003 จุดเริ่มต้นก่อนเดินทางไปดูใบไม้เปลี่ยนสี ณ ญี่ปุ่น


จุดเริ่มต้นของทริป Smiley
เกิดจาก "ความคิดถึง" ภูเขาไฟฟูจิล้วนๆ และมีความฝังใจตั้งแต่รอบที่แล้วที่ไปกับทัวร์คือรู้สึกว่ายังไม่คุ้ม เหมือนยังไปไม่ถึงประเทศญี่ปุ่น ยังไม่ได้กินซูชิ ยังไม่ได้กินราเมง ยังไม่ได้กินปิ้งย่าง ได้กินแต่ข้าวเบนโตะ หมูหม้อชาบู และขาปูยักษ์เย็นๆ 5555 ฟูเขาไฟฟูจิก็พาขึ้นชั้น 5 ซึ่งมันถ่ายรูปไม่สวย อยากถ่ายกับกับภูเขาทั้งลูกเต็มๆ ก็เลยอยากลองไปเที่ยวเองบ้าง ดูจากประเทศเค้าแล้ว มันน่าจะเดินทางไม่ยาก เลยชักชวนพ่ออยู่แป๊บนึง ให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย ซึ่งพ่อทำงานมาจนเกษียณแล้วเคยไปเที่ยวต่างประเทศแค่สองครั้งเอง พ่อไม่ค่อยไปเพราะพ่อเสียดายตัง เลยบอกไปว่าเดี๋ยวจัดทริปเอง ไม่เกิน 3 หมื่นหรอก ... (พูดไปก่อน555 5)

เลือกไปเมืองไหน ช่วงไหนดี Smiley
ตัวเรานั้น เคยไปโตเกียวมาแล้ว ก็เคยคิดว่าอยากไปโอซาก้าบ้าง.. และพ่อเองก็อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิม้ากกกกๆๆ เลยทำให้เลือกไม่ได้ ต้องไปทั้ง 2 เมือง แล้วเราเองก็อยากลองนั่งชินคันเซ็นด้วยแหละ พอถึงเวลาที่จะจองตั๋ว ก็หาอ่านรีวิวทั้งจากพันทิป และดู YouTube อยู่นาน คิดว่าจะไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี แต่ก็ต้องเลือกวันให้ถูก ไปแล้วก็ไม่อยากเสียเที่ยวเนอะ >< ด้วยความที่พ่อและตัวเราเองชอบฟูจิมาก ดูรีวิวในพันทิปถ่ายรูปกันมาก็สวยม้าก เลยคิดว่าจะยึดวันที่ใบไม้เปลี่ยนสีของทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นที่ตั้ง ช่วงที่พีคๆ คิดว่าน่าจะไม่เกินช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน .. เลยคิดว่าจองช่วงต้นๆ กลางๆ เดือนนี่แหละ ไม่สนใจว่าที่โอซาก้า เกียวโต จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนสี 5555 อันนี้มันต้องเลือกอยู่แล้วว่าเราจะยึดจากที่ไหน ที่เกียวโตจะพีคๆช่วงปลายเดือน-ต้นเดือน ธค เลย

ได้ช่วงเวลาที่จะเดินทางแล้วก็เริ่มหาจองตั๋ว ได้เวลาและราคาที่เหมาะสมที่สุดคือวันที 9-16 พฤศจิกายน 2561
ขาไปจาก ดอนเมืองสายการบิน AirAsia XJ600 เครื่องออก 23.45 ถึงนาริตะ 8.00 น.
ขากลับจาก คันไซสายการบิน AirAsia XJ610 เครื่องออก 23.45 ถึงดอนเมือง 4.00น.
จองได้ราคาประมาณ 1 หมื่น ต้องซื้อน้ำหนักกระเป๋า 20Kg กับประกันไป เบ็ดเสร็จประมาณ 12,500 บาท

พอจองแล้วปุ๊บก็ไปบอกแม่ ปรากฎว่าแม่บอกจะไปด้วย.. อ้าว!! ไม่คิดว่าแม่จะไปด้วย เพราะแม่ก็ไปญี่ปุ่นตั้งหลายรอบละ ทีนี้พอรู้ว่าแม่จะไปด้วย ก็เลยไปชวนชีทให้ไปเป็นเพื่อนหน่อย กลัวเอาไม่ไหว.. เครียดมาก 555555555 ทีนี้พอรู้ว่าชาร์ปจะไปโอซาก้าอยู่แล้วตามมาสมทบทีหลัง ชีทก็เลยมาด้วย จบปิ๊ง!

เอ้ออ ตอนแรกคือลังเลมาก ว่าจะไปหรือไม่ไป ใจมันก็อยากมาก แต่อีกใจก็กลัวว่า จะไปเป็นไปหรอ ไม่เคยเที่ยวต่างประเทศเองเลย จะทำได้มั้ย จะหลงมั้ย จะสื่อสารรู้เรื่องมั้ย ความกลัวนี่มันเยอะจริงๆ แต่พอจองตั๋วไปเท่านั้นแหละ มันผลักดันให้ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อ 5555+ หาข้อมูลสิคะ เริ่มจาก 0 นี่แหละ !!! ถึงแม้ว่าจะเคยมากับทัวร์ก็เถอะนะ แต่ไม่รู้เรื่องราวการเดินทางเลยจริงๆ เพราะขึ้นรถปุบก็หลับตลอด ไม่ได้เห็นบ้านเมืองเค้าเลยค่ะว่าเป็นยังไง ฮ่าๆๆ

เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนเดินทางตั้ง 10 เดือน *0* เริ่มจากเดินเข้าบีทูเอสเลยจ้า หาหนังสือเที่ยวญี่ปุ่นดีๆ ซักเล่มนึงมา ปกติเป็นคนไม่อ่านหนังสือ แต่หนังสือไปเที่ยวนี่อ่านแป๊บเดียวจบจ้า ฮ่าๆๆ ความกังวลของคนที่ไม่เคยเที่ยวเองอะนะ จะมีทั้งแบบ 1.ถึงนาริตะแล้วเดินทางไงต่อ เข้าเมืองยังไง? 2.เข้าเมืองแล้วจะเดินทางยังไงต่อ? 3.จะรู้ได้ไงว่าต้องซื้อตั๋วแบบไหน 4.แล้วซื้อตั๋วยังไง?? สิ่งที่กังวลมากสุดก็คือเรื่องเดินทางเนี่ยแหละ 555+ นั่งเขียนไดอารี่นี่ต้องพยายามนึกย้อนไปว่าตอนนั้นความกังวลมันเยอะขนาดไหน จนถึงตอนนี้มันผ่านมาแล้วไง นั่งหาข้อมูลมาเป็น 10 เดือน ตอนนี้ก็เลยรู้สึกว่ามันเดินทางง่ายมากจริงๆ อาจเพราะว่าเราเตรียมตัวมาดี อิอิ

ด้วยความที่ทริปนี้เหมือนแบกความหวังไว้อยู่ที่เรา เพราะเราต้องเป็นคนนำทางทั้งหมด ไอความกลัวทั้งหมดนั้น รู้สึกหายไปได้ด้วยการดูยูทูป เสิร์จหาเลยจ้ามีแนะนำทุกอย่าง ดูบีหรุซัง นี่แบบช่วยได้เยอะ จากตอนแรกที่มองภาพการเดินทางไม่ออกเลย รู้สึกคุ้นชินก่อนไปก็เพราะบีหรุซัง เนี่ยแหละ ขอบคุณนะคะ อิอิ

การเดินทาง Smiley
หลังจากที่เราดูจากคลิปการเดินทางในญี่ปุ่น สิ่งที่สะดวกที่สุดคือ การซื้อบัตร IC Card มันสามารถใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส ที่ไหนก็ได้ แล้วก็ใช้ซื้อพวกของในมินิมาร์ทมีหลายร้านที่รับบัตรนี้อยู่ website ที่ใช้ดูตารางเวลารถไฟของญี่ปุ่นคือ hyperdia.com ใส่วันที่ที่เราจะเดินทางเข้าไป ใส่ชื่อสถานีต้นทาง-ปลายทาง ช่วงเวลาที่เราจะเดินทาง เราก็จะรู้ชื่อขบวนรถไฟ เวลาที่รถไฟออก/ถึง ราคาค่าโดยสาร แล้วเราก็มาทำตารางรถไฟเราไว้
ถามว่าจะรู้ชื่อสถานีต้นทางปลายทางได้ยังไง ก่อนอื่นต้องหาจากกูเกิ้ลแมพก่อน ว่าถ้าเราจะไปจากจุดนี้ไปจุดนู้น มันก็จะบอกมาเลยว่าเดินทางยังไง แล้วค่อยเอาไปหาใน Hyperdia 




เอ้อ เราต้องยก Google Map  ให้เป็นที่สุดของทริปนี้ละกัน คือเวลาเราอ่านรีวิวแล้วเห็นว่าที่ไหนสวย ไม่สวย อยากไปที่ไหนบ้าง เราต้องลองเสิร์ชจากกูเกิ้ลแมพก่อนว่า มันอยู่แถวไหนบ้าง ความเป็นไปได้ที่เราจะไปมีมากน้อยแค่ไหน และที่ช่วยได้มากถึงมากที่สุดคือ การที่เราเอาตัวเราเข้าไปเดินในแมพ เมื่อเราเห็นภาพหรือมุมตามโปสเตอร์ ที่เราอยากไปเห็นจุดๆเนี้ย มันอยู่ตรงไหน ถ้าเราค่อยไปหาตอนที่เราไปถึงจริงๆแล้ว มันจะเสียเวลามากกก ใช้วิธีแบบนี่แหละ ไปลองเดินในแมพก่อน เห็นภาพของจริง แล้วจะได้จำไว้ว่า ไอจุดๆนี้เราต้องไปทางไหน

ทำแพลน Smiley
ด้วยความที่พอแม่มาด้วยแล้วนั้น ทุกสิ่งอย่างต้องมีความเป๊ะ (ปกติเวลาแม่ไปเที่ยวกับเพื่อน แม่จะทำตารางออกมาเสมือนโปรแกรมทัวร์เลยจ้า) ฉะนั้นเราก็ต้องทำเหมือนแม่จ้า 555 เริ่มจากหาแลนด์มาร์คก่อน ว่าเราอยากไปที่ไหนบ้าง
โจทย์คือ พ่อกับแม่อยากดูใบไม้เปลี่ยนสี เมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าโตเกียวเปลี่ยนสีช้า ออกจะปลายพฤศจิกาเลย โอซาก้า เกียวโต ก็เช่นกัน ก็เลยลองหาเพิ่มเติมดู ไปได้ที่นึงมาชื่อ Showa Kinen Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มากๆ และเค้าบอกว่าสวนที่นี่จะเปลี่ยนสีเร็วกว่าในเมืองโตเกียว เมื่ออ่านจากในรีวิวแล้วเห็นว่าช่วงที่เราไปน่าจะเปลี่ยนสีบ้างแล้ว Smiley และการเดินทางจากโตเกียวก็ดูไม่ไกลมาก ที่นี่ก็เลยเป็น 1 ในลิสต์ละจ้า
สองคือทะเลสาบ Kawaguchiko อันนี้แน่นอนอยู่แล้ว ^^
สามคือห้าแยก Shibuya เพราะจะไปกิน Midori sushi
สี่ คือ Universal Studio
และก็วัดแถวๆ เกียวโต ร่างแพลนคร่าวๆ ไปก่อนได้ประมาณนี้

9 Nov 18 ออกเดินทางจากกรุงเทพ 23.45น.
10 Nov 18 ถึงโตเกียว 8 โมงเช้า - Shibuya (Midori Sushi) - Showa Kinen Park
11 Nov 18 นั่งรถบัสไปทะเลสาบ Kawaguchiko โดยรถบัส - ปั่นจักรยานรอบทะลสาบ ค้าง 1 คืน
12 Nov 18 ออกจากฟูจิช่วงสายๆ กลับโตเกียว เพื่อนั่งชินคันเซนไปโอซาก้า - เดินเล่นย่านนัมบะ
13 Nov 18 Universal Studio
14 Nov 18 วัดในเกียวโต
15 Nov 18 ปราสาทโอซาก้า - ชิวๆ ว่างๆ 555 - บินกลับจากสนามบินคันไซ 23.45น.
16 Nov 18 ถึงดอนเมือง 4.00น.

ตอนแรกคิดอยู่นานว่าเราจะพักแถวไหนดีในโอซาก้า ก็พบว่าจุดที่เหมาะสมและดูสะดวกต่อการเดินทางที่สุดคือย่าน Namba คือเป็นจุดที่ไปสวนสนุกก็ไม่ไกล เดินทางไปสนามบินก็ง่ายนั่งรถไฟทีเดียวถึง แต่ก็จะไกลตอนไปเกียวโตหน่อย แต่เนื่องจากเราไม่ได้ไปเที่ยวที่เกียวโตหลายวันแบบคนอื่นๆ ก็เลยคิดว่าจะพักที่นัมบะ 3 คืนไปเลย จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าบ่อยๆ

ส่วนเกียวโต จะเที่ยวที่ไหนดี Smiley
สถานที่ และวัดที่ให้เที่ยวมีเยอะมากก สวยๆ ทั้งนั้นเลย อยากไปทั้งโซน Arashiyama, วัด Tenryu-ji, วัด Kinkaku-ji หรือวัดทอง, ศาลเจ้า Fushimi Inari ที่เป็นเสาส้ม , Yasaka pagoda หรือเจดีย์ 5 ชั้น, วัด Tofukuji ที่ไว้ชมใบไม้เปลี่ยนสี, Kiyomizu-dera หรือวัดน้ำใส

คือแบบ โอ้โห นี่หรือคือลิสต์ทีอยากไปทั้งหมดภายในวันเดียว ? เป็นไปไม่ได้แน่ๆ เดินทางจากโอซาก้าก็ 1 ชั่วโมงแล้วนะ 5555 คิดอยู่นานมาก จนเกือบจะเดินทางละพึ่งตัดใจได้ ผู้ที่ผ่านเข้ารอบคือ 1) วัด Tofukuji  2) Fushimi-Inari  3) Kiyomizu-dera  4) Yasaka Pagoda 4 ที่นี้คืออยู่โซนเดียวกัน เดินทางใกล้ๆ กัน ก้เลยลิสต์มาเท่านี้เลย เที่ยวไม่ทันยังไงค่อยตัดทิ้งไป

หาที่พัก Smiley
ที่พักนี่ยากมากกก จะบอกว่าจองใน Booking/ Agoda ไปหลายที่มาก แล้วพอหาไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้อง Cancel เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบมากจริงๆ 555
Smileyคืนที่ 1 คิดว่าจะพักย่านชินจูกุ เนื่องจากก็ใกล้ๆ ชิบูย่า/ ไปสวนสาธารณะไม่ยาก/ และวันรุ่งขึ้นเราต้องไปขึ้นรถบัสที่ Shinjuku พยายามหาที่พักที่ราคาไม่แพงมากและใกล้สถานีรถไฟ สุดท้ายไปจบลงที่ Imano Tokyo Hostel จองแบบห้องสำหรับ 4 คน เตียง 2 ชั้น 2 เตียง ราคาประมาณ 6,500 เฉลี่ยคนละประมาณ 1,600 บาท/คน รวมอาหารเช้า ถือว่าโอเคมากอ่ะ ที่พักห่างจาก subway สถานี Shinjuku-Sanchome ประมาณ 400 เมตร ห่างจากสถานี JR Shinjuku ประมาณ 900 เมตร

Smileyคืนที่ 2 พักรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ แต่ก็นั่นแหละ แล้วจุดไหนล่ะถึงจะดี ?
เปิดดูแมพรอบทะเลสาบสิคะ ว่าจุดเที่ยวๆต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะดีอยู่ตรงไหนมั่ง 5555 ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมีจุดที่เป็นอุโมงเมเปิ้ล หรือเรียกว่า Maple Corridor และจะมีจัดงานแบบมีเปิดไฟตอนกลางคืน ช่วงต้นเดือน - ประมาณวันที่ 20 กว่า พ.ย. ฉะนั้นเราจึงหาที่พักที่ใกล้ๆ กับ Maple Corridor นี่แหละ จะได้สามารถเดินจากที่พักไปได้เลย เพราะเราไม่ได้เช่ารถขับคงไม่สะดวก และรถบัสที่ขับรอบทะเลสาบก็ไม่รู้วิ่งถึงกี่โมงด้วยสิ  หาทั้งใน booking และ agoda ส่วนใหญ่ที่พักก็เหมือนๆกัน ราคาจะต่างกันนิดหน่อยตามโปร

ตอนแรกจองที่พักชื่อ Yushin ไป เป็นบ้านพักส่วนตัว ห่างจากอุโมงเมเปิ้ลประมาณ 400 เมตร ที่พักนี่มองเห็นฟูจิจากหน้าต่างได้เลย ราคาก็แรงอยู่ประมาณ 1 หมื่นบาท ซึ่งตอนนั้นที่จองยังคิดว่าไปกันแค่ 3 คน ตกคนละ 3 พัน/คืน ก็ถือว่าแรงนะสำหรับเรา แต่ก้ยอม ...

แต่หลังจากจองไปแล้ว เราก็ยังคงหาต่อไปเรื่อยๆ ระหว่าง 10 เดือนที่ทำแพลนนี้ 555 ก็ไปเจอบ้านพักชื่อ Cottage Pastorale เป็นบ้านติดกัน แต่แบ่งห้องพักเป็น 3 หลัง หลังใหญ่ 1 หลัง และหลังเล็ก 2 หลัง หลังใหญ่ราคาประมาณ 9 พันบาท แต่ที่นี่มีจักรยานให้ปั่นด้วยแฮะ.. คือมันน่าสนใจตรงนี้ จนยอมแคนเซิลอันเก่าไป มาจองอันนี้แทน บ้านหลัง 9 พันบาทนี่คือจำนวนคนที่รับได้นี่ 10 คนเลยนะ แต่เราไปแค่ 4 คนเอง อาจจะดูแพงไปหน่อย แต่ก็ยอมอีกเช่นกัน

ก่อนเดินทางประมาณ 1-2 เดือนเราก็ยังคงลองๆหาเล่นๆ ปรากฎเห็นว่าวันที่เราพักมีบ้านหลังเล็กว่าง เหลือห้องละประมาณ 5 พันบาท แม่เจ้า!!!!! คือมีคนแคนเซิลจ้า เราก็รีบแคนเซิลบ้านหลังใหญ่สิ มาจองหลังเล็กแทน ฮ่าๆๆ จังหวะดีจริงๆ ประหยัดที่พักไปกันอีกคนละพันบาท ตกคืนละ 1,400/คน ไม่มีอาหารเช้าให้นะ

Smiley คืนที่ 3-5 หาที่พักย่านนัมบะ มีโฮสเทลให้เลือกเยอะมากๆ
มีชาร์ปกับพี่นิมาสมทบ ก็หาที่พักสำหรับ 6 คน จองที่พักชื่อ Hostel Enisia Namba ไป จองที่พักที่นี่ตั้งแต่แรก และก็ไม่ได้เปลี่ยนไปที่ไหนเลย เพราะรู้สึกว่าที่นี่เค้าก็ได้ rating เยอะนะ ใกล้กับ subway 2 สายเลย ประมาณ 300-400 เมตร อีกอย่างคือ ใกล้แหล่งชอปปิ้งมากกกกก เดินได้ทั้งคืนจ้า ราคาก็ถูกแสนถูก เราเลือกจองไปแบบห้องส่วนตัว 8 คน แบ่งเป็นเตียง 2 ชั้น 4 เตียง อีก 2 เตียงก็ว่างๆไว้เผื่อให้มีที่วางกระเป๋าเดินทาง เบ็ดเสร็จราคา 15,300 บาท/3 คืน ตกคนละ 850บาท/คืน ไม่มีอาหารเช้า

ส่วนความประทับใจหรือไม่ประทับใจยังไง เดี๋ยวไปเขียนเล่าในแต่ละวันอีกทีแล้วกันเนอะ Smiley


ร้านอาหารที่อยากกิน ต้องไปแน่ๆSmiley
เอาจริงไม่ได้มีร้านที่ต้องไปสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้หาข้อมูลเกี่ยวกับการกินเลยแหละ ที่ลิสต์มามีแค่ 1) Midori Sushi  2) Ichiran ramen หรือราเมงข้อสอบ  3) Isomaru Suisan เป็นร้านปิ้งย่างพวกกุ้ง หอย ปู ปลา แล้วก็มี Sashimi ด้วยเปิด 24 ชม มีสาขาเยอะม้วก ลิสต์มาแค่นี้เลย ที่เหลือคืออะไรก็ได้ 555555 คิดว่าน่าจะอร่อยๆ เหมือนกันหมดแหละ


งบประมาณ Smiley


จากที่ชักชวนพ่อไว้และบอกว่าจะไม่เกิน 3 หมื่น แพลนออกมา 4 หมื่นจ้า 55555555555
อันนี้เป็นแพลนที่จัดทำส่งขุ่นแม่จ้า 555555 จริงจังแค่ไหนเรียกจริงจัง ฮืออ ทำจนรู้สึกว่ารู้จักสถานที่ เดินทางเป็นก่อนไปญี่ปุ่นอีกจ้า ซึมซับสุดๆ

จะเห็นว่าวันที่ 15 แพลนเพิ่มจ้า เนื่องจากตอนแรกเอาไปเสนอพ่อก่อน บอกว่าวันที่ 15 ก็จะว่างๆหน่อยนะ คิดว่าน่าจะเหนื่อยๆกันแล้ว ไปแค่ปราสาทก็พอแล้ว พ่อบอก ทำไมอ้ะ ไปแล้วก็ต้องไปให้คุ้ม เลยจับ Arashiyama ใส่เข้าไปจ้า ** จะรอดมั้ยมาดูกัน ? 5555

หน้าตาแพลนที่เรียบเรียงมานาน แปะให้ดูหน้าเดียวพอ เขิลจุง ฮ่าาา ทำงานไม่จริงจังขนาดนี้นะจ้าา
ตอนทำแพลนก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่า ไปจริงๆ จะทำตามที่แพลนไว้ได้หรือเปล่า ? จะต้องตัดแพลนออกเยอะไหม
แต่เอาจริงที่แพลนๆมา แต่ละวันก็คิดละว่ามันก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ตัดแล้วนะ วันๆ นึง ไปอยู่ไม่กีที่เอง 5555

Smiley ปล. นี่แค่จุดเริ่มต้น รู้สึกว่ายืดยาวมากก พิมพ์ยาวขนาดนี้คิดว่าไปเที่ยวน่าจะต้องแบ่งหน้าละวัน เขียนทีเดียวไม่ไหว่แน่นวล แล้วนี่ DAY1 ก็ไม่รู้ว่าจะมาเริ่มเขียนตอนไหนดี แค่จุดเริ่มต้นก็พิมพ์มา 3 ชั่วโมงละ Smiley



Create Date : 05 ธันวาคม 2561
Last Update : 5 ธันวาคม 2561 14:26:37 น.
Counter : 1287 Pageviews.

1 comments
  
โดย: สมาชิกหมายเลข 5015384 วันที่: 25 ธันวาคม 2561 เวลา:0:42:21 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลุกหมูอี๊ดอี๊ด
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ธันวาคม 2561

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31