ย้ายบ้าน หรือ ย้ายใจ
คุณเคยย้ายบ้านไม๊คะ ? ในชีวิตนี้ฉันเคยย้ายบ้าน 2 ครั้ง ! ครั้งแรก เกิดขึ้นในวัยเด็กอายุเพียง 2 ขวบ แน่นอนฉันจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้หรอก นอกจากได้ฟังมาจากพ่อแม่ หรือญาติๆ ซึ่ง การย้ายบ้านในครั้งนั้น ไม่ได้ย้ายข้ามจังหวัด แต่ต้องย้ายเพราะบ้านที่อยู่น้ำท่วมจนอยู่ไม่ได้ อ้อ! ลืมบอกค่ะ ฉันเป็นคนกรุงเทพฯเต็มตัว เกิดและโตในกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง แต่แปลก ที่ฉันไม่พิสมัยกรุงเทพฯเท่าไหร่นัก แน่ล่ะ กรุงเทพฯมีความสะดวกสบายให้ทุกอย่าง แต่ในวัยนั้น ฉันรู้สึกแปลกแยกจากกรุงเทพฯ และอยากย้ายหนึไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ ฉันมองเห็นข้อเสียของกรุงเทพฯมากกว่าข้อดีของมัน ดังนั้นการย้ายบ้านในครั้งที่ 2 จึงเกิดจากการตัดสินใจของฉันเอง หลังจากที่ฉันเดินข้ามสะพานลอยหน้าห้างแห่งหนึ่งแถวบางกะปิ ในขณะที่เดินสวนกับผู้คนมากมาย ฉันมองเห็นคนเหล่านั้น เดินแข็งทื่อและรีบเร่ง เหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก แม้เดินอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่ช่างวังเวงใจบอกไม่ถูก กลับบ้านวันนั้น ฉันตัดสินใจเดินดุ่ยไปคุยกับพ่อ แล้วบอกท่านตรงๆว่า "พ่อ เราย้ายบ้านกันเถอะ !" ด้วยความเอาแต่ใจของฉัน พร้อมกับเหตุผลร้อยแปด พันเก้า บวกกับการชักแม่น้ำหมดทั้งโลก กล่อมจนพ่อยอมย้ายบ้านจนได้ คราวนี้ เราตัดสินใจลาออกจากพลเมืองของคนกรุง(เทพ) ไปอยู่ไกลถึง จังหวัดเชียงใหม่ การย้ายบ้านครั้งนี้ เป็นการย้ายบ้านครั้งใหญ่ หลังจากที่เราอยู่บ้านหลังนี้มาเกือบ 20 ปี ข้าวของที่เก็บสะสมมามีมากมาย ก็ต้องตัดสินใจขายไป ให้ไป ทิ้งไป เก็บไว้แต่ที่สำคัญๆเท่านั้น ฉันเรียกปรากฎการณ์การย้ายบ้านครั้งนี้ว่า "การทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง" เพราะนึกถึง ตำนานที่พระเจ้าตากสิน บุกเมืองจันทบุรี โดยการทุบหม้อข้าวทิ้ง เพื่อให้เหล่าทหารมีกำลังใจที่ฮึกเหิม หากไม่ชนะก็ไม่มีข้าวกิน เพราะตัวฉันเอง ขายบ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อย้ายบ้านไปเชียงใหม่ ทั้งที่เชียงใหม่ฉันยังไม่มีบ้านอยู่เลย แต่ด้วยความตั้งใจแรงกล้า แม้ไม่มีบ้าน ฉันก็ไม่กลัว! ยังไงฉันก็ต้องไป ฮึ่มม  และปีนี้ ก็ครบ 8 ปีแล้ว สำหรับการมาอยู่เชียงใหม่ ฉันตัดสินใจไม่ผิดเลยที่ย้ายมาที่นี่ ชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้ฉันมีความสุขมากกว่าการอยู่กับป่าคอนกรีตจริงๆ แม้เชียงใหม่วันนี้จะเริ่มพลุกพล่านด้วยผู้คน เมืองเติบโตมากขึ้น มีห้างสรรพสินค้าสร้างใหม่หลายแห่ง รถติดขึ้น มลภาวะเริ่มเยอะขึ้น และฉันยังคิดเล่นๆว่า จะต้องย้ายบ้านหนีอีกไม๊นี่ ? แต่บทเรียนจากการย้ายบ้านครั้งก่อน ก็ทำให้ฉันเข้าใจว่า หากใจเราไม่มีความสุข แม้จะอยู่ที่ใดก็ไม่มีความสุข การย้ายบ้านหนี ไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอก การปรับตัวปรับใจเราต่างหากสำคัญที่สุด องค์ประกอบที่สำคัญของ "บ้าน" คือ สมาชิกในบ้าน และความรักจากคนในบ้าน ก็ทำให้บ้านน่าอยู่ที่สุด แม้บ้านหลังนั้นจะไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดก็ตาม คำครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า "อยู่ตรงไหนก็มีปัญหา เพราะปัญหาอยู่ที่ใจเราเอง" เสมือน สุนัขขี้เรื้อน มันนอนเกาแผลบนตัวมัน แม้มันจะย้ายไปนอนที่ไหน มันก็ยังคันอยู่ดี ! "การย้ายบ้าน" จึงไม่สำคัญเท่า "การย้ายใจ" จริงไม๊คะ ? 
Create Date : 27 มีนาคม 2556 |
Last Update : 27 มีนาคม 2556 16:03:19 น. |
|
8 comments
|
Counter : 2058 Pageviews. |
 |
|
ผมย้ายบ้านหลายครั้งเหมือนกัน ย้ายแต่ละทีก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม
กทม. ไม่น่าอยู่เท่าไหร่หรอก ดีอยู่อย่างตรงที่เดินทางสะดวก (เหรอ) ถ้าต่างจังหวัดของไทย เจริญได้ประมาณเมืองคุนหมิงของจีนก็คงดี ที่นั่นเจริญระดับหนึ่ง และยังคงความเป็นธรรมชาติระดับหนึ่ง ประเทศไทยยังคงต้องพีฒนาต่อไป