มิถุนายน 2551

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์


เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (The Ratana Varabhorn order of Merit) เรียกอย่างย่อว่า ตรารัตนาวราภรณ์ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นบำเหน็จในพระองค์ ที่สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับเชิดชูเกียรติคุณแก่ข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ผู้ที่ตั้งใจรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีและมีความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่ 5 ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ปัจจุบัน พ้นสมัยพระราชทานแล้ว

ลักษณะของตรารัตนวราภรณ์

ฝ่ายหน้า
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์สำหรับฝ่ายหน้า กลางดวงตราเป็นรูปวงกลม กรอบประดับเพชร ขนาด 2.5 เซนติเมตร มีอักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ "ร.ร." กับเลข "๖" ประดับเพชร หมายความว่า สมเด็จพระรามราชาธิบดีที่ 6 อยู่ภายในวงกลมบนพื้นลงยาสีขาบที่กรอบวงกลมทั้ง 4 ทิศ เป็นรูปพระวชิราวุธ มีรูปพระแสงศรกำลังรามทำด้วยทองไขว้ คันศรยื่นออกในระหว่างพระวชิราวุธทั้ง 4 ทิศ และมีรูปคมศรเพชรแทรกระหว่างพระวชิราวุธกับพระแสงศรกำลังราม 8 แสก เบื้องบนมีพระมหาพิชัยมงกุฎประดับเพชร ด้านหลังมีตลับแก้วสำหรับบรรุเส้นพระเจ้า (เส้นผม) ร้อยด้วยแพรแถบสีเหลืองขอบดำริมเหลือง กว้าง 3 เซนติเมตร ใช้สำหรับคล้องคอ

ฝ่ายใน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์สำหรับฝ่ายในนั้น ดวงตรามีเรือนทองกลมขนาด 3 เซนติเมตร ขอบประดับเพชร พื้นกลางลงยาสีขาบ มีอักษรพระนามาภิไธยย่อ ร.ร.๖ ประดับเพชร มีห่วงเป็นรูปพระมหาพิชัยมงกุฎขนาด 2 เซนติเมตร ประดับเพชร ข้างขอบเป็นรูปนาคสลับกับเพชราวุธ 4 มุม ด้านหลังมีตลับแก้วสำหรับบรรจุเส้นพระเจ้า (เส้นผม) เหนือพระมหาพิชัยมงกุฎมีอุณาโลมประดับเพชรและห่วงห้อยดวงตรา กับมีสังวาลย์อักษรพระบรมนามาภิไธยย่อ ราม.ร.๖ ทองลงยา ขั้นสลับกับพระมหาพิชัยมงกุฎ

ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะทรงพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ได้ตามพระราชประสงค์ แต่จะพระราชทานสำหรับข้าราชการและประพฤติตนเป็นที่ต้องพระราชอัธยาศัย โดยห้ามมิให้ผู้ใดกราบบังคมทูลขอพระราชทานเพื่อตนเองหรือกราบบังคมทูลแนะนำเพื่อพระราชทานแก่ผู้อื่นเป็นอันขาด

ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ จะได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรกำกับไว้ด้วย โดยถ้าผู้ได้รับพระราชทานเสียชีวิตลง สามารถมอบตรารัตนวราภรณ์ให้แก่ผู้รับมรดกเพื่อไว้เป็นเครื่องสักการะบูชาต่อไป โดยไม่ต้องส่งคืน แต่จะไม่สามารถประดับตรานี้ได้

อ้างอิง
1. ราชกิจจาุนุเบกษา, พระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรารัตนวราภรณ์, เล่ม ๒๘, ตอน ๐ก, ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๔, หน้า ๑๘๕
2. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย, เล่ม ๑๑๐, ตอน ๒๙ง ฉบับพิเศษ, ๑๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๖, หน้า ๑
3. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ กระแสพระบรมราชโองการแก้ไขพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์, เล่ม ๓๕, ตอน ๐ก, ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๑, หน้า ๒๔๕
4. ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ เพิ่มเติมข้อความในพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตรารัตนวราภรณ์, เล่ม ๓๙, ตอน ๐ ก, ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๕, หน้า ๓๐๒



Create Date : 10 มิถุนายน 2551
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 9:13:26 น.
Counter : 1042 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อยากขอบใจสักครั้งหนึ่ง
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]