ่มรู้ตัวว่าไม่สบาย และคงทำให้เงินที่ได้จากการขายพวงมาลัยในวันนี้หมดเกลี้ยงกระป๋องแน่ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ แต่... ถือเสียว่าผมชดใช้หนี้บางอย่างให้กับน้องเค้าแล้วกันครับ เนอะไอศวรา ถ้อยคำสุดท้ายนี้ ศศินหันไปถามคู่กรรมของตัวเองที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ และเด็กหญิงก็เลือกที่จะหลบอยู่ด้านหลังของปานแก้ว โดยไม่โต้ตอบอะไรกลับไป เอาเป็นว่า ผมขอตัวลากลับเลยนะครับ แล้วนี่... ศศินเว้นจังหวะการพูดไว้ พลางยื่นถุงใส่ยาให้ปานแก้วรับไป ยาพวกนี้ผมกำชับบอกไอศวราไว้แล้วว่ากินตอนไหนบ้าง แกเป็นเด็กฉลาด เข้าใจอะไรได้ดี เสียอย่างเดียวคือดื้อไปหน่อย ผมกลัวว่าแกคงไม่ยอมกินแน่ ยังไงก็ฝากคุณแม่ช่วยกำชับให้เขาทานยาให้หมดนะครับ ปานแก้วรับถุงยามาด้วยท่าทางเงอะงะ หญิงสาวไม่เข้าใจเจตนาของศศินเลยว่าเขาทำแบบนี้ทำไม และเธอก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะทำโดยไม่หวังผล แต่ศศินไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีของหญิงสาวที่โอบกอดลูกสาวตัวน้อยไว้ในวงแขนด้วยท่าทางหวงแหน เพราะสายตาของชายหนุ่มคอยจดจ้องแม่หนูน้อยที่คอยเหลือบมองมาทางเขาเป็นระยะ ซึ่งพอได้สบตากันทีไรก็มักจะหลบสายตาให้วุ่นวายไปทุกครั้ง ไปก่อนนะไอศวรา ไว้โอกาสหน้าฉันจะมาเล่นด้วยใหม่ ไอศวราอยากจะแยกเขี้ยวตอบกลับไป หากไม่ติดว่ามีสายตาของปานแก้วคอยจ้องมองอยู่ เด็กหญิงจึงทำหน้าง้ำ ทำท่าบอกว่าไม่อยากเล่นด้วยหรอก ก่อนหลบเข้าด้านหลังของแม่และไม่โผล่หน้าออกไปให้ชายหนุ่มเห็นอีก เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาดังตบท้าย ก่อนที่เสียงรถจะขับเคลื่อนจากไป ทิ้งให้สองแม่ลูกได้ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจากดวงไฟหลอดเล็กเหนือแผงลอยขายพวงมาลัยที่คอยให้ความสว่างในค่ำคืนนี้ ไง...วันนี้กลับมาซะดึกดื่นเชียวนะ แอบไปเถลไถลที่ไหนมาหรือซี เสียงหวานเจือรอยดุเอ่ยขึ้นโดยไม่หันไปมองคนที่เดินเข้ามาในบ้านด้วยฝีเท้าเบากริบ เจ้าของชื่อหันไปมองพี่สาวคนโตที่ยกสองแขนพาดขอบโซฟาตัวยาว ดวงตาจดจ้องรายการข่าวในโทรทัศน์ด้วยท่าทางคล้ายสนใจเต็มที่ ยังไม่ขึ้นนอนอีกหรือ พี่เอ คุณสามีสุดที่รักของพี่ยังไม่กลับเลยนี่ แล้วจะให้พี่ขึ้นนอนได้ยังไง ในน้ำเสียงของสุรางคนางค์มีรอยประชดประชันต่ออีกคนที่จนป่านนี้ยังไม่กลับถึงบ้าน ฮึ่ม! อย่าให้รู้นะว่าแอบไปมีอนุเก็บไว้ที่ไหน ไม่งั้นได้มีรายการเลือดตกยางออกให้เห็นแน่ ประโยคสุดท้ายที่หลุดออกมาเล่นเอาคนฟังสะดุ้งโหยง และห่วงสวัสดิภาพของพี่เขยที่หากไม่รีบกลับบ้านเสียตั้งแต่ตอนนี้ เห็นทีเขาคงได้พาคนเจ็บเข้าโรงพยาบาลอีกเป็นรอบที่สอง แหม่ๆ แม่คุณทูนหัว แค่สามีสุดที่รักกลับบ้านช้านิดช้าหน่อยจะเล่นกันถึงเลือดถึงเนื้อเลยหรือจ๊ะ เสียงกลั้วหัวเราะของคนที่หวุดหวิดได้ไปโรงพยาบาลดังมาจากเบื้องหลังของศศิน เสียงนี้เรียกสายตาสองพี่น้องให้หันไปมองชายร่างสูงกำยำในชุดเครื่องแบบนายตำรวจที่หอบหิ้วแฟ้มเอกสารเล่มหนาเข้ามาในบ้าน แล้วอย่ามากล่าวหาผมว่ามีอนุเชียวนะคุณคนางค์ ผมแค่ทำงานล่วงเวลาเท่านั้น ทำงานอะไรถึงกับต้องเรียกน้องชายฉันลงมาจากเชียงใหม่ ปรีดีฉีกยิ้มกว้าง พลางยกท่อนแขนข้างที่ว่าง โอบรอบบ่าน้องชายภรรยาด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาจ้องจับผิดของภรรยานิสัยดุ อย่างเจ้าซีจะช่วยทำงานอะไรให้ผมได้ ดีไม่ดีจะโดนล่อเข้าให้ก่อนสิไม่ว่า สุรางคนางค์ร้องเหอะอย่างไม่ใคร่เชื่อถือในคำพูดของสามีเท่าไร มีหรือที่เธอจะไม่รู้นิสัยของผู้ชายสองคนที่อยู่ตรงหน้า คนหนึ่งเป็นคู่ชีวิตที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียน วิ่งหนีไม้ตะพดของผู้ให้กำเนิดที่บังอาจมารักกับลูกสาวอยู่หลายครั้ง อีกคนเป็นน้องชายที่เลี้ยงมาเหมือนกับลูก คอยจับเปลี่ยนผ้าอ้อมและเฝ้าดูการเติบโต จนได้เห็นอีกฝ่ายเอาปริญญาบัตรมาอวดให้ชื่นใจ ซึ่งน้องชายคนนี้ก็แสนร้ายนัก ชอบทำตัวเกเร ทำท่าจะออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันเสียหลายรอบ เล่นเอาคนรอบข้างพานจะหัวใจวายตายตามกันไป ใครจะล่อใครกันแน่ คิดว่าฉันไม่รู้งั้นหรือว่าไอ้หน้าเซ่อซ่าของน้องชายฉัน มันห่มหนังจิ้งจอกเอาไว้ ขืนประมาทสิจะได้ตายไม่รู้ตัว พี่เอก็พูดเกินไป ผมเป็นจิ้งจอกตรงไหนกัน ศศินส่ายหน้ากับคำของพี่สาวที่กล่าวหาเขาเสียไม่มีดี พลางพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา หน้าก็ไม่ได้บอกยี่ห้อเสียหน่อย มากล่าวหาผมได้นะ แต่เสียงพึมพำของศศินก็ไม่ได้เบาจนสุรางคนางค์ไม่ได้ยิน หญิงสาวหัวเราะเสียงสูงและแฝงแววมาดร้ายไว้ ไม่ใช่จิ้งจอก งั้นก็เป็นหมาป่าสินะ หากเป็นเมื่อก่อน ศศินคงหัวเราะตอบอย่างไม่อินังขังขอบต่อคำกล่าวหานั้น แต่ตอนนี้ชายหนุ่มชักจะหัวเราะไม่ออกกับสถานะของตัวเองที่คิดจะล่อลวงลูกแกะมาเลี้ยงดู เขาจึงส่งยิ้มจืดเจื่อนกลับไป เอาน่า คุณคนางค์ ตราบใดที่เจ้าซียังไม่ไปงาบลูกแกะที่ไหนก็ปล่อยเขาไปเถอะ น้องชายคุณโตแล้วนะ ไม่ใช่เจ้าตัวเปี๊ยกที่ยังสวมผ้าอ้อมไปวิ่งเล่น ศศินกระแอมในลำคอที่ถูกพี่เขยเล่นเข้าให้เสียแล้ว ปรีดีจึงหัวเราะและตบบ่าน้องชายเป็นการปลอบใจ ตัวเขาเองก็เหมือนภรรยานั่นแหละ เขาเห็นน้องชายคนนี้ตั้งแต่เจ้าตัวยังตีนเท่าฝาหอย และตอนที่เขานัดเที่ยวกับสาวคนรักในหลายต่อหลายครั้ง เจ้าหล่อนมักพาน้องเล็กมาเป็นไม้กันหมาทุกที ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็แสบไม่ใช่เล่น เพราะแม้จะยังไม่รู้ความอะไร ยังคอยขัดคอยขวางไม่ให้เขาทำตัวยุ่มย่ามกับสาวเจ้าได้ พวกผู้ชายก็ดีแต่เข้าข้างกันอย่างนี้ประจำ สุรางคนางค์บ่นพลางส่งเสียงชิชะในลำคอ ใครจะไปรู้ว่าเจ้าซีไปงาบลูกแกะตอนไหน กว่าจะรู้คงเป็นเมื่อสายนั่นแหละ ปรีดีได้แต่หัวเราะอย่างขบขัน โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองได้จุดชนวนให้น้องชายเข้าเสียแล้ว ชายหนุ่มหันไปมองคนหน้าซื่อที่จะยิ้มก็ไม่ใช่ จะร้องไห้ก็ไม่เชิง ก่อนยักไหล่อย่างไม่ใคร่สนใจ หรือถือเป็นจริงเป็นจังเท่าไรนัก ไปนอนเถอะคุณคนางค์ ข่าวตอนดึกไม่ค่อยมีอะไรน่าดูหรอก แล้วคุณล่ะ สุรางคนางค์เหลือบสายตาไปทางสามีครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองน้องชายที่ไม่มีทีท่าจะขอตัวขึ้นไปพักผ่อนเสียที ผมมีธุระจะคุยกับซีนิดหน่อย แปบเดียวก็เสร็จแล้วจ้ะ ปรีดีตอบกลับเสียงหวาน ซึ่งพอคนนอกอย่างศศินได้ฟังแล้วรู้สึกหวานเลี่ยนอย่างไรพิกล คุยเรื่องอะไร บอกฉันได้หรือเปล่า ปรีดีแย้มยิ้มแฝงเลศนัย ก่อนเอ่ยตอบภรรยาด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่มเหมือนคนที่เพิ่งจีบกันมาได้ไม่นาน เป็นผู้ชายก็ต้องคุยเรื่องของผู้ชายสิจ๊ะ ส่วนคุณจะไปนอนรอผมที่เตียง หรือจะให้ผมอุ้มไปส่งถึงที่ดี ที่รัก สุรางคนางค์ส่งสายตาค้อนคว่ำกับตลกลามกของสามีที่แม้จะแต่งงานกันจนมีลูกหนึ่งคน ชายหนุ่มก็ยังไม่เลิกนิสัยเมื่อสมัยก่อน และคงไม่มีใครเชื่อแน่ว่าคนทะเล้นขี้เล่นอย่างนายปรีดีจะเป็นถึงสารวัตรมาดเข้มที่เหล่าลูกน้องพากันนินทาลับหลังเจ้านายให้เธอฟังอยู่บ่อยครั้งว่า โหดเหลือรับประทาน เชิญไปคุยเรื่องส่วนตัวของพวกผู้ชายกันให้สมอยากเถอะค่ะ แล้วคิดจะวางแผนมีอนุ หรือจะงาบลูกแกะที่ไหนก็บอกฉันด้วยนะ ฉันจะได้เตรียมไม้หน้าสามรอ หลังจากที่ปรีดีกับศศินต้องรบรากับผู้หญิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตรองจากแม่เสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็ไปยังห้องทำงานของนายตำรวจอนาคตไกลที่เปลี่ยนท่าทางจากทะลึ่งตึงตังมาเป็นเงียบขรึมราวคนละคน หนึ่งอาทิตย์ที่นายไปดูลาดเลามาเป็นอย่างไรบ้างล่ะ พอได้อะไรบ้างไหมเจ้าซี เท่าที่ผมสังเกตเห็น ตลาดโภคเจริญเป็นพื้นที่ของเอกชน เจ้าของที่ใช้มันทำเป็นตลาดแล้วเก็บค่าเช่าที่จากพ่อค้าแม่ขายที่ขายของในนั้น นอกจากค่าเช่าที่ ยังมีค่าคุ้มครองที่พวกเขาต้องจ่ายให้กับอันธพาลกลุ่มหนึ่ง ผมไม่แน่ใจว่าพวกมันมีสมาชิกกันทั้งหมดกี่คน และมีใครคอยบงการอยู่เบื้องหลังอีกทอดหนึ่งหรือเปล่า แต่หัวโจกของอันธพาลกลุ่มนี้ชื่อนายเบิ้ม ปรีดีร้องอะฮ้าขึ้นมา เมื่อได้ยินชื่อผู้นำกลุ่มอันธพาลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำของกรมตำรวจ ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะเล็กน้อย พลางมองน้องชายที่จ้องตอบกลับมาด้วยความงุนงง อีกฝ่ายยังไม่รู้เนื้อหาทั้งหมดของคดีที่เขากำลังรับผิดชอบ จึงไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองกำลังเฝ้าจับตามองอยู่นั้นคือคนที่นายตำรวจกำลังต้องการตัวอยู่พอดี ซีเอ๋ย...นายต้องมีเทพธิดานำโชคเกาะติดตัวแน่เลยว่ะ โชคร้ายหรือครับ ศศินตอบกลับไปด้วยความขบขัน แต่ละงานของพี่เขยที่เอามาให้ชายหนุ่มทำ มีอันต้องโดนลูกหลงไปด้วยทุกที และเพราะอย่างนี้นี่แหละ สุรางคนางค์จึงไม่ชอบใจทุกครั้งที่รู้ว่าสามีเอาคดีที่ตัวเองกำลังทำมาให้น้องชายของเธอช่วยเหลือ นายนี่ชักจะติดนิสัยชอบขัดมาจากยัยวิราสินีแล้วนะ นายตำรวจหนุ่มแยกเขี้ยวใส่ พลางนึกไปถึงวิราสินี น้องสาวของภรรยาสุดที่รักที่มีนิสัยห้าวห้วนยิ่งกว่าผู้ชาย แต่ถึงกระนั้นยังมีบางส่วนที่เหมือนผู้หญิงอยู่บ้าง โดยเฉพาะในด้านความรัก เขาอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงแม่สาวทอมบอยที่ยอมทำตัวเป็นกุลสตรี เพื่อให้ผู้ใหญ่ทางฝ่ายผู้ชายยอมรับ ซึ่งอุปสรรคของน้องสาวคนนี้ถือว่ามีมากน่าดูชม เพราะฝ่ายนั้นมีฐานันดรเป็นถึงหม่อมเจ้าเลยทีเดียว เอาล่ะ เรามาพูดกันเรื่องนายเบิ้มที่นายพูดถึงดีกว่า ปรีดีพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว โดยมีศศินเดินมานั่งด้านตรงข้าม นายเบิ้มคนนี้สำหรับพวกตำรวจแล้ว เป็นทั้งนายหน้าค้ายา และทำงานรับจ้างอุ้มฆ่า ตามคำสั่งของผู้มีอิทธิพลที่หนุนหลังมัน นั่นคือเสี่ยวิวัฒน์ หรือพี่ชายเจ้าของตลาดโภคเจริญที่พี่ให้นายไปเฝ้าสังเกตการณ์นั่นแหละ คำบอกเล่าของปรีดีทำให้ศศินเกร็งตัวขึ้นมาทันที เขาโน้มตัวเข้าหาโต๊ะทำงานของนายตำรวจหนุ่มราวกับเสือที่เตรียมจะจับเหยื่อในไม่ช้า ซึ่งท่าทางนั้นทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นมา พี่คิดว่าคนในตลาดคงรู้จักชื่อเสียงของเสี่ยวิวัฒน์อยู่ไม่มากก็น้อย เขาเป็นตัวการแพร่กระจายยาบ้าผ่านทางนายเบิ้ม และด้วยความที่เขาเป็นพี่ชายของเจ้าของตลาด พวกเขาเลยมีอาการน้ำท่วมปาก พูดอะไรไม่ได้มาก เพราะเจ้าของที่ออกจะใจบุญผิดกับพี่ชายของเขาลิบลับ ปรีดีทิ้งประโยคบอกเล่าของตัวเองไว้แค่นั้น แล้วมองปฏิกิริยาของน้องชายภรรยาที่กำลังเก็บข้อมูลใหม่ที่ได้รับเข้าสู่สมอง คนของพี่เคยเข้าไปสืบและล่อซื้อของจากพวกมัน แต่เหมือนฝ่ายโน้นจะไหวตัวทันตลอด ดูท่าพวกนั้นจะมีบัญชีรายชื่อของตำรวจเหมือนกันกระมัง ทางเดียวที่พี่พอนึกออกตอนนี้คือ หานกต่อที่จะเข้าไปใกล้ และล่อพวกมันให้เผยตัวออกมา และนกต่อที่ว่าคือผม ศศินเอ่ยต่อในสิ่งที่ปรีดีไม่เอ่ยถึง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ชายหนุ่มพอเดาอนาคตของตัวเองออกเลยว่า ท้ายที่สุดแล้วคงไม่แคล้วต้องโดนลูกหลงเข้าจนได้ โทษทีนะ พี่นึกได้แต่หน้านาย ถ้าหากผมจะปฏิเสธงานนี้คงสายเกินไปแล้วใช่ไหมครับ ปรีดียกมือขึ้นเท้าคาง พลางเอียงหน้ามองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม แล้วฉีกยิ้มกว้าง พี่ว่านายเหมาะกับอาชีพตำรวจ มากกว่าจะเป็นเจ้าของไร่กับรีสอร์ทที่เชียงใหม่นั่นอีกซี ภารกิจแต่ละอย่างของปรีดี นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรที่ชอบลงไปเล่นอยู่ในแนวหน้าพร้อมกับลูกน้อง ล้วนเป็นงานที่ทำให้ชายหนุ่มตายไวได้ทั้งนั้น ซ้ำร้ายเจ้าตัวยังชอบลากน้องชายภรรยาอย่างศศินที่เป็นเพียงคนธรรมดาให้ไปร่วมหัวจมท้ายกับงานเสี่ยงตายเหล่านั้น จนสะบักสะบอมมาแล้วทุกงาน และงานล่าสุดที่ศศินได้รับมอบหมายให้มาเป็นนกต่อทำให้ชายหนุ่มนั่งฟุบหน้าอยู่กับพวงมาลัยรถของตัวเอง ปรีดีนึกว่าศศินเป็นหนุ่มนักบู๊หรืออย่างไรกันนะ พี่เขยคนนี้จึงได้ชอบมอบหมายงานอันตรายมาให้ชายหนุ่มเสียบ่อยครั้ง และเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องกึ่งบังคับของอีกฝ่ายได้เสียที ด้วยเขายังมีหนี้มากมายที่ยังชดใช้ให้พี่ชายคนนี้ไม่หมด ศศินได้แต่ถอนหายใจเฮือกกับความใจอ่อนของตัวเอง ก่อนเงยหน้าขึ้นจากพวงมาลัยรถ แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปเห็นใครบางคนกำลังเอาหน้าชิดติดกระจก หัวคิ้วที่ขมวดยู่ย่นจึงถูกปลดเปลื้องลงทันที ชายหนุ่มคลี่ยิ้มน้อย เมื่อได้เห็นเจ้าของดวงหน้าจิ้มลิ้มอยู่เบื้องนอก เขาเฝ้าพิศเด็กหญิงด้วยสายตาเอื้อเอ็นดู เธอโผล่เข้ามาในช่วงเวลาที่หัวใจของเขากำลังเป็นสีดำ และเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่า เธอได้ช่วยชะล้างคราบดำเปื้อนในหัวใจของเขาให้ขาวขึ้นทีละน้อย วันนี้ไอศวราไม่ได้มวยผมขึ้นกลางศีรษะเหมือนเช่นสองครั้งก่อน แต่ถักเป็นเปียยาวสองข้างที่เริ่มจะดูรกยุ่ง ซึ่งเดาได้ว่าคงเกิดจากความซุกซนของเจ้าตัวนั่นล่ะ แล้วริมฝีปากได้รูปก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าหลากหลายของเด็กหญิง ดวงหน้านั้นมีทั้งความอยากรู้อยากเห็น และขัดอกขัดใจที่ไม่สามารถลอบมองดูคนในรถได้ โดยแม่หนูน้อยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเขาจับได้เสียแล้ว ร่างเล็กเขย่งเท้าไปมาอยู่หน้าประตูรถฝั่งคนขับ ก่อนลงไปสำรวจด้านหลังด้วยท่าทางที่ยังสนใจไม่เลิก แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจ ชายหนุ่มลอบยิ้มกับตัวเอง พลางมองแม่ลูกแกะน้อยที่มีสัญชาตญาณระวังภัยต่ำ ก่อนเปิดประตูรถให้เกิดเสียงเบาที่สุด โดยคนที่มัวแต่สอดส่องดูสภาพภายในรถที่ด้านหลังไม่ได้รู้สึกตัวถึงประตูรถฝั่งคนขับที่ถูกเปิดออกมา พร้อมกับมือใหญ่ข้างหนึ่งที่ยื่นเข้ามาใกล้ ครั้นพอรู้สึกตัวอีกทีหนึ่ง เด็กหญิงก็ต้องหวีดร้องเสียงดังกับแรงดึงที่มาจากด้านข้างเสียแล้ว มาด้อมๆ มองๆ อะไรรถฉันหือ สาวน้อย ศศินกระซิบถามแผ่วเบาที่ริมหูคนตัวเล็ก ก่อนกลั้วหัวเราะด้วยความขบขัน เมื่อคนที่ตกเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนหลับตาปี๋ แล้วหดคอหนีกับลมหายใจร้อนที่เป่ารดโดนซอกคอ หนูเปล่านะ! ไอศวราปฏิเสธเสียงหลง พลางดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแข็งแรง เพื่อให้หลุดพ้นจากการกอดรัดอย่างไม่ยอมแพ้ เปล่าอะไร ฉันเห็นเธอแนบหน้าชิดติดกระจกรถอยู่ตั้งนานสองนาน ก็...ก็หนูเห็นว่ามันเป็นรถของคุณนี่นา เลยเข้ามาดูว่าคุณอยู่ในรถหรือเปล่า เด็กหญิงสารภาพเสียงอ่อย ก่อนปล่อยน้ำตาให้หยดแหมะลงบนท่อนแขนที่กอดรัดอย่างไม่เข้าใจในตัวเอง ศศินชะโงกหน้าผ่านบ่าเล็กบอบบางด้วยความสงสัย เมื่อรู้สึกถึงหยาดน้ำที่หยดต้องท่อนแขน อ้าว! อะไรกัน...แค่นี้ก็เป่าปี่แล้วหรือเรา คุณดุหนู เด็กหญิงตอบเสียงอู้อี้ พลางเบนหน้าหลบอุ้งมือใหญ่ที่พยายามปาดเช็ดน้ำตาให้ ฉันดุเธอตรงไหน ศศินถามกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนแสนงอนที่ย่นจมูกใส่ให้กับคำถามของเขา คุณดุ เสียงเล็กเอ่ยย้ำหนักแน่น และเริ่มดิ้นไปมาอีกครั้ง เมื่อแรงกอดรัดรอบเอวผ่อนคลายลง ใครว่าดุ ชายหนุ่มยังยืนยันคำเดิม ก่อนปล่อยร่างเล็กให้หลุดพ้นจากวงแขน ฉันแค่แหย่เล่น ศศินพูดพลางลูบเรือนผมนุ่มแผ่วเบา ด้วยไม่รู้ว่าจะปลอบโยนอีกฝ่ายที่กำลังร้องไห้สะอื้นสะอื้นนี้อย่างไรดี แม้เขาจะมีหลานสาวที่มีอายุไล่เลี่ยกับไอศวรา แต่ฝ่ายนั้นไม่ค่อยร้องไห้ให้เขาเห็นเท่าไร ยิ่งเป็นตอนที่ถูกน้าของตัวเองกลั่นแกล้งด้วยนิสัยที่เอ็นดูหลานจนเกินเหตุแล้วล่ะก็ เจ้าตัวจะงอนนานไปหลายวันเลยทีเดียว ตาดีตาร้ายก็หาเรื่องมาแก้แค้นให้เขาวุ่นวายเล่นเสียด้วยซ้ำ หยุดร้องไห้เถอะนะ ฉันไม่แกล้งเธอแล้วล่ะ ไอศวรา ขอบคุณค่ะ :)
โดย: พลอย IP: 71.56.232.26 วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:13:52:17 น.
|
Group Blog All Blog
Friends Blog |
|
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |