The Imam and the Pastor หนังสมานฉันท์



The Imam and the Pastor
หนังสมานฉันท์

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 3 มิถุนายน 2550


*นี่คือหนังที่ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ(ยูเอ็น) มหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2006 โดยมีนักการทูตกว่า 170 คน เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ และแขกพิเศษอื่นๆ ร่วมรับชม

หนังฉายรอบปฐมทัศน์ที่ยูเอ็น...เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นปกติ ดังนั้น ตัวหนังต้องมีวาระสำคัญอยู่พอสมควร และแน่นอนว่าไม่ได้เป็นหนังดังจากค่ายใหญ่ หรือหนังดีจากค่ายดัง หากเป็นหนังเล็กๆ ที่มีคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม แต่อยู่นอกเหนือการรับรู้ของคนทั่วไป

The Imam and the Pastor เป็นหนังสารคดีความยาว 40 นาที ว่าด้วยมิตรภาพของนักบวชต่างศาสนา 2 คน ที่ได้ร่วมมือกันสร้างหนทางแห่งสันติสุขให้เกิดขึ้นในชุมชนชาวมุสลิมและชาวคริสต์ทางภาคเหนือของไนจีเรีย หลังจากชีวิตนับพันต้องถูกเซ่นสังเวยให้แก่วิกฤตความขัดแย้งห้ำหั่นตลอดเวลากว่า 3 ทศวรรษ

ประเทศไนจีเรียมีจำนวนผู้นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ไม่ต่างกันมากนัก และด้วยยอดประชากรกว่า 130 ล้านคน กอปรกับความเคร่งครัดศรัทธาในศาสนาของผู้คนที่นี่ ทำให้มีผู้เปรียบไนจีเรียเป็นเสมือนซาอุดีอาระเบียและวาติกันรวมอยู่ในที่เดียวกัน

หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1960 ไนจีเรียถูกปกครองโดยมุสลิมทางภาคเหนือที่เดินหน้ากระบวนการทำประเทศให้เป็นรัฐอิสลาม ถึงกระนั้น ชน 2 ศาสนาก็อยู่ร่วมเรียงเคียงกันได้อย่างไร้ปัญหา มุสลิมส่วนใหญ่จะอยู่ตอนเหนือ ส่วนชาวคริสต์อยู่ทางตอนใต้ กระทั่งเกิดเหตุการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวที่เมืองคาฟันจัน รัฐคาดูนา ทางเหนือของไนจีเรีย ในปี 1978

นับแต่นั้น รอยปริแยกระหว่างศาสนาได้มุ่งสู่ความรุนแรงหลายครั้งหลายครา เช่น การปะทะกันจนมีผู้เสียชีวิตร่วม 3,000 ราย หลังจากเริ่มใช้กฎหมายอิสลามหรือชารีอะห์ในรัฐคาดูนาช่วงปี 2000-2001

และเหตุการณ์นองเลือดที่ชาวคริสต์สังหารชาวมุสลิมหลายร้อยคน ก่อนจะถูกชาวมุสลิมตอบโต้แบบเดียวกัน เรียกขานต่อมาว่า “การสังหารหมู่ที่เยลวา-เชนดัม” ในปี 2004


หนัง The Imam and the Pastor สะท้อนความขัดแย้งดังกล่าว และพลิกให้เห็นด้านสวยงามของมิตรภาพระหว่างนักบวชต่างศาสนา 2 คน ว่าพวกเขาทำอย่างไรและต้องพบความยากลำบากแค่ไหนกว่าที่ความบาดหมางถึงเลือดถึงเนื้อในวันวานจะบรรเทาเบาบางลงในวันนี้

ที่น่าสนใจคือมิตรต่างศาสนาทั้งสองมิได้หอบหิ้วแนวทางสันติกระโจนลงบนเปลวไฟแต่แรกเริ่ม หากแต่ต่างเคยเป็นแกนนำจับอาวุธห้ำหั่นมุ่งหมายเอาชีวิตกันมาก่อน

ย้อนไปตั้งแต่ปลายทศวรรษ 80 มูฮัมหมัด อัสฮาฟา อิหม่ามของศาสนาอิสลาม และ เจมส์ โมเวล วูเย พระของศาสนาคริสต์กลุ่มเพ็นเตคอสตัล ถือเป็นหนึ่งในผู้นำกองกำลังติดอาวุธของแต่ละฝ่ายในรัฐคาดูนา พวกเขาเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน รบพุ่งทำลายล้างโดยไม่มีท่าทีผ่อนปรน ชื่อของคนหนึ่งจะอยู่ในบัญชีเลือดของอีกคน อัสฮาฟาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่สนับสนุนให้บังคับใช้กฎหมายอิสลามทางภาคเหนือ ส่วนวูเยมีหน้าที่ล้างสมองเยาวชนคริสเตียนให้ใช้ความรุนแรงกับชาวมุสลิมโดยอ้างคำในไบเบิล(ในทางที่ผิด)

กระทั่งถึงจุดเปลี่ยนเมื่อวูเยเสียมือข้างขวาระหว่างการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ส่วนอัสฮาฟาสูญเสียญาติและคนสนิท 3 คน ไม่นานจากนั้น พวกเขาก็มองเห็นแสงสว่าง ต่างให้อภัยซึ่งกัน และเปิดทางให้มิตรภาพเข้ามาแทนที่ความอาฆาตมาดร้าย

ปี 1995 ทั้งสองร่วมกันก่อตั้งและอำนวยการองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประนีประนอมระหว่างชาวคริสต์และมุสลิม จับผู้นำชุมชน 2 ศาสนาทั่วประเทศมาทำสัญญายุติความรุนแรงทุกรูปแบบ แม้จะยังดับเชื้อได้ไม่สนิท แต่ก็มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น

พวกเขารณรงค์ให้เกิดสันติภาพไม่ใช่เฉพาะในคาดูนาหรือไนจีเรียเท่านั้น แต่ครอบคลุมทุกพรมแดนแห่งความขัดแย้ง สร้างเครือข่ายพระและอิหม่ามให้เข้าถึงจุดที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว

ตลอดระยะเวลาหลายปี อัสฮาฟาและวูเยเดินทางด้วยกัน กินด้วยกัน พักในห้องเดียวกัน และต่างหลับสนิทด้วยความสบายใจ เพราะศัตรูที่จ้องเอาชีวิตเมื่อไม่กี่ปีก่อนได้อันตรธานจากไปแล้ว

*เบื้องหลัง-เบื้องหน้าของมิตรภาพและสันติสุขทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดลงในหนังสารคดีเรื่อง The Imam and the Pastor มีทั้งภาพเหตุการณ์การสู้รบและความสูญเสีย ภาพชีวิตชาวมุสลิมและชาวคริสต์ในรัฐคาดูนา บทสัมภาษณ์นักบวชทั้งสอง และกระบวนการทำงานเพื่อความสมานฉันท์

หนังสร้างโดยบริษัทแอลเอฟที ฟิล์ม ฝีมือกำกับของ อลัน แชนเนอร์ โดยมี ฟิลิป คาร์ กำกับในส่วนของเมืองเยลวา-เชนดัม ให้เสียงบรรยายโดย ราเกห์ โอมาร์ อดีตผู้สื่อข่าวมือรางวัลของบีบีซี และ เดวิด แชนเนอร์ พ่อของอลันเป็นหนึ่งในตากล้อง

กล่าวสำหรับเดวิด แชนเนอร์ เขาคือช่างภาพและนักทำหนังสารคดีที่มุ่งมั่นถ่ายทอดเรื่องราวความสมานฉันท์และการให้อภัยท่ามกลางความแตกต่างขัดแย้งของผู้คนมาโดยตลอด หนังเรื่องแรกของเขาชื่อ For the Love of Tomorrow (1986) ซึ่งว่าด้วยสตรีชาวฝรั่งเศสที่เคยทุกข์ทรมานเพราะเยอรมันเมื่อครั้งสงครามโลก แต่ภายหลังมาทำงานเพื่อความปรองดองของคนสองชาติ ประสบความสำเร็จโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 17 ภาษา กระทั่งเป็นที่มาของชื่อบริษัทสร้างหนังของเขา(LFT- “For the Love of Tomorrow” Films)

น่าเศร้าที่เดวิดไม่ทันได้เห็น The Imam and the Pastor เสร็จสมบูรณ์ เขาทรุดด้วยโรคมะเร็งไม่นานหลังจากไปถ่ายทำที่ไนจีเรียเป็นครั้งที่สอง กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2006 หรือก่อนฉายรอบปฐมทัศน์ที่ยูเอ็นเพียง 2 เดือน

หลังจากรอบปฐมทัศน์แล้ว หนังมีโปรแกรมไปฉายยังสถาบันสันติภาพ มหาวิทยาลัยอเมริกัน และมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในวอชิงตัน ดี.ซี ต่อด้วยธนาคารโลก รวมทั้งรัฐสภาอังกฤษ นอกเหนือจากการตระเวนฉายในไนจีเรีย และอีกหลายเมืองในแอฟริกา

ทั้งนี้ก็เพื่อสันติสุขที่รออยู่ในวันข้างหน้า...



Create Date : 16 กันยายน 2550
Last Update : 29 เมษายน 2551 20:47:12 น. 11 comments
Counter : 1195 Pageviews.

 
Umm.. interesting!

I'm writting this down as one of my 'must see' list

Thanks for the article

wouldn't have known about the existence of this documentary.. without you ;)


โดย: Juring IP: 41.233.107.199 วันที่: 16 กันยายน 2550 เวลา:20:40:05 น.  

 
ชอบชื่อบริษัทสร้างหนังของเดวิดจัง
ทำไมความรัก สันติสุข ถึงต้องเป็นวันพรุ่งนี้
(เสมอ เสมอ)
ขอบคุณครับ
ที่นำหนังดี ๆ มากระตุ้นต่อมอยากดู


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:0:02:42 น.  

 
ภาพในโปร์ไฟล์
Akira Kurosowa
ปรมาจารย์สร้างหนังของโลก ชาวญี่ปุ่น ขอคาราวะ
ชอบดูหนังมานาน หาคนแนะนำหนังดีๆก็พึ่งมาพบนี่เหละ




โดย: Yoawarat วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:2:02:50 น.  

 
เพื่อสันติสุข


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:11:48:19 น.  

 
น่าดูมากครับ...

ตามไปอ่าน The Invasion คิดคล้ายๆกันเลย


โดย: nanoguy IP: 125.24.85.160 วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:5:16:31 น.  

 
อยากดูค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:8:43:00 น.  

 
ตามมาดูด้วยคนค่ะ...

สวัสดีค่ะ...แวะมาเยี่ยมจ้า...

สบายดีหรือเปล่า..หายหน้าไปนาน ลืมกันหรือยังเอ่ย..
emo


โดย: ณ กมล วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:20:53:36 น.  

 

เอ่อ ผมไม่ได้ดูเรื่อง Bug นะครับ

เคยดูแต่หนังโสๆ อย่าง Bug Me Not ฮ่าๆๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:23:19:18 น.  

 
^
^
นึกว่าได้ดูครับ
ผมเคยดูหนังตัวอย่าง Bug Me Not
จำได้ว่าบอกตัวเองว่าจะไม่ดูเด็ดขาด 555+


ขอบคุณทุกคนที่แวะมาครับ


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 21 กันยายน 2550 เวลา:23:05:47 น.  

 
Bug ได้ดูด้วยล่ะ
แต่ ยิง_เลย ยังไม่ได้ดูอ่ะค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:0:50:01 น.  

 
อยากดูเรื่องนี้ค่ะ ...


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 23 กันยายน 2550 เวลา:22:28:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
16 กันยายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.