|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
จอมจักรพรรดิ์ ฮั่นอู่ตี้ ภาค 1 - ตอนที่ 7, 8
ตอนที่ 8 คราวเคราะห์ของไท่จื่อและจางเชียน
ไท่จื่อพูดเหน็บเนี่ยนหนูเจียวเข้าให้ว่า “ก็ชายสองคนต้องมาทะเลาะต่อสู้กันแบบต้องตาย กันไปข้างหนึ่ง(你死我活)เพื่อเจ้าขนาดนี้ เจ้ายังไม่รู้สึกดีอกดีใจหรอกหรือ” เนี่ยนหนูเจียวฟังไท่จื่อพูดจบก็ถอนหายใจออกมา ไท่จื่อได้ยินเข้าก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าถอนหายใจทำไม” เนี่ยนหนูเจียวตอบตามความรู้สึกของตนเองไปว่า “เมื่อคนเราต้องตกอยู่ในสภาวะจำยอม ต่อให้ตนเองมีทุกข์ขมขื่นเพียงใด ก็จำต้องเสแสร้งแกล้งแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเองมีความ สุข(强颜欢笑) ข้าว่าจิ่วเกอคงไม่เข้าใจถึงความรู้สึกเช่นนี้ของข้ากระมัง” ไท่จื่อพูดเหน็บเนี่ยนหนูเจียวเข้าให้อีกหนึ่งดอกว่า “ก็ข้าเห็นพวกเจ้าหยอกล้อต่อกระซิก พี่จ๊ะน้องจ๋า ดูมีความสุขกันดีนี่ ไฉนเลยถึงยังมีเรื่องให้ต้องทุกข์ใจอีกล่ะ” เนี่ยนหนูเจียว : “จิ่วเกอ ท่านนี่ไม่ทราบจริงๆเลยเหรอว่าเค้าเป็นใคร เค้าเป็นลูกชายของ เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อ ทุกๆที่ในเมืองเยี่ยนชื่อจะว่าไปก็เปรียบเสมือนกับเป็นบ้านเล็กบ้านน้อย (三宫六院)ของเค้าก็ว่าได้ ถ้าเค้าสนใจสาวคนใดแล้วล่ะก็ สาวคนนั้นจะกล้าปฏิเสธได้ อย่างไร” [三宫六院(ซันกงลิ่วเอวี้ยน) หมายถึง วังหลังที่เป็นที่อยู่ของเหล่าบรรดาภรรยา อนุภรรยา หรือนางสนม ของหวงตี้(ฮ่องเต้)] ไท่จื่อพูดด้วยความโกรธเล็กๆว่า “ชักจะเกินไปหน่อยแล้ว เป็นแค่ลูกชายของขุนนาง ทำอย่างนี้ มิเท่ากับยกตนเทียมหวงตี้หรอกรึ” เนื่องจากเนี่ยนหนูเจียวได้สืบทราบจนรู้ความจริงเกี่ยวกับสถานะภาพที่แท้จริงของจิ่วเกอ และตนเองก็มีเรื่องบางอย่างที่อยากจะขอความช่วยเหลือจากไท่จื่อ เมื่อเห็นเป็นโอกาสเหมาะ จึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “จิ่วเกอ ค่ำนี้ท่านว่างหรือเปล่า ข้ามีเรื่องตั้งมากมายที่อยากจะคุยกับท่าน” ไท่จื่อได้ยินเข้ารู้สึกดีใจหาย แต่ก็ยังวางมาดกลบความดีใจไว้ เอ่ยขึ้นว่า “ว่างสิ ว่าง” เนี่ยนหนูเจียวหลังจากที่ได้ยินคำตอบจากไท่จื่อ ก็บอกคนแบกเสลี่ยงให้ออกเดินหน้าต่อไป เมื่อเนี่ยนหนูเจียวผ่านไปแล้วไท่จื่อก็หลุดฟอร์มแสดงความดีใจออกมายกใหญ่ “เย้!” กัวเส่อเหรินเดินเข้ามากระซิบว่า “จิ่วเกอ ท่านดูสีหน้าของจางทังตอนนี้สิ เครียดจนหน้าดำ ไปเลย” ไท่จื่อกระซิบบอกกัวเส่อเหรินไปว่า“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” จากนั้นก็ร้องเรียกจางทัง “ท่านเรียกข้า มีเรื่องอะไรเหรอ” จางทังเอ่ยถามขึ้นขณะที่เดินเข้ามาพร้อมกับหลี่หลิงและก้วนฟู ไท่จื่อ : “วันนี้ตอนหัวค่ำ ข้ามีงานสำคัญมากอยู่ชิ้นหนึ่งที่ต้องไปจัดการ จึงอยากให้เจ้าไป เป็นเพื่อนข้าสักหน่อย” จางทัง : “ข้าเหรอ” ไท่จื่อ : “ใช่ เจ้านั่นแหละ” จางทังเองรู้สึกไม่เต็มใจเท่าไรนัก แต่เมื่อเป็นหน้าที่ที่จะต้องปกป้องดูแลคุ้มครองไท่จื่อ จึงได้แต่เอ่ยตอบกลับไปว่า “จางทังน้อมรับคำสั่ง” เมื่อจางทังพูดจบไท่จื่อก็รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่จัดงานทันที พร้อมกับกระหยิ่มยิ้มย่อง อยู่ในใจที่คืนนี้จะได้พบกับเนี่ยนหนูเจียว โดยที่จางทังไม่ได้ทัดทานหรือสอบถามว่าเป็นเรื่อง สำคัญอะไร ก้วนฟูเห็นไท่จื่อเดินตัวลิ่วตัวปลิวไป จึงพูดขึ้นว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ” กิริยาอาการทุกอย่างของไท่จื่อกับพรรคพวก หาได้รอดพ้นไปจากสายตาของชายชุดดำที่เฝ้า มองดูอยู่ห่างๆ
**********
ที่ด้านหน้าของศาลาว่าการของเมืองเยี่ยนชื่อ มีการแสดงเต้นรำของเหล่าบรรดาหญิงสาวให้ดู ฆ่าเวลาก่อนที่พิธีการจับกระต่ายจะเริ่มต้นขึ้น วันนี้มีชาวบ้านมามุงดูให้ความสนใจและเข้าร่วม กิจกรรมกันอย่างหนาแน่น เมื่อได้เวลาฤกษ์หลิวอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อซึ่งนั่งอยู่เป็น ประธานในพิธีได้เอ่ยขึ้นว่า
“เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันที่เราจะมาล่ากระต่ายและเป็นวันที่พ่อแม่พี่น้องจะมีความสุขสนุกสนาน ร่วมกัน ข้าในนามของท่านเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อขอประกาศแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกันว่า กระต่ายแต่ละตัวที่พวกท่านจับได้นั้นให้ถือว่าตกเป็นกรรมสิทธ์ของท่านที่จะนำกลับไปบ้านได้ และผู้ใดที่ล่ากระต่ายได้มากกว่าสิบตัวขึ้นไปแล้วล่ะก็สามารถมารับรางวัลได้ที่นี่”
ทันทีที่หลิวอี้พูดจบ เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อก็บอกเจ้าหน้าที่ให้ไปนำอ๋องกระต่ายออกมาวางให้ ประชาชนดู จากนั้นเจ้าเมืองเยี่ยนชื่อได้เอ่ยขึ้นว่า “หวังว่าทุกๆท่านคงจดจำรายละเอียดของอ๋องกระต่ายตัวนี้ได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่สามารถ จับตัวเป็นๆของอ๋องกระต่ายได้ ข้ามีรางวัลเป็นทองคำหนักหนึ่งร้อยเหลี่ยง(一百两)ให้ บัดนี้ การล่ากระต่ายเริ่มต้นได้” [เหลี่ยง(两) หรือที่เคยได้ยินกันว่า ตำลึง เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของจีน หนึ่งเหลี่ยงจะหนัก 50 กรัม ดังนั้น หนึ่งร้อยเหลี่ยง(一百两) ก็หนักประมาณ 5 กิโลกรัม]
หลังจากที่เจ้าเมืองเยี่ยนชื่อพูดจบบรรดากระต่ายสองขาหลายพันตัวได้ถูกปล่อยออกมาจาก ศาลากลางรวมทั้งอ๋องกระต่ายด้วย ประชาชนต่างพากันวิ่งต้อนไล่จับกระต่ายกันอย่างสนุกสนาน
******
ไท่จื่อหันมาบอกก้วนฟูกับหลี่หลิงว่า “พวกเจ้าทั้งสองคนคอยติดตามข้า หากจับอ๋องกระต่าย ได้แล้วล่ะก็ ข้ามีรางวัลเป็นทองคำหนักหนึ่งพันเหลี่ยง(两 - ตำลึง)ให้พวกเจ้า” ก้วนฟูเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ต้องการทองคำ ข้าอยากได้เหล้าเป็นรางวัลจากจิ่วเกอมากกว่า” จากนั้นทั้งสามก็ขี่ม้าออกไปล่ากระต่ายกัน โดยมีกัวเส่อเหรินกับจางทังเป็นแผนกกองเชียร์
**********
ที่บริเวณชายป่าแห่งหนึ่ง จางเชียนพร้อมด้วยญาติๆกำลังนำร่างของพ่อของจางเชียนที่อยู่ใน โลงศพไปฝังลงในหลุมที่ขุดจัดเตรียมไว้ ที่หน้าแท่นบูชาจางเชียนได้เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านพ่อ ลูกได้นำท่านกลับมาถึงบ้านแล้ว ที่อยู่เบื้องหน้านี้ก็คือเมืองเยี่ยนชื่อ ท่านทำงานเหนื่อย มาทั้งชีวิต สมควรที่ท่านจะได้กลับมาอยู่ในสถานที่ที่ท่านเกิดและก็เติบโตมา ขอให้ท่านนอนหลับ พักผ่อนให้สบายเถิดนะ ท่านพ่อ”
พูดจบจางเชียนก็โปรยกระดาษเงินกระดาษทองเพื่อเซ่นวิญญาณ ในขณะที่คนแบกโลงศพนำ โลงศพไปวางลงไว้ในหลุม
ก้วนฟูกับหลี่หลิงตามล่าอ๋องกระต่ายมาจนถึงบริเวณที่ฝังศพ ก้วนฟูเห็นอ๋องกระต่ายวิ่งหลบลง ไปในหลุมฝังศพจึงรีบร้องบอกจิ่วเกอว่าอยู่ตรงนี้ จากนั้นทั้งสองรีบลงจากม้าวิ่งเข้าไปค้นหา อ๋องกระต่ายอย่างไม่สนใจใคร จางเชียนเห็นเข้ารู้สึกไม่พอใจที่เห็นคนมายุ่มย่ามวุ่นวายกับที่ฝังศพ จึงตะโกนร้องบอกออกไปว่า “พวกข้ากำลังทำพิธีฝังศพอยู่นะ พวกเจ้ารีบออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” “พวกข้ากำลังตามจับอ๋องกระต่ายกันอยู่ เจ้าอย่ามายุ่ง” ก้วนฟูตอบพร้อมกับสอดส่ายสายตา มองหาอ๋องกระต่ายไม่สนใจคำทัดทานของจางเชียน
จางเชียนเข้ามาผลักดันก้วนฟูและหลี่หลิงให้ออกไปให้ห่างจากหลุมศพพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พวกเจ้าควรจะให้เกียรติผู้ตายบ้าง ทำอย่างนี้เกินไปแล้ว” ก้วนฟูเห็นอ๋องกระต่ายวิ่งออกมาจากหลุมแล้วไปหยุดนิ่งอยู่บนโลงศพรีบร้องบอกว่า “นั่นไง อยู่นั่น” จากนั้นทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าไปจับตัวอ๋องกระต่าย จางเชียนเห็นท่าไม่ดีหันไปคว้าท่อนไม้ท่อนใหญ่หมายจะเอามาไล่ทั้งสองที่ไม่รู้จักกาละเทศะ ให้ออกไปพ้นๆ ไท่จื่อซึ่งขี่ม้าตามมาทีหลังเห็นอ๋องกระต่ายกำลังวิ่งหนีไป จึงรีบขึ่ม้าปรี่เข้ามา หมายจะไล่จับตัวอ๋องกระต่ายให้ได้ จางเชียนเห็นไท่จื่อทะเล่อทะล่าเข้ามาอีกคนจึงใช้ไม้ตีฟาด เข้าไปที่ไหล่ของไท่จื่อ ทำให้ไท่จื่อพลัดตกจากหลังม้าล้มลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้น จางเชียน ซึ่งกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาไท่จื่อหมายจะตีซ้ำว่า “พวกเจ้าบังอาจ ลบหลู่คนตาย งั้นข้าจะฝังเจ้าไว้ที่นี่ด้วยละกัน” หลี่หลิงกับก้วนฟูรีบเข้าไปดึงตัวจางเชียนไว้ พร้อมกับร้องบอกไท่จื่อให้รีบหนีไป ทั้งสามคน ยื้อยุดฉุดกันไปมาจนทำให้ไม้หลุดจากมือของจางเชียนลอยละลิ่วไปหาไท่จื่อ เมื่อไท่จื่อเห็น ท่อนไม้ลอยละลิ่วตรงดิ่งเข้ามาหาตนจึงใช้เท้าเตะไม้ท่อนนั้นหมายให้พ้นๆไปจากตัว แต่ทว่าไม้ ท่อนนั้นกลับลอยละลิ่วไปโดนเข้าที่หน้าผากของจางเชียน ความแรงของการปะทะกันระหว่าง ไม้กับหน้าผากนั้นรุนแรงเหมือนกับโดนของแข็งตีเข้าที่แสกหน้า ส่งผลทำให้จางเชียนหน้าหงาย ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที
“มีคนตาย เจ้าฆ่าคนตาย” ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีฝังศพร้องตะโกนออกมาพร้อมกับเข้าไปห้อมล้อม ไท่จื่อ ฝ่ายก้วนฟูกับหลี่หลิงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบวิ่งเข้าไปหาไท่จื่อแล้วพาออกไป จากวงล้อมของชาวบ้านทันที
|
หากท่านมีคำวิจารณ์หรือคำแนะนำโปรดไปเขียนไว้ที่หน้าสารบัญ
Create Date : 11 มกราคม 2549 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2549 7:20:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2303 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|