เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2019 ได้หาโอกาสที่จะกลับไทย หลังจากที่อยู่อิตาลีมาตั้งแต่ สิงหาคม ปี 2012 ซึ่งก็เป็น 7 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับ พอได้วันหยุดที่ได้จากทำงานบ้านพักคนชรา เป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ พวกเราจึงวางแพลนที่จะเดินทางกลับเมืองไทยกัน ปัญหาที่สำคัญมากกว่าค่าเดินทางก็คือ เด็กๆ จะต้องหยุดเรียน ถึง 3 อาทิตย์ด้วยกัน คนน้องไม่น่าเป็นห่วง เพราะ ยังเรียนอยู่ชั้นประถม คนพี่นี่ซิ ขึ้นมัธยมต้นปีที่ 1 ถึงแม้จะเพิ่งเปิดเทอมมาได้ 2 เดือน แต่จากที่ดูการเรียน การสอน การบ้านของคนโตแล้ว ก็มีความกังวลว่าจะเรียนตามเพื่อนทันรึเปล่า และเขาจะต้องเรียนเพิ่มเติมที่ขาด บวกกับเรียนตามตารางปัจจุบันเมื่อกลับมาอิตาลี

เราและแฟน จึงพยายามที่จะขออาจารย์บางวิชา ที่สามารถส่งงานจากเมืองไทย มี แค่ 2 วิชาที่ให้การเรียนและการบ้านทางอินเตอร์เน็ต จึงทำให้อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลหมดทุกวิชา ส่วนวิชาอื่นๆ อาจารย์ท่านอื่นๆ ก็บอกว่า ไม่ต้องกังวล เพราะอย่างไรก็ไม่น่าจะมีปัญหา แค่ลูกเราต้องทำงานมากกว่าเด็กๆ คนอื่นนิดหน่อย เราก็หายห่วงไป

เมื่อพวกเรามาถึงเมืองไทย คุณตาและคุณยาย ดีใจที่สุด ที่ได้เจอหลานๆ ที่ไม่ได้เจอกันถึง 7 ปี เด็กๆ โตขึ้นมาก จนตอนนี้ ลูกคนโต สูงจะเท่ายายเสียแล้ว เมื่อขนกระเป๋าเข้าบ้าน สิ่งที่ทำให้สะดุดตามากๆ คือ ต้นมะพร้าว ต้นเล็กๆ อยู่ในกระถาง วางเรียงรายเต็มไปหมด พวกมันดูน่ารัก และสวยงามมาก หลังจากเก็บกระเป๋า พักดื่มน้ำ ดื่มทาเสร็จแล้ว เราก็ถามพ่อของเรา เกี่ยวกับต้นมะพร้าวน่ารักพวกนี้

พ่อเราบอกว่า วันๆ พ่ออยู่ว่างๆ เปิดดูยูทูปเกี่ยวกับต้นไม้ (พ่อเราชอบปลูกต้นไม้) ก็ได้เห็นต้นบอนไซมะพร้าวที่คนเขาปลูกกัน พ่อเราตกหลุมรัก และทำการลองปลูกทันที พ่อบอกว่า พ่อปลูกได้ไม่งามเหมือนในยูทูปหรอก แต่สำหรับเรามันก็สวยงามมากแล้ว สำหรับมือสมัครเล่นอย่างพ่อ พ่อเราเริ่มปลูกได้เป็นปีที่ 2 ลองผิด ลองถูก ปลูกติดบ้าง ตายบ้าง ก็ฝึกและทดลองไป

บอนไซมะพร้าวที่วางต้อนรับแขกทุกคนที่มาบ้าน

นอกจากเราแล้ว ลิลลี่ (ลูกสาวคนเล็ก) ก็ชอบมาก และขอทำต้นบอนไซมะพร้าวกับคุณตา(พ่อเรา) พ่อเราจึงไปข้างบ้าน เพื่อจะเอาลูกมะพร้าวที่ปล่อยทิ้งไว้ จนมันขึ้นต้นมา พ่อเริ่มปลอกเปลือกออกอย่างเบามือ เพราะระวังรากไม่ให้ขาด ขั้นตอนนี้ลิลลี่ไม่สามารถลองทำได้ เพราะต้องใช้มีดและวิธีทำก็ยากด้วย หลังจากปลอกเปลือกเสร็จ คุณตาก็เอามีดเล็กๆ มาขูดเปลือกมะพร้าวที่เหลือให้เหลือน้อยที่สุด ก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนต่อไป
 

เมื่อถึงขั้นตอนขัดกระดาษทราย เพื่อให้ผิวมะพร้าวเรียบ เป็นขั้นตอนที่ลิลลี่สามารถทำได้ คุณตาจึงให้ลองทำ แต่ก็คอยมองและบอกให้ระวังรากมะพร้าว ลิลลี่ก็ทำอย่างตั้งใจและชอบมาก หลังจากขัดกระดาษทรายเรียบได้เป็นที่พอใจขอคุณตาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ ทาแล็กเกอร์ ที่กะลามะพร้าว ซึ่งขั้นตอนนี้ ลิลลี่ก็ได้แต่ดู จากนั้นก็เอาลูกมะพร้าวไปตั้งผึ่งลมให้แล็กเกอร์แห้ง ระหว่างที่รอ คุณตาก็เตรียมดิน ลิลลี่ได้ช่วยนิดหน่อย พอแล็กเกอร์แห้งแล้ว ก็ถึงเวลาจับลูกมะพร้าวลงดิน ขั้นตอนนี้ก็ต้องระมัดระวังรากของมะพร้าวให้ดี วางตำแหน่งที่ต้องการ แล้วก็กลบดิน คุณตาจะเอาก้อนหินมาตั้งไว้ใต้ลูกมะพร้าว เพื่อช่วยรับน้ำหนัก จนกว่า รากของมันจะแข็งแรงแล้วค่อยเอาออก กลบดินแล้วเราก็มาตกแต่งหน้าดินนิดหน่อยด้วย ก้อนหินเล็กๆ วางให้ทั่วหน้าดิน งานนี้ลิลลี่ก็ได้ช่วยคุณตาอีกแล้ว 5555  แล้วเราก็ได้ต้นบอนไซมะพร้าวฝีมือคุณตาและลิลลี่ต้นหนึ่ง

นอกจากได้ลิลลี่ได้ลองปลูกต้นบอนไซมะพร้าวแล้ว สิ่งที่ได้รับนอกจากการปลูก ก็คือ การได้ทำกิจกรรมที่ดีมากๆ กับคุณตา การได้ใช้เวลาร่วมกันตาหลาน ซึ่งเป็นความประทับใจในสายใยของครอบครัวเรา จริงๆ แล้วคุณยายก็มีส่วนร่วมนะ คือนั่งดูและกำกับคุณตาอีกที 555 ทริปนี้ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น สำหรับพวกเรา แต่ก็พยายามเก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุด 

บอนไซมะพร้าว งานอดิเรกของคุณตา