|
ถึงกาลต้องเปลี่ยน
10 กว่าปีที่ผ่านมา บ้านและสวนเคยไปเยือนบ้านหลังนี้หลายครั้งด้วยกัน ปีนี้เราได้โอกาสกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง และดูเหมือนสิ่งต่าง ๆ รอบบ้านได้เปลี่ยนแปลงไปจนผิดหูผิดตา จากที่เคยมีสนามหญ้ากว้างอยู่หน้าบ้าน ก็กลับมีศูนย์การค้าเล็ก ๆ ตั้งบดบัง บ้านสองชั้นหลังนี้เสียมิด อาจารย์กันต์ พูนพิพัฒน์ เจ้าของบ้านเริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า "ผมซ่อมบ้านทั้งหลังครั้งใหญ่ด้วยสาเหตุหลายอย่าง อย่างแรกคือต้องซ่อมเพราะเป็นไปตามอายุขัยของบ้าน อีกอย่างคือคิดไว้ว่า ต่อไปในอนาคตอยากจะยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ อยากให้เป็นพิพิธภัณฑ์ โดยจะร่วมมือกับหอศิลป์ของเทศบาลซึ่งร่วมงานกับคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (สถานที่ที่อาจารย์กันต์ทำงาน) เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็ต้องเตรียมความพร้อมให้กับบ้าน โดยต้องอยู่ในสภาพที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ในอนาคต จึงซ่อมทุกอย่างทั้งพื้น ผนัง และหลังคา"
การปรับปรุงครั้งนี้จึงต้องรื้อทุกส่วนของบ้าน เหลือไว้เฉพาะโครงสร้างเดิม และคงลักษณะการแบ่งพื้นที่ห้องต่าง ๆ เหมือนเดิมเกือบทั้งหมด ก่อนจะลงมือปรับปรุง อาจารย์กันต์ต้องเก็บข้าวของแต่ละชิ้น ซึ่งเป็นของเก่าที่สะสมมานานด้วยตนเอง
" การตกแต่งครั้งนี้ต่างจากแบบเดิมที่เคยทำไว้ ผมโละเฟอร์นิเจอร์เก่าออกหมดเลยครับ ทำพื้นที่ภายในให้เป็นระบบระเบียบยิ่งขึ้น หลังคาที่มุงกระเบื้องของดินเผาซึ่งใช้มานานแล้ว ก็รื้อลงมาทั้งหมด ก่อนซ่อมคิดว่าน่าจะตกแต่งให้เป็นสไตล์ที่ดูคลาสสิก และเป็นทางการ ไม่ใช่เป็นแบบแฟชั่น ซึ่งคงไม่เหมาะกับการเป็นพิพิธภัณฑ์ แบบที่เหมาะที่สุดน่าจะเป็นสไตล์ล้านนาโคโลเนียล ซึ่งเป็นแบบอย่างที่มีจริง"
ในการตกแต่งอาจารย์กันต์เล่าว่า ต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปอยู่บ้านหลังเล็กในบริเวณเดียวกัน เป็นการชั่วคราว เพื่อจะได้คุมงานอย่างใกล้ชิด พร้อมกับสรรหาของตกแต่งที่เข้ากับสไตล์ล้านนาโคโลเนียล ให้ใกล้เคียงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลายไม้ฉลุตกแต่งเหนือประตู-หน้าต่าง มือจับแก้วเจียระไน หรือโคมไฟช่อระย้า ของเหล่านี้อาจารย์กันต์เป็นผู้เลือกสรรด้วยตนเอง ส่วนวัสดุตกแต่งทั่วไปให้ผู้รับเหมาเป็นผู้เสนอ นอกจากนี้ก็นำเฟอร์นิเจอร์ไม้หลายตัว ที่อาจารย์กันต์ซื้อเก็บสะสมไว้นานแล้ว มาซ่อมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
ภายในบ้านประกอบด้วยพื้นที่สองส่วนใหญ่ ๆ พื้นที่ส่วนแรกอยู่ด้านหน้า ชั้นล่างมีห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น ห้องแฟมิลี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้งานสารพัด ทั้งนั่งเล่น เตรียมอาหาร ทำงาน และวางคอมพิวเตอร์ ชั้นบนเป็นห้องนอน 2 ห้อง โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า
พื้นที่ส่วนที่สองอยู่ด้านหลังบ้านซึ่งต่อกับส่วนรับแขก ใช้เป็นห้องรับประทานอาหาร โดยปรับแต่งใหม่ ทาสีแดงที่ผนังบางส่วน เลยส่วนรับประทานอาหารออกไปเป็นพื้นที่ของสวนหลังบ้าน ที่เต็มไปด้วยไม้ประดับประเภทกึ่งในร่มหลากพันธุ์ ล้อมด้วยรั้วด้านหลังบ้านที่ทาสีส้ม และวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบสิกิริยา (Sigiriya) ของประเทศศรีลังกา
บ้านหลังนี้มีองค์ประกอบที่ดี กล่าวคือมีการวางตำแหน่งที่เหมาะสม โดยหน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งมีต้นอโศกอินเดียยืนต้นให้ร่มเงา ด้านหลังบ้านเป็นทิศตะวันตก มีต้นลำไยที่อาจารย์กันต์ปลูกไว้ตั้งแต่เริ่มสร้างบ้านเมื่อ 20 ปีก่อน เวลานี้ต้นก็เติบโตช่วยบังเงาในช่วงบ่าย ทำให้บ้านไม่ร้อน นอกจากนี้ตัวบ้านยังมีการก่อผนังที่ค่อนข้างหนา รวมถึงใช้กระเบื้องดินขอมุงหลังคา ซึ่งมีส่วนกันความร้อนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี บ้านหลังนี้จึงอยู่สบาย และสร้างความสุขให้เจ้าของบ้านสมดังความตั้งใจ
เมื่อเข้าสู่ภายในบ้านจะพบส่วนรับแขกเป็นส่วนแรก ลักษณะห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตกแต่งแบบเรียบ โดยจัดเฟอร์นิเจอร์เป็นสองกลุ่มอย่างสวยงาม เพื่อการใช้งานที่หลากหลาย และให้เหมาะสมกับพื้นที่ ม้านั่งสีทองเป็นของเก่าสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จากประเทศฝรั่งเศส แต่ซื้อในเมืองไทย
ห้องโทนสีฟ้า-เหลือง "ไม่คิดว่าภาพที่ติดผนังจะเข้ากับโทนสีของห้องได้พอดี ได้มานานแล้ว ภาพนี้ไปเห็นอยู่ใต้ถุนกุฏิ กองอยู่บนพื้นเห็นเด็กไปกระโดดเล่นบนแผ่นไม้แต่ไม่เห็นรูปนี้ เพราะตอนนั้นรูปคว่ำหน้าลง ถามเด็กว่าแผ่นไม้อะไร พอพลิกกลับมาตกใจมาก ขอทำบุญเลยครับ"
มุมนั่งเล่นส่วนนี้ยกพื้นขึ้น อาจารย์กันต์ได้แบบอย่างมาจากเติ๋นหรือชานบ้านของคนภาคเหนือ "ได้ตั่งจากเขมรมาสองตัว ลักษณะเหมือนกันเลยครับ วางอยู่หน้าห้องด้านละตัว เป็นของเก็บสะสมของผมอีกเช่นกัน"
ภายในห้องนั่งเล่นวางตั่งตัวเตี้ย "ผนังห้องทำเป็นชั้นวางเครื่องเขิน ซึ่งเก็บไว้มากพอสมควร ผมทำชั้นให้อยู่ในผนังจะทำให้ห้องดูเรียบร้อยกว่าเอาตู้สำเร็จมาวาง เมื่อจัดของเหล่านี้เข้าไป ก็ดูเป็นระเบียบมองเห็นง่ายดีครับ"
ห้องพระเป็นห้องเล็ก ๆ และเป็นเพียงห้องเดียวที่เลือกทาผนังสีเหลือง
ห้องรับประทานอาหารมีลักษณะเหมือนศาลา อาจารย์กันต์เปลี่ยนโครงหลังคาใหม่แทนของเดิม ผนังด้านในทาสีดำ ส่วนผนังด้านนอกอีกสองด้านเป็นบานพับกระจกใส ซึ่งปกติจะเปิดตลอด ทำให้มีอากาศถ่ายเท หากต้องการใช้เครื่องปรับอากาศก็ปิดบานพับเข้ามาได้
จัดวางเก้าอี้เหล็กดัดกับโต๊ะไม้สัก ชิดผนังด้านหนึ่งของห้องรับประทานอาหาร ทาผนังสีแดงสด พื้นจากเดิมที่เคยปูแผ่นกระเบื้อง ก็เปลี่ยนเป็นหินอ่อนขาวพม่ารุ่นสุดท้าย เพราะปัจจุบันบริษัทหินอ่อนในประเทศอิตาลีมารับสัมปทานไปแล้ว จึงไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทยโดยตรงอย่างที่เคยเป็น
สวนด้านหลังบ้าน "ต้นลำไยต้นนี้ผมปลูกเองเมื่อตอนสร้างบ้าน อยากได้สวนแบบในร่ม จึงตัดกิ่งลำไยให้ส่วนล่างดูโปร่ง แล้วปลูกไม้ประดับทั้งบีโกเนีย ม้าลาย คล้า และพรมญี่ปุ่น พวกนี้ผมเพาะเองจากสวนกุหลาบบนภูเขา เป็นความภูมิใจนะครับที่เราจัดสวนด้วยตัวเอง ผมใช้วิธีเอาปริมาณเข้าว่า ต้นไม้จึงแน่นสวยงาม"
รั้วด้านหลังบ้าน จากเดิมที่เป็นอิฐบล็อกก่อดูไม่สวยงาม อาจารย์กันต์ให้ช่างโบกปูน ทำเป็นแนวกำแพงเลียนแบบศาลาบาตรของภาคเหนือ จากนั้นทาสีส้มและให้ลูกศิษย์วาดรูปจิตรกรรมฝาผนัง แบบสิกิริยาของประเทศ ศรีลังกา พอตกกลางคืนก็เปิดไฟใช้แสงเพียง 5 แรงเทียน บรรยากาศจะดูมลังเมลืองดี
สำหรับการดูแลต้นไม้ อาจารย์กันต์ได้ต่อท่อน้ำเพื่อทำเป็นละอองหมอก ให้ความชุ่มชื้นแก่พรรณไม้ประดับ อีกทั้งแสงแดดในช่วงบ่ายแก่ของบริเวณนี้ก็ไม่ร้อนจนเกินไป ทำให้สวนหลังบ้านเป็นเสน่ห์ของบ้านหลังนี้
เรื่อง : "จัตตริน" ภาพ : สังวาล,ปิยะวุฒิ เจ้าของ-ตกแต่ง : อาจารย์กันต์ พูนพิพัฒน์
ที่มา : //www.baanlaesuan.com //www.decorreport.com
สารบัญ ตกแต่งบ้าน และ จัดสวน
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 15:03:33 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2632 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มา IP: 110.164.82.51 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:09:15 น. |
|
|
|
โดย: อิทธิศักดิ์ IP: 27.55.68.91 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2564 เวลา:22:07:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|