www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ



ข้อมูล:หนังมีความยาว 133 นาที / กำกับโดย Yamazaki takachi
/ หนังดูได้ทุกเพศทุกวัย / เข้าฉายเฉพาะที่โรงสยามและโรง House



Spoiler alert : บทความนี้เปิดเผยรายละเอียดของหนัง หากยังไม่ต้องการรับรู้เพราะยังไม่ได้ดู ท่านสามารถคลิกไปอ่านบทความแนะนำหนังเรื่องนี้ได้ที่ >> ขออาสาเป็นหน้าม้า ขออาสาเป็นป๋าดัน เชียร์หนัง .. Always: Sunset on Third Street (หนังของเขาดีจริงๆ)



ในปี 1953 ถนนสายนี้มีผู้คน


ซูซูกิ โนริฟูมิ อาศัยอยู่กับภรรยาและลูกชายที่น่ารักช่างเจรจาชื่อ อิปเป ประกอบกิจการอู่ซ่อมรถ

ชากาวะ ริวโนะสุเกะ นักประพันธ์ไส้แห้ง มีชีวิตอยู่ตัวคนเดียวเขียนนิยายในร้านของชำ

คุณหมอทาคุมะ หมอยักษ์ ผู้ที่มีแต่ภาพครอบครัวอยู่ในบ้าน แต่ครอบครัวแท้จริงได้จากเขาไปเพราะสงคราม

เด็กสาววัยรุ่น มัตสุโกะ หรือ โรขุ ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาหางานทำในเมืองใหญ่

ฮิโรมิ สาวงามประจำร้านอาหารผู้เป็นที่ฝันใฝ่หมายปองของหนุ่มๆ กับ จุนโนะสุเกะ เด็กผู้ชายที่เพื่อนของเธอทิ้งไว้ให้ดูแล

คุณยายร้านขายบุหรี่สุดเปรี้ยวที่รู้จักโคล่าก่อนใครในซอย

ฯลฯ

เหลียวมามองนอกจอ มองไปรอบตัวเรา ถนนสายนี้ ก็คงเป็นเหมือน ถนนสายเดียวกับที่เราอาศัยอยู่ มีผู้คนหลากหลายชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกัน รวมทั้งชีวิตของเราเองในนั้นที่อาจมีบางส่วนเสี้ยวของชีวิตซ้อนทับกับตัวละคร



ผู้คนเหล่านั้น มีบางสิ่งที่ขาดหายไป มีบางสิ่งที่ต้องการการเติมเต็ม


ซูซูกิ มีความฝันที่จะก่อร่างสร้างตัวสร้างกิจการ ซูซูกิ ออโต้ ของตัวเองให้เป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ในอนาคต

โรขุ อยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถดูแลตัวเอง เป็นผู้ใหญ่เพียงพอที่จะสู้ชีวิตทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่

ริวโนะสุเกะ ปรารถนาการยอมรับจากผู้คน เขาทุ่มเทให้งานเขียนสำหรับเยาวชนที่ไม่เคยได้รับการเหลียวแล

ฮิโรมิ มองหาความรักที่จะมาพาเธอโบยบินไปสู่โลกใบใหม่ที่กว้างใหญ่กว่าเดิม

จุนโนะสุเกะ ขาดครอบครัวที่จะคอยดูแลสั่งสอน ร่วมเสวนาพูดคุย กินข้าว และ ห่วงใยในกันและกัน

ผู้คนในถนนเส้นนี้ ก็คงเป็นเหมือน เราทุกคนบนถนนชีวิตของตัวเอง ยังมีบางสิ่งที่เรามองหา ยังมีบางสิ่งที่เรารู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดหาย และ มีความฝันที่อยากจะไปให้ถึง





ใครบางคน ก้าวเข้ามาเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป


…โรขุ ทำให้ ซูซูกิ ต้องเคืองใจเมื่อเขารู้สึกว่าเธอพูดจาดูถูก และ เขาทำให้เธอต้องผิดหวังเมื่อสถานที่ทำงานจริงไม่เป็นอย่างที่คาดคิด

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อเราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า โลกใบนี้ไม่เป็นอย่างที่คิดไม่ได้เป็นดั่งใจ แล้วหากเราหลับตานอนต่อไป เราก็จะไม่มีวันได้สร้างโลกใบใหม่ขึ้นมาอย่างที่ฝัน

แต่ในหนัง การเปิดใจยอมขอโทษของซูซูกิ และ การน้อมรับคำขอโทษบวกความไม่ย่อท้อของโรขุ ก็ทำให้ทั้งสองคนหันหน้ากลับมาจับมือช่วยเติมเต็ม ความฝันของกันและกัน เธอทำให้เขาเชื่อว่า ซูซูกิ ออโต้ มีอนาคตมากพอที่จะฝากชีวิตไว้ และ เขาทำให้เธอเชื่อในคุณค่าที่มีในตัวเอง

… การก้าวเข้ามาของ จุนโนะสุเกะ เข้ามาสู่ชีวิตอันโดดเดี่ยวของ ริวโนะสุเกะ ทำให้ชีวิตชายคนหนึ่งได้พบเจอคุณค่าในตัวเองที่ถามหามานาน จากที่เคยรู้สึกแค่ว่า งานเขียนตัวเองเป็นแค่วรรณกรรมชิ้นเล็กๆที่ถูกลืม แต่สำหรับเด็กชายตัวเล็กๆอย่างจุนโนะสุเกะ ริวโนะสุเกะเปรียบเสมือนฮีโร่ คือ ภาพฝันในใจที่วาดไว้มาแสนนาน

แม้จะถูกริวโนะสุเกะขโมยเอาผลงานที่ตัวเองวาดไปเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นเราคงโกรธผิดหวัง แต่สำหรับเด็กน้อยจุนโนะสุเกะไม่ใช่เลย เพราะ การที่งานของเขาได้รับการยอมรับจากคนที่เป็นฮีโร่ มันย่อมทำให้หัวใจดวงน้อยพองโต และ รอยยิ้มดีใจของเขา มันทำให้นักเขียนคนหนึ่งถึงได้ตระหนักว่า ตัวเขาเองนั้นมีคุณค่า มีความหมายสำหรับใครอีกคนในโลกใบนี้อย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน

ไม่เพียงแค่การเติมเต็ม คุณค่าในจิตใจ แต่ สำหรับสองคนนี้แล้ว หนึ่งคนนั้นเติมเต็มความเป็นพ่อให้อีกคน และ อีกหนึ่งคนก็ทำให้อีกคนได้พบความสุขของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว

... แม้ หมอทาคุมะ จะไม่เหลือใครในบ้านหลังใหญ่มาแสนนาน แต่ ช่วงเวลาสั้นๆของคืนวันหนึ่งที่หมอทาคุมะได้รับไหว้วานจาก ริวโนะสุเกะ ให้แต่งตัวเป็นซานตาคลอส คือ ช่วงเวลาที่เขาได้มีส่วนช่วยในการสร้าง ครอบครัว หนึ่งให้ก่อเกิดขึ้นมา และ มันสามารถสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้กับใจที่เหน็บหนาวจากการไร้ความครัวมายาวนาน มันทำให้ ความสุขของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว เกิดขึ้นในใจเขาอีกครั้งหนึ่ง

… การเปิดบ้านต้อนรับ ฮิโรมิ ทำให้เธอได้สัมผัสด้านที่อ่อนโยนจริงใจของ ริวโนะสุเกะ และ ริวโนะสุเกะ เองได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่น การใช้ชีวิตเป็นครอบครัวอย่างที่ตัวเองไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาปริปากถามคู่ปรับบ้านตรงข้ามอย่าง ซูซูกิ ว่าการเป็นครอบครัวนั้นดีอย่างไร

สำหรับผู้ชายที่มีแต่ความกลัวอย่างเขา ผู้ชายที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจนไม่กล้าจะพาใครเข้ามาอยู่ในชีวิต แต่วันนั้นมันคือวันที่เขาคิดเริ่มต้นสละชีวิตที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวและกล้าตัดสินใจจะอยู่รวมกับคนที่เขารักและคนที่รักเขาเช่นเดียวกัน

เธอทำให้เขาได้รู้จักความรู้สึกที่เรียกว่าว่า ความรัก และสอนให้เขารู้จักความสุขของการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว และ เขาทำให้เธอได้รับความรักที่จริงใจ


การมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เราอาจพบว่าโลกใบนั้นมันก็พออยู่พอถูไถไปแต่ละวันได้ แต่ เมื่อเราได้พบใครบางคนที่มาเติมเต็มให้โลกของเรานั้นน่าอยู่กว่าที่เคยมีมา เราก็จะได้รู้ว่า การมีใครอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตนั้นมันทำให้วันแต่ละวันสวยงามขึ้นได้อย่างไร

นั่นคือสิ่งที่ทุกคนในถนนสายนี้ได้เรียนรู้ การได้อยู่ร่วมกัน การได้เติมเต็มความหมายของชีวิตให้แก่กันและกัน จากจุดเริ่มต้นหนึ่งคนจนกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่น





คุณค่าของบางสิ่ง ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา ไม่อาจตีราคาได้ด้วยเงิน แต่จักต้องใช้ใจสัมผัส


ปากกาของจุนโนะสุเกะ ... มีค่ามากกว่า ทรัพย์สมบัติมากมายที่พ่อแท้ๆของเขาจะมอบให้ สมบัติเหล่านั้นมันคือ มูลค่าเงินที่ปราศจากรัก ในขณะที่ปากกาเก่าๆด้ามนี้ คือ ความรักที่ไม่สามารถตีราคาเป็นค่าเงิน

ปากกาด้ามนี้ คือ ความรักในฐานะพ่อ ที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงจะทำได้แม้จะขัดสน เพียงเพื่อได้เห็น รอยยิ้มของเด็กคนหนึ่งมีความสุขในวันพิเศษเช่นนี้ ในวันนั้น ริวโนะสุเกะคงได้รับรู้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อทั้งโลกแล้วว่า แม้พ่อจะลำบากเพียงใดแต่เพื่อรอยยิ้มของลูกสักหนึ่งครั้ง มันก็ชโลมใจให้พ่อพร้อมจะเสียสละทุกสิ่งในโลกนี้ได้เพื่อลูก

เครื่องรางของแม่ ... อิปเป อยากให้แม่ซื้อเสื้อตัวใหม่ให้แทนตัวเก่าที่ขาดวิ่น เขาทำหน้าเหยเกเมื่อแม่ยื่นเสื้อตัวเก่าที่เพิ่งปะเสร็จให้ แม้แม่จะบอกว่า เสื้อตัวนี้แม่ปะเครื่องรางไว้ด้วย ตามประสาเด็ก อิปเป วิ่งออกไปเล่นอย่างหน้าเซ็งๆ เมื่อเขาใช้ตามอง เขาเห็นแต่เสื้อเก่าตัวหนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายเขาจะพบว่าเสื้อเก่าๆตัวนี้มันคือ ความรักและความห่วงใยของแม่ที่ถักทอไปพร้อมกับเครื่องราง ไม่ใช่เครื่องรางหรอกที่พาเขากลับบ้าน แต่ความรักของแม่ต่างหากที่ผูกเขาไว้ไม่ให้ต้องหลงทางจากไป

ในตอนเด็กที่เราเห็นเพื่อนคนอื่นๆมีเสื้อผ้าใหม่ๆแต่เราต้องใช้ของพี่ตัวเก่าๆ เราอยากให้แม่ซื้อกางเกงตัวใหม่ แต่แม่กลับเอาตัวเก่าไปปะชุนเป็นรอยจนเรารู้สึกอายเพื่อน ความอับอายในวัยเด็กนั้น เกิดจากสิ่งที่ ตาเรามองเห็น คือ วัตถุ แต่คุณค่าที่เราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา คือ คุณค่าของ ความรัก ที่แม่ถักทอด้วยความห่วงใยในลูกของตัวเอง


จดหมายที่โรขุไม่ได้อ่าน ... โรขุ คิดว่าทางบ้านไม่มีใครต้องการเธออีกต่อไป เพราะตั้งแต่เธอจากมาก็ไม่มีใครถามหา แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่า พ่อแม่ของโรขุ กลัวว่า ถ้าตอบจดหมายกลับมา ลูกสาวตัวเองจะอ่อนแอและยอมแพ้ชีวิตกลับบ้านไป พ่อแม่ของเธอจำต้องฝืนใจไม่ติดต่อเธอแต่แอบถามจากเจ้าของบ้านแทน เพื่อช่วยสานฝันให้ลูกและให้ลูกแข็งแกร่ง

จดหมายเหล่านั้น บ่งบอกชัดเจนว่า บางครั้งสิ่งที่พ่อแม่แสดงออกมาเหมือนผลักเราออกไป ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ไม่รักเรา แต่เพราะรักและรู้จักลูกตัวเองมากนั่นเอง เขาจึงเลือกทำเช่นนั้น ความรักที่จำต้องอดกลั้นไว้ไม่แสดงออกมามันลำบากนักหนาสำหรับคนเป็นพ่อแม่แต่พวกเขาก็ยอมทน เพื่อคนที่เขารักมากที่สุด

แหวนที่มองไม่เห็น ... ทันทีที่ฮิโรมิเปิดกล่องออกมา มันมีเพียงความว่างเปล่าอยู่ภายใน หากเธอมองหาคุณค่าของวัตถุ เธออาจมองหาแหวนวงนั้นไม่เจอ แต่เธอไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อเปิดกล่องออกมาเธอรู้ในทันทีว่า สิ่งที่นักประพันธ์ไส้แห้งขี้อายอย่าง ริวโนะสุเกะ ทุ่มเทและรวมรวมความกล้าในวันนี้ได้ มาจากแรงผลักดันที่มากพอจาก ความรักที่เขามีต่อเธอ ความรักซึ่งไม่อาจใช้ตามองเห็นแต่สามารถใช้ใจสัมผัสรับรู้

เช่นเดียวกัน แหวนวงนี้จึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสสวมใส่ได้ด้วยใจ และ เมื่อใดก็ตามที่เธอมองหาความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้ แหวนวงนั้นจะส่องประกายทุกครั้งยามเธอมองกลางแสงตะวัน



...ในยุคสมัยปัจจุบันที่ผู้คนมองค่าของบางสิ่งที่วัตถุ เราจึงมีความสุขกับสิ่งที่ตามองเห็น และ ทุกข์กับสิ่งที่ตาไม่เห็นไม่มีครอบครอง แต่ คุณค่าของบางสิ่งไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา ความสุขแท้จริงนั้นไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยมือ คุณค่าของความรักจักใช้ใจมองและสัมผัสจึงจะพบเห็น แล้วเราก็จะมีความสุขกับมันอย่างแท้จริง...


Always: Sunset on Third Street ... เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูน ตัวหนังเล่าย้อนไปในสมัยที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตหลังสงคราม หนังเริ่มต้นตั้งแต่โตเกียวทาวเวอร์ที่กำลังเริ่มต้นก่อสร้างซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของชีวิตคนญี่ปุ่นที่กำลังตั้งต้นขึ้นมาใหม่ ก่อนที่หนังจะไปจบลงที่ภาพพระอาทิตย์ตกดินเป็นฉากหลังของโตเกียวทาวเวอร์ที่เสร็จสมบูรณ์ เชื่อได้เลยว่ามัน เป็นหนังที่ทำให้คนญี่ปุ่นน่าจะอิ่มสุขกับการได้รำลึกความหลัง เป็นอีกหนึ่ง nostalgia ของพวกเขา

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนดูชาติอื่นดูแล้วจะไม่เข้าใจ บางสิ่งอาจเป็นวัฒนธรรมเฉพาะตัวแต่บางอย่างก็เป็นวัฒนธรรมร่วม เพราะชีวิตที่เริ่มต้นหลังสงคราม มันก็ไม่ต่างจากการเริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ของผู้คนไม่ว่าจะชนชาติไหนก็ตาม จึงไม่น่าแปลกใจที่ เราเองจะดูแล้วรู้สึกอิ่มอุ่นประทับใจหรือคุ้นเคย กับ ฉากผู้คนบนถนนมารอคอยการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ (คิดถึงตอนที่ตัวเองได้ทีวีมาใหม่ๆตอนเด็กๆ ฉากนี้น่ารักดีในตอนท้ายเมื่อแต่ละคนต้องเศร้าจากไปด้วยผลงานของคนที่จบมหาวิทยาลัยโตเกียว) หรือ ฉากตื่นเต้นกับตู้เย็นที่มาถึงบ้าน (ทุกอารมณ์ทุกอย่างที่ตัวละครทำ เช่น เอาหัวมุดตู้เย็นตอนร้อนๆ ผมเองก็เคยทำแบบนั้นมาก่อนแล้วเช่นกัน) หรือ ฉากกินขนมที่หมดอายุเพราะความเสียดายของดี (ก็มันไม่มีตังค์หงะ จะเอาไปทิ้งก็เสียดาย )

นอกจากฉากหลักๆของหนังแล้ว หนังยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เราต้องยิ้ม สลับ น้ำตาริน ตลอดทั้งเรื่อง เช่น เราอดยิ้มไม่ได้กับความช่างคิดของ ซซูกิออโต้ ที่ไปพ้องกับกิจการซูซูกิในปัจจุบัน หรือจะ หัวเราะไปกับฉากที่เหมือนการ์ตูนตอนคุณซูซูกิบ้าพลัง ไม่นานต่อมาเราก็อาจจะซึ้งกับฉากเล็กๆที่สีหน้าเศร้าสร้อยของคนส่งน้ำแข็งที่ตัวเองหมดบทบาทลงเมื่อตู้เย็นเข้ามาแทนที่

...ฉากชุมชนที่ถูกสร้างย้อนยุคขึ้นมา กับ การถ่ายภาพในหนัง สร้างบรรยากาศในอดีตได้อย่างสมจริง ภาพโตเกียวทาวเวอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมากลมกลืนไปกับตัวอาคารบ้านเรือนของจริง อีกทั้งดนตรีประกอบก็มีส่วนช่วยในการเรียกน้ำตาคนดูยิ่งนัก

... โดยตัวหนังแล้วเรียกได้เลยว่าพล็อตของ Always เป็นหนังน้ำเน่า เล่าเรื่องทิศทางเดียว ไม่สลับซับซ้อน หลายบทหลายตอนหลับตาก็เดาได้ว่าฉากต่อไปจะเป็นเช่นไร

แต่

...ความเรียบง่ายและเดาได้นั้นทุกบททุกตอน ผ่านการกลั่นกรองและกำกับอย่างได้จังหวะพอดิบพอดีที่จะสัมผัสความรู้สึกคนดูเข้าไปถึงข้างใน ชนิดที่เรียกว่า แม้จะรู้ว่าฉากต่อไปต้องเสียน้ำตาและสะกดกลั้นไว้ ก็ยากยิ่งที่จะไม่ให้มันไหลรินออกมา ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งน้ำตา จะปรากฎพร้อมกันในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงที่รับชม

นี่เป็นตัวอย่างของหนังที่มีบทที่ยอดเยี่ยมและการกำกับที่ยอดเยี่ยม เป็นการทำน้ำเน่าให้ออกมาหอมชื่นใจ การย้อนสู่ความเรียบง่าย ในยุคสมัยที่คนทำหนังไขว่คว้าทำหนังที่ยากขึ้น มีปมเงื่อนให้ซับซ้อนขึ้น แต่กลับไม่สามารถทำให้มันเข้าถึงหัวใจคนดูได้เลย น่าจะมาดูหนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง ว่า หากมีฝีมือ มีบทที่ดี มีการกำกับที่ดี เรื่องราวเรียบง่ายนั้นก็สามารถเป็นความยอดเยี่ยมและงดงามได้เช่นกัน


สิ่งที่ชอบ

1.ฉากเครื่องราง … น้ำตาไหลริน

2.ฉากแหวนที่มองไม่เห็น … น้ำตาพรั่งพรู

3.ครอบครัว … เป็นเรื่องที่สองถัดจาก Be with you ที่ดูจบแล้วรู้สึกว่า อยากมีครอบครัว และ การมีครอบครัวนี้ช่างงดงามยิ่งนัก

4.ความงดงาม ... หนังเรื่องนี้ก็เหมือนแหวนที่ฮิโรมิได้รับ หากวัดกันที่งานสร้างหรือความอลังการมันไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้นเลย แต่หากใช้ใจสัมผัสจะพบเห็นราคาที่มากไปกว่าเงินค่าตั๋วที่เสียไป

5.การกำกับและบทภาพยนตร์ ... ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นความง่ายที่งดงามและให้ความรู้สึกดีหลังหนังจบลง แม้เจตนาของหนังดูจะจงใจสร้างความรู้สึกดีเต็มที่ เรียกว่าบทหนังถูกเขียนมากันเพื่อบิวท์อารมณ์กันตรงๆ แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกหรือตะขิดตะขวงใจ เพราะผู้กำกับสามารถเสนอมันออกมาอย่างจริงใจและเข้าถึงใจคนดู

สรุป ... เป็นหนังที่มากกว่าคำว่าคุ้มค่าตั๋ว มันเป็นหนังที่งดงาม น้ำตาของคนดูที่ไหลรินจะไม่ใช่ไหลออกมาเพราะความรู้สึกผิดหวังเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความอิ่มเอม ซึ่งนานเหลือเกินแล้วที่เราไม่ได้เสียน้ำตาให้เพราะความสุขจากจอภาพยนตร์ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังแนวไหนก็ตาม Always: Sunset on Third Street เป็นหนังที่คุณไม่ควรพลาดเด็ดขาด

ปล ... เจ้าของ Blog จะไม่อยู่ ช่วง เสาร์นี้ถึงพุธหน้า หากมีความเห็นหรือคำถาม ขออภัยที่ไม่ได้อยู่ตอบใน Blog ไว้กลับมาตอบแน่นอนครับ รบกวนฝาก Blog ให้เพื่อนๆดูแลชั่วคราวจ้า




ติดตามบทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่าน Blog นี้ครั้งแรก คลิกไปเริ่มต้นได้ที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง






ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 13 พฤษภาคม 2549
Last Update : 28 พฤษภาคม 2549 1:25:08 น. 131 comments
Counter : 7928 Pageviews.

 
ว้าย คนแรกรึเรา อิอิ
รออ่านมานานแล้วค่ะ เขียนได้ดีมากๆ เราว่าคุณจับแก่นของเรื่องได้ดีมากๆเลย ใช่แล้ว ที่บอกว่าคุณค่าบางอย่างมันมองไม่เห็นด้วยสายตา แต่ต้องใช้หัวใจมอง (เหมือนคำพูดในเรื่องเจ้าชายน้อยเลยเนาะ) อย่างแหวนที่มองไม่เห็นนี่เป็นฉากที่ชัดเจนที่สุดเลยมั้ง (เราว่าเป็นฉากขอแต่งงานที่โรแมนติกสุดๆเรื่องนึงเลยแหละ)
เราอ่านบทความของคุณ แล้วนึกถึงแต่ละฉากในหนังก็อดไม่ได้ที่จะซาบซึ้งอีกครั้ง T_T
ฉากแรกสุด ที่ทำให้เราน้ำตาซึมคือตอนที่จุนโนสุเกะไม่โกรธตานักเขียนสักนิดที่เอาเรื่องของเขาไปลง ประโยคที่ทำให้จี๊ดมาก "ปล่าว ผมดีใจ..." เห็นได้ถึงความบริสุทธ์ของเด็กจริงๆ ซึ้งแทนตานักเขียนอ่ะ
และหลังจากฉากนี้น้ำตาก็ไหลเป็นทางออกมาตั้งหลายรอบ (รู้งี้เอาผ้าเช็ดหน้าเตรียมไปดีกว่า)
เป็นภาพยนตร์ที่ดูแล้วรู้สึกอิ่มเอมใจ และยิ้มทั้งน้ำตาเลยจริงๆค่ะ ประทับใจมากๆ
ดูแล้วอยากมีครอบครัวด้วยยยยย ^^


โดย: ตุ๊กตาเรียกฝน IP: 61.47.96.173 วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:55:39 น.  

 
เป็น review ที่สมบูรณ์มากๆ ครับ ชอบจัง ...
ผมดูเรื่องนี้ไปสองรอบครับ ... เจอใคร รักใครก็บอกพวกเขาว่าควรไปดูหนังเรื่องนี้นะ เพราะมันให้อะไรมากกว่าความเพลิดเพลิน
ครั้งที่สองที่ดูก็ไปกับเพื่อนอีกคนครับ เห็นเพื่อนชอบมาก ผมก็พลอยดีใจไปด้วย
ผมชอบ "ความรัก" ในหนังเรื่องนี้ครับ
เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


โดย: King Of Pain วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:02:11 น.  

 
กำลังรออ่าน Review แบบเต็ม ๆ อยู่เลยค่ะ

นานแล้ว ที่ไม่ได้เจอหนังเรียบง่าย แต่ได้ใจแบบนี้ รายละเอียดเล็ก ๆ ในทุกฉากมีความหมาย และสร้างความประทับใจให้ไม่รู้ลืมเลยค่ะ

ชอบมาก ๆ ค่ะ หนังเรื่องนี้


โดย: BeeJang วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:59:44 น.  

 
เด็กน้อยในเรื่องสองคนน่ารักมากค่ะ ชอบตรงองค์ประกอบทางศิลป์ของหนังเรื่องนี้ ทำออกมาได้ย้อนยุคดีมากค่ะ



โดย: Tai-Sarunya วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:39:30 น.  

 
กำลังรอคอยรีวิว คุณอยู่ข้างหลังผม อยู่เลย และแล้วก็สมใจ...
ไม่ต้องพูดอะไรมากครับ เพราะผมกับคุณ และคนที่ได้ดูทุกคน ต่างก็พร้อมมอบใจให้หนังเรื่องนี้ไปเต็มๆ

ถ้าคุณยังคงรัก Be with You ... เชื่อผมเถอะว่าคุณจะต้องหลงรัก ALWAYS : Sunset on Third Street ไปด้วยอย่างแน่นอน
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&group=9&month=04-2006&date=27&blog=1


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:37:24 น.  

 
หลงรักหนังเรื่องนี้ไปเลยครับ ฉากแหวนที่มองไม่เห็น กับการผลักไสจุนโนะสึเกะไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ทำผมแทบตายคาโรงเลยครับ กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยอินจัดๆ แถมช่วงเครดิตท้ายเรื่อง เพลงประกอบกับรูปยังทำให้ผมน้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ยั้งอีกครั้งครับ อายคนที่เดินออกจากโรงผ่านผมไปตอนนั้นมาก เลย คงเห็นผมนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆ อยู่


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:12:43 น.  

 
พี่เลือกมุมมองจากหนังมาเขียนได้ดีจังค่ะ ชื่นชม แปะๆๆ

เริ่มร้องไห้ตั้งแต่ฉากท่านประธานซูซูกิทะเลาะกับโรขุ หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกมั้งคะ ว่าร้องไม่หยุดเลย

แต่ฉากที่โดนใจเราอาจจะต่างออกไปนิดหน่อยค่ะ เพราะชอบฉากที่คุณลุงร้านน้ำแข็งมองเข้ามาเห็นตู้เย็น และมีกล่องใส่น้ำแข็งถูกทิ้งอยู่ มันสะท้อนใจดี และอีกฉากที่ชอบคือฉากเครื่องบินเด็กเล่นตอนต้นเรื่องค่ะ ร้องว้าวในใจเลยล่ะ

ชอบไดอะล็อกอันนึงมากๆเลยค่ะ ตอนที่เด็กสองคนหายตัวไปแล้วประธานซูซูกิทะเลาะกับคุณนักเขียน คุณซูซูกิพูดว่า"คนอย่างแกเคยไปรบในสงครามรึเปล่า" ส่วนคุณนักเขียนก็ตอบโต้ว่า "แล้วนายเคยอ่านวรรณกรรมรัสเซียรึเปล่า"
เราว่าเป็นไดอะล็อกที่เฉียบคมและแสดงถึงความไร้สาระของคนเราได้ดีมากๆ ว่าชอบตัดสินคนอื่นโดยใช้บรรทัดฐานของตนเอง ใครจะตัดสินได้เนาะว่าระหว่างไปออกรบกับการอ่านวรรณกรรมรัสเซีย นี่อะไรที่มีสาระและคุณค่ามากกว่ากัน ???

ชอบมากกว่า Be with you ค่ะ (ก็เราดันเป็นหนึ่งในน้อยคน ที่ไม่ได้ประทับใจอะไร Be with you มากมายนี่นา) เหตุผลคงเป็นเพราะว่าเราซึ้งกับเรื่องครอบครัว เรื่องความหวัง ได้มากกว่าเรื่องความรักมั้งคะ

จุดเล็กๆที่เราข้องใจว่าทำไมต้องออกมาแนวนี้ คือความ overacting บางอย่าง โดยเฉพาะของคุณนักเขียน มันทำให้เรานึกว่าดูโหด มัน ฮาอยู่แน่ะ
ไม่ค่อยชอบจุดนี้เท่าไหร่ค่ะ
อีกประเด็นนึง คือเรื่องครอบครัวของโรขุ แอบรู้สึกว่าไม่ต้องคลี่คลายให้สวยงามแบบนี้ แต่ออกมาแบบเศร้าๆตามตอนแรก น่าจะซึ้งกว่านี้นะ

ปล. ได้ดู Matchpoint แล้วค่ะ ไปตอบใน blog นั้นละกันนะ


โดย: azzurrini วันที่: 13 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:50:21 น.  

 
..

ชอบมากครับ รู้สึกอบอุ่นจริงๆ
หลังจากปีที่แล้ว Be With You ก็เคยให้ความรู้สึกแบบนี้

ป.ล. ดูจบ กลายร่างเป็นสาวก โขุ จัง ด้วย >__<

..


โดย: POGGHI วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:2:56:39 น.  

 
ชอบจังเลยค่ะ ได้ความรู้สึกดีๆจริงๆ อยากไปดูซะแล้วสิ !


โดย: AIM IP: 202.44.8.100 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:02:08 น.  

 
วันนี้ได้ไปดูเรื่องนี้มาตามคำเชียร์ของเจ้าของบล็อกแล้วค่ะ

เมื่อได้ดูแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะดูแล้วมีความสุข เนื่องจากซาบซึ้งกับหนังมากๆเลยค่ะ

ร้องไห้จนตาแดงเลยอะ ขอบคุณเจ้าของบล็อกมากๆเลยค่ะ ที่แนะนำ ^^


โดย: alizy IP: 58.136.224.231 วันที่: 14 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:36:38 น.  

 
ยังไม่ได้ดูเลยครับ...
ตอนแรกว่าจะไม่ดู ตอนหลังโดนเพื่อนไซโคมากๆเข้า ชักอยากดูแล้วสิ เพราะไอ้เพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้สักแต่ดูหนัง...

แต่อยู่ต่างจังหวัดก็แย่อย่างนึงล่ะครับ... หนังดีดีไม่ค่อยมีคนยอมดูกัน คนฉายเลยไม่ยอมขาดทุนฉาย


โดย: nanoguy IP: 203.172.108.211 วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:36:04 น.  

 
ชอบอารมณ์ Nostelgia มากเลยครับ
เจอหนังแบบนี้ทีไรขนลุกตั้งแต่ฉากแรกเลย
ยอมรับเลยฮะว่าตอนนี้นั้งอ่านไปฟังเพลงไปขนยังลุกซู่อยู่เลย

แล้วก็เรื่องราวของคุณหมอ ที่แม้ว่าหนังจะให้เวลาเพียงแค่ไม่นานก็สามารถอธิบายชีวิตครอบครัวของแกได้อย่างสุดเศร้าและซึ้งถึงใจ

ส่วนโตเกียวทาวเวอร์ผมให้เป็นตัวละครหลักอีกตัวเลยฮะเพราะมันเติบโตขึ้นตลอกเวลาพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของตัวละครทุกตัวในเรื่อง เสมือนสัญลักษณ์แห่งความเข้มแข็ง อดทน ทะเยอทะยานของผู้คน
จนกระทั้งฉากสุดท้าย...


โดย: kimprite วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:33:21 น.  

 
ผมได้ชวนเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆที่รู้จักกันให้ดูหนังเรื่องนี้ อยากแบ่งบันความสุขที่ผมได้จากหนังเรื่องนี้ ผมไปดูมารอบที่สองเมื่อคืน กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ดูแล้วเข้าใจชีวิตมากขึ้น หนังที่เติมความสุขให้แก่ชีวิต เต็มไปด้วย มิตรภาพ ความหวัง ความรัก ความอบอุ่น อยากลองดูเหมือนกันว่าดูครั้งที่3 แล้วจะยังร้องไห้อยู่ไหม
ปล.มีชาวต่างชาติมาถามผมถึงหนังเรื่องนี้ว่าเป็น หนังญี่ปุ่น หรือ มี Sub อังกฤษไหม ดีไหมผมตอบ ไปว่ามีครับ และผมมาดุรอบที่สองแล้วด้วย เขาเดินขึ้นไปซื้อตั๋วเลย ไม่รุ้ว่าเขาจะชอบไหม.


โดย: ทิน IP: 138.32.254.21 วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:19:53 น.  

 
เป็นหนังญี่ปุ่นเรื่องนึงที่ดูแล้วได้ใจอย่างมากมายเลยค่ะ
ชอบหลายๆอย่างในเรื่องเหมือนคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ และเหมือนที่หลายๆคนรู้สึกกัน

หลายฉากเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างน่ารัก
หลายๆฉากเรียกน้ำตาได้อย่างซาบซึ้ง
และ อีกหลายๆๆๆฉากเรียกความประทับใจในมิตรภาพ ความอบอุ่น และความเป็นครอบครัว ได้อย่างงดงาม

ดูแล้วรู้สึกว่าทุกคนบนถนนสายนี้ มีความสวยงามและน่ารัก จนอยากเข้าไปกอด!!!555

และความรู้สึกที่ได้ออกมาคืออบอุ่นใจ มองคนและโลกใบนี้ด้วยความรู้สึกชื่นชมมากขึ้น มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ น่าจะมีความสวยงามเช่นนี้อยู่ในตัวแต่ละคนเช่นกันนะ

ชอบความเห็นของหลายๆคน และโดนใจที่คุณ azzurrini พูดถึงการให้คุณค่าตามบรรทัดฐานตัวเอง เช่นการเถียงกันระหว่างเจ้าของอู่กับคนเขียนหนังสือ เรื่องสงครามกับวรรณกรรมรัสเซีย เห็นด้วยเลยค่ะ ว่าคนเรามักตัดสินคนตามมุมมองของตัวเอง แถมไม่รู้ตัวด้วยค่ะ


โดย: All ways IP: 58.9.156.24 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:03:14 น.  

 
ชอบหนังที่พูดถึงความอบอุ่นในครอบครัว ดูแล้วมันเข้าถึงความรู้สึกได้ลึกดี
ฉากที่หมอซื้อไก่ย่างกลับไปที่บ้าน แต่ในควมเป็นจริงแล้วเป็นแค่ความฝัน มันทำให้นึกถึงพ่อ นำตาพุ่งเลย
พล็อตเรียบง่าย ธรรมดาสุดๆ แต่ดูแล้วประทับใจมาก เจอใครก็บอกให้ไปดู
แต่ที่ไม่ชอบ คือดูแล้วร้องไห้เยอะมากๆ ออกมาจากโรงตาบวมเลยอ่ะ


โดย: heartfelt melody IP: 202.28.181.9 วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:32:45 น.  

 
ชอบทุกฉากเลยคะ
เป็นหนังครอบครัวในดวงใจไปเลย


โดย: tong IP: 202.28.181.10 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:02:37 น.  

 
ผมคงเขียนคล้ายๆ กับที่เคยเขียนไปในบล็อก "ขอเป็นหน้าม้าฯ" ของคุณจขบ. แหละครับว่า ... ข้อตินิดเดียวของหนังเรื่องนี้สำหรับผมก็คือ อาการ Overacting ของบางตัวละครในบางฉาก (ซึ่งอย่างน้อยก็มีคุณ azzurrini#7 ที่รู้สึกคล้ายๆ ผมเช่นกัน) กับภาคบังคับของบทหนังที่แทบจะรู้เลยว่าพอฉากนี้ออกมาแล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปและหนังจะสื่อถึงอะไร จนแม้กระทั่งฉากจบ ก็พอจะรู้ได้เลยว่าต้องเป็นภาพผู้คนที่ยืนมองหอคอยโตเกียวที่สร้างเสร็จพอดีโดยมีดวงอาทิตย์เป็นฉากหลังแหงมๆ (จริงๆ ด้วยสิ!)

ส่วนความชื่นชมนั้น ก็มีมากมายก่ายกองเหมือนที่คุณ จขบ. และความเห็นบนๆ เขียนๆ กันมา เป็นหนังแนวครอบครัวที่สามารถดึงอารมณ์ nostaglia ของคนดูออกมาได้อย่างมากมาย (คนญี่ปุ่นที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ คงยิ่งซาบซึ้งเข้าไปใหญ่ที่มองเห็นอดีตของตัวเองกลับมาเรืองโรจน์อยู่บนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง) ... ถึงบทจะน้ำเน่า แต่ก็ทำออกมาได้อย่างลงตัวและกลมกลืน ทุกจังหวะไม่มีพลาด เรียกว่าเรียกน้ำตาแบบเอาตายเลยทีเดียว ... เจ้าเด็ก 2 คนช่างไร้เดียงสาได้น่ารักมากมาย ส่วนคนอื่นๆ ก็แสดงดีกันทุกคน ... ขอเป็นอีก 1 เสียงที่ร่วมชื่นชมกับหนังเรื่องนี้ครับผม


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:04:03 น.  

 
ผมกลับเฉยๆ จนเกือบจะไม่ชอบด้วยซ้ำ
ได้อารมณ์ Nostalgia อย่างเดียวที่พยุงหนังให้ไปรอดได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมว่าออกจะด้อยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร มันไม่ค่อยเนียนเลยครับ
**1/2


โดย: A Gunner IP: 124.121.2.212 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:45:19 น.  

 
มาอีกรอบค่ะ

ท่ามกลางกระแสหนังใหญ่เรื่องอื่น แอบดีใจกับชัยชนะเล็ก ๆ น้อยของหนังเล็ก ๆ เรื่องนี้ ที่ยืนฉายโรงใหญ่ คือ สยามได้ ต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ คิดว่าจะหลุดไปลิโด้ซะแล้ว แสดงว่าแรงเชียร์ของเรา ๆ ได้ผล

เป็นม้าต่อไปค่ะ


โดย: BeeJang วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:06:38 น.  

 
ติดตามมาอ่านกันเป็นประจำ ขอบคุณครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:55:24 น.  

 
ไปดูมาแล้วค่ะ
ร้องไห้จนจมูกแดงก่ำเลย

ก่อนเข้าโรงก็สวนกับรุ่นน้องที่มหาลัย
เค้าดูรอบก่อนเราอ่ะค่ะ
เค้าเห็นเราก็มาทักเราแบบตาบวมๆ

แต่คงไม่ดูรอบสองแล้วค่ะ
ดูรอบแรกแล้วร้องไห้จนเหนื่อยเลยไม่อยากร้องไห้แล้วค่ะ


โดย: ป่อหงส์ วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:16:12 น.  

 
หนังเรื่องนี้ทำให้วันแย่ๆกลายเป็นวันดีๆได้เรยแหละค่ะ
ดูแล้วประทับใจดี .. ยิ่งพอมาอ่าน คิดภาพตามไปด้วย
ก็อยากพาคนพิเศษไปดูด้วยจัง หนังดีๆแบบนี้


โดย: noonnanoon วันที่: 18 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:45:16 น.  

 
ผมชอบหนังเรื่องนี้มากๆ ได้ดูแล้ว อบอุ่น และ น้ำตาไหลด้วยความซึ้งและตื้นตัน เป็นหนังที่ดีมากๆๆๆเรื่องนึง อยากให้ไปดูกันเยอะๆ

สุดท้านผมหลงรักเจ้าของ Blog ซะแล้วเนี่ยทำไงดี 555555555
อยากเก่งแบบคุณจัง ดูหนังแล้วเขียนได้แบบนี้อ่ะ


โดย: Garuda IP: 61.90.128.94 วันที่: 20 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:09:33 น.  

 
เพราะเป็นความรัก....ยังไงก็สวยงามเสมอ...
ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันจ้า
ปล. ระวังตัวดี ๆ นะจ๊ะ เพราะเริ่มมีผู้ชายมาหลงรักเข้าให้แล้ว


โดย: คุณป้าของคาปู IP: 202.28.181.9 วันที่: 20 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:04:54 น.  

 
หนังเรื่องนี้สร้างจากการ์ตูนค่ะ...คิดว่าน่าเป็นคำอธิบายอาการ overacting ที่คุณความเห็นที่ 7 และ 17 ตงิดๆ หรือข้องใจได้บ้าง และถ้านึกออก ในหนังจะมีหลายภาพเลยทีเดียวที่ดูแล้วเหมือนยกออกมาจากการ์ตูน (เช่น ตอนที่หนุ่มนักเขียนโดนนายซูซูกิออโต้ซัดจนนอนแผ่หราอยู่หน้าร้าน)

ท้ายนี้ ขอบคุณเจ้าของ blog ที่เขียนให้(แอบ)อ่าน(มานานแล้ว)ค่ะ [เพิ่งชำระค่าบริการเป็นครั้งแรก ]


โดย: เปีย IP: 124.120.162.249 วันที่: 20 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:07:23 น.  

 
เหอๆๆๆ ดูมารอบเดียวน้ำตายังไม่เท่ากับที่อ่านรีวิววันนี้เลยค่ะ เหมือนทุกฉากทุกตอนมันมารวมอยู่ภายใน5นาทีที่อ่าน

ตอนไปดูไปแบบไม่รู้เรื่องอะไร แค่มีคนรู้จักแนะนำให้ไปดู แล้วก็ได้ของแถมกลับมาคุ้มกับค่าเดินทางเข้ากรุงเทพ..55555

ยังอยากจะดูอีกสักรอบนะคะ


โดย: kaka (kakaman ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:51:26 น.  

 
... แวะเข้ามาขอบคุณทุกความเห็นที่มาพูดคุยกัน ทั้งที่ชอบและไม่ชอบครับ และ มาบอกว่า แม้ ดาวินชี่ จะบุกโรงหนัง แต่ เรื่องนี้ยังคงยืนหยัดอยู่ที่โรงสยามและ House อยู่ครับ ไม่อยากให้พลาดหนังเรื่องนี้ไป ดูจอทีวีที่บ้านก็อาจไม่ได้อารมณ์ร่วมเท่าดูในโรงใหญ่พร้อมๆกัน


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:50:19 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเลยครับ


โดย: maezono_no7 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:51:37 น.  

 
จะรีบชวนเพื่อนๆไปดูเลยค่ะ


โดย: sky_pink IP: 202.44.135.35 วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:30:08 น.  

 
ตามลิงก์มาจากพันทิปค่ะ

[[ขอโทษนะคะ เอาข้อความในบล็อคนี้ไปลงไดอารี่ตัวเองไว้นิดนึง(ให้เครดิตแล้วค่ะ ที่//lonea.storythai.com)]] แบบว่ารู้สึกกินใจกับเนื้อเรื่องอ่ะค่ะ (ขนาดแค่อ่านนะ) .. :) ยังไม่ออกจากโรงใช่มั้ยคะ อยากดูมากเลยค่ะ


โดย: lonea IP: 203.118.85.20 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:07:10 น.  

 
เรื่องนี้ดีมาก ๆ เค้าทำให้เราหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แล้วตามด้วยฉากซึ้งที่ทำเอาน้ำตาซึมได้หลายฉาก
อิ่มใจที่ได้ดูหนังดี ๆ แบบนี้ ต้องเรียกว่าเป็นหนังรักแห่งปีเลยก็ว่าได้
แหม น่าจะมาช่วงหน้าหนาว คงได้อารมณ์น่าดู

ปล. ขอร่วมเป็นขบวนการหน้าม้าด้วยคน เพราะว่าเรื่องนี้ดีจริง ๆ
ปล.2 มีคนบอกว่าเรื่องนี้เหมือน "แฟนฉัน" ตรงที่เรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นในยุคสมัยก่อน และเกี่ยวกับความรักล้วน (รักแบบหลายรูปแบบ)


โดย: คุณแม่ของคาปูและคุณหลวง IP: 203.144.196.34 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:58:46 น.  

 
อืม .... ตามลิงค์มาจากไดอารี่เพื่อน และเพื่อนมันชวนไปดูอ่าค่ะ ฟีอยากไปดูมากๆเลย

ชอบแนวหนังเรื่องนี้ มากเลยค่ะ .... มันกินใจ ตอนอ่านเรื่องเครื่องรางของแม่ .... ร้องไห้ซะแล้ว

ขอบคุณที่แนะนำหนังดีๆนะคะ ถ้าเกิดฟีไปสามารถไปดูได้จริงๆ ก็คงจะไปหาซีดีมาดูให้จงได้ค่ะ ^ ^


โดย: ฟีเลีย IP: 61.47.106.34 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:18:51:29 น.  

 
>lonea ... อนุญาติด้วยความดีใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ

ฟีเลีย ... ได้ดูแล้วกลับแวะเวียนมาแสดงความเห็นพูดคุยได้เสมอครับ เพราะ blog นี้ก็ยังอยู่ always

... ขอบคุณทุกความเห็นที่แวะเวียนมาพูดคุย และ ยังรอคอยความเห็นถัดๆมาครับ + ยินดีด้วยสำหรับผู้ที่ถูกล่อหลอกเชิญชวนไปดูแล้วกลับมาอย่างมีความสุข เพราะ เจ้าของ blog ก็มีความสุขตามเมื่อได้เป็นส่วนร่วมในความสุขของคุณ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:24:35 น.  

 
lonea ... อนุญาติด้วยความดีใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ

ฟีเลีย ... ได้ดูแล้วกลับแวะเวียนมาแสดงความเห็นพูดคุยได้เสมอครับ เพราะ blog นี้ก็ยังอยู่ always

... ขอบคุณทุกความเห็นที่แวะเวียนมาพูดคุย และ ยังรอคอยความเห็นถัดๆมาครับ + ยินดีด้วยสำหรับผู้ที่ถูกล่อหลอกเชิญชวนไปดูแล้วกลับมาอย่างมีความสุข เพราะ เจ้าของ blog ก็มีความสุขตามเมื่อได้เป็นส่วนร่วมในความสุขของคุณ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:24:38 น.  

 
ชอบมากเลย (ไปดูมาเพราะเพื่อนบังคับ)
หนังงดงามจริงๆๆ อิ่มเอิบใจมากๆๆ ครับ
ละเมียดละไมเหลือเกิน


โดย: คนตะวันออก IP: 58.8.12.127 วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:30:00 น.  

 
นานๆจะเจอหนังที่ดูจบแล้ว ทำให้มีความสุขได้สักที...

เฮ้อ...สุดยอดจริงๆ~^ ^

ตอนแรกรู้สึกเฉยๆมาก แต่โดนน้องลากไป เพราะมันจะดูอีกรอบ...

แต่เมื่ออกมาจากโรงหนังแล้ว

เราก็กลายเป็นหน้าม้าอีกหนึ่งไปโดยปริยาย 55+


โดย: จั่น* IP: 58.8.72.4 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:34:32 น.  

 
อยากดูจัง คงได้แต่รอแผ่นอยู่ไกลขนาดนี้เฮ้อ...


โดย: nam IP: 58.147.119.19 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:15:48 น.  

 
^^ แฮ่ะๆ ขอบคุณมากเลยค่ะ (นึกว่าจะโดนว่าซะแล้ว)

วันนี้โทรไปถามที่โรงหนังสยามมา เขาบอกว่า Always จะออกจากโรงวันพฤหัสนี้ แต่ว่าจะไปฉายต่อที่ลิโด้ค่ะ

ทีแรกแอบใจแป้ว แต่คราวนี้ก็มีโอกาสได้ดูแล้ว T T ((ไม่พลาดแน่นอนนน))


โดย: lonea IP: 203.118.85.50 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:55:29 น.  

 
ชอบเพลงประกอบที่เปิดตลอดทั้งเรื่องนี้มากค่ะ
(เพลงที่ขึ้นครั้งแรก ในฉากที่อิปเปเล่นเครื่องบิน)


โดย: NeVeR FaKe IP: 202.29.54.62 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:37:34 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้ครับ
ร้องไห้อยู่ 2 ครั้งด้วยกัน
แหวนที่มองไม่เห็น ชอบมากที่สุดในเรื่อง เป็นมุกที่ได้ใจที่สุดของฉากรักเลยทีเดียวจนไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
จดหมายของโรขุ หลังจากหมดน้ำตาก๊อกแรกไปได้ ไม่คิดว่าจะต้องเปิดก๊อกอีก แต่มันอดไม่ไหวจริง และก๊อกนี้ไหลแรงและนานกว่าเดิมเสียอีก เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อจิตใจค่อนข้างมากจริงๆ


โดย: k r y IP: 58.9.158.79 วันที่: 23 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:33:29 น.  

 
เขียนได้ละเอียดถี่ถ้วน และจับใจมากครับ ผมชอบหนังเรื่องนี้มาก ร้องไห้จนตาบวมเลย ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านบล็อกนี้นะครับ


โดย: ดิว IP: 124.157.171.228 วันที่: 24 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:06:01 น.  

 
ขออาสาเป็นหน้าม้าเรื่องนี้ด้วยอีกแรงค่ะ
เพราะหลังจากหลวมตัวไปดูตามที่เจ้าของบล็อคแนะนำ ปรากฎว่าออกมาด้วยอาการคล้ายๆ กับหลายคนคือตาบวมเปล่ง โดนสุดๆ อินกับหลายๆฉาก เหมือนกับที่เจ้าของบล็อค แต่ที่ร้องไห้ฟูมฟาย ก้อต้องฉากนี้เลย "แหวนที่มองไม่เห็น" โอ้วว คิดได้ไงเนี่ย เพราะหากว่าฉากนั้นมีแหวนประกอบในฉากนี้สักวงนึง เราก้อจะแค่แอบยิ้มๆดีใจกับผู้หญิงคนนั้นด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า...โอ้วว น้ำตาพรั่งพรูจริงๆค่ะ เป็นฉากประทับใจไปอีกนานเลยล่ะ ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีพล็อตเรื่องอะไรโดดเด่น แต่คนเขียนบท คนกำกับภาพ คนตัดต่อ... ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม

ทำให้เปรียบเทียบกลับไปกับความรู้สึกที่พอเราออกมาจากโรงหนังกับอีกเรื่องที่เราตั้งตารอคอย แต่กลับไม่รู้สึกประทับใจอะไรเลย ดูแล้วเฉยๆมากมั่ก ทั้งที่ฟอร์มหนังยิ่งใหญ่อลังการ โปรโมทกันทั่วโลก กระทู้ต่างๆ ก้อเขียนวิจารณ์กันอย่างถึงพริกถึงขิง หรือขนาดมีการประท้วงกันทั่วโลก คงรู้แล้วใช่ไหมค่ะ ว่าเรื่องนั้นคือ Da Vinci Code

สุดท้าย ขอขอบคุณเจ้าของบล็อคอีกครั้ง ที่แนะนำหนังฟอร์มเล็ก แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพและความประทับใจเช่นนี้ และจะขออาสาเป็นหน้าม้าให้ต่ออีกทีนึงนะคะ

ป.ล. ไปดูมาวันนี้รอบสองทุ่มสิบห้า ปรากฎว่าคนเยอะพอสมควรทีเดียว สงสัยอาจจะเป็นเพราะกระแสจากในห้องเฉลิมไทยนี้แน่ๆเลยค่ะ


โดย: aorengja IP: 203.107.204.221 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:19:46 น.  

 
เพิ่งไปดูมาเมื่อวานเองค่ะ
รุสึก "อิ่มตา อิ่มใจ" มาก ๆ เลยค่ะ


โดย: sunniece IP: 202.12.118.36 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:55:28 น.  

 
อ่านแล้วอยากดูมากๆ แต่อยู่ไกล กลับเมืองไทยคราวนี้ต้องหาดูให้ได้ ไม่ทราบว่าจะหาหนังแผ่นเรื่องนี้ได้ที่ไหน จะพยายามหาจากอเมซอนดู หรือใครพอทราบว่าที่เมืองไทยมีขายที่ไหน รบกวนช่วยบอกด้วยนะคะ อยากดูมากๆๆๆ


โดย: jj IP: 67.170.137.151 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:13:19 น.  

 
เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้น้ำตารื้นด้วยความตื้นตันได้มากกว่าหนึ่งครั้ง อิ่มเอมกับทุกฉาก ยกความดีความชอบให้คนชวนค่ะ ซึ่งเธอก็คงยกต่อให้เจ้าของบล๊อกอีกที

จริงๆ เป็นหนังที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปดูเลย เพราะไม่ใช่หนังรักอย่างที่ชอบ แถมเป็นหนังย้อนยุค ไม่พากษ์อีกต่างหาก แถมมีโรงเดียว

แต่พอดูจบ หัวใจได้พองโตอย่างที่คุณบอกจริง ๆ เป็นการบริหารหัวใจที่ดีค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง


โดย: singlemom IP: 202.147.38.96 วันที่: 25 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:13:22 น.  

 
>... เข้ามาตอบว่ารู้สึกดีใจครับ ที่การเป็นหน้าม้าอาสาของผมมีส่วนร่วมที่ทำให้คนไปดูมามีความสุข

ป.ล. ตอนนี้หนังย้ายจากโรงสยามไปประจำการที่ลิโด้แล้วนะครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 26 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:08:13 น.  

 
ในที่สุดก็ไปดูมาแล้วค่ะ ^___^ (ช้าไปหน่อยแต่ก็ทันล่ะน่า ...) หาคนไปดูด้วยอยู่ตั้งนานแต่สุดท้ายก็ไปคนเดียวแฮะ เพื่อนบ่นว่า ไกลมั่งล่ะ .. ไม่เคยได้ยินชื่อเรื่องมั่งล่ะ หนังเศร้าเรอะ ..ไม่ดูมั่งล่ะ - -''' … ((แอบตั้งใจไว้ว่าถ้า Always ออกเป็นวีซีดีเมื่อไหร่จะเอาไปให้ดู ถึงตอนนั้นหวังว่าคงไม่บ่นเสียดายกันนะ))

ทั้งที่รู้เนื้อเรื่องอยู่ก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกลั้นน้ำตาไม่อยู่เอาซะเลย

โดยเฉพาะตอนที่ริวโนะสุเกะขอฮิโรมิแต่งงาน กระทั่งตอนท้ายๆเรื่องที่ฮิโรมิยกมือตัวเองขึ้นส่องดูแหวนอีกหน เห็นแล้วแทบอยากร้องเลยค่ะ แล้วก็ซึ้งกับอีกหลายต่อหลายฉาก ฉากที่จุนโนะสุเกะร้องไห้ทั้งที่ถูกขโมยผลงาน ฉากที่โรขุเห็นจดหมายจากที่บ้าน รู้สึกว่ามัน''เข้าตัว''ยังไงก็ไม่รู้ค่ะ T T
(อ้อ แล้วก็ฉากที่ท่านประธานโกรธนี่น่ากลัวชะมัดเลยค่ะ (- -''') คนอาร๊าย ...)


ส่วนตัวแล้วคิดว่าเพลงประกอบมีส่วนมากจริงๆเลยค่ะ ฟังจากในบล็อกนี้ก็หลายรอบแล้วนะ แต่ยิ่งพอได้เปิดประกอบในหนังแล้วมันยิ่งสุดยอดไปกันใหญ่ ทั้งฉากเปิดตัวที่เครื่องบินร่อนออกไปแล้วก็ฉากแหวน เหมือนเพลงเป็นตัวกระตุ้นให้น้ำตาแตกเลยค่ะ ฉากก็ทำออกมาดูอลังการมากเลย ดูแล้วนึกถึงเรื่องแฟนฉันเลยแฮะ (เพราะเป็นแบบย้อนยุคเหมือนกันล่ะมั้ง แต่เรื่องฉากนี่ Always ชนะขาดลอยค่ะ - -''') แต่การตัดฉากของ Always ยังให้ความรู้สึกว่า ตัดแว้บ .. ตัดแว้บ .. ไปหน่อยอ่ะค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ... -.-' ส่วนนี้ให้ความรู้สึกคล้ายๆเวลาอ่านการ์ตูน ว่าแต่การ์ตูนต้นฉบับของเรื่องนี้มีขายในไทยมั้ยคะ?) ที่เหลือก็ชอบหมดทุกอย่างเลยค่ะ

.. จะวันนี้ จะพรุ่งนี้ หรือจะอีกห้าสิบปี พระอาทิตย์ตกดินก็จะสวยงามตลอดไป

อิปเปพูดประมาณนี้รึเปล่านะ? ฉากสุดท้ายนี่ก็น้ำตาทะลักอีกแล้ว ดีใจค่ะที่มาเจอบล็อกของคุณเข้า ไม่งั้นคงไม่ได้ดูหนังดีๆอย่าง Always แน่เลย เมื่อวานใส่ชุดนักเรียนไปดูคนเดียว เดินออกมาจากโรงแบบตาบวมฉึ่ง มีคนมองเราด้วย แต่ช่างปะไร "ก็เราซึ้งของเราอ้ะ"


โดย: lonea IP: 203.118.85.57 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:18:18 น.  

 
ชอบมาก ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ เป็นหน้าม้าอย่างเต็มใจ ชวนเพื่อนไปดูเพียบ คนที่ชอบดูหนังอยู่แล้วบอกครั้งเดียวไปทันทีเลย จะเข้าใจว่าดีจริง แต่เพื่อนที่ไม่ค่อยได้ดูหนังหรือดูแต่หนังตลกกับแอคชั่น ชวนจนเหนื่อย เลยต้องมานั่งคิดว่าทำไมต้องมานั่งปากเปียกปากแฉะแล้วก็เหนื่อยขนาดนี้ด้วย พอเพื่อนได้ดูออกมา มันชอบทุกคนและมาขอบคุณเรา
อือ หายเหนื่อยเลย แล้วก็หาเหยื่อรายต่อไปให้มาเสพความสุข

ปล.ไม่คิดว่าจะเจอคุณคนตะวันออกในนี้ด้วย


โดย: ท่าเรือรามา IP: 202.44.72.3 วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:12:00 น.  

 
ผมคงเป็นม้า Always รุ่นหลังๆ พอสมควรครับ เพราะนับจากวันแรกที่ได้ดู ก็เป็นเวลา 1 สัปดาห์พอดี ถึงกระนั้นก็ได้ดูไปแล้ว 3 รอบ และคงมีรอบที่ 4 ในเร็วๆ นี้ รู้สึกว่ายังเก็บรายละเอียดได้ไม่ครบครับ กระทู้ก็ได้ตั้งไปแล้วประมาณ 4 กระทู้ พยายามหารูปสวยๆ มาโพส แต่หารูปดีๆ จากเรื่องนี้ยากมากเลยครับ

ได้รู้จักหนังเรื่องนี้ก็จากเพื่อนสนิทคนนึงที่ชวนไปดู และก็ได้ติดตามจากบล็อกนี้ด้วยครับ พอได้ดูจริง ผมน้ำตาไหลตั้งแต่ฉากเล่นเครื่องบินตอนแรกแล้วครับ ดนตรีไพเราะ และภาพท้องฟ้ากับนครโตเกียวเมื่อ 50 ปีก่อน สวยงามและลงตัวที่สุดเลยครับ ผมว่า ดีกว่าฉากขนนกปลิวใน Forrest Gump อีกครับ

ส่วนในเรื่องของตัวหนัง ผมว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ tear jerker ธรรมดา แต่เป็นความละเมียดละไมตามแบบฉบับหนังเอเชีย ที่ทำให้เรารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเรื่องราวโดยไม่รู้ตัว และสร้างจุดพลิกผันที่กระทบในหัวใจของเรา จนน้ำตามันไหลออกมาโดยไม่ได้บีบคั้นเหมือนหนัง tear jerker อื่นๆ ทั่วไป เป็นน้ำตาแห่งความอบอุ่นปีติ เป็นน้ำตาที่เกิดจากความซาบซึ้งในความรักและมิตรภาพหลายรูปแบบที่ปรากฏในเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่ได้จบอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบไปหมด แต่ก็ดีเพียงพอที่จะสร้างความหวังให้กับหลายๆ ชีวิตในเรื่อง รวมถึงจุดประกายความหวังในชีวิตของเราๆ ผู้ชมได้

ฉากที่ประทับใจ คงจะเป็นฉากแหวนที่มองไม่เห็น กับฉากของจุนโนะสุเกะกับริวโนะสุเกะตอนท้ายเรื่องครับ ความรักของคู่หลัง น่าประทับใจตรงที่ ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกันเลย (เหมือนที่ริวโนะสุเกะพูดในเรื่องไงครับ) แต่กลับเรียนรู้ที่จะมาผูกพันกันได้ขนาดนั้น สำหรับผม มันสวยงามมากครับ

รักหนังเรื่องนี้ และจะพาเพื่อนสนิททุกคนไปดูครับ อยากให้พวกเขาได้รับความสุข และสัมผัสความสวยงามชิ้นเล็กๆ นี้ เหมือนที่ผมได้สัมผัสครับ แย่หน่อยที่คุณแม่เดินไม่ค่อยไหว ไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไหร่จะมีดีวีดีมาให้ท่านดูที่บ้านครับ


โดย: ruiN วันที่: 27 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:19:10 น.  

 
อ่านแล้วร้องไห้อีกรอบเลยค่ะ
ขอบคุนค่ะ


โดย: tanoshimi@hot IP: 58.8.58.137 วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:43:18 น.  

 
มาตามคำเชิญ

จริงๆ ก็มาอ่านแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่ได้ทิ้งคอมเม้นท์ไว้ (ตอนที่ยังเป็นพรีวิวอะนะคะ)

ถ้าจำไม่ผิดฉากแรกที่เราร้องไห้กลับเป็นฉากดูทีวีอะค่ะ

ฉากคนส่งน้ำแข็งนั่นเราก็ชอบมาก สะเทือนใจลึกๆ เลยหละค่ะ

แต่ฉากที่น้ำตาพรั่งพรูมากที่สุดคือฉากขอแต่งงานค่ะ



ไม่ชอบเรื่องการพยายามสร้างความประทับใจบางอย่าง อย่างกรณีพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไม่ได้เป็นอะไรกันน่ะค่ะ

แต่ก็นะ..ความประทับใจมันมากกว่าน่ะค่ะ





ดูเรื่องนี้ออกมา สวนกับคนเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงฝ่ายชายบอกแฟนตัวเองว่า
"เห็นมั้ยเค้าร้องไห้ หนังเศร้าแน่ๆ เลย"


เอ่อ..อยากบอกว่า หนังซึ้งต่างหาก


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:13:15 น.  

 
อ้อ..เพลงประกอบบล็อกนี้ได้ใจมั่กๆ

ดีวีดีออกซื้อแน่นอน


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:14:14 น.  

 
ฮ่าๆๆๆ ผมไปสั่ง DVD จาก Amazon.co.jp มาแล้วคร้าบบ ออกวันที่ 9 นี้แล้ว อยากดูจัง เป็น Deluxe edition มีแผ่นเบื้องหลังกะ CD-ROM มาให้ด้วย รวมเป็น 3 แผ่น คิดแล้วว่าเมืองไทยไม่ทำขายแน่ๆ เลยกัดฟันสั่งไปเลยครับ สองพันบาทเศษๆ เท่านั้นเอง (เลือดไหลซิบๆ)


โดย: ruiN วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:36:24 น.  

 
เอาเพลงมาให้ฟังเพิ่มครับ

Always - D-51

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ruin&month=05-2006&date=29&group=1&blog=1


โดย: ruiN วันที่: 29 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:51:04 น.  

 
ได้ไปดูมาแล้วเมื่อวานค่ะ
อยากบอกว่าไม่ผิดหวังเลย

จากตอนแรกที่ได้อ่านพล็อตเรื่องแล้วคิดว่าไม่น่าสนใจ เลยจะไม่ไปดู

ก็ต้องขอขอบคุณม้าทุกท่านค่ะ ที่ช่วยกันเชียร์จนเราต้องไปดูให้ได้ ไม่งั้นเราก็คงพลาดหนังดีๆ เรื่องนึงไปแล้ว

ps แอบมีคำถามนิดนึงว่า ทำไมถึงเรียก มัตสุโกะ ว่า โรขุ ล่ะคะ พอดีดูตามไม่ค่อยทัน


โดย: Being Bee IP: 161.200.255.161 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:21:24 น.  

 
มีข่าวอัพเดทค่ะ เพิ่งโทรไปถามพี่เอ๋ ณ ลิโด้มา
หนังเรื่องนี้จะฉายต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่วันพฤหัสจะย้ายกลับมาฉายที่"สยาม"
รอบฉายเหมือนเดิมทุกประการค่ะ
ใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจไปดู รีบไปดูเสียนะคะ
เด๋วจะพลาดโอกาสช่วงเวลาประทับใจในหนังเรื่องนี้ไปนะคะ


โดย: aorengja IP: 202.147.38.96 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:22:54 น.  

 
นานมากแล้วที่การดูหนัง
มอบความสุขให้ทั้งระหว่างชม และเมื่อหนังจบก็ยังอิ่มใจอยู่อย่างนั้น

มันแช่มชื่น อบอุ่น ซาบซึ้ง และเข้าถึงอารมณ์เราอย่างร้ายกาจ (ชนิดเพิ่งหัวเราะอยู่หยก ๆก็เสียน้ำตาให้กับตัวละครที่แสนน่ารัก)

ฉากอิบเปกับเครื่องรางของแม่ จุนโนะสุเกะบอกขอบคุณคุณน้าที่แอบเอาผลงานเค้าไปตีพิมพ์ หรือฉากสั้น ๆ อย่างหมอยักษ์กลับบ้าน ฯลฯ
ฉากทุกฉากที่เฟดมืดลง มันสมบูรณ์แบบ สารภาพตามตรงเราไม่อยากให้หนังจบเลย

ขอบคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ที่แนะนำหนังดีๆ จะยอมเป็นม้าหน้ายาว เพื่อความเรียบง่ายที่งดงามเช่นหนังเรื่องนี้

ใช่ครับ...บางสิ่งไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสด้วยใจ...เป็นบทวิจารณ์ที่ดีเยี่ยม
ยอมจ่าย1คอมเม้นท์ ที่นี่เป็นที่แรก






โดย: ประหลาดจังฮู้ IP: 203.151.169.253 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:51:12 น.  

 
หนังดีจริงๆหรอค่ะ คุณผมอยู่ข้างหลังคุณ อยากดูจัง อ้อ !!! คุณประหลาดจังฮู้ เขียนแนะนำซะน่าดูเล้ยยยยยย ซื่อก้อแปลก สงสัยจา.....


โดย: ๑۩۞۩๑•• ปลาทองแก้มเหี่ยว••๑۩۞۩๑ (idaho ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:14:08:03 น.  

 
เรื่องชื่อของโรขุ เข้าใจ(เอาเอง)ว่าคงเขียนด้วยตัว "六" รึเปล่าคะ ถ้าเป็นตัวนี้มันจะอ่านได้ว่า มุตสึ หรือ โรขุก็ได้น่ะ

ว่าแต่ .. ซีดีราคาสองพันเลยเหรอคะ o____O''' ... งั้นเดี๋ยวกลับไปดูอีกรอบที่สยามดีกว่า T T ...


โดย: lonea IP: 203.118.85.84 วันที่: 30 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:21:00 น.  

 
งดงาม จริงๆสำหรับหนังเรื่องนี้


โดย: คนที่เดินผ่าน IP: 124.121.113.60 วันที่: 31 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:54:03 น.  

 
ไปดูเรื่องนี้มา 2 รอบ ชอบมากๆไม่รู้จะอธิบายยังไงรู้แต่ว่าพอดูจบแล้ว อิ่มใจจริงๆ ขอบคุณมากนะคะที่แนะนำหนังเรื่องนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ดูหนังดีๆแบบนี้


โดย: dike IP: 58.9.191.135 วันที่: 31 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:33:53 น.  

 
บางสิ่ง...คงอยู่


โดย: redstar IP: 58.64.121.93 วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:23:55:55 น.  

 
สวัสดีครับ ตามอ่านรีวิวของคุณหมอมาตลอดเลย มาคราวนี้ขอโพสบ้างเพราะประทับใจจริงๆ

ได้ไปชมเรื่องนี้ก็เพราะเห็นคุณหมอโปรโมทบ่อย เลยลองสอบถามจากเพื่อนๆ คนที่ได้ไปดูแล้วทุกคนบอกเหมือนกันเลย ว่าไปดูเถอะ อย่าถามมาก
สบโอกาศได้ไปมาเมื่อพฤหัสที่ผ่านมา ซึ่งโดนย้ายไปยังสยามแล้ว ช่วงแรกๆหนังออกจะเนือยๆ เหมือนพวกหนังย้อนยุคทั่วๆไปค่อยๆพาเรารำลึกอดีตไปเรื่อยๆ

แต่พอสักพัก หนังยิงความประทับใจมาเป็นชุดๆ ซีนที่ผมชอบ ก็ตอนจุนโนสุเกะรู้เรื่องที่ตานักเขียนเอาเรื่องของตัวเองไปลง ตอนแรกผมนึกว่าเด็กมันจะผิดหวัง
เพราะเด็กมันนับถือเพราะเป็นนักเขียนที่ตัวเองชื่นชอบ และเป็นคนที่ใจดีกับตัวเองด้วย แต่พอตัดมา จุนโนะสุเกะกลับดีใจ ที่ตัวริวโนะยอมรับตัวเอง ไม่ได้คิดโกรธเคืองด้วย ฉากนี้โดนไปหนึ่ง

จดหมายที่ไม่ได้อ่านของโรคุมาได้ถูกเวลามาก แบบที่คนด้านบนๆบอก พลอตความรักของครอบครัวมันสากลกว่าอยูแล้ว

ตอนจบของริวโนะสุเกะตอนแรกเดาผิดนะ ผมคิดไปก่อนว่าน่าจะจบแบบที่ริวโนะแกล้งทำเป็นเกลียด เสือกไสไล่ส่งเด็กให้กลับไปอยู่กับพ่อได้
แต่ด้วยความรักและผูกพันธ์ทางเดียวที่อยากจะสื่อถึงกันได้ โดยการเขียนการ์ตูนที่เกี่ยวกับริวโนะสุเกะ หรือให้เป็นตัวเอกในวรรณกรรมส่งประกวดใหม่
ด้วยความที่ตัวเองได้เรียนรู้ความรัก ความผูกพันธ์ เลยสามารถทำไห้เค้าเขียนวรรณกรรมเยาชนดีๆได้สักที แต่คิดๆไปแล้ว หนังไม่น่าจะมีเวลาพอ
แล้วมันอาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจคนดูและตัวละครนี้มากเกินไปรึเปล่า ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะไม่สมหวังเรื่องความรักไปแล้วด้วย

แม้โดยรวม ใครจะว่าพลอตมันน้ำเน่า หนังfeel goodหรือโบราณๆ แต่อยากให้ได้มาดูเองจริงๆครับ สัตว์ประหลาดไร้ใจอย่างผมยังเกือบปล่อยโฮกลางโรงมาแล้วเลย


โดย: the red IP: 203.155.247.119 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:18:52:48 น.  

 
ทนกระแสไม่ไหว เดี๋ยววันนี้จะไปดูแล้วค่ะ


โดย: โยเกิร์ตรสสตอว์เบอร์รี่ IP: 202.28.181.10 วันที่: 4 มิถุนายน 2549 เวลา:9:13:33 น.  

 
เขียนได้ดีมากๆ เลยครับ ผมต้องอายเลย เพราะเขียนได้ดีไม่เท่าคุณ

ได้ดูมาเหมือนกับหลายๆ คน ทนเสียงชื่นชมกระทบหูไม่ได้ ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง แล้วก็เป็นอย่างคาด น้ำตาไหลนองเหมือนคนอื่นๆ

ว่างๆ ไปเยี่ยมกันมั่งนะครับ
//www.patsonic.com


โดย: patsonic IP: 58.10.167.146 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:16:45:30 น.  

 
ชอบมากๆเลยค่ะเรื่องนี้ very perfect!


โดย: Jeban วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:11:19:48 น.  

 
สุดยอดจริงๆค่ะ มากกว่าคำว่าคุ้มมากๆ ไม่มีคำบรรยายใดๆ เพราะคุณบรรยายไว้ โดนใจที่สุดเลยค่ะ เป็นหนังที่ดีจริงๆนะ ประทับใจมากๆๆ อยากดูอีกรอบจัง


โดย: jinmetip IP: 124.121.149.225 วันที่: 8 มิถุนายน 2549 เวลา:16:10:17 น.  

 
ในที่สุดก็ไปดูมาแล้ว หนังน่ารัก ดูจบแล้วอิ่มเอิบใจ มีความสุข :)


โดย: โยเกิร์ตรสสตอว์เบอร์รี่ IP: 202.28.181.10 วันที่: 9 มิถุนายน 2549 เวลา:20:49:20 น.  

 

ได้ดูก็รู้สึกดี มากๆ แล้ว แต่พอได้มาอ่านนิสิ เข้าใจอะไรๆมากขึ้นเยอะเลย เป็นหนังที่ดีจริงๆ
เจ้าของบล๊อคก็เขียนได้ดีมากจริงๆค่ะ


โดย: tanlek วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:12:32:44 น.  

 
ตอนแรกเห็นโปสเตอร์หนัง
หนังอะไรเนี่ย ใครจะดู ดูมันหนังเก่าๆ
แต่ได้ยินหลายเสียงบอกดี
เลยไปดู โอ้ว อย่าแค่รูปลักษณ์ภายนอกจริงๆด้วย
เรื่องนี้ร้องไห้เยอะมากๆ ไม่ได้เศร้า แต่ซาบซึ้งอย่างที่คุณบอก


โดย: nant_go@hotmail.com IP: 58.8.84.215 วันที่: 15 มิถุนายน 2549 เวลา:23:27:19 น.  

 
สุดยอด ดูแล้วครับ สุดยอด


โดย: ดำรงเฮฮา IP: 58.9.61.139 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:13:54:53 น.  

 


โดย: โสมรัศมี IP: 58.10.195.208 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:17:00:17 น.  

 
ไม่น่าเวลาเราดู มันเหมือนจะจบแล้ว ที่จริง ๆ มันเป็นตอน ๆ แบบนี้เองเนอะ

ชอบมากจ้า น้ำตาซึมแต่แอบอายคนข้าง ๆ จริง ๆ อยากจะร้องโฮ กลั้นน้ำตาหลายหน ทีเดียว


โดย: akira IP: 58.8.121.48 วันที่: 19 มิถุนายน 2549 เวลา:1:35:43 น.  

 
น้ำตาไหลพรากเกือบทุกฉากที่กระชากใจ ในรอบแรก
รอบสองก้อยังไหลพรากในบางฉาก
ชอบมิตรภาพของเด็กๆ
กะลังจะไปอีกรอบ (อย่าเพิ่งออกน้า)



โดย: เนปาลี IP: 202.90.112.13 วันที่: 20 มิถุนายน 2549 เวลา:12:16:32 น.  

 
มาร่วมเป็นหน้าม้าที่นี่ด้วยคน

//nighty.exteen.com/20060420/always


โดย: Nighty (Meroko ) วันที่: 20 มิถุนายน 2549 เวลา:18:18:36 น.  

 
ผมเขียนรีวิว Always ของผมเองเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ...
แวะไปอ่านกันได้ ไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชม ขอเพียงแค่ 1 Comment ก็ดีใจหลายแล้วครับ ...ขอบคุณครับ



"ALWAYS : Sunset On The Third Street" ... ความสุขทางใจ หาได้จากหนังเรื่องนี้
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=onceupon&group=2&month=06-2006&date=23&blog=1


โดย: OncE UPoN'-'a MaN วันที่: 23 มิถุนายน 2549 เวลา:20:38:36 น.  

 
เพิ่งได้ดูค่ะ จากดีวีดี หลังจากตามหามาซะนาน พยายามตะล่อมคนใกล้ตัวให้ดูด้วย เค้าก็ไม่ยอมดูซักทีค่ะ ไม่อยากให้พลาดหนังดีๆอย่างนี้เลย

ชอบค่ะ เดี๋ยวจะดูซ้ำอีกรอบ


โดย: ลิปดา - พิลิปดา IP: 58.34.19.56 วันที่: 27 มิถุนายน 2549 เวลา:22:53:06 น.  

 


อยากดูจัง


โดย: เรย์ IP: 58.9.69.52 วันที่: 28 มิถุนายน 2549 เวลา:3:57:06 น.  

 
ในที่สุดก็ได้ไปดูเรื่องนี้กับคนพิเศษมาแล้ว ชอบทุกฉากเลยค่ะ ซึ้งกับฉากแหวนมากมายจริงๆ


โดย: Ornnie :D IP: 168.120.26.148 วันที่: 2 กรกฎาคม 2549 เวลา:22:51:10 น.  

 
อยากดูจัง ที่ไหนยังแย อยู่บ้างอ่ะ (แล้ว K.ความคิดเห็นที่ 77 ไปซื้อ DVD จากที่ไหนเหรอ บอกกันบ้างดิน่ะ)


โดย: nickuro IP: 124.121.106.60 วันที่: 3 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:58:03 น.  

 
^
^
... เข้าใจว่าตอนนี้ยังฉายอยู่ที่ House นะครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 3 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:07:27 น.  

 
เคยเข้ามาอ่านหลายครั้งแล้วคะ (เข้ามาทางพันธุ์นะคะ) เปิดมาก็ได้ยินเพลงประกอบก่อนเลย น้ำตาร่วงอ่ะ นึกถึงความรู้สึกที่ได้ดูตอนอยู่ในโรง dvd ใกล้จะออกแล้ว ก็คงไม่พลาดเหมือนเดิม
P.S อยากได้เพลงนี้บ้างอ่ะคะ จะหาได้ที่ไหนคะ


โดย: oum IP: 203.131.208.115 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:15:50:47 น.  

 
ไปหาเพลงประกอบมาจากไหนครับเนี่ย


โดย: ชาย2เพลท IP: 203.188.7.193 วันที่: 5 สิงหาคม 2549 เวลา:13:39:14 น.  

 
เพิ่งดูเป็นวีซีดีเมื่อวานนี้เองอ่ะค่ะ แล้ววันนี้ก็เปิดให้คนที่บ้างดูอีกครั้ง ซึ้งใจและก็ประทับใจในเรื่องนี้มากๆๆๆเช่นกัน ยิ่งเข้ามาอ่านบล๊อกนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกอินไปกับหนังเพิ่มไปอีก ตรงไหนที่ดูแล้วยังงงๆก็มาอ่านเข้าใจในนี้ ชอบอ่านล๊อกคุณมากๆเลยค่ะ เลาจะหาข้อมูลของหนังเรื่องอะไรก็ตาม ต้องเข้ามาอ่านของคุณทุกที

อยากได้เพลงประกอบบล๊อกจังค่ะ ฟังแล้วรู้สึกดีจัง


โดย: กลาดเกลื่อนกระพริบพร่าวพราว IP: 124.120.47.174 วันที่: 6 สิงหาคม 2549 เวลา:1:10:09 น.  

 
เรื่องนี้เป็นหนังที่เพื่อนสนิทบอกว่า "ต้องไปดูให้ได้นะ ดูแล้วไปตายได้เลย"
เพิ่งได้ดู vcd เมื่อวานนี้.. วันนี้เลยรีบมาค้นบล็อคนี้ทันทีเลยอ่ะ แหะๆ

ประทับใจการเติมเต็มของกันและกันในความสัมพันธ์ของตัวละคร
เขียนไม่ค่อยเก่งอ่ะ เจ้าของบล็อคเขียนไว้ซะดีขนาดนี้แล้ว..
ขอเป็นหน้าม้า ให้เรื่องนี้อีกคนแล้วกันค่ะ
ดูแล้วอบอุ่นที่สุดเลยเรื่องนี้

ปล.ชอบที่เขียนตรงนี้จัง..
"การมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เราอาจพบว่าโลกใบนั้นมันก็พออยู่พอถูไถไปแต่ละวันได้ แต่ เมื่อเราได้พบใครบางคนที่มาเติมเต็มให้โลกของเรานั้นน่าอยู่กว่าที่เคยมีมา เราก็จะได้รู้ว่า การมีใครอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตนั้นมันทำให้วันแต่ละวันสวยงามขึ้นได้อย่างไร"

อยากมีครอบครัวบ้างจัง


โดย: SFFC IP: 203.114.111.9 วันที่: 7 สิงหาคม 2549 เวลา:18:42:26 น.  

 
มีน้องในเว็บ //www.allaboutkanok.com แนะนำให้ดู แต่ผมไม่มีโอกาสไปดูในโรงที่เข้าฉาย หลังจากนั้นก็มีน้องอีกคนส่งแผ่น dvd ต้นฉบับ มาให้
น้องๆรู้ว่าผมหลงใหล..แฟนฉัน,โหมโรง, The Road Home, Happy Time และหนังที่ไม่มีพระเอก ผู้ร้ายอีกหลายเรื่อง
ผมได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วครับ..ปล่อยใจเตรียมตัวเต็มที่ หลบงานไปดูที่บ้านคนเดียวในตอนบ่ายวานซืน...
ผมไม่ต้องใส่แว่นดูหนัง Always เพราะใช้ความรู้สึกนั่งดู
อบอุ่นเหลือเกิน น้ำตาไหลพรากๆจากหัวใจ
หนังไม่มีผู้ร้าย ไม่มีนังอิจฉาจริงๆด้วย หากจะมีตัวร้าย น่าจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต จัดวางให้ชีวิตตัวละครลำเค็ญแต่ไม่ถึงกับทุกข์เข็ญ ผมดีใจที่ท้ายที่สุด ทุกๆคนมีความสุข ความอบอุ่น ตามอัตภาพที่เรียบง่าย...อื่นๆก็คล้ายกับท่านอื่นๆ..

คุณเขียนได้ดีมากนะครับ


โดย: กนก รัตน์วงศ์สกุล IP: 203.154.97.197 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:10:32:47 น.  

 
DVDออกแว้ว ถึงเบื้องหลังไม่มีsubก็เหลือเฟือแลวล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นการเนรมิตฉากโตเกียวด้วยCG (อึ้งครับ...คารวะ) และImpress of Image(หมอทาคุมิ...เล่นเอาน้ำตาแตกอีกรอบ)


โดย: เหรียญบาด IP: 203.113.33.12 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:21:07:25 น.  

 
ดีมากครับ หนังทำได้ประทับใจมาก ทำย้อนหลังไปได้ดี เห็นอดีตของคนญี่ปุ่นหลังสงคราม ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆเลยว่าเคยทำอะไรไปบ้าง แต่ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นจะอินมากกว่านี้


โดย: superpun IP: 202.69.140.233 วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:18:38:15 น.  

 
คือผมอยากจะขอรบกวนหน่อยนะครับ คือผมกำลังทำหนังส่งไฟนอลและผมก็ชอบเรื่องนี้มาก และชอบเพลงscoreของเรื่องนี้ที่คุณใส่ลงบล๊อคนี้มาก จะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะขอเพลงนี้ไปประกอบหนังผม ถ้าได้ผมอยากให้คุณส่งไฟล์เพลงนี้มาที่เมล์ผม yoshiki_pj7@hotmail.com ถ้าได้จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ ขอบคุณมากนะครับ

ปล.Always กลายเป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลของผมไปแล้ว


โดย: นายตัว-P- IP: 58.10.234.202 วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:23:54:09 น.  

 
เเค่อ่าน review ก็ซึ้งเเล้วค่ะ ไว้จะไปหามาดูนะคะ


โดย: MikaRin IP: 124.157.206.85 วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:14:14:05 น.  

 
Love this preview.The score you put on that matched all the pictures and words,it's really touchy...perfect.Made me want to see it all over again.


โดย: Ash the best. IP: 216.6.169.182 วันที่: 3 กันยายน 2549 เวลา:1:42:04 น.  

 
ตอนหนังเรื่องนี้เข้าได้ไม่กี่วัน
บรรดาคนรู้จักที่ไปดูมาแล้วต่างทยอยโทรมาบอกว่า...
"ต้องไปดูเรื่องนี้ให้ได้นะ ฉันมั่นใจว่าแกต้องชอบ"
"ดูเรื่องนี้นึกถึงพี่เลย พี่ต้องชอบแน่ๆ"
"ดูเรื่องนี้รึยัง... ต้องดูให้ได้นะแก"
ฯลฯ

แต่... จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถจัดหาเวลาไปดูได้
จนกระทั่งเพื่อนส่งแผ่น dvd เรื่องนี้มาให้

ดูจบแล้วถึงเข้าใจว่าทำไมใครต่อใครถึงคะยั้นคะยอให้ไปดูกันจัง

หนังน่ารักและอบอุ่นมากค่ะ


โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก IP: 58.10.27.110 วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:13:08:13 น.  

 
เพิ่งดูจบไปครับ วันนี้เอง 6 กย. 49
ฉากเครื่องราง น้ำตาซึมครับ
ซึมกันไม่หวาดไม่ไหว


โดย: บิกวอร์ส IP: 203.188.34.216 วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:16:57:21 น.  

 
เป็นหนังที่โดนใจมากๆเลยค่ะ ขนาดที่ว่าหนังจบไปแล้ว แต่ความรู้สึกของคนดู (อย่างฉัน) ไม่ได้จบลงไปด้วยเลย
ชอบบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ทุกฉาก ทุกซีนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ทรงพลังมาก เก็บรายละเอียดได้ดี ภาพทุกภาพแทนการบอกเล่าได้เยี่ยม
ประทับใจฉากที่ TV เป็นพระเอกของคนในหมู่บ้าน ดูแล้วยิ้มได้จริงๆ
ฉากเครื่องรางของแม่ ก็น่ารัก แหมคิดได้ไง ตอนเจ้าเด็กนั่นร้องไห้น้ำตาฉันก็แหมะๆออกมาเลยโดยไม่ต้องอธิบายถึงฉากต่อๆไป
ฉากที่นักเขียนไส้แห้งขอสาวแต่งงาน สุดๆอ่ะ ดูแล้วจี๊ดมากเลย ชัดมากๆกับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ ซึ้งตายไปข้างอ่ะ..

ส่วนชีวิตคุณหมอก็เป็นตัวอย่างการเล่าเรื่องที่เจ๋งอ่ะ ออกมานิดเดียวแต่เรารู้เรื่องของเขาได้อย่างชัดเจน ชอบตอนที่เขาแปลงกายเป็นซานตาคลอสอ่ะ แม้จะเป็นอะไรเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่นะในความรู้สึกของทั้งตัวหมอเอง และคนดู
ส่วนฉากที่ทำฉันสะอึกสะอื้นได้เป็นวรรคเป็นเวร คือฉากที่นักเขียนไส้แห้งผลักเด็กชินโนสุเกะไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เป็นอารมณ์ซีนเดียวกับโชจุเลย
ครอบครัวอู่ซ่อมรถก็น่ารักอ่ะ อบอุ่นมาก ใครบางคนดูแล้วอาจจะรู้สึกอยากมีครอบครัวขึ้นมา ณ บัดดล 555..

ดูเรื่องนี้แล้วจะล้นค่ะ..ขอบอก


โดย: loveletter_16@hotmail.com IP: 203.113.57.40 วันที่: 11 กันยายน 2549 เวลา:18:04:19 น.  

 
เพิ่งดูจบเมื่อสักครู่ครับ

แผ่นห่วยมาก ภาพหาความชัดไม่มี เสียงเหมือนจะดีหรือเครื่องเสียงผมไม่ถึง

รู้สึกเหมือนดูหนังซูมทั้งๆ ที่เป็นแผ่นแท้

แถมยังได้เป็นหนังพากย์ . . . เด๋วต้องหา DVD ให้ได้


หนังที่ผมประทับใจมาก . . . ความหวัง ความฝัน

หนังที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่ผมเคยดูมา . . .


โดย: กึ่งอัตโนมัติ IP: 58.9.81.92 วันที่: 17 กันยายน 2549 เวลา:2:26:21 น.  

 
เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก หนังเดินเรื่อง ด้วยเหตุการณ์ธรรมดาทั่วๆไป แต่กลับสร้างค่อยๆสร้างความผูกผันระหว่างคนดูกับตัวละครได้อย่างกลมกลืน


โดย: Pach IP: 124.121.97.36 วันที่: 23 กันยายน 2549 เวลา:4:57:44 น.  

 
น้ำตาซึม เป็นช่วงๆ เลยครับ
อินครับ


โดย: DuZDe IP: 203.188.45.110 วันที่: 25 กันยายน 2549 เวลา:15:34:40 น.  

 
ชอบหนังเรื่องนี้มากเหมือนกันค่ะ เพราะว่าชอบ Shinichi Tsutsumi ที่ในเรื่องแสดงเป็น คุณซูซูกิ


โดย: น้ำ IP: 203.154.48.14 วันที่: 17 ตุลาคม 2549 เวลา:13:37:27 น.  

 
น่าดูมากๆครับ พออ่านจบแล้วอยากไปหามาดูจังเรื่องนี้


โดย: bank IP: 124.120.218.43 วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:0:27:11 น.  

 
ควรค่าแก่การเก็บไว้ครับ
ใครมีแนวนี้อีก แนะนำหน่อยนะครับ


โดย: อัฐ IP: 125.24.175.235 วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:17:10:09 น.  

 
ขออนุญาตินำบางส่วนไปลงบลอกนะคะ นำลิงค์ไปแปะให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณค้ะ


โดย: nanak IP: 58.9.176.244 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:56:00 น.  

 
//www.geocities.com/i_behind_you/alway.wma


โดย: pop IP: 192.150.249.114 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:41:16 น.  

 
ขอจ่ายค่าอ่านครับ
ชอบหนังเรื่องนี้มากเหมือนกันครับ
^^


โดย: นายฏ้ล IP: 58.9.62.253 วันที่: 23 ธันวาคม 2549 เวลา:22:02:51 น.  

 
สมราคาหนังหลายรางวัลของญี่ปุ่น และนักวิจารณ์ไทยก็ชอบ ฉากหลังเป็นหลังสงครามโลก ค.ศ.๑๙๕๐ มีหลายฉากที่ประทับใจโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับครอบครัว
ผมนึกฉากประทับใจปี ๒๕๔๙ ได้อีฉากแล้ว "เครื่องรางของแม่พาผมกลับบ้านครับ" น้ำตาซึมเลย ต้องเบือนหน้าหนี พอดีดูด้วย Pocket PC กลัวคนข้างๆ บนรถทัวร์จะหาว่าบ้านั่งร้องไห้เป็น Music VDO


โดย: คนขับช้า วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:11:09:46 น.  

 
คุณ ชายลังเล บอกผมว่าให้อ่านนิยายซีไรท์ ช่างสำราญ อารมณ์เดียวกัน อ่านแล้วก็เห็นด้วยครับ ลองหาอ่านดู
หลังจากนั้นใครอ้างอิงเรื่องนี้ก็ตามไปดูเลย ไม่เว้นแม้ The Village Album


โดย: คนขับช้า วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:11:12:40 น.  

 
ขอบคุนมากๆคับสำหรับบทวิเคาระห์ของคุณ
เชื่อมั้ยครับว่าหลังจากอ่านที่คุณเขียนแล้วผมต้องไปตามหาหนังเกือบทุกเรื่องนั้นมาดู
ขอบคุณจริงๆครับ


โดย: แบมบู IP: 124.121.55.164 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:14:07:31 น.  

 
เพิ่งได้ดูเมื่อคืนค่ะ... ร้องไห้จนตาบวมเลย
เพื่อนเอาดีวีดีมาให้ยืม บอกว่าเป็นหนังที่ดีมาก ๆๆ
ตอนแรกก็สงสัยว่ามันจะดีอะไรขนาดนั้น
พอดูไปได้ไม่ถึง 15 นาที ก็รู้สึกว่าชอบ
30 นาที ชอบมากขึ้นอีก
หลังจากนั้นก็ถอนตัวไม่ขึ้นจากหนังเรื่องนี้แล้วค่ะ ^ ^

ได้อารมณ์ไปครบถ้วนจริงๆค่ะ ทั้งสนุก ขำ เศร้า ซาบซึ้ง
2 ชั่วโมงกว่าตั้งแต่หนังเริ่มจนรายชื่อสต๊าฟตอนท้ายจบพร้อมเพลง มีทั้งเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ รอยยิ้ม แล้วก็น้ำตาที่ไหลไม่หยุดในช่วงท้ายๆ (โดยเฉพาะฉากแหวนที่มองไม่เห็น กับ ฉากโรขุอ่านจดหมาย)
นักแสดงทุกคนก็เล่นได้ดีมากจริง(ชื่นชมจากใจจริง) น้องๆเด็กๆก็เล่นได้เยี่ยมไม่แพ้ๆนักแสดงรุ่นใหญ่
หนังบางเรื่องดูแล้วก็มีแค่ตัวแสดงที่ประทับใจ แต่เรื่องนี้เรียกได้ว่าประทับใจตัวแสดงทุกคนจริงๆค่ะ
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะหาไปซื้อดีวีดีมาเก็บเป็นของตัวเองค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณบทวิจารณ์ที่เยี่ยมยอดเหมือนเคยของคุณ aorta ด้วยค่ะ ทำเอาน้ำตาไหลไปอีก2ระลอก (เมื่อคืนพอดูจบก็รีบเอาหนังสือรักของคุณ aorta มาอ่านบทวิจารณ์ทันที ^ ^ แล้ววันนี้ก็มาอ่านที่บล็อกนี้อีกรอบ ร้องไห้จนตาแดงหมดแล้วค่ะ ^ ^” )



โดย: rudyH2O IP: 58.9.35.101 วันที่: 30 มกราคม 2550 เวลา:22:46:27 น.  

 
เพิ่งยืม dvd เพื่อนมาดูครับ

ชอบครับ หนังนิ่งๆเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไปดี

ชอบฉากแหวนที่มองไม่เห็นด้วย (แต่ตอนเช้าเธอก็จากไปแล้ว T-T)

ชอบฉากเปิดเรื่องด้วยครับ เป็น long take ที่เนียนมาก และในหนังก็มักเป็น long take เสียด้วยสิ(ไม่แน่ถ้าดูแบบตัดต่อไปๆมาๆอาจไม่ได้อารมณ์หนังก็ได้มั้ง)

ชอบภาพในหนังที่ดูสวยและอบอุ่น

และเสียดายไม่ได้ดูในโรงอ่ะ


โดย: mayhem IP: 124.157.172.172 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:37:24 น.  

 
หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังในดวงใจของผมไปอีกเรื่องแล้วครับ หนังดูอบอุ่นน่ารักและบีบคั้นอารมณ์ได้ถึงที่สุด และโดยเฉพาะฉากในคืนวันคริสมาสต์ ฉากนี้สุดยอดจริงๆ คุ้มค่าแก่การเก็บมากครับเรื่องนี้


โดย: IQไอคิวแขม่ว IP: 203.188.3.109 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:19:31:25 น.  

 
ดูไปทั้งหมดในโรง 6 รอบครับ
5 รอบแรกดูที่ lido

แล้วพอดีต้องไปไต้หวัน 6 วัน
กลับมาเมืองไทย 3 ทุ่ม นั่ง taxi ไปดูอีกรอบที่ house rca ตอน 4 ทุ่ม
จำได้ว่าแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปดู
คนมองกันใหญ่
(ก็จะดูอ่ะ ใครจะทำไม)

สุดท้ายซื้อ DVD มาให้เพื่อนดู

เพื่อนมันชอบมาก บอกว่าขอบใจสำหรับของขวัญวันเกิด (เอิ้ก ตูให้ยืมไปดูว่ะ ไม่ใช่ให้เป็นของขวัญวันเกิด) แต่ก็พูดไม่ออก

ไปซื้อใหม่ก็ได้วะ
.
.


โดย: เอก IP: 124.120.184.120 วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:12:19:09 น.  

 
การมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เราอาจพบว่าโลกใบนั้นมันก็พออยู่พอถูไถไปแต่ละวันได้ แต่ เมื่อเราได้พบใครบางคนที่มาเติมเต็มให้โลกของเรานั้นน่าอยู่กว่าที่เคยมีมา เราก็จะได้รู้ว่า การมีใครอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตนั้นมันทำให้วันแต่ละวันสวยงามขึ้นได้อย่างไร
ชอบจังเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะหาใครมาช่วยเติมเต็มดี


โดย: nudee04 IP: 203.153.186.100 วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:24:54 น.  

 
ดูแล้ว ชอบนะ

แต่ยังไม่น้ำตาหยดอ่ะ

ศึกไหม!!!


โดย: ห้าจิก IP: 58.64.88.94 วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:3:19:00 น.  

 


โดย: soif IP: 125.83.42.99 วันที่: 23 มิถุนายน 2550 เวลา:14:05:47 น.  

 
โอ๊ะๆๆ ในที่สุดผมก็พลาดเสียน้ำตาให้เรื่องนี้จนได้ อย่างที่ จขกท.บอกว่า ยิ้มทั้งน้ำตาล่ะครับ ใครไม่เคยดูขอเชียร์ให้ดูเลยครับ

ตั้งแต่ดูหนังมา เสียน้ำตาให้เรื่องเดียว คือ Brave Heart แต่มาดูเรื่องนี้ น้ำตาไหลแบบไม่รู้ตัวครับ ตอนนี้เข้าไปอยู่ในหนัง 5 อันดับในใจเรียบร้อยแล้ว

3 แผ่น กับเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ดูอย่างใจจดใจจ่อ สนุกกว่าที่คิดไว้มากเลย ให้ 9.5/10 ครับเรื่องนี้ ติดอยู่นิดเดียวจริงๆ ตอนที่เด็กทั้งสองคนหนีออกจากบ้านไป แล้วกลับมาน่าจะทำได้ดีกว่านี้


โดย: YoiChi IP: 202.57.178.173 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:14:12:31 น.  

 
9/10 คะแนน
เรื่องนี้ ดำเนินเรื่องเรียบๆง่ายๆ แต่สามารถกินใจคนดูได้เป็นอย่างดี ข้อนึงคือ วัฒนธรรมของเค้า(ญี่ปุ่น) กับเรามันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ หนังเรื่องนี้จึงสะท้อนสังคมได้ดีกว่าหนังฝรั่งหลายๆเรื่อง


โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.181.222 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:37:34 น.  

 


โดย: YELLY IP: 203.155.115.241 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:41:50 น.  

 
เพิ่งดูจบไปค่ะ ถึงจะดูช้าไปหน่อย แต่ก้อชอบหนังมากนะคะ ทำเราน้ตาไหลพรั่งพรูตอนจบ ชอบหนังแบบนี้จังค่ะ เรียบง่าย และสวยงาม ดูแล้วอบอุ่น อยากมีความรัก กับเค้าสักทีนะคะ


โดย: medojo IP: 222.123.28.236 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:42:53 น.  

 
ได้ดูเรื่องนี้ เพราะอ่านหนังสือรักของ ผมอยู่ข้างหลังคุณ นะคะ

หนังสุดยอด เรียบง่ายและสวยงาม
หลงรักหนังเข้าอีกคนละค่ะ ตอนจบน้ำตาไหลเตมแก้มเลย ดูแล้วสุขใจ อิ่มเอมใจจริงๆ


โดย: ฝ้าย IP: 222.123.26.227 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:20:25 น.  

 
สั้น ๆ ครับ "เยี่ยม"


โดย: เพิ่งดูครับ IP: 58.8.11.118 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:0:53:34 น.  

 
เพิ่งดูรอบ 2 จบไป หลังจากดูรอบแรกไป 2 วัน ชอบมาก ดูรอบ 2 ก็ยังไม่เบื่อ ส่วนงานรีวิวของคุณ ทำได้ดีมากค่ะ ชอบด้วยเช่นกัน / บังเอิญเข้ามาใน blog ของคุณ เพิ่งไป search หาชื่อหนังจาก google นี่แหละค่ะ


โดย: Tripti IP: 122.0.3.125 วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:13:24:52 น.  

 
ชอบมากเลย กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ


โดย: morino IP: 124.120.91.167 วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:25:02 น.  

 
เธŠเนˆเธงเธ‡เธชเธ‡เธเธฃเธฒเธ™เธ•เนŒ เน„เธ”เน‰เนเธงเธฐเธฃเน‰เธฒเธ™เธ‹เธถเธ—เธฒเธขเนˆเธฒ เน€เธŠเนˆเธฒเธซเธ™เธฑเธ‡เธเธตเนˆเธ›เธธเนˆเธ™ Alway เธกเธฒเธ”เธนเธ‹เน‰เธณเธญเธตเธเธฃเธญเธš
เธŠเธญเธšเธกเธฒเธเธ„เนˆเธฐ เน‚เธ”เธ™เนƒเธˆเน€เธซเธกเธทเธญเธ™เธ—เธตเนˆเนƒเธ„เธฃเธซเธฅเธฒเธขเธ„เธ™เนเธญเธšเธญเธดเนˆเธกเน€เธญเธก เธ‹เธฒเธšเธ‹เธถเน‰เธ‡
เน€เธ›เน‡เธ™เธซเธ™เธฑเธ‡เธ”เธต เธกเธตเน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธฃเธฒเธงเนเธฅเธฐเธชเธญเธ”เนเธ—เธฃเธเธ‚เน‰เธญเธ„เธดเธ”

เนเธ•เนˆเธชเธ‡เธชเธฑเธขเธงเนˆเธฒ เธซเธญเน‚เธ•เน€เธเธตเธขเธง เธกเธฑเธ™เธกเธตเธ„เธงเธฒเธกเธซเธกเธฒเธขเธ•เนˆเธญเธŠเธฒเธงเธเธตเนˆเธ›เธธเนˆเธ™เธขเธฑเธ‡เน„เธ‡เธšเน‰เธฒเธ‡
เธ—เธณเน„เธกเธซเธ™เธฑเธ‡เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰ เธ–เธถเธ‡เธ—เธดเน‰เธ‡เธ‚เน‰เธญเธ„เธดเธ”เธญเธฐเน„เธฃเธšเธฒเธ‡เธญเธขเนˆเธฒเธ‡เน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเธซเธญเธชเธนเธ‡เนเธซเนˆเธ‡เธ™เธตเน‰
เธŠเนˆเธงเธขเธ•เธญเธšเธ—เธตเธ™เธฐเธ„เธฐ เธˆเธฑเธเธ‚เธญเธšเธ„เธธเธ“เธกเธฒเธเน†


โดย: เนเธซเธกเนˆเธกเน‚เธกเนŠเธฐ IP: 203.150.202.226 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:16:01:48 น.  

 
Good


โดย: NOOK IP: 58.8.180.75 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:12:36:15 น.  

 
ชอบก็อตซิลล่าด้วยเฮอๆ...


โดย: MoMo IP: 125.24.80.44 วันที่: 15 มิถุนายน 2551 เวลา:23:39:55 น.  

 
เพิ่งได้ดู...เมื่อคืนวาน เป็นหนังที่งดงาม ทำให้คิดถึงวัยเด็ก สมัยอยู่ที่ต่างจังหวัด 30 กว่าปีที่แล้ว... ฉากที่เพื่อนบ้านมารอดูทีวี บรรยากาศคล้ายกับที่บ้านอาม่า สมัยนั้น ห้องแถวเป็นบ้านไม้ในซอยที่บ้านอาม่ามีทีวีอยู่หลังเดียวเวลาเปิดจะมีเพื่อนบ้านมารอดูเต็มหน้าบ้าน...ดูฉากนี้แล้วคิดถึงอาม่า น้ำตาไหล...เป็นหนังที่มีคุณค่าทางใจมากเรื่องหนึ่ง


โดย: nira IP: 58.10.158.104 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:21:49 น.  

 
ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ แต่เพื่อนแนะนำมา พอได้อ่านแล้วอยากดูมากๆ เลย ต้องหามาดูให้ได้แล้ว อิอิ


โดย: เอสโฟ่ IP: 124.157.158.202 วันที่: 17 กันยายน 2551 เวลา:20:48:56 น.  

 
พอดีเพิ่งมีโอกาสได้ดูเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา ประทับใจมากๆค่ะ


โดย: หนูแนน IP: 203.148.220.220 วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:10:05:43 น.  

 
เขียนละเอียดละออมากกก หนังดีอยู่แล้วรีวิวได้แตกความไปอีก เจ๋งๆๆ ตามติดต่อค้าบ



โดย: mommy IP: 58.8.71.33 วันที่: 12 เมษายน 2552 เวลา:2:36:51 น.  

 
เขียนได้ดีมาก


โดย: konto IP: 10.18.1.50, 203.150.244.121 วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:16:04 น.  

 


สุดยอดอ่ะ อบอุ่นในใจสุดๆ


โดย: samurai funk IP: 202.28.62.245 วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:14:07:51 น.  

 
ไม่รู้ว่าช้าไปหรือเปล่า แต่พึ่งได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้วันนี้เองค่ะ ที่โรงหนังHourse ปกติเฉยๆกะหนังญี่ปุ่น แต่เรื่องนี้ ดูแล้วอิ่มจริงๆค่ะ น้ำตาไหลสลับกับฉีกยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง เจ้าของบลอค review ได้เจ๋งมากๆค่ะ เก็บรายละเอียดได้เกือบครบเลย ...ภาค2และภาค3กำลังตามมา แน่นอนว่าไม่จะไม่พลาดค่ะ


โดย: skycrytear IP: 58.8.168.124 วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:0:13:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.