|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
อาทิตย์แรกที่มหาวิทยาลัย
การเดินทางไปมหาวิทยาลัย และเพื่อนคนไทย
วันแรกที่ไปมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการนั้น บอกตรง ๆ ว่าคนเคยตื่นสายอย่างพลนั้น ทำใจลำบากมาก เพราะต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง หาอะไรกินลองท้องนิดหน่อย แล้วก็ต้องรีบไปเบียดเสียดยัดเยียดกับคนจีนในรถไฟใต้ดิน
และอย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า พลสามารถเดินทางไปมหาลัยได้ 4 เส้นทาง วันแรกอารามด้วยความแปลกใหม่ พร้อมกับกระแดะไม่อยากเดินไกล เพราะถ้าขึ้นรถไฟสาย 2 ไปเปลี่ยนสถานีที่ xizhimen ต้องเดินไกล ปานยังกะเปลี่ยนเครื่องบิน เลยตัดสินใจ ขึ้นรถไฟสาย 5 ไปเปลี่ยนสถานีที่ huixinxijie nankou ก่อน แล้วเปลี่ยนสถานีอีกทีที่ zhichunlu ผลนะหรอ นรกชัด ๆ เพราะรถไฟสาย 5 ตอนเช้าคนเยอะมากกกก แถมตอนรอเปลี่ยนรถไฟที่ huixinxijie nankou คนเยอะหนักกว่าเดิมอีก ต้องเข้าแถวรอรถไฟยาวเหยียด ยาวแค่ไหน ก็แค่เห็นรถไฟผ่านไป 3 คัน แต่พลยังไม่ได้ขึ้นแค่นั้นเอง แถมเจอคนจีนบางคนทำพฤติกรรมน่าเกลียด ๆ ไม่ได้ต่อแถวกะใครเค้าหรอก แต่พอรถไฟมา เดินไปขึ้นรถไฟหน้าตาเฉย ทุเรศมาก ๆ อยากจะด่ามันเป็นภาษาจีน ทุกคนรีบหมด ทำงี้ได้ไง
หลังจากวันจันทร์ได้รู้แล้วว่าถ้าไปทางสาย 5 จะเป็นยังไง วันอังคารเลยลองไปขึ้นสาย 2 แล้วเดินเปลี่ยนสถานีไกล ๆ ดูสะทีสิวะ ผล เออ ไม่เลวแหะ คนไม่ค่อยเยอะ บางที่ได้นั่งอีกต่างหาก ส่วนระยะทางที่ว่าไกล ๆ นะหรอ เดินทุกวัน ๆ ก็ไม่ไกลสะแล้ว เดินชิล ๆ มีอยู่วันลองนับก้าวที่เดิน ๆ จากสถานี wodakou ไปมหาลัย ปรากฎว่านับได้เกิน 1000 ก้าวอะ คิด ๆ ในใจ ถือสะว่าออกกำลังกายฟรีละกันวะ ไม่ต้องเสียตังค์ไปฟิตเนสที่ไหน
วันแรกที่ไปถึงห้องเรียน ก็ไม่สายนะ ออกจะเช้าด้วยซ้ำ แต่มีเหล่าซือมานั่งรอ พร้อมเพื่อนบางคนอยู่แล้ว ตอนนั้นบอกตรง ๆ ว่ามีอาการตื่นเต้น มองหาว่ามีคนไทยบ้างไหม กวาดตามอง ก็มีแต่หน้าตาฝรั่ง ๆ จะมีเอเชียก็ดูเป็นจีน ๆ ไปเลย เลยไม่รู้จะพูดกะใคร จะทักกะใคร คิด ๆ ในใจ นั่งเรียนไปก่อนละกัน
จนเหล่าซือสอนการออกเสียงต่าง ๆ พอได้ยินสำเนียง เริ่มมีลุ้นละ พลว่าคนไทยอะ ไม่ว่าเรียนภาษาอะไร ก็มีสำเนียงคนไทยอยู่ เรียนคาบแรกเสร็จ เพื่อนบางคนก็ออกไปข้างนอกกัน ทีนี้ละได้ยินแจ่มแจ๋วเลยว่า คนไทยนี่หว่า แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ห้องไหน จนตอนเรียนคาบใหม่ เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหลังที่คาดว่าจะเป็นคนไทย พลเลยลองเสี่ยงทักดู เพราะจากสำเนียงมันฟ้องอะว่าคนไทย เลยทักเค้าไปว่าคนไทยหรอ เค้าก็ว่าใช่คะ ตอนนั้นดีใจอะ มีการสอบถามชื่อกันเรียบร้อย ว่าชื่ออะไร แต่น้อง (การเป็นไปตามคาด พลแก่ที่สุดในห้อง ) เค้าย้ายที่ไปนั่งข้างหน้า เพราะเค้าว่าไม่ค่อยได้ยิน พอทักน้องคนนี้เสร็จก็มีน้องอีกคนที่นั่งเยื้อง ๆ กัน ได้ยินเราพูดภาษาไทยเลยทักมาอีกว่าคนไทยหรอคะ พอบอกว่าใช่ น้องเค้าก็ยกมือไหว้ทีนึง นั่นคือจุดเริ่มต้นการรู้จักเพื่อนคนไทยในห้อง
แต่ในห้องยังมีน้องผู้ชายคนไทยอีกคนนึง มาคุยกันตอนเบรกที่สอง คนเนี้ย ถึงไม่บอก ก็พอเดาได้จากสำเนียงว่าคนไทยแน่ ๆ แต่หน้าตาน้องเค้าก็คือคนจีนอยู่นะ อยู่ข้างนอกนี่ ต้องคิดว่าเป็นคนจีนแหง ๆ แต่จะว่าไป คนไทย 4 คนในห้อง มีพลคนเดียวที่ดู ๆ แล้วไม่ใช่จีนแน่นอน 3 คนที่เหลือ จากการคุย ๆ กัน มีเชื้อจีนหมดคนละนิดคนละหน่อย พลคนเดียวแท้ ๆ ที่เป็นไทยดำรำพันในห้อง
นอกจากเพื่อนคนไทยในห้อง 3 คนแล้ว พลยังรู้จักเพื่อนของเพื่อนที่เป็นคนไทยอีก 2 คน น้อง 2 คนนี้น่ารักดี ตลก ๆ อยู่ห้องตรงข้ามกะห้องพลคนนึง แล้วก็อยู่ห้องเยื้อง ๆ อีกคนนึง แค่นี้ไม่พอนะ วันแรก หลังจากเรียนเสร็จตอน 12.30 พลก็ไปกินข้าวต่อกับน้อง ๆ ตอนเดินไปโรงอาหาร เจอน้องคนไทยอีก 2 คน ส่วนในโรงอาหาร ปานยังกะ ชุมชนชาวไทย เยอะมาก เมื่อวานนี้ น้องในห้องบอกว่า เพิ่งมีคนไทยมาใหม่อีกประมาณเกือบ 20 คน เป็นนักเรียนทุนสะด้วย อีกหอนึงก็เพิ่งมีนักเรียนคนไทยมาใหม่อีกเหมือนกัน สรุปเท่าที่รู้ตอนนี้ คนไทยที่ Beijing Language and Culture University มีเยอะพอตัวเลยนะ วันนี้ตอนซื้อข้าวที่โรงอาหาร คนต่อท้ายก็เป็นคนไทย ตอนเช้าเดินไปห้องเรียนก็ได้ยินนักเรียนหน้าตึกคุยกันเป็นภาษาไทย ระหว่างเดินขึ้นตึกก็ภาษาไทย แหม จะบอกว่าอุ่นใจนี่คงพอได้มั้ง แต่ก็ไม่ได้มีการทักทายอะไรกันนะ กะว่าถ้าหันมามองกันก็จะส่งยิ้มให้สะหน่อย แต่ยังไม่มีโอกาส น้อง ๆ พวกนี้ ถ้าไม่พูดภาษาไทยนะ ก็ดูกลืน ๆ กะคนจีนเลยละ ไม่ค่อยเห็นมีใครดำ ๆ เหมือนพลอะ
การเรียน การสอน
คาบแรก เหล่าซือที่สอนก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ว่าเป็นเหล่าซือผู้ชาย อายุน่าจะประมาณ 50 กว่า ๆ ใจดี พลชอบดูปากเค้าเวลาพูดภาษาจีนอะ มันจู๋ ๆ ยิ้ม ๆ ไปตลอด พลเลยใช้วิธีนี้แหละ ในการออกเสียง โดยการดูปากเหล่าซือ ว่าเหล่าซือทำปากยังไงก็พยายามทำตามเหล่าซือ ก็พอได้ผลนะ
คาบแรก ๆ เค้าก็สอนออกเสียงพื้นฐานของพินอิน เริ่มจากตัวอักษรก่อน b ปอ p พอ m มอ f ฟอ d เตอ t เธอ n เนอ l เลอ g เกอ k เคอ h เฮอ z จือ c ชือ s ซือ j จี q ชี x ซี zh จือ ch ชือ sh ซือ r ญือ
แล้วก็ตามด้วยสระ a อา o ออ e เออ i อีย u อูว u อืว (ตัวนี้จะมี จุดสองจุดบนตัว U ด้วย แต่คอมพลไม่มีตัวนี้) ai อัย ei เอย ao เอา ou โอว an อาน en เอิน in อิน ua วา uo วอ หรือ วัว uai วัย uei เวย uan วาน uen เวิน er เออร์ ang อัง eng เอิง ong อง ia ยา ie เย iao เยา iou(iu) โยว ian เยียน iang เยียง ing ยิง iong ยง uang วัง ueng เวิง ue เยวีย uan ยวน un ยวิน (ตัว u ทั้งหมด มีจุดสองจุดด้วยนะจ๊ะ สำหรับตัวนี้)
หลัก ๆ เหล่านี้ นักเรียนทุกคนต้องจำให้แม่น ๆ เพราะถ้าจำไม่ได้ ก็ไม่สามารถอ่านพินอินได้ อาทิตย์แรก เหล่าซือจะสอนให้อ่านพินอินเยอะมาก สำหรับพล พลว่ายังสบาย ๆ อยู่นะ เพราะแต่ละคำเคยอ่าน เคยเจอมาแล้วทั้งนั้นจากเมืองไทย แต่บางคำเค้าก็สอนไม่เหมือนเมืองไทยนะ อย่าง b p m f บ้านเราสอน ปอ พอ มอ ฟอ แต่ตอนที่เรียนกะเหล่าซือ พลว่าเค้าพูดเหมือน โอ โพ โม โฟ หรืออีกทีก็เหมือน ปัว พัว มัว ฟัว มันฟังไปสะอย่างนั้นอะ
หรืออย่าง z เช่นคำว่า za เป็นพลจะอ่านว่า จา แต่ได้ยินเหล่าซืออ่านว่า สา ไปสะงั้น คือบางคำมันคงแล้วแต่สถานะการณ์มั้ง บอกไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ตายตัว
เหล่าซื้อมี 2 คน สอนคนละ 2 คาบต่อวัน เหล่าซือคนแรกชื่อ เหล่าซือ ซ่ง (Song) เหล่าซือคนที่สองหนุ่มกว่าคนแรกมาก อายุ 28 เอง อ่อนกว่าพลอีกอะ ชื่อ เหล่าซือลั่ว (Luo)เหล่าซือว่า เรียนจบจากที่มหาลัยนี่แหละ แล้วก็ทำงานต่อที่นี่เลย
อ้อลืมบอกไปอีกว่า วรรณยุกต์มี 4 วรรณยุกต์ หรือ 4 โทน ดังนี้ ma1 มา ma2 หมา ma3 หม่า ma4 ม่า (ขอโทษทีเหอะ ไม่รู้จะเขียนตัวกำกับเสียงยังไง เพราะในคอมพลหาไม่ได้)
การเรียนในแต่ละวันตอนนี้ก็จะเน้นการพูดเป็นหลักใหญ่ ๆ แต่เพื่อนในห้องที่มาจากประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไทยเนี่ย พลว่าเค้าอาจจะมีปัญหาในการออกเสียงกันนิดนึง พวกฝรั่งจะพูดเหมือนเหน่อ ๆ อะ ออกเสียงไม่ค่อยได้กัน คือ สี่โทนเนี่ย เพื่อนบางคนพูดสามโทนแรกเหมือนกันหมด มีแตกต่างกันแค่โทนที่สี่แค่นั้นเอง ก็ตลก ปนน่ารักดี
ออกเสียงเนี่ย พลว่าไม่ค่อยยากสำหรับคนไทยเท่าไรนะ เพราะเพื่อนคนไทยในห้องเนี่ย ออกเสียงกันได้เกือบหมด มีน้องกิฟท์อยู่คนเดียวที่อาจจะมีปัญหานิดนึง น้องเค้าพูดเหมือนฝรั่งอะ มีเอฟเฟกต์เยอะไปหน่อย
นอกจากการออกเสียงแล้ว ก็มีการเปิดเทปให้นักเรียนฟัง แล้วเลือกว่าในเทปพูดว่าอะไร โดยจะมีช้อยส์ให้สองช้อยส์ แล้วก็มีการให้นักเรียนใส่โทนที่ได้ยินว่า ในเทปพูดเสียงโทนไหน แล้วก็มีการให้นักเรียนใส่คำที่ได้ยินว่านักเรียนได้ยินเทปพูดว่าอะไร พลชอบที่สุดก็ช่วงนี้แหละ การเรียนมาก่อนแล้วจากเมืองไทย เลยทำให้ได้เปรียบเพื่อน ๆ คนอื่นอยู่บ้าง ทำทีไร จะมีผิดน้อยมาก สนุกดี
นอกจากนี้ก็มีการคัดตัวจีนบ้างแล้ว แต่เป็นคำง่าย ๆ พื้นฐาน ๆ ที่พลเคยเจอมาก่อนแล้วเช่นกัน ไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่ก็ต้องคัด ยิ่งตอนนี้ได้รับแจกหนังสือเล่มที่สองมาแล้ว เท่าที่ดูผ่าน ๆ จะยากกว่าเล่มแรกนิดหน่อย เริ่มมีแต่ตัวภาษาจีนเยอะขึ้น แต่ก็ท่าจะสนุกดีเหมือนกัน ต้องขยันมากขึ้น
เพื่อนในห้อง มีหลายหลายเชื้อชาติ แต่ที่เป็นที่นิยมมากหน่อยก็มีคนไทยนี่แหละ 4 คน คนอุซเบกิซสถาน น่าจะสัก 3-4 คน มีคนผิวสีในห้อง 4 คนจากแองโกล่า 2 คนมั้ง อีก 2 คนไม่รู้ นอกจากนั้นก็มี เวเนซุเอล่า โคลัมเบีย (แม่มอีสองคนนี้คุยกันฉิบหายวายป่วง ทำให้คนอื่นช้าไปด้วยอะ กินขนมในห้องอีกต่างหาก ไม่ชอบเลย ) ปานามา เบรุส ทางแอฟริกาเหนือคนนึง ญี่ปุ่นคนนึง หน้าตาแขก ๆ คนนึง อังกฤษคนนึง คนนั่งข้าง ๆ พลก็เป็นสาวน้อยชาว อุซเบกิซสถาน อายุแค่ 16 เอง ชื่อ จีน่า วันแรกยังไม่นั่งด้วยกัน เธอนั่งเว้นเก้าอี้ไปตัวนึง พอวันที่สองไม่รู้ยังไง เธอมานั่งติดกับพลเฉยเลย แต่ดีอะ มีเพื่อนคุยด้วย (แต่ไม่ใช่เวลาเรียนนะ) เธอขยันเรียน ตั้งใจ ออกเสียงใช้ได้เลยละ เวลาออกไปท่องภาษาจีนเป็นคู่หน้าห้อง พลก็จับคู่กับ จีน่านี่แหละ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองมากไป พลว่าคู่พลกะจีน่า ดีสุดอะ ไม่ต้องดูหนังสือ พูดได้ไม่ติดขัด (แอบเข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์ )
อาทิตย์นี้เกือบครบสองอาทิตย์แล้ว เหล่าซือว่าจะมีการเทสต์วันครั้งแรกวันศุกร์นี้ ท่าจะสนุกดี พลไม่ได้ซีเรียสอะไรไง ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แหม เราเพิ่งเรียนน้อ จะให้ไม่ผิดเลยก็ไม่ไหวนะ
เรื่องตลกนิดหน่อยในชั้นเรียนก็คือ ความที่พลอ่านพินอินได้ เวลาเหล่าซือขึ้นสไลด์ทีไร พลก็ออกเสียงดังกว่าชาวบ้านเสมอ เพราะคำมันง่าย พลอ่านได้อะน้อ ถึงอ่านไม่ได้ ก็สะกดเอา เพื่อนคนอื่นก็อย่างที่บอก อ่านผิดบ้าง ไม่อ่านบ้าง มีอยู่วันเหล่าซือบอกว่าให้พลเงียบ ๆ ไว้ให้เพื่อนเค้าอ่านกันบ้าง เพราะพลพอออกเสียงได้แล้ว ปล่อยให้คนอื่นเค้าอ่านกันไป เซ็งเลย ก็คนมันอยากอ่านน้อ
อีกเรื่องเวลาเหล่าซือขออาสาสมัครออกไปหน้าห้องเขียนกระดานดำตามคำบอก พลออกไปสองวันรวด พอวันหลัง เหล่าซือไม่ยอมเรียก ทั้ง ๆ ที่ยกมืออาสาก็แล้ว โบกมือก็แล้ว ก็ไม่ยอมเรียก เมื่อวานนี้ เพื่อนคนไทยออกไปเขียนตัวจีนหน้าชั้นเรียน แล้วเขียนไม่ได้ ก็เลยตะโกนบอก เหล่าซือเดินมาเอากระดาษปิดปากเลยอะ
ข้างบนโฉมหน้าน้อง ๆ คนไทย จากซ้ายไปขวา ปุ้ย แจ๋ว พล เบลล์ กวาง กิฟท์ และ อ๋อ เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกัน มีเบลล์ กิฟท์ และ อ๋อ นอกนั้นอยู่ห้องใกล้ ๆ กัน
คร่าว ๆ ตอนนี้ยังสนุกสนานกับการเรียนอยู่มาก ไม่เคยมีความรู้สึกว่าไม่อยากไปเรียนเหมือนตอนเรียนภาษาฝรั่งเศส เพราะเหล่าซือ พูดภาษาจีนก็จริง แต่ถ้าไม่เข้าใจเหล่าซือจะแปลเป็นภาษาอังกฤษให้อีกที แต่ถ้าเริ่มยากขึ้น ๆ จะเป็นยังไงเดี๋ยวมาว่ากันอีกทีละกัน
Create Date : 16 กันยายน 2552 |
Last Update : 16 กันยายน 2552 18:11:17 น. |
|
9 comments
|
Counter : 991 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:18:54:18 น. |
|
|
|
โดย: เด็กห้อง 311 IP: 123.119.74.150 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:28:56 น. |
|
|
|
โดย: da IP: 124.122.120.201 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:41:22 น. |
|
|
|
โดย: anchesa วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:22:16:15 น. |
|
|
|
โดย: phavinee_p IP: 222.123.233.20 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:19:42:19 น. |
|
|
|
โดย: ohhkame IP: 222.123.233.20 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:21:23:21 น. |
|
|
|
โดย: เพื่อนสาวสุดสวย IP: 203.209.103.91 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:16:54:12 น. |
|
|
|
โดย: คนซ้ายสุดในรูป IP: 221.222.235.84 วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:19:21:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ฝันนั้นจะเป็นจริง
ค่าเรียนใน 北語 แพงมั้ยคะ
แล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่
จะได้วางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนค่ะ...