....(ต่อ)
วันที่ดอกไม้บานในสวนของเรา 118 พ.ย. 2553
ตอนเช้ามีนัดกับเพื่อนในห้องศิลปะและเฟสบุ๊คซึ่งงานนี้หมูขอนำทริปการเดินทางเองที่เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนกันประจำ
ทั้งเรื่องของงานศิลปะ ปรัชญา งานอ่าน งานเขียน และอื่นๆอีกมากมาย
การเริ่มต้นแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ก็ดูเหมือนกับจะไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคที่ทำให้กลุ่มคนที่มีแนวคิดคล้ายๆกันได้มารู้จักเพื่อแลกเปลี่ยนกัน
สวนดอกไม้แห่งมิตรภาพแปลงนี้ได้ถูก รดน้ำ พรวนดิน ดูแล
เพื่อรอผลนั่งชมความงามของสีสัน ผ่านดอกไม้ภายในใจของทุกคน
สิ่งใดๆที่มีอยู่ได้ถูกส่งต่อให้กันอย่างไร้กำแพงมาขวางกั้นเปรียบเสมือนกับคลื่นสัญญานอันเป็นเครื่องรับเครื่องส่งเดียวกัน
พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณคือสถานที่เรากำหนดเพื่อเดินทางไปกัน
หากมีเวลาคงต่อด้วยเมืองโบราณ ดูๆแล้วคงต้องเป็นโอกาสหน้ามากกว่า
เพราะกว่าที่พวกเราจะผ่าฟันอุปสรรคเล็กๆมาได้ ก็ทำให้เวลาหายไปไม่น้อย
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเวลาที่เราได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน จะน้อยลงตามไป
เวลาที่มีอยู่ภายในรถทำให้เรามีเวลาที่จะพูดคุยแบ่งปันกันมากขึ้น
ก็นั่นแหละ กับบางคนที่กล่าวไว้ว่า
"เวลาแห่งความสุข คือช่วงแห่งการเดินทาง หาใช่ที่จุดหมายไม่"และแล้วเราก็ไปถึงจุดหมาย(ที่หาทางไป ลุ้นไป)พร้อมๆกัน
กับกิจกรรมต่างๆที่มากมายในระหว่างวัน
ทำให้กลุ่มของเราในวันนั้นฝังลึกลงไปในใจเรียบร้อย
ทั้งการพบเจอกับมิตรภาพใหม่ๆที่บางปู
สถานที่ที่ทั้งสดชื่นและสดใสไปกับบรรยากาศของธรรมชาติ และสิ่งดีๆที่เราได้ยื่นให้กัน
วันนี้ผมได้อุปกรณ์ใหม่มาเล่น เป็นสีที่หมูได้เอามาฝากให้เขียน
กับรูปแรกที่ยังคุ้นเคยกับเกรยอง คงผ่านไปได้ไม่ยากนัก
เพราะเมื่อวานเพิ่งตัดสินใจก้าวผ่านความกลัวมาแล้ว
วันนี้จึงเป็นเรื่องที่ปกติแล้วสำหรับผม ที่ก้าวผ่านมาได้
แต่การลองสีใหม่ กับเวลาที่จำกัดนี่น่ะซิ
เราคงต้องข้ามมันไปอีกรอบ ผมได้ทดลองวาดภาพสีนี้กับหมูไปเป็นภาพแรก
ซึ่งก็ใช้เวลาไปพอสมควร กับการลองผิด ถูก ปาดนั่น ป้ายนี้
จนได้เป็นรูปร่างออกมา และแล้วคำถามที่ผมได้เตรียมคำตอบมาไว้ก่อนหน้านี้
ก็ปรากฏเป็นคำพูดออกมา ถึงเส้นสายที่ตัวผมเองนั้นทำแบบไม่เต็มภาพ
ก็ยอมรับละครับว่าเรายังคงต้องค้นหากันต่อไป
แต่สิ่งหนึ่งที่อาจารย์ได้เตือนในใจผมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
ก็ทำให้ผมต้องพูดออกมาในวันนี้ ด้วยคำตอบที่ว่า
"การทำงานศิลปะ อย่าดูถูกผู้ชมหรือคิดแทนเขาทั้งหมด
ที่เหลือคือการจินตนาการต่อเติมสร้างภาพ ด้วยตัวของผู้ชมเอง"มันคงคล้ายกับว่า งานวาดของผมชุดนี้ที่วาดมาตั้งแต่เมื่อวาน
วันที่ดอกไม้บานในสวนของเรา 1เราได้ถูกสร้างด้วยกันพร้อมกับผู้ที่เป็นแบบ
ผมได้ร่างไว้ให้ และผู้ที่ถูกวาดก็ต้องไปจินตนาการสร้างภาพต่อเติมเองด้วย
จึงเป็นเหมือนกับผลงานที่เราได้อยู่สร้างด้วยกันตลอดไป
ทุกครั้งที่ได้นั่งมองและใช้จินตนาการ
จนกระทั่งวาดเสร็จสองภาพ พี่สาวที่นั่งอยุ่โต๊ะข้างๆ ก็ขอให้ช่วยวาดให้บ้าง
ก็ทันทีเหมือนกัน ผมก็ตอบรับไปในทันทีแบบไม่ทันได้คิดอะไร
"ได้ครับผม" ผมรีบลุกจากโต๊ะอาหารของเราเพื่อเข้าวาดให้กับพี่ที่ต้องการ
และแล้ววันนี้กับช่วงเวลาที่มีอยู่ในช่วงกินข้าว
ผมได้วาดไป 5 ภาพด้วยกัน เป็นภาพสี ที่เพิ่งฝึกปาดกับสีชุดใหม่ 2 รูปแรก
ระหว่างที่ผมวาดไป พวกเราก็นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันไป
พร้อมๆกับธรรมชาติ ที่รายล้อมเราอยู่หมู่นกนางนวลที่บินวน สวนทางกันไปมา ร่อนระเริงเหมือนกับเล่นยิมนาสติก
หรือฝูงเครื่องร่อนผาดโผนกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ให้เราได้ชื่นชมมองเห็น
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มนกเหล่านั้นจะมองเห็นความงามของเราทั้ง 6คนตอนนี้หรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆพวกเราเห็นความงดงามของอากาศ ของนก น้ำ
ที่มีบรรยากาศแห่งความอิ่มเอิบกันไปพร้อมๆกัน
แม้แต่สายลมยังกระซิบบอกกับเราถึง ความเย็นสบาย พัดให้สายน้ำเป็นคลื่น
ระลอกแล้วระลอกเล่า เหมือนกับเป็นเพลงบรรเลงที่ธรรมชาติได้แต่งไว้ให้พวกเราได้ผ่อนคลาย
กับสิ่งที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งได้หยิบยื่นมิตรภาพดีๆให้แก่กันทำให้อดย้อนคิดไปไม่ได้เหมือนกันว่า ถ้าเราซึ่งเป็นกลุ่มมนุษย์ในปัจจุบัน
ที่เป็นเหมือนกับเศษฝุ่นผงที่ล่องลอยหมุนวนเคว้งคว้างอยู่บนก้อนกรวดเล็กๆ
ที่เราเรียกว่าโลกในจักรวาล รู้จักที่จะให้และแบ่งปันกันทั้งโลก
มากกว่าการคิดที่จะแก่งแย่ง ใช้เล่ห์เหลี่ยม ชีวิตที่แสนสั้นของมนุษย์
คงจะมีความสุขและใช้ชีวิตกันแบบสุขที่มีมากมายจนเหลือล้น
แปลกที่เราสามารถสร้างสวรรค์ให้กับตัวเองได้ ทำไมเราส่วนใหญ่ถึงไม่ยอมที่จะสร้างอาทิตย์ที่มุดลงน้ำไปพร้อมๆกับเราที่ต้องมุดเข้ารถ
เพื่อต้องรีบกลับไปเผชิญกับบรยากาศที่คุ้นเคย เริ่มอีกครั้ง
เราต้องรีบกลับให้ทันเวลาของรถโดยสารที่เราแต่ละคนต่างก็มากันจากแต่ละที่
มีอุปสรรคเล็กๆมาให้เราคิดร่วมกันก่อนกลับ แต่นั่นเหมือนกับโจทย์ของเล่น
ที่มีไว้เพื่อให้พวกเราได้คิดร่วมกันมากกว่าจนกระทั่งพวกเราต่างก็ถึงที่หมายของแต่ละคนที่ได้วางกำหนดเอาไว้
เรายังคงต้องเดินต่อไปบนโลกใบนี้ หน้าที่การงานของแต่ละคน
ยังคงต้องมีให้รับผิดชอบและสะสางกันต่อไปในวันรุ่งขึ้น
แต่ผมเชื่อว่าตัวผมเองและหลายๆคน ตั้งแต่ทริปในสองวันนี้
จะมีแนวคิดและมุมมองในการดำรงชีวิตที่ต่างไปจากเดิม
ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น (อย่างน้อยก็ตัวผมเอง)ขอขอบคุณคุณหมู(ลำดวนอย)ที่รู้จักกันในห้องศิลปะที่พันทิพที่เป็นคนจัดทริปเดินทางในครั้งนี้
กับการฝันผ่าอุปสรรคนานับประการที่กว่าจะได้เจอกัน ขับรถ ออกค่าน้ำมันกับอาหารเย็นอีก
ถ่ายรูป ให้สี พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดดีๆ
คุณจุ๋ม(สิงห์อมบ๊วย bloggang)ผู้ที่ติอต่อประสานงานจนมีทริปนี้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์
ออกค่าตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ถ่ายรูปให้อีก ให้แกล้งอีก แหะๆๆ
พี่สม (Facebook) ผู้ที่สละเวลาที่มีค่ามาเป็นพี่ใหญ่ให้กับพวกเราในการเดินทาง
คอยซื้อน้ำ อาหารต่างๆไว้คอยบำรุงกันเหนื่อย แถมให้อำเล่นอีก แหะๆๆ (โทษทีพี่)
พี่ทั้งสองคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ที่คอยให้กำลังใจ ทักทาย พูดคุยกับพวกเรา
และเป็นแบบให้ผมฝึกวาดด้วย ขอบคุณครับ
พี่ตู่ (Hi5) ที่ให้ทั้งที่พัก ช่วยขายหนังสือ อาหารเย็น ขนม และของฝากในทุกรอบที่ผมไป
ที่ถึงแม้มาด้วยกันไม่ได้เพราะติดธุระทั้งสองวัน แต่ก็อยู่เบื้องหลังได้อย่างงดงาม
โอกาสหน้าถ้ายังไม่เบื่อคนมึนๆอย่างผม ไว้เรามีโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนกันใหม่นะครับ
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนตั้งแต่วันที่ 17-18 พ.ย. 53 ที่มาร่วมพบปะกัน
วันที่ดอกไม้บานในสวนของเรา 1
ครั้งหน้า(ถ้ามีอีก แหะๆๆ) พี่ๆ เพื่อนๆ ที่เข้ามาทักทายกัน อย่าลืมมาสร้างมิตรภาพร่วมกันนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ชีวิตเราต้องเดินทางกันต่อไป ต่างคนก็ต่างเส้นทางต่างจุดหมาย
แต่บางเวลาแม้สั้นๆ ที่เส้นทางได้พาดผ่านกัน
มันก็เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทำให้ต่างคนต่างมีเรี่ยวแรงบนทางของตัวเองต่อไป
นะไอ้หมูแดง ^^