...ช่วงอาทิตย์นี้เป็นเหมือนการพักร้อนจากโรงภาพยนตร์ เพราะไม่มีเรื่องไหนที่น่าจะเข้าไปดูในโรงหนัง เป็นการพักเพื่อรอต้อนรับโปรแกรมยักษ์ที่จะมาถล่มติดๆกันในช่วงปลายเดือนนี้เป็นต้นไป

อาทิตย์นี้มีหนังเข้าใหม่เรื่องหนึ่ง เป็นหนังที่มีโปสเตอร์ออกมาแบบหนึ่งที่ว่ากันว่าโหดร้ายรุนแรงจนโดนแบน เป็นหนังของผู้กำกับที่เคยทำหนังดีๆอย่าง The Mission / The Killing field และ ประการสำคัญเป็นหนังสยองขวัญที่เลือกสาวสวยหนูคิมจาก 24 (Elisha Cuthbert ) ขวัญใจผมกับอีกหลายๆคนมาโชว์แผ่นหลังและชะตาชีวิตอันเฉียดฉิวความตาย

Captivity คือหนังเรื่องที่เกริ่นมา เป็นหนึ่งในหนังตระกูล ลาบเลือดของปีนี้

หนังขาโหดลาบเลือดยุคหลังๆ แตกแขนงสาขาย่อยมาสู่หมวดหมู่ของหนังตระกูล ‘ทรมานเหยื่อ’ ประเภทที่ว่ากว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ในหนังมีเนื้อหาอยู่แค่ว่าการทรมาน ส่วนพล็อตรองจะมีอะไรก็ว่ากันไป หนังแนวนี้ที่ขึ้นชื่อลือชา แน่นอนว่าต้องยกให้ Hostel และ Saw

เมือหนังแนวนี้ขายดี ก็ย่อมเย้ายวนให้คนสร้างแห่แหนสร้างตามกันมา และ Captivity คือ หนึ่งตัวอย่างความมักง่ายที่กะขายความโหดตามน้ำ และ บทความถัดจากนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่ผมชื่นชมในหนังมีเพียงอย่างเดียวคือ หนู Elisha Cuthbert ส่วนที่เหลือของหนังคือความไม่ประทับใจเข้าขั้นยกให้ต้องติด 1 ใน 5 หนังไม่ประทับใจของปีนี้อย่างแน่นอน

...สำหรับคอหนังตระกูลลาบเลือด ระหว่างที่นั่งดู Captivity ไป เราจะต้องรู้สึกเหมือนดูหนังที่คุ้นเคยอยู่แทบจะตลอดเวลา

ไม่ใช่ว่าเราเคยดูมาแล้วหรอกรึ กับ การจับเหยื่อมาไว้ในห้องลับโดยไม่รู้ที่มาที่ไป

ไม่ใช่ว่าเราเคยเห็นมาแล้วหรอกรึ กับ การสร้างเงื่อนไขแปลกๆแบบพวกโรคจิตให้เหยื่อทำตาม

ไม่ใช่ว่ามีมาบ่อยแล้วหรอกรึ กับ จุดหักมุมที่เฉลยว่า ... เหมือนในหนังเรื่องนี้

...เอาละ ซ้ำๆไม่เป็นไร พอเข้าใจได้ว่า โครงเรื่องหลักของหนังทรมานคนคงจะมีมากไปกว่านี้ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีไอเดียจำเป็นต้องสร้างออกมาด้วยหรือ ถ้าสร้างออกมาแล้วไม่มีอะไรแปลกใหม่และไม่สนุกไปกว่าเดิมๆ


(โปสเตอร์แบบนี้ที่ผ่านตามาว่าโดนแบนมาแล้ว)

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำคือ ความพยายามสร้างเงื่อนไข ไม่ต่างอะไรกับความพยายามใส่ฉากทรมานเพื่อให้สาแก่ใจผู้สร้างและหวังว่าจะสาแก่ใจคนดู

ปัญหาคือ ฉากทรมานนั้นไม่ทำให้รู้สึกกดดันหรือลุ้นระทึกแต่น่าเบื่อหน่ายและน่าสะอิดสะเอียน

ปัญหาคือ นอกจากฉากทรมานเนื้อหาของหนังก็ไม่มีอะไรให้อยากลุ้น

ปัญหาคือ ความสัมพันธ์ของตัวละครคู่พระนางดูไม่น่าเชื่อถือและดูแปลกแยกเหมือนการพยายามยัดเยียดเพื่อนำไปสู่บทสรุป

ปัญหาคือ จุดหักมุมที่พยายามล่อหลอกมันตื้นเขิน เชื่อว่าได้ผลสำหรับคนที่ไม่เคยดูหนังแนวนี้มาก่อน แต่ไม่ยากเลยสำหรับคอหนังแนวนี้ แถมหน้าตาคนที่จะเอามาหลอกดูก็รู้ในแว่บเดียวว่าตานี่เป็นคนร้ายชัวร์

ปัญหาคือ เมื่อหนังเฉลยปริศนา ภาพของหนังแนวนี้หลายเรื่องๆก็ผุดตามมาเต็มไปหมดเหมือนหยิบยืม จุดเด่นของหนังตระกูลนี้หลายๆเรื่องมาผสมกัน แต่ไม่สามารถสร้างความเป็นตัวของตัวเองได้เลย

...Saw คือตัวอย่างความพยายามสร้างบทภาพยนตร์ที่ดีในหนังประเภทที่มีแต่การไล่ฆ่ากัน ส่วน Hostel ไม่เนื้อหาซับซ้อนแต่หนังก็ยังมีความสนุกชวนติดตาม ตรงข้ามกับ Captivity ที่ผมนั่งดูอย่างเหนื่อยหน่ายหวังว่าจะพบอะไรที่โดนใจ แต่หนังกลับพาไปจมดิ่งกับบทสรุปที่น่าผิดหวังยิ่งกว่าเดิม ด้วยวิธีการคลี่คลายเฉลยปมปริศนาอย่างไร้ชั้นเชิง

ข้อดีข้อเดียวคือการที่ได้นั่งดู ผิวขาวๆและความเซ็กซี่ของหนู Elisha Cuthbert เท่านั้น แต่ก็อย่างที่เปรยไว้ข้างต้น เราก็เคยเห็นแบบนี้มาแล้วไม่ใช่รึจาก The Girl next door ยิ่งถ้าดูต่อด้วย House of wax ที่พาเธอไปโดนไล่เชือดเฉือนอวัยวะ เราก็จะได้อรรถรสคล้ายๆกับหนังเรื่องนี้ เพียงแต่ดีกว่าและสนุกมากกว่าหลายเท่านัก




Blog หนังเรื่องอื่นๆที่อ้างอิงถึง

House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส

Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์

แจ้งข่าวจาก จขบ. : องศาที่ 361 คงจะเลื่อนไปเป็นช่วงกลางๆถึงปลายเดือนพฤศจิกาฯ รอเจอ องศาที่ 361 ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านนะค้าบ

ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม

ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง